Group Blog
 
All Blogs
 
พระธาตุหินกิ่ว (เจดีย์หินพระอินทร์แขวน) หนึ่งเดียวในสยาม

ถึงแม้ว่าสถานการณ์แนวชายไทยไทยพม่าช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จะไม่สู้ดีนัก เป็นผลทำให้ด่านพรมแดนไทยพม่าหลายแห่งต้องปิดลงอย่างไม่มีกำหนดเปิด พลอยทำให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เคยคึกคักเงียบลงไปถนัด

แต่หลายสิ่งที่น่าสนใจ ในแดนดินถิ่นแม่สอด ก็ยังคงอยู่ที่นั่นเสมอ เหมือนไม่ไยดีต่อสถานการณ์บ้านเมืองใดๆ กำลังรอให้นักจาริกผู้แสวงบุญได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนค่ะ



แม่สอดเป็นอำเภอชายแดนไทยพม่า ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดตาก แน่นอนว่าคงมีน้อยคนนักที่จะตั้งใจผ่านมายังอำเภอนี้ เพราะส่วนใหญ่ มักจะมุ่งหน้าไปสู่ อำเภออุ้มผาง ซึ่งมีน้ำตกทีลอซู ทีลอเร อันยิ่งใหญ่ตระการตา

นอกเสียจากว่า มีผู้ที่สนใจวัฒนธรรมริมเมย และต้องการหาของฝากจากพม่า หรือผู้ที่ต้องการเข้าไปนมัสการวัดพม่า ซึ่งมีอยู่หลายแห่งริมชายแดนแม่น้ำเมย ก็คงจะสมประสงค์ค่ะ

หากคุณเดินทางมาแม่สอดที่สุดชายแดน ตรงพรมแดนจริงๆ อาจจะทำให้รู้สึกว่า อยู่ในประเทศพม่า มากกว่าในประเทศไทยเสียอีก เพราะตอนนี้ผุ้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่ใช่นักท่องเที่ยวชาวไทยแต่อย่างใด แต่เป็นชาวพื้นเมืองพม่า และชาวกระเหรี่ยง ที่มีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณนั้นนั่นเอง



และเนื่องจากติดพรมแดนพม่า จึงทำให้วัฒนธรรม บริเวณนั้น มีกลิ่นอายพม่าอย่างไม่น่าสงสัย รวมถึงวัดไทยหลายแห่งในอำเภอแม่สอด พระเณรส่วนใหญ่ ก็มีเชื้อสายพม่า

ทริปนี้ไปกราบนมัสการวัดไทย-พม่าหลายวัด แต่ขอเลือก
พาท่านไปชม "พระธาตุดอยหิ่นกิ่ว หรือ พระธาตุดอยดินจี่" หนึ่งเดียวในสยาม ซึ่งคล้ายเจดีย์อินทร์แขวนในพม่า หาชมไม่ได้ที่อื่นในประเทศไทย ก่อนก็แล้วกันค่ะ



"พระธาตุหินกิ่วที่ดอยดินจี่ ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าสายลวด อำเภอแม่สอด วัดพระธาตุหินกิ่วดอยดินจี่มีพระธาตุประดิษฐานอยู่ในสถูปเจดีย์ชาวบ้านเรียกว่า "พญาล่อง" ตั้งอยู่บนภูเขา ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงมอญขนาดเล็ก สร้างไว้บนก้อนหินด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา เป็นความมหัศจรรย์จาธรรมชาติลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนชะง่อนผากิ่วคอดเหมือนจะขาดออกจากกัน ชาวบ้านเรียกหินมหัศจรรย์นี้ว่า "เจดีย์หินพระอินทร์แขวน"



การขึ้นไปนมัสการต้องอาศัยแรงกันหน่อยค่ะ เพราะต้องเดินขึ้นภูเขา ซึ่งมีระยะทางไม่น้อย



จุดแรกที่สร้างความปิติใจให้ก่อน ก็คือพระพุทธอาวุธเทพมงคลศรีเมืองฉอด ซึ่งประดิษฐานที่เชิงเขาค่ะ



เดินเพลินๆแบบไม่รีบจะได้ไม่รู้สึกเหนือยจนเกินไป สักพักก็จะพบถ้ำซึ่งมีคูหาไม่ใหญ่นัก แวะกราบนมัสการท่านที่นี่ ก่อนที่จะต้องเดินผ่านไปเพื่อไปยังพระเจดีย์ที่ชะง่อนผาค่ะ ด้านหลังองค์พระเห็นว่ามีถ้ำเล็กๆ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นปากถ้ำของพญานาค



ในที่สุดก็จะมาถึงชะง่อนผาซึ่งมีเพียงศาลาหลังเล็กให้พัก สามารถมองเห็นพระเจดีย์ซึ่งอยู่ไม่ไกล ตั้งอยู่บนก้อนหิน ริมหน้าผา สีทองอร่าม เป็นสิ่งมหัศจรรย์ น่าทึ่งและน่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ในบวรพระพุทธศาสนา ประเทศไทยเราค่ะ




