ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
เขียนโคลง โยงน่าน..พัทยา...ลำดับ# ๓๘

โยงน่าน..พัทยา
ส่งเรื่องน่านมา
เขียนโคลง โยงน่าน..พัทยา


ในระหว่างช่วงที่ผ่านมา
มีเรื่องต้องทำหลายสิ่งหลายอย่าง
จดไว้ก็พอมี ถ่ายรูปไว้ก็มาก
แต่พอใกล้จะเดินทางไปต่างจังหวัดช่วงหนึ่ง
เกิดลืม ค้อปี้รูปจากมือถือที่ล้นแล้วล้นอีก
ผลก็คือ รูปทั้งหมดเปิดไม่ได้
จะถ่ายมาให้ดูก็ได้แต่นิดหน่อย
แต่จะพยายามหามา
ใส่ให้เห็นบรรยากาศบ้างสักเล็กน้อย


ที่ว่า" เขียนโคลง โยงน่าน..พัทยา"
จริงๆอยากจะเขียนว่า
เขียนโคลง โยงน่าน..เอาหน้ารอด

......เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า



๑....ในระหว่างวันยุ่งๆสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
"คุณ" ก็ถามว่าอยากไปงานแต่งงานหลานเพื่อน
คนหนึ่งของเขาที่น่านไหม
....หลังจากได้ยินชื่อเจ้าบ่าว ซึ่งมีฐานะเป็น
เจ้าของโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง ในพัทยา ...
และเป็นลูกค้าห้างฯ ของเรา
นึกหน้าว่าเป็นหลานเพื่อนของ "คุณ"
จำได้ถึงอัธยาศรัยไมตรีที่นิ่มนวลน่ารักของ
คุณ หลานชายของเพื่อนได้ดี จึงคิดแล้วคิดอีก
ว่าจะไป ดี หรือไม่ไป ดี

ไหนจะเรื่องงานแต่งงานลูกตัวเองก็ดูวุ่นๆยุ่งๆ
อยู่บ้าง แต่ คิดอีกที จังหวัดน่านแพร่พวกนั้น ก็น่าไป
อย่างน้อยไปดูว่า น้ำท่วมแต่ละจังหวัด มากจริงดังข่าว
ทีวีช่วงที่ผ่านมาหรือไม่
และ ก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศแก้เครียดระยะนี้
สักเล็กน้อย ถาม"คุณ"ว่า แล้วจะไปอย่างไร "คุณ" ก็
ตอบว่า เพื่อนร่วมงานที่ว่าจะขับรถเก๋งมารับไปด้วยกัน
เลยตอบตกลง ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเขาจะมีพิธีการอะไรกันบ้าง
คิดว่า คงมีงานแต่งต่างจังหวัดอะไรธรรมดาสามัญ
คงจะมีเสื้อผ้าใส่กลางวันสักชุด ชุดเก่งเดินทางพวก
กางเกงยีนเสื้อยืดเหลืองของเรา พร้อมเสื้อคลุมสักตัว
ก็พอเพียงแล้ว...

ทำโน่นทำนี่ไปตลอดทุกวันแม้นกระทั่งเว็บไซด์ต่างๆที่
เคยไปเขียนกลอน ตอบกลอน เรียบเรียงถ้อยคำ ก็หามีเวลาให้ไม่
จนกระทั่งวันที่สามสิบเอ็ด ตุลาคม ที่ผ่านมา ก็นึกได้ว่า จะต้องไป
งานต่างจังหวัดสักทีละนะ จึงค่อยเก็บเสื้อผ้าสองสามชิ้นรวมของ
ที่ต้องใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าเดินