ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
บท ๓๓

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=02-04-2008&group=7&gblog=7
บทที่ผ่านมา
(ภาคหนึ่ง บทที่ ๑-๘ )
//topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6423525/W6423525.html
ภาคเจ็ด บทที่ ๓๑ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6620332/W6620332.html
บท ๓๒ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6633661/W6633661.html
บทที่ ๓๓ ที่มา
ที่มา
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6645036/W6645036.html

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6633661/W6633661.html#7
รำพึงท้ายบท ๓๒ ก่อนบท ๓๓

จะเขียนแต่ละตอนนี้ ขอสารภาพว่า จนด้วยเกล้าจริง ๆ นับแต่นี้ไป
เป็นเรื่องที่เขียนได้ลำบากยากยิ่ง..หลายอย่างที่ผลักดันให้ข้าพเจ้าออกไป
จากหนทางบุญ หนทางธรรม หลายอย่างที่ดึงออกไปทางมารจนเกินจะหัน
กลับมามีชีวิตอย่างดีมีสุข
: tiki_ทิกิ - [ 26 พ.ค. 51 20:46:52 ]




Create Date : 06 มิถุนายน 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 19:05:19 น. 7 comments
Counter : 353 Pageviews.  
 
 
 
 
%%%%%%%%%%%%% %%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค เจ็ด

%%%%%%%%%%%%% %%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~ ~~~~~~~~~~~~~ ~~ ~ @@@@@@

บทที่ ๓๓
เจ็บแล้วไม่ยักจำ

กว่าจะส่งตัวอักษรมาแต่ละบาท แต่ละวรรคนี้ ยากเย็นเข็นใจ ต้องอาศัยใจกล้า
หน้าหนาเวลาเขียนด้วย เพราะยิ่งรื้อ ก็ยิ่งเจอ เจอแต่ข้อผิด ๆ พลาด ๆ ดูไม่ได้
ของตัวเองที่ทำอะไรเอาไว้อย่างไม่น่ารัก ไม่น่าสรรเสริญ ผิดแล้วยังไม่รู้เจ็บไม่รู้
จำ ทำซ้ำทำซาก ดูราวกับนักพนันผู้หน้ามืด กำลังเอาชีวิตตัวเองและครอบครัวเป็น
เดิมพัน

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


พูดถึง ที่บ้านคุณแม่ ซึ่งข้าพเจ้าซุกตัวอยู่ที่นั่น..เมื่อบ้านคุณพ่อคุณแม่
ยังปลูกคร่อมที่ดินสามแปลงอยู่ด้วยกันอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะไปรื้อบ้านท่านลงเพื่อ
ปลูก ตึกสองหลังดังที่ข้าพเจ้า วางแผนไว้ได้อย่างไร ? อีกทั้งคุณพี่สะไภ้ก็ปรามไว้
ด้วยถ้อยคำที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกต่ำต้อยเป็นที่ยิ่งว่า
"ก็ทิกกี้ไม่ได้ทำงานแล้วแบ๊งค์ที่ไหนเขาจะให้กู้มาปลูกตึกเล่า ? "

เมื่อตึกก็จะไม่ให้ปลูกแล้ว ข้าพเจ้าก็พิจารณาว่า บ้านไม้ที่ข้าพเจ้าซื้อ
มานั้น มันน่าจะนำมาปลูกต่อหน้าบ้านขึ้นไปเป็นสองชั้น เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ชั้น
บน ก็ลองร่างแบบขึ้นมาใหม่ แต่แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ ทั้งคุณแม่ตลอดจนครอบ
ครัวพี่ชาย ก็ไม่ยอมให้ข้าพเจ้า ต่อเติมเสริมบ้านด้วยไม้ที่ซื้อมาด้วยเหตุผลว่า บ้าน
ไม้เก่า ๆ หลังนั้น จะมาทำลายบรรยากาศทัศนียภาพ หมู่บ้านตึกอันงามของเขาทั้ง
หลายไปเสีย ทำเสียงวุ่นวายใจ ส่ายหน้าไม่ยอมรับ สรุปกันง่าย ๆ ให้ข้าพเจ้า
สำนึกว่า ที่ดินแปลงที่ได้รับมรดกมานี้ ไม่ต้องทำอะไรกับมันหรอก !
อะไรที่มันเป็นของเรา มันก็ต้องเป็นของเรา
อะไรที่มันไม่ใช่ของเรา มันก็ไม่ใช่ของเรา
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้าขับรถเร่ร่อนไปหาบ้าน จะซื้อทาวน์เฮาส์บ้าง จะซื้อ บ้านบ้าง
วิ่งไปทางปากเกร็ด จนข้ามไปถึงปทุมธานีไปแล้ว เพื่อจะอ้อนวอนใครก็ได้ที่จะให้
ที่ทางแก่ข้าพเจ้าเพื่อปลูกบ้านไม้หลังที่ซื้อมาจากแถวบ้านป้ารุณ แถวที่ซอยแผ่น
ดินทองนั้น

ในหัวใจนั้นมันปวดร้าว และแกร่งกร้าวขึ้นอีกครั้ง เสมือนวิบากกรรม
อันทะลวงไล่มาฟาดฟันอย่างไม่หยุดยั้งดาบเลย ข้าพเจ้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า
ที่ดินใดในโลกนี้จะอนุญาตให้ข้าพเจ้ามีสิทธิ์จะอยู่อาศัยอย่างเป็นเจ้าของที่
ไม่ได้เป็นแค่ไปซุกหัวขออาศัยเขาอยู่ ?