สามารถเดินเข้าไปชมอย่างใกล้ชิดได้ แต่ควร ตั้งสติให้มั่น เพราะทุกก้าวที่ย่างเข้าสู่พระเจดีย์ซ้ายก็เหว ขวาก็เหว ข้างหน้าก็เหว บทว่า อปฺปมาโท อมตํปทํ. -ความประมาทเป็นทางไม่ตาย จึงควรนำไปใช้ทุกสถานการณ์ค่ะ

และเมื่อมาถึงบริเวณนี้ท่านจะได้เห็นทิวทัศน์ด้านล่างซึ่งเป็นอาณาเขตของประเทศพม่าอย่างชัดเจนอีกด้วย



ที่น่าสนใจบนพระเจดีย์ นั่นก็คือ รูปปั้นเทวดาที่อารักพระเจดีย์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมการสร้างพระเจดีย์ทั่วไปที่ต้องมีเทวดาอารักษ์ แต่มีอยู่องค์หนึ่ง เป็นที่น่าสนใจกว่าเพราะทำท่าแบกหินไว้ แถมไม่มีความสุขนัก จึงเป็นที่สังเกตได้ และน่าค้นหาประวัติค่ะ





เมื่อกราบนมัสการพระเจดีย์แล้วยังมีสถานที่อื่นควรไปชมอีกมาก เช่น รอยพระพุทธบาท ถ้ำต่างๆ และหน้าผาใหม่ ที่ทางวัดได้ค้นพบ



นับว่าเป็นเจดีย์สถานศิลปะ แบบพม่าในไทยซึ่งไม่น่าพลาดไปชมเลย และก็ควรค่าที่ชาวบ้านและผู้เยี่ยมเยือนต่างขนานนามว่า "หนึ่งในสยาม" ค่ะ

การมาแม่สอดของผุ้เขียนครั้งนี้ ก็ทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่ๆให้จดจำไปอีกนาน ต้องขอบคุณศรัทธาของชาวพม่า ที่ช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนา (ผู้เขียนเชื่อว่า คนพม่าจริงๆแล้ว มีศรัทธามากค่ะ เพราะเมื่อเข้าไปในวัดต่างๆ จะเห็นอุบาสก อุบาสิกาปฏิบัติธรรมกันมาก)

พระเจดีย์และพระพุทธรูปที่สำคัญของพม่า ก็ต่าง สร้างด้วยทองคำแท้ ซึ่งเป็นแสดงถึงความศรัทธาอันสูงสุด พระพม่าท่านเก่งภาษาบาลี และการปฏิบัติก็ไม่ได้ละเลย ในวัดพระเณรต่างตั้งใจเรียนภาษาบาลีกัน ได้ยินเสียงท่องมนต์กันดังฉาดฉาน



สรุปว่ามา แม่สอด ท่านจะได้พบทั้งธรรมชาติที่น่ายล สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง และวัฒนธรรมอันน่าทรงจำค่ะ

อย่าลืม แวะทานซาโมซาร้อนๆ อันละบาท ขายโดยชาวพม่าที่ริมเมยที่มีรสชาติประทับใจไม่รู้ลืม กับแวะซื้อแป้งทานาคาของพม่า (เดี่ยวนี้มีมาตรฐานมาก เพราะผ่านการรับรองจากหลายสถาบันที่น่าเชื่อถือ) มาลองพอกหน้าตอนกลางคืน ให้ผิวงามไร้สิวฝ้าแบบสาวพม่าด้วยนะคะ

โปรดติดตามทริปทำบุญใหม่ของน้อมเศียรเกล้า ในตอนหน้าชื่อ... "ถ้าภาคเหนือมันไกล ก็ลองไปสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ที่สวนผึ้งแทนก็ได้"

แล้วพบกันค่ะ

ภาพและถ้อยคำโดย : น้อมเศียรเกล้า




Create Date : 17 เมษายน 2554
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 22:40:08 น. 5 comments
Counter : 8063 Pageviews.

 
ขออนุโมทนาด้วยครับ ภาพสวยมาก บรรยายงดงามครับ


โดย: จักรแก้ว IP: 58.137.102.18 วันที่: 18 เมษายน 2554 เวลา:13:10:11 น.  

 
ขอบคุณ คุณหมอที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ


โดย: น้อมเศียรเกล้า วันที่: 21 เมษายน 2554 เวลา:7:53:09 น.  

 
ต้องหาโอกาสไปแล้วหละครับ
เพิ่งทราบว่า มีเช่นเดียวกับที่ ไจ้ติโย
สาธุ


โดย: ของเราไม่รู้ IP: 123.242.146.139 วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:11:04:57 น.  

 
เป็น blog พม่า และแปลภาษาพม่าได้ดีจริงๆครับ


โดย: ต้าโก่ว วันที่: 12 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:48:35 น.  

 
เดินขึ้นไปไกลไหม ใช้เวลาขึ้นลง กี่นาทีครับ


โดย: เอ IP: 27.55.217.221 วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:20:42:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้อมเศียรเกล้า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add น้อมเศียรเกล้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.