อโรมา_สารล้างพิษ

ล้างพิษ ทางเลือกของการคืนสมดุลให้ร่างกาย
ร่างกายของเราสกปรกจริงหรือ? นั่นคือสิ่งที่มักจะถูกถามทุกครั้งที่มีการพูดถึงการล้างพิษ หรือ detoxifying ขึ้นมา

กระแสนิยมการล้างพิษในบ้านเรา เพิ่งเริ่มมาได้ไม่กี่ปีให้หลังนี้ หลังจากที่ความห่วงใยใส่ใจสุขภาพกลายเป็นเทรนด์ฮิตของคนรุ่นใหม่ ไม่เพียงแต่การควบคุมอาหารที่เชื่อว่ามีความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคมะเร็งเท่านั้น แต่คนรุ่นใหม่ยังตระหนักถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเสพ และรับประทานเข้าไปตลอดชีวิตที่ผ่านมาด้วย ในแง่ที่สิ่งเหล่านั้นจะสั่งสมเป็นของเสียที่หมักหมมในร่างกาย

เช่นเดียวกับการที่มักจะเสียเวลามากมายไปกับการอาบน้ำ ซักเสื้อผ้า ถูบ้าน ทำความสะอาดรถยนต์ ฯลฯ คนรุ่นใหม่เริ่มหันมามอง “ภายใน” ร่างกายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น กระแสโลหิต ตับ ไต ไส้ พุง ฯลฯ ว่า “สะอาด” เพียงพอแล้วหรือยัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้ชีวิตแบบ “หนักหนา” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนที่สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือว่า รับประทานจังค์ฟู้ด หรืออาหารขยะ อาหารไขมันสูง หรืออาหารที่ถูกมองว่า “ไม่ดี” ต่อสุขภาพทั้งหลาย ก็เริ่มวิตกกังวลว่า ภายในร่างกายของพวกเขาจะเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ และของเสียเหล่านั้นจะมาทำอันตรายสักวันใดวันหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างกายของพวกเขาเกิดอ่อนแอลง

ร่างกายของเราสกปรกจริงหรือ?
แน่นอนล่ะ ร่างกายของเราเต็มไปด้วยเชื้อโรคจำนวนมากมาย โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียทั้งหลายที่อาศัยอยู่โดยที่เรามองไม่เห็น ซึ่งปกติแล้วร่างกายของเราจะมีวิธีการควบคุม และกำจัดแบคทีเรียตัวร้ายออกไปจากสารบบที่จะเป็นพิษภัยต่อร่างกายของเราอยู่แล้ว ทว่าเมื่อใดที่ร่างกายของเราเกิดความไม่สมดุล เราอาจจะแสดงออกมาด้วยการปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือเหน็ดเหนื่อยอย่างไร้สาเหตุ นั่นแหละ คืออาการที่เจ้าเชื้อโรคต่างๆ ออกมาสำแดงฤทธิ์เดชของมันให้เห็น หากเราวางเฉย ไม่สนใจต่อสัญญาณเตือนภัยที่ร่างกายส่งออกมา อาจจะทำให้สารพิษที่สั่งสมกลายเป็นปิศาจร้ายออกมาเล่นงานเราอย่างหนักก็ได้สักวันหนึ่ง

หลายคนเชื่อว่า การล้างพิษก็ไม่ต่างกับการไปนั่งสมาธิให้จิตใจบริสุทธิ์ โดยเป็นการทำให้ร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่องสะอาดสะอ้าน ปราศจากเชื้อโรคร้ายๆ คล้ายการกลับคืนสู่วันที่ยังอ่อนเยาว์อีกครั้ง โดยนอกจากจะช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการคืนสมดุลให้กับระบบต่างๆ ในร่างกาย เฉกเช่นการรีเฟรช หรือรีสตาร์ตเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ เพื่อจัดเรียงข้อมูลให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นก็ไม่ปาน โดยเชื่อยิ่งไปกว่านั้นอีกว่า หลังจากที่ร่างกายได้ผ่านการล้างพิษแล้ว จะช่วยให้สามารถดูดซับสารอาหาร วิตามิน รวมทั้งอาหารเสริมที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ตุนไว้ต่อสู้กับสารพิษครั้งใหม่ได้ดียิ่งขึ้น

ล้างพิษได้หลายวิธี
ในนิตยสารชีวจิต ฉบับปักษ์หลังเดือนเมษายน เพิ่งจะเขียนถึงสารพันวิธีการล้างพิษไป โดยได้รวบรวมเอาไว้ครบถ้วน (เผื่อผู้สนใจจะไปหาซื้อมาอ่าน) ไม่ว่าจะเป็น...