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ในทางวิ่งอ้อมไปทางปทุมธานีสายเก่านั้น ข้าพเจ้าขับรถเข้าไปทาง
วังบงกชฯ ทางไปปทุม ไปนั่งกินน้ำ แล้วเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่แถวนั้นว่า มีที่ทางแถว
แม่น้ำจะขายบ้างไหม มีพนักงานแถวนั้นอยู่คนเป็นผู้หญิง ได้ยินข้าพเจ้าคุยก็ทำ
ท่าทางตื่นเต้นยินดีว่าเธอมี คนบอกจะให้นายหน้าอยู่แปลง เป็นที่ดิน ต้องวิ่งเข้าไป
ทางเส้นปทุมฯ สายเก่า
ที่แปลงดังกล่าว ต้องวิ่งทะลุซอยหน้าวัดแห่งหนึ่ง ถนนนั้น มีทางไป
จรดที่ดินหลายแปลงที่จะมีทางเท้าเดินทะลุไปออกถนนสายใหม่ ปทุมธานี


ข้าพจ้าจึงขอให้เธอพาข้าพเจ้าไปเจรจากับป้าคนหนึ่งเจ้าของที่ ป้าคน
นั้นแกก็ดีใจว่า มีคนสนใจมาดูที่ ข้าพเจ้าถามว่าจะขายให้ข้าพเจ้าสักแปลงไหม
แกเรียกเป็นล้านเอาทีเดียว
เพราะในช่วงนั้น ที่ดินกำลังบูม หมู่บ้านเด่นดีดัง อยู่อีกฝั่งตรงข้าม
ถนนสายใหม่ ขายกันวาละหมื่นกว่าขึ้นไป จนในที่สุดก็ตกลงกันว่าจะซื้อในราคา
๘ แสนบาท แต่ข้าพเจ้าจะต้องนำเข้าธนาคารนะ ถ้าไม่ได้ ก็ต้องให้แกริบเงินจอง
ไป แกก็เรียกเงินจองในวันนั้นถึงสองแสนห้าหมื่นบาท ต่อรองกันได้ที่ สองแสน
บาทถ้วน

แล้วก็นัดกันที่จะให้ข้าพเจ้านำเงินไป จ่ายเงินกันสด ๆ คุณสามี
ข้าพเจ้านั้นพอได้ยินก็ กริ้วอย่างยิ่ง ว่าข้าพเจ้าบ้าไปแล้วหรือ ถึงจะไปซื้อที่ดินที่
ไม่มีถนน ไม่มีน้ำไม่มีไฟไกลถึงปทุมธานีอย่างนั้น แต่ข้าพเจ้าตกลงกับป้าเจ้า
ของที่แล้วว่า วันรุ่งขึ้นนั้นจะนำเงินสดไปทำสัญญาจะซื้อจะขายกันที่นั้น

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


เช้าวันนั้น มีพยานมาหลายคน รวมทั้งอาจารย์สอนนักเรียนที่โรงเรียนวัด
ใกล้ ๆ บ้านป้าคนนี้ด้วย

ข้าพเจ้านั้นรู้สึกมันสั่นสะเทือนขวัญอย่างไรพิกล อาจจะเป็นเพราะ
สามีกราดเกรี้ยวลั่น ๆ อารมณ์เสีย โมโหมากมาแต่เช้า

มันมีความรู้สึกเสมือนว่า เคยเป็นหนี้แกมาในอดีตชาติ แถมชาตินี้
แกยังกล่าวคำสาปแช่งไว้อีกด้วยว่า หากข้าพเจ้ากลับคำ ขอให้ไม่เจริญมีอันเป็น
ไป สรรหาถ้อยคำมาแช่งข้าพเจ้าไว้นับแต่วันที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายกันเป็นการ
บีบคั้นกันอีกแล้ว

ข้าพเจ้านอกจากจะนำเงินสดมาให้แกถึงที่ มอบเงินให้เขาไป
แล้วใจมันหายผิดวิสัย น้ำตาไหลร้องไห้มาด้วย
เอ ...นี่มันที่ที่เราจะซื้อปลูกบ้าน น่าจะมีฤกษ์งามยามดี แต่อาศัยฤกษ์
สะดวก นำเงินมามัดจำ ทำสัญญาว่าผิดพลาดจะต้องให้เขายึดไป ทำแล้วทุกข์
ทรมาณใจอะไรอย่างนั้น !


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
: tiki_ทิกิ - [ 26 พ.ค. 51 21:06:27 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:21:41:04 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๓
เจ็บแล้วไม่ยักจำ (ต่อ ๑ )

ไหน ๆ ก็ วางเงินมัดจำไปแล้ว ก็มาถึงแบบ คุณสามีความที่โมโห
ข้าพเจ้าก็ปล่อยให้ข้าพเจ้าร่างแบบเอาเอง ข้าพเจ้าก็ใช้วิชาครูพักลักจำนั้น ร่าง
แบบตามความยาว ของไม้ กับความกว้างที่ต้องเป็นไป ดู ผัง การวางเสาก่อสร้าง
อะไรเสก๊ตช์พอให้เป็นแบบก่อสร้างออกมาจนได้ โดยระหว่างนั้น ข้าพเจ้ามี
หนังสือการออกแบบบ้านปลูกบ้านไม้ ที่ใช้ดูระหว่างทำแบบซอยแผ่นดินทองมา
แล้วก็มานั่งลุยเอง ตั้งแต่ฐานราก ยันหลังคา จนเสร็จสรรพ

เมื่อร่างแบบก่อสร้างเสร็จขึ้นมา ก็ให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่นั้น ดู ผู้ใหญ่
แกงงเป็นอันมาก ว่าข้าพเจ้าเขียนแบบเองทั้งหมดได้อย่างไร แกก็พร่ำพูดว่า
ข้าพเจ้านี้เก่งไปหมดทุกอย่าง แล้วผู้ใหญ่บ้านแกให้ข้าพเจ้าเซ็นชื่อในแบบฟอร์ม
ว่าเป็นผู้ก่อสร้างเองไปเลย แบบบ้านไต้ถุนสูงอย่างนั้น ไม่ต้องมามีวิศวกรอะไรมา
เซ็นรับรองแบบให้เมื่อยมือ แค่ทำเสาความลึกตามที่แกบอกไว้ ก็จบแล้ว แก
รับรองว่าดินเมืองปทุม มันเป็นที่ดอน ไม่ใช่ที่ลุ่ม ไม่ล่มไม่จมไปง่าย ๆ

แล้วผู้ใหญบ้านแกก็เซ็นรับทราบ เป็นเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น ไปขอ
อนุญาตก่อสร้างกับเทศบาลมาให้ เสร็จสรรพ
ข้าพเจ้ายังนึกสรรเสริญน้ำใจดีของคนเหล่านั้นอยู่จนทุกวันนี้

~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~

แล้วข้าพเจ้าก็ไปสั่งรถให้ไปขนไม้ที่ซอยแผ่นดินทองไปยังที่ปทุมฯ
ขับรถเข้าไปว่าจ้างให้ ผู้ใหญ่บ้านแถบนั้นช่วยจัดการติดต่อหาคนงานมาทำงาน
โดยข้าพเจ้าไปสั่งของตามร้านที่ทางผู้ใหญ่บ้านแนะนำไป เพราะแกให้ข้าพเจ้าไป
สั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง คือ อิฐ หิน ดิน ทราย ปูนซิเมนต์ เหล็กผูกเสา เสาเข็มไม้
สน น็อต ตะปู ลวดผูกเหล็ก อุปกรณ์จ้อยจิบ อะไรต่าง ๆ
จนวัสดุทุกอย่างขนมาแล้ว ข้าพเจ้าก็ ขับรถเข้าไปดูแลการเริ่มลงมือ
ตั้งแต่ช่างเข้าไป วัดที่วัดทาง ผูกเชือกตอกหมุดไปตามพื้นเป็นจุด ๆ วางตามแบบ
แปลนที่ข้าพเจ้าเขียนไว้

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้าโทรศัพท์ไปปรึกษาพระอาจารย์แต่ละวัดทุกขั้นตอน
ช่วงนั้นไปทำบุญที่วัดหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เลยไปขอผ้าผูกเสาเอกเจ็ดสี ขอ
ซื้อเสียที่วัดนั้น เข้าไปที่ตลาดริมน้ำในเมืองปทุม ฯ ซื้อข้าวของขนมข้าวต้มที่จะ
ไหว้ทำพิธีลงเสาเอกอะไรมาเสร็จสรรพ แล้วก็ขึ้นเสาเอกตามที่ท่านอาจารย์ท่าน
ให้ฤกษ์มา

พวกผู้ใหญ่บ้านกับคนงานพวกนั้น ก็มองข้าพเจ้าด้วยสายตาแปลก ๆ
เป็นอย่างยิ่ง นอกจากแกจะโวยว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่พระ ไม่ใช่พราหมณ์ มาทำพิธี
เสาเอกเองได้อย่างไร ? แถมพวกแกคงไม่เคยเห็นผู้หญิง(สวย ๆ )คนไหน จะมา
คนเดียวมาคุมงาน ก่อสร้าง สั่งการ วิ่งรถไปมา บางวันก็พาลูก หลาน เด็ก ๆ มาวิ่ง
เล่นดูการก่อสร้างด้วย ข้าพเจ้าสั่งไม้มาครบพอที่ช่างจะขึ้นไปถึง คานไม้ชั้นล่าง
ชั้นลอยขึ้นไปแล้ว

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ในระหว่างที่เริ่มจัดการเรื่องก่อสร้างไปนั้น ตามสัญญาว่าจะต้องให้
ธนาคารมาตีราคาที่ดิน ในขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็ไปทำเรื่องไปยื่นขอกู้ที่ธนาคาร
แห่งหนึ่งในตัวเมืองปทุมธานี พร้อมทำอะไรง่าย ๆ ของข้าพเจ้า คือ ให้ผู้ใหญ่บ้าน
เขียนใบประเมินราคาก่อสร้างบ้านมา ให้ด้วย และ ตัวข้าพเจ้าก็ไปยื่นเรื่องพร้อม
ด้วยเอกสารแบบชาวบ้าน ๆ ของเราเหล่านั้น คิดด้วยความหวังเต็มร้อย ว่าอย่างไร
ธนาคารน่าจะให้เงินมาไม่ต่ำกว่าเจ็ดแปดแสน เพราะเอาหลักการทางถนนบ้าน
คุณแม่ซึ่งเป็นถนนปูนซิเมนต์ไปเทียบกับถนนลูกรังอัดที่ทอดไปแถมยังมีซอย
เข้าไปยังที่อีก -ข้าพเจ้านี้มันไม่รู้แล้วยังสู่รู้ทำอะไรไปไม่ปรึกษาเซียนที่ดินเลย-