การล้างพิษด้วยการอดอาหาร
ทำได้ทั้งการดื่มแต่น้ำเปล่า รับประทานเฉพาะผลไม้ชนิดเดียว เป็นเวลา 1, 3, 7 หรือ 10 วัน แล้วแต่โปรแกรมที่ได้มา ทว่า ด้วยวิธีการนี้อาจจะส่งผลให้เกิดความโหยขึ้นได้ และจะเกิดอาการอ่อนเพลีย เครียด เนื่องจากไม่ได้รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ไม่เหมาะกับคนที่ต้องใช้สมองมากๆ เด็กๆ หรือสตรีมีครรภ์เป็นอย่างยิ่ง และเป็นวิธีการที่ทำได้ยาก

การล้างพิษด้วยการ “สวนกาแฟ”
เป็นที่นิยมมากวิธีการหนึ่งในบ้านเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ ดร.สาทิส อินทรกำแหง ได้เผยแพร่แนวคิดชีวจิตให้บ้านเรา ทำให้การล้างพิษด้วยการใช้กาแฟปริมาณ 800–1,500 ซีซี สวนเข้าไปในลำไส้ อันเป็นหลักการที่แพทย์มักใช้กับผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด ซึ่งจะช่วยขจัดพิษที่คั่งค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ และตัวกาแฟยังช่วยกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งสารบางอย่างออกมากำจัดพิษที่หลงเหลืออยู่ออกจากร่างกายอีกด้วย

การล้างพิษด้วยการสวนล้างด้วยน้ำ
รู้จักกันดีในชื่อของ Colonic หรือ Colon Hydrotherapy อันเป็นการสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำบริสุทธิ์ ซึ่งเพิ่งมีการเปิดศูนย์ไฮโดรเฮลท์ อันเป็นศูนย์ที่ให้บริการด้านโคโลนิกครบวงจรในประเทศไทย


โคโลนิก เป็นกระบวนการล้างทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำบริสุทธิ์ อันเป็นหลักการหนึ่งของการล้างพิษ กำจัดของเสียและสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย ข้อดีของวิธีการนี้ก็คือ เป็นการล้างพิษอย่างนุ่มนวล ใกล้เคียงกับวิธีการธรรมชาติ เนื่องเพราะการใช้น้ำอันเป็นสิ่งที่นุ่มนวล และไม่แปลกปลอมของร่างกาย โดยนอกจากจะทำให้ลำไส้ใหญ่สะอาด และสามารถกลับมาใช้งานได้มีประสิทธิภาพในการขับของเสียออกจากร่างกายแล้ว น้ำบริสุทธิ์ที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปในกระบวนการนี้ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ ทำให้ร่างกายสะอาด สมดุล ชุ่มชื้น และแข็งแรงขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการล้างพิษในรูปแบบอื่นๆ เช่น การออกกำลังกายอย่างหนักให้เสียเหงื่อ การอบเซาน่า การพอกโคลน แช่เกลือ การใช้สมุนไพรต่างๆ ตามแพทย์แผนจีน ฯลฯ ซึ่งควรจะปรึกษาแพทย์ หรือผู้ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านก่อนการตัดสินใจ โดยเฉพาะวิธีการทั้ง 3 ที่ว่ามาข้างต้น ซึ่งขัดกับการเดินทางสายกลาง อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ เด็กๆ และสตรีมีครรภ์ ฯลฯ

รู้ได้อย่างไรว่าร่างกายต้องการล้างพิษ
คนจำนวนมากสามารถมีชีวิตอย่างปกติสุข และพึงพอใจในสุขภาพของตัวเองตลอดชีวิต โดยไม่เคยสัมผัสการล้างพิษ แต่หากว่าคุณมีความรู้สึกดังต่อไปนี้ และเริ่มจะอดรนทนไม่ได้ คุณอาจจะต้องพึ่งการล้างพิษเป็นทางเลือกใหม่ ให้รู้สึกสบายตัวขึ้น
- รู้สึกเหนื่อยหลังมื้ออาหาร และเวลาอื่นๆ อย่างไร้สาเหตุ
- อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
- มีอาการแพ้ต่างๆ
- เกิดอาการคันที่เท้า ปวดตามข้อ และกล้ามเนื้อ
- บาดแผลหายยาก
- มีสิว ผดผื่นคัน แพ้ง่าย