ขณะก่อเสาขึ้นไปเตรียมทำต่อ ธนาคารก็แจ้งว่า ตีราคาให้กู้ ทั้งที่
แปดสิบตารางวา พร้อมบ้านหนึ่งหลังที่เราเขียนแบบไปให้พร้อมใบอนุญาตก่อ
สร้างอะไรเหล่านั้น อนุมัติให้กู้เงินมาเป็น จำนวนทั้งสิ้น หนึ่งแสนแปดหมื่นบาท

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้าได้ยินราคาเงินกู้แล้วหน้ามืด รีบไปแจ้งเจ้าของที่ดินว่า ทำ
อะไรต่อไปไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่ค่าที่ธนาคารจะให้ไม่ถึงเลย แม้นค่าบ้านเงิน
แค่นั้นยังไม่พอจะสร้างบ้านเลย ด้วยซ้ำ

ป้าแกก็ตีอกชกหัวเป็นลมวุ่นวายไป แกร้องลั่น ๆว่า ข้าพเจ้าทำที่แก
เสียหายไปเสียแล้ว ไปยกเสาแล้วทิ้ง พระภูมิเจ้าที่จะเล่นงานแกตายแน่ แกก็แช่ง
ชักข้าพเจ้าด้วยความโกรธนัก แต่ข้าพเจ้านั้นจำเป็นต้องตัดใจ จบคดีให้เจ้าของที่
แกยึดเงินมัดจำนั้นไป จึงสั่งหยุดงานก่อสร้างทั้งหมด จ่ายเงินค่าแรงตามที่ค้างไว้
ให้ผู้ใหญ่บ้านไปทั้งหมด ทั้งขอโทษขอโพยว่ามันติดขัดขนาดหนักไม่ธรรมดา ไม่
สามารถจะสร้างต่อไปได้แล้วเสร็จแล้วก็ให้แกช่วย เรียกรถมาขนไม้ขนสิ่งก่อสร้าง
ทั้งหลายเท่าที่มี ขนไปบริจาคมูลนิธิฯ ที่พุทธมณฑลสายสี่ เรียกว่า ขนไม้ถวายวัด
ไปนั่นแหละ เพราะมูลนิธิ ฯ ได้ใช้ไม้พวกนั้นไปก่อเรือนนักปฏิบัติวิปัสนา ในวัด
ศรีประวัติ บ้าง และไปใช้ร่วมกับการก่อเรือนปฏิบัติของมูลนิธิที่อ้อมน้อยด้วย

ไหน ๆ เสียเงินไปมากมายมหาศาลแล้ว นำวัสดุก่อสร้างที่ขนไป
ได้ ไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร เจ้าที่เจ้าทางอะไรทั้งหมด ให้หมดเรื่องไป
ข้าพเจ้าไม่สามารถจะทำอะไรดีไปกว่านั้นได้แล้ว

สิ่งที่หลงเหลืออยู่ของค่าบ้านไม้หลังนั้นให้ข้าพเจ้าดูต่างหน้ามาจน
ทุกวันนี้ คือ ตู้ไม้สักแบบเก่าใบหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้ารักและหวงแบบหวงตู้เก่า โต๊ะเก่า
ตามวิสัยเดิมของข้าพเจ้า ขนไปใส่ของไม่ว่าจะย้ายไปบ้านไหนมาจนถึงวันนี้

(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
: tiki_ทิกิ - [ 26 พ.ค. 51 21:44:15 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:21:42:26 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๓
เจ็บแล้วไม่ยักจำ (ต่อ ๓ )



ข้าพเจ้าจึงเทียวไปเทียวมา พาลูกไปเรียนพิเศษที่สามย่านเพื่อให้เธอ
สอบเข้าเตรียมอุดมในปีนั้น

ลูกสาวมีอาการแปลก ๆ มาก ๆ ข้าพเจ้ารู้สึกสงสารเธอที่ไม่สามารถ
จะจดจะจำ ว่า นับแต่เกิดมา เธอต้องย้ายไปย้ายมากี่บ้านกี่หลังมาแล้ว ข้าพเจ้า
ผู้วางอนาคตให้แก่เธอมานับแต่เธอเกิด กับที่ดินในฝันแปลงหนึ่ง ณ ซอยแผ่นดิน
ทอง แต่ชีวิตกลับหัวหกผกผันระหกระเหิน อย่างที่บันทึกแล้วสลดหัวใจแทนลูก
นับว่าความผันผวนของชีวิตแต่ละช่วง ทำให้เป็นเสมือนการฝึกความอดทนของเธอ
แต่อย่างไรก็ดี ยังโชคดีที่มีห้องอยู่ห้องบนที่ดินแบ่งไว้เป็นสองแปลง
ที่ได้รับมรดกมาแต่การจากไปของคุณพ่อ ที่ยังมีให้เธอได้พักอาศัยนอนบนเตียง
เล็ก ๆ เตียงหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นของเธอ

ข้าพเจ้าพูดให้เธอมั่นใจเสมอว่า ที่ดินและบ้านรูน้อย ๆ นั้น มันเป็น
สิทธิที่คุณตาของเธอ คือคุณพ่อของข้าพเจ้าท่านปราถนาจะให้ลูกได้อยู่ที่นั่น
คุณตาต้องรักลูกมาก ๆ เหมือนเดิม และ คุณตาจะต้องภาคภูมิใจที่ลูกเรียนดี