นอกจากนี้ คนที่มีความเสี่ยงและสมควรที่จะได้รับการล้างพิษบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดอาการข้างต้น เช่น
- ผู้ที่ดื่มกาแฟจัด
- มีพฤติกรรมรับประทานอาหารขยะ ไม่ว่าจะเป็น โดนัต มันฝรั่งทอด อาหารมันๆ ฯลฯ
- คนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิด รวมทั้งยาแก้ปวดต่างๆ

ล้างพิษคือหนึ่งทางเลือกเท่านั้น
การล้างพิษ คือ อีกหนึ่งทางเลือกที่เชื่อว่าจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้น สดชื่น และสดใสขึ้นเท่านั้น หากจะเรียกว่าเป็นยาวิเศษ ก็คงจะเกินเลยจากความเป็นจริงไปสักนิด

ต่อข้อถกเถียงที่ว่า การล้างพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยการสวนกาแฟ หรือน้ำบริสุทธิ์ นั้น เป็นวิธีการที่ค่อนข้าง “กระชาก” ความรู้สึกของร่างกายปกติ และเชื่อว่าร่างกายน่าจะมีวิธีจัดการขจัดของเสียออกได้เองตามธรรมชาติ แต่สำหรับผู้ที่เชื่อนั้น บอกว่า เราควรทำเพราะร่างกายของคนเราในปัจจุบัน ได้มีการรับของเสียเข้าไปมากเกินกว่าที่ร่างกายจะขจัดได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงต้องมีการกระตุ้น โดยวิธีที่ลอกเลียนแบบวิธีการทางธรรมชาติ ให้เกิดการขจัดของเสียทั้งหลายออกไปจากร่างกายเพื่อคืนความสมดุล

จากการสอบถามหลายคนที่เคยผ่านประสบการณ์การล้างพิษมาแล้ว ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทรมาน” แต่รู้สึกดีกับผลที่ได้รับ

อย่างไรก็ตาม การล้างพิษเป็นเทรนด์ตามแพทย์แผนใหม่ หรือ Alternative Medicine ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แพทย์แผน “ทางเลือก” คราวนี้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่า จะ “เลือก” หรือ “ไม่เลือก” (ดีกว่า)

ที่สำคัญที่สุด สำหรับคนที่ “เลือก” ก็คือ ควรที่จะ “เลือก” อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดังกล่าว จึงจะรอดปลอดภัย





 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2550 17:45:39 น.
Counter : 331 Pageviews.  

สปามือและเท้า

สปามือและเท้า
มาสก์หน้าจนสวยใสไร้ริ้วรอยแล้วจะยอมปล่อยให้มือไม้ไร้ชีวิตชีวาได้อย่างไร สละเวลาเพียงแค่ 60 นาทีเพื่อปรนนิบัติมือและเท้าให้นุ่มนวลชวนมองน่าสัมผัสกันเถอะ


ก่อนอื่นล้างยาทาเล็บเก่าที่ติดอยู่บนเล็บทิ้งเสียก่อน โดยใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บแตะปลายเล็บทิ้งไว้สักพักแล้วลูบออก แต่ไม่ต้องถึงขั้นขัดถูเล็บรุนแรงมากจนเกินไป หลังจากนั้นตะไบเล็บให้ได้รูปสวยตามต้องการ และควรตะไบไปในทางเดียวกัน ไม่ควรตะไบย้อนกลับไปกลับมา ส่วนจะเลือกตัดหรือตะไบเป็นแบบปลายตัดตรงหรือแบบปลายแหลมก็ได้ทั้งนั้น แต่ขอบอกว่าตอนนี้แบบที่กำลังฮิตติดใจกันอยู่เป็นแบบเล็บสั้นปลายตัดตรง


หลังจากนั้นแช่ทั้งเล็บมือและเล็บเท้าในน้ำนมผสมน้ำอุ่นสัก 10 นาทีด้วยส่วนผสมน้ำอุ่น 2 ส่วนต่อนมอุ่น 1 ส่วน เนื่องจากน้ำนมอุ่นๆ นี้จะเป็นตัวช่วยให้เซลล์หนังกำพร้าที่หยาบกร้านนุ่มนวลลง ทำให้ง่ายต่อการขจัดเซลล์หนังกำพร้าเหล่านี้ออกไป ระหว่างแช่ก็เหยาะน้ำมันมะกอกลงไปด้วยสัก 5-6 หยด แต่ถ้าเป็นคนที่มีเหงื่อออกค่อนข้างมากบริเวณมือและเท้าควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำนม โดยอาจเปลี่ยนเป็นแช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำมันมะกอกสัก 5-6 หยดแทน