ข้าพเจ้าคอยตะล่อมให้เธอสนใจการเรียน ไม่ให้ย้อนหวนไปดูความ
วุ่นวายในชีวิตเบื้องหลัง ให้มุ่งแต่การจะสอบเข้าเตรียมอุดม
ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าก็ยุ่งพอสมควรในการจัดการให้เธอไปเรียนพิเศษ
เสาร์อาทิตย์จนไปไหนไม่ได้ หัวยุ่งหัวฟูกับการพาลูกไปเรียนพิเศษ แต่ผลสำเร็จ
ก็บังเกิดขึ้น ..เธอสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมฯได้ ข้าพเจ้าบอกเธอเสมอว่า
เป็นโรงเรียนที่แม่รัก และ แม่มีความสุขมากในการเรียนและเล่นที่นั่น

การที่เธอสอบเข้าได้โรงเรียนที่นับว่าเก่งที่สุดในประเทศนั้น ทำให้เธอ
ลืมความสนใจอย่างอื่นไปทั้งหมด น้องชายข้าพเจ้ายังอยู่ที่พักในซอยลือชา
พหลโยธิน ข้าพเจ้าจึงนำลูกสาวไปฝากกับน้องชายและน้องสะไภ้ อยู่กับ คุณยาย
คือคุณแม่ของน้องสะไภ้ด้วย และ หลานชายคนเดียวของน้องชายก็เป็นเพื่อนเล่น
ของลูก


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ช่วงนั้น ละครโทรทัศน์เรื่องดาวพระศุกร์กำลังฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง
เป็นเรื่องของสาวน้อย ถูกแม่ทิ้ง ลูกสาวคนเดียวสุดที่รักของข้าพเจ้าก็น้อยอก
น้อยใจเทียบตัวเองเป็นนางเอกดาวพระศุกร์ เศร้าสร้อยเสียใจว่าแม่เอาเธอไปทิ้ง
ไว้กับน้าชาย เป็นอย่างนั้นประจำ แต่ข้าพเจ้าก็หมั่นไปดูแลลูกบ่อย ๆ ไปรับเธอ
ที่โรงเรียน ไปส่งที่ที่พักนั้นบ้าง เข้าไปคอยควบคุม ดูแลให้เธออาบน้ำอาบท่า
กินอาหารเย็นแล้วก็จะร่ำลา กลับไปที่บ้านคุณแม่ที่เมืองนนท์

เมื่อลูกมีความทุกข์อย่างนั้น ข้าพเจ้าก็ ต่อรองให้เธอกลับมาอยู่ที่บ้าน
คุณยายอย่างเดิม และให้เธอไปโรงเรียนเองด้วยรถ ปอ .สายหนึ่งซึ่งวิ่งจากหมู่
บ้านประชานิเวศน์สามไปยัง สีลม แต่ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้า เย็น ๆ ข้าพเจ้า
ก็จะแวะไปรับเธอที่โรงเรียนพามาส่งบ้านคุณแม่ แต่ต่อมา เนื่องด้วยหลานสาว
ลูกพี่ชายคนโต ได้สอบเข้าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยได้ ลูกจึงมีโอกาสติดรถ
คุณลุงของเธอไปลงที่โรงเรียนเตรียมฯ เวลากลับก็ไปคอยพี่สาวที่คณะฯ ที่หลาน
เรียนใกล้กับโรงเรียนเตรียม ฯ แต่บางวัน ข้าพเจ้าก็ไปรับมาให้ เป็นอย่างนี้อยู่
เรื่อย ๆ

นิคกี้ มักขับรถไปเที่ยวกับเพื่อนของเขาต่อ หลายครั้งที่อ้างเรื่องงาน
การ ทำให้ข้าพเจ้าคิดหาหนทางให้ความปลอดภัยมั่นคงในชีวิต

บางครั้งข้าพเจ้าก็ทิ้งรถไว้ที่บ้านคุณแม่ นัดกับนิคกี้ เพื่อจะขึ้นรถคัน
เดียวกันกลับไปปทุม ฯ หรือบางทีก็นัดกันระหว่างทาง รอกันอยู่แถวปั๊มน้ำมันก่อน
จะเข้าตึก เพราะมันดึกมาก ข้าพเจ้าไม่กล้าขับเข้าไปคนเดียว

บางทีลูกชายก็นอนที่บ้านคุณแม่ กับหลานชายหลายคนของข้าพเจ้า

มันเป็นชีวิตที่ไร้ระเบียบ ไร้ทิศทางแตกฉานซ่านเซ็นกันอย่างจับไม่
ติด มีแต่เรื่องทุกข์ร้ายทรมาณใจยิ่งที่สุดในชีวิตอย่างที่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันเกิดมา
จากเหตุอันใด

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

(ยังมีต่อ )
: tiki_ทิกิ - [ 26 พ.ค. 51 22:43:30 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:21:43:46 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๓
เจ็บแล้วไม่ยักจำ (ต่อ ๔)


คืนหนึ่ง ข้าพเจ้านัดเพื่อนเก่าที่มหาวิทยาลัยไปกินข้าวกัน พาลูกสาว
ไปด้วยเพื่อให้เธอรู้จักเพื่อนแม่ ครั้นกลับถึงบ้านคุณแม่ ก็ปรากฎว่า ส่วนทางด้าน
บ้านข้าพเจ้านั้น มืดสนิท ซอยทางเข้าด้านหน้าบ้านคุณแม่ก็น้ำท่วม เข้าไม่ได้
ต้องเดินไปเข้าทางหลังบ้านคุณแม่มาทะลุทางส่วนที่ต่อห้องนั้น พื้นบ้านชั้น
เดียวหลังนั้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำสูงประมาณหนึ่งฟุต หลานชายที่บ้านนั้นเขาสับ
สวิทช์ไฟลงไว้ น้ำท่วมเจิ่งนองไปหมด

แม่ลูก นั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานคุณพ่อ ซึ่งข้าพเจ้ายกมาไว้ให้ลูก
นั่งทำงานอ่านหนังสือตรงนั้น สวมรองเท้าบู๊ทกันน้ำซึ่งมีติดท้ายรถข้าพเจ้าไว้อยู่
แล้ว พยายามให้ลูกนั่งบนเก้าอี้ เอาสองมือรองนอน เท้าที่อยู่ในบู๊ทหย่อนแช่น้ำ
ทั้งรองเท้าบู๊ทอยู่อย่างนั้น พยายามจะให้เธอนอนให้หลับ ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็
เช้าแล้ว แม่จะไปส่งโรงเรียนให้ แต่มันไม่อาจหลับได้ มองไปทางบ้านไหนก็
เข้านอนปิดกันหมดแล้ว ไม่อยากจะรบกวนใคร


ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็คิดไปถึงบ้านญาติที่ไหน ก็คิดไปถึงบ้านคุณยาย
ของข้าพเจ้า คือบ้านคุณชวดของลูก ตัดสินใจพาลูกย่ำน้ำ หอบเสื้อผ้านัก
เรียน ข้าวของเสื้อผ้าลูก ใส่ท้ายรถ แต่พอวิ่งไปถึงหน้าบ้านคุณยายนั้น ก็เป็น
เวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว ข้าพเจ้าไม่กล้าไปปลุกท่านเปิดประตูรับ

เหลือทางสุดท้าย ข้าพเจ้าขับรถพาลูกวิ่งไปที่ตึกปทุม โทรศัพท์
บอกให้คุณสามี ลงมาเปิดประตูให้ ข้าพเจ้านำลูกสาวขึ้นไปนอนในห้องพระ
ชั้นบน แล้วนอนเป็นเพื่อนใกล้ ๆ ลูก ถึงเวลาตีห้าก็ปลุกตื่น ให้อาบน้ำอาบท่า
ขับรถพาลูกขึ้นทางด่วนไปส่งที่โรงเรียนเตรียมอุดมพญาไท...

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

จากนั้นข้าพเจ้าก็ไปเร่หาที่พักในเมือง หาห้องพัก หาหอพัก ถาม
ไปถึงห้องอพาร์ตเม้นท์ทุกแห่งที่หวังจะหาได้เพื่อจะให้ลูกอยู่ แต่เดชะบุญที่
ไหน ๆ ก็ไม่มี ถึงลูกจะอยากอยู่หอสักแค่ไหน ข้าพเจ้าก็คัดค้านว่าไม่อยาก
ให้อยู่เลย เพราะลูกยังเล็ก ยังดูแลตัวเองไม่ได้ เธอก็อ้างว่า โตแล้ว ข้าพเจ้า
ก็ค้านกันอยู่อย่างนั้น ว่าโตแต่ตัว แต่เธอยังเด็กเกินไปไม่รู้หรอกว่า โลก
ข้างนอกโรงเรียนนั้นมันมีเล่ห์ร้ายอย่างใด

ระหว่างพยายามอย่างมาก ที่จะหาที่พักให้ลูกในเมือง เย็นนั้น
เมื่อกลับไปบ้านคุณแม่ แจ้งให้ท่านทราบว่า เมื่อคืนต้องเร่ร่อนไปนอนถึง
ตึกปทุมฯ คุณแม่ก็บอกงั้นให้ ย้ายเตียงไปวางข้างเตียงท่านไปก่อนในห้อง
ท่าน ถึงแม้น้ำจะแห้งไปแล้ว แต่ก็ไม่แน่เพราะเป็นที่ต่ำที่ลุ่มอยู่แปลงเดียว
ที่อื่นเขาถมสูงกันไปหมดแล้ว


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ถึงข้าพเจ้าจะไปหาคอนโดที่แล้วที่เล่า แต่ละแห่งล้วนแล้วแต่
ราคาสูงเกินสองล้าน สามล้านสี่ล้าน กันทั้งนั้น ข้าพเจ้าปรึกษาคุณแม่
ว่าจะขายที่มรดกคุณพ่อ เพื่อหาเงินไปซื้อห้องในเมืองให้ลูกอยู่ คุณแม่
ร้อนใจ ทุกข์ใจไปกับข้าพเจ้าด้วยนั้นอย่างหนึ่ง อีกอย่างคือ ความตกใจ
ที่จะต้องเสียที่ส่วนของข้าพเจ้าเกิดไปขายให้คนอื่น ท่านคงจะอยู่อย่าง
ไม่สบายใจเลย