ลำดับต่อมาจึงใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดผิวหยาบกร้าน กรณีที่ส้นเท้าค่อนข้างกร้านอาจขัดด้วยหินภูเขาไฟเบาๆ แต่ไม่แนะนำให้ใช้หินขัดหรือตะไบส้นเท้าเกินเดือนละ 2 ครั้ง เพราะถ้าหากผิวถูกเสียดสีกับของแข็งบ่อยๆ จะยิ่งเพิ่มการผลิตตัวที่หนาขึ้นกว่าปกติ หลังจากนั้นให้อบมืออบเท้าในผ้าอุ่นๆ สัก 1-2 นาที แล้วลงน้ำมันบำรุงผิวหรือมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น


เมื่อเล็บสวยดูสุขภาพดีสมใจแล้ว ทีนี้จะแต่งเติมสีสันหรือลวดลายอะไรก็เต็มที่ได้เลย แต่ต้องทารองพื้นเล็บด้วยเบสโค้ตเสมอ นอกจากเป็นการป้องกันเล็บจากน้ำยาแล้ว เวลาล้างออกจะได้ล้างง่ายยิ่งขึ้นด้วย หลังจากนั้นทาเล็บโดยเริ่มแต้มบางๆ ที่ปลายเล็บก่อน เพราะเป็นส่วนที่สีจะลอกออกง่ายที่สุด จากนั้นจึงเริ่มทาจากโคนเล็บขึ้นมา


เมื่อทาเสร็จเราอาจใช้ไม้พันสำลีก้านเล็กๆ หรือคอตตอนบัดแตะน้ำยาล้างเล็บ ค่อยๆ เช็ดรอบๆ เล็บ แล้วจึงค่อยลงน้ำยาเคลือบสีเล็บหรือท็อปโค้ต และถ้าอยากให้สีสันติดทนนานๆ ควรลงน้ำยาเคลือบสีเล็บวันเว้นวัน จะช่วยปกป้องสีเล็บไม่ให้หลุดลอกไปได้ทั้งสัปดาห์เลยทีเดียว

สีสันบนเรียวเล็บบ่งบอกความเป็นตัวคุณ


สีชมพู สาวๆ ที่ชื่นชอบการทาเล็บสีชมพู แสดงว่าคุณเป็นผู้หญิงเก่ง คิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ มีความตั้งใจจริงสูง เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง ใจดีมีเมตตา ชอบช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า


สีแดง คุณเป็นสาวที่สดใส ร่าเริง อารมณ์ดี รักความท้าทาย ชอบช่วยเหลือคน ทำโน่นทำนี่ไปตามเรื่อง แต่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเองไปสักหน่อย ภายนอกอาจจะดูร้ายๆ แต่รักใครรักจริง


สีฟ้า คุณเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะอ่อนไหว มีจินตนาการสูง ข้อเสียคือ ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ติดเพื่อน ขี้เกรงใจ แคร์คนรอบข้างอยู่เสมอ ทำให้เป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจกับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น


สีม่วง คุณเป็นสาวเจ้าอารมณ์ มีความมั่นคงและเด็ดเดี่ยว แฝงไว้ด้วยความเป็นสาวเจ้าเสน่ห์น่าค้นหา เป็นที่ต้องตาโดนใจหนุ่มๆ รอบข้าง ไปทางไหนก็มีแต่คนรัก ทำให้มีคนอิจฉาเยอะพอสมควร


สีส้ม คุณเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง มีจุดมุ่งหมายในชีวิต เป็นนักสู้ เป็นผู้หญิงที่เชื่อคนยากสักหน่อย แต่เมื่อคุณเจอตัวจริง คุณจะเชื่อใจเขาตลอดไป เรียกว่ารักแล้วรักเลยอะไรทำนองนั้น


สีเหลือง คุณเป็นหญิงสาวที่ไว้ใจคนอื่นง่ายมาก แถมยังหูเบาอีกด้วย แต่ขณะเดียวกันคุณก็มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวกล้าเผชิญกับปัญหา มีความเป็นผู้นำสูง ที่สำคัญคุณเป็นคนที่โรแมนติกมาก






 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2550 17:42:52 น.
Counter : 343 Pageviews.  

 
 

tikthinkthong
Location :
เพชรบูรณ์ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




My name is Sukanya Tongsaree. Study at English Education Program and study in Chandrakasem Rajabhat University. Welcome to TiKthinkthong's Blog
[Add tikthinkthong's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com