- นั่นก็นับเป็นบาปเป็นกรรมของข้าพเจ้าอย่างหนึ่งที่ไปบีบคั้น
คุณแม่ถึงขนาดนั้น ท่านจึงไปอ้อนวอนน้องขายข้าพเจ้าว่า เขาอยากจะ
ซื้อที่มรดกคุณพ่อส่วนของข้าพเจ้าสักแปลงหนึ่งไหม ช่วยเก็บที่คุณพ่อ
ไว้ทีก่อนที่ข้าพเจ้าจะนำไปขายคนอื่น น้องชายฟังเรื่องจากคุณแม่แล้ว
ก็ว่าจะช่วยข้าพเจ้า จะซื้อที่สักแปลงจะให้เงินก้อนหนึ่ง แล้วผ่อนต่อให้
ข้าพเจ้าสองปีจนกว่าจะหมด เป็นราคาเดิมไม่ได้มีดอกเบี้ยอะไร

(ยังมีต่อ )
: tiki_ทิกิ - [ 27 พ.ค. 51 01:17:31 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:21:44:37 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๓
เจ็บแล้วไม่ยักจำ (ต่อ ๕)

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~~

ในที่สุด ข้าพเจ้าก็พบประกาศขายห้องคอนโดแห่งหนึ่ง อยู่
เกือบสุดซอย กลางซอยอินทามระซึ่งประกาศขายห้องชั้น หก หรือ ชั้นเจ็ด
ไว้ จึงเข้าไปสอบถามดูสถานที่ แต่เมื่อรู้ว่า ข้าพเจ้าอาจอยู่บ้างไม่อยู่บ้าง
กับลูกสาว เกรงว่า อยู่ชั้นบนลับตาอย่างนั้น คงจะไม่ปลอดภัยนัก เจ้าหน้าที่
ของตึกที่นำไป ได้ให้ลงไปดูอีกห้องหนึ่งชั้นล่างขนาด สี่สิบกว่าตารางเมตร
ว่าเจ้าของจะไม่อยู่ จะไปต่างประเทศ พอข้าพเจ้าเข้าไปดู ก็เห็นว่าตกแต่ง
ไว้ดีแล้วทำไฟฟ้า ม่าน ต่าง ๆ ไว้สวยงาม พร้อมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด เจ้า
ของห้องก็บอกราคาขายไว้ว่าล้านกว่าบาท ไม่ถึงสองล้าน ต่อรองให้ทำ
สัญญาเป็นเช่า ซื้อ ได้ คือ ให้ผ่อนเงินดาวน์ไปก่อน แล้วให้ไปติดต่อขอ
ทำสัญญากับธนาคารเอง ในเวลาหนึ่งปี หากแบงก์ไม่ตกลง ให้ถือ
เดือนละหมื่นห้าพันบาทของข้าพเจ้านั้นเป็นค่าเช่า

เจ้าของเขาให้สัญญาว่า ข้าพเจ้าจะวางเงินส่วนหนึ่งให้เขา แล้ว
ทำผ่อนต่อเดือนไปก่อนหนึ่งปี จนกว่าจะติดต่อแบงค์ซื้อ แต่ระหว่างนั้นให้
อยู่ได้เลย ข้าพเจ้าจึง่ทำสัญญาดังว่ากับเขาก่อน แล้วนำลูกเข้าไปอยู่ด้วย
กัน ให้เธอสบายใจว่าจะมีที่ให้อยู่ แต่เธอก็บอกว่ายังยินดีจะไป ๆ กลับ ๆ
กับพี่สาวลูกคุณลุงไปก่อน ข้าพเจ้าจึง ทำการผ่อนกับเจ้าของห้องอยู่
หลายเดือน
แต่ขณะนั้น น้องชายเจ้าของห้อง ชอบเข้าไปเคาะประตูห้อง
แล้วทำการขอตรวจสภาพห้องโน่นนี่อย่างน่าสงสัยอยู่เรื่อย วันหนึ่งเจ้า
ของห้องมา ข้าพเจ้าก็พบเธอตรงบันไดพอดีเธอก็พูดเสียงดังว่า หวังว่า
ข้าพเจ้าจะมีปัญญาจ่ายเงินให้เธอนะ วันนั้นข้าพเจ้ารู้สึกทนไม่ได้กดดัน
มากที่เธอมาถามอย่างนั้น จึงตอบไปว่า เธอจะยึดเงินทั้งหมด ก็ยึดไป
เลย ข้าพเจ้าเลิกสัญญาไม่ซื้อแล้ว เพราะหากไม่ซื้อ สัญญาถือว่าเป็น
ค่าเช่าเดือนละหมื่นห้าพันบาทอยู่แล้ว

แล้วข้าพเจ้าก็ไปถาม ผู้จัดการนิติบุคคลซึ่งเสนอว่า มีห้อง
ชั้นบนสุด เป็นของเจ้าของตึกเดิมผู้ดำเนินการก่อสร้างตึกนั้น เดิมเขา
ทำห้องใหญ่ไว้เป็นเพ้นท์เฮ้าส์ ต้องการจะแบ่งขาย จะขายให้ในราคา
ล้านกว่าบาทเท่าห้องด้านล่าง ถ้าข้าพเจ้าตกลง เธอจะจัดการเรื่อง
ธนาคารให้ทั้งหมด ไม่ต้องยุ่งอะไรเลย เพียงลงชื่อในสัญญาซื้อเธอ
จะจัดการให้เรียบร้อย แค่ไปเซ็นชื่อที่ธนาคารก็จบ

ข้าพเจ้าซื้อห้องนั้น โดยไม่ได้เดินขึ้นไปดูด้วยซ้ำว่าหน้าตา
มันเป็นอย่างไร ?


แต่สามสี่วันต่อมา เมื่อผู้จัดการนัดให้ข้าพเจ้ามาเซ็นสัญญา
ที่เธอจะส่งให้ธนาคาร ก็พาขึ้นไปดูห้องที่เขาแบ่งกั้นเสร็จแล้ว เมื่อเปิด
ประตูเข้าไป ข้าพเจ้าตกตะลึงไปเลย กับห้องขนาดใหญ่เกือบหกสิบ
ตารางเมตร ซึ่งหน้าต่างด้านยาว ทิศใต้ของห้องนั้น มองเห็น สนามกีฬา
กองทัพบกริมถนนวิภาวดี ลมที่พัดตึงเข้ามาบอกถึงอากาศอันดีอย่าง
คาดไม่ถึง

เดินไปดูระเบียงทางทิศตะวันออก ก็เห็นทิศทัศน์รอบเมือง
กว้างขวาง ข้าพเจ้าคิดว่าชีวิตที่ถูกจัดสรรแล้วของข้าพเจ้าคงมีเทพฯ
พรหมฯ องค์ไหนที่ดูแลชีวิตเราอยู่ สุดที่จะดูความทุกข์ของเราแล้ว
กระมัง ถึงจัดสรร ส่วนหนึ่งของสวรรค์มาให้เราอย่างนั้น


(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
: tiki_ทิกิ - [ 27 พ.ค. 51 01:18:13 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:21:49:40 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๓
เจ็บแล้วไม่ยักจำ (ต่อ ๖)

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

มันมีหลายความรู้สึก หลายความผิดหวัง ความสิ้นหวังกดดัน
หลายอย่างที่ทำให้ข้าพเจ้า ฮึดสู้ ไปซื้อคอนโดในเมือง อีกทั้งเห็นว่า
ช่องทางซึ่งคุณแม่ได้เจรจากับน้องชายจนสามารถเปลี่ยนมือที่ดินแปลง
หนึ่งไปให้น้อง และ น้องสัญญาจะให้เงินข้าพเจ้าเพื่อช่วยเหลือให้พี่สาว
และหลานสาวมีที่อยู่จะได้ไปเรียนหนังสือได้สะดวกข้าพเจ้าก็กลายเป็น
ลูกหนี้ธนาคารเพิ่มอีกแหล่ง

จากที่ต้องการแค่ปลูกบ้านเพียงคุ้มศีรษะไว้อยู่อาศัยแค่นั้น
มันก็เหมือนเกมเปิดทางต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ความยั้งคิด ข้าพเจ้าจึง
เป็นหนี้ผ่อนทั้งตึกปทุม ผ่อนทั้งคอนโด ติดหนี้สองสถาบันการเงิน ใน
เวลาไล่เรี่ยกันมาไม่นานนัก

หลายเดือนต่อมา ข้าพเจ้าก็มีที่เดินทางไปดูแลคือที่คอนโด
ท้ายซอยแห่งนั้น ไป ๆ มา ๆ คอยดูลูก และดึก ๆ กลับไปตึกปทุม พัก
สักนิด ใกล้เช้ามืดก็รีบขับรถกลับเข้าเมืองมา เพื่อให้ทันรับลูกที่คอนโด
ไปส่งโรงเรียน จากนั้นเวลาทั้งวันที่รอให้ลูกเรียนเสร็จ ข้าพเจ้าก็ไปใช้
ชีวิตตอนกลางวันในเมือง เช่นไปนั่งอ่านหนังสือธรรมะ ที่ ธรรมสถาน
หลังตึกอธิการบดี ในจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย บางวันก็ไปนั่งอ่านหนังสือ
ที่ ห้องสมุด เอยูเอ ราชดำริ บางวันก็ไปอ่านหนังสือภาษาฝรั่งเศสที่ สมาคม
ฝรั่งเศส บางวันก็ไปว่ายน้ำที่สระวายดับบลิวซีเอ บ้าง วายเอ็มซีเอ บ้าง
เวลาเหล่านั้น ได้ดึงให้ข้าพเจ้าห่างเหินสามีและ ลูกชายออกไป
เรื่อย ๆ การโทรศัพท์ถามไถ่ถึงวิถีชีวิตพวกเขาเสมือนกลายเป็นการไปก้าว
ก่าย ทำตัวน่ารำคาญกับเขา ข้าพเจ้ามัวแต่ห่วงลูกสาว จนลืมว่าลูกชายกำลัง
เริ่มวัยรุ่น แล้ว เขากำล้งเปลี่ยนมุมมองของชีวิต ยึดพ่อเป็นหลักมากกว่าแม่..
สำหรับเขาแล้ว เขาคิดว่าแม่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้เขาได้อีก ตราบใดที่แม่
ยังวุ่นวายห่วงกังวลกับพี่สาวเขาไม่รู้จบ

ข้าพเจ้าทำอะไรสารพัดจะทำจนจดไม่หมดแล้วว่า ทำอะไรไปบ้าง ช่าง
เหมือนนิยายตัวตลกอะไรสักเรื่องที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง เป็นที่น่าขำ
เป็นที่เย้ยเยาะ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยซ้ำตัวเอง พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ปะทะ
มาเป็นระยะ ๆ นั้นให้ได้

( จบบทที่ ๓๓ )

: tiki_ทิกิ - [ 27 พ.ค. 51 01:23:54 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:21:51:18 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๓ ที่มา
ที่มา
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6645036/W6645036.html
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:21:55:02 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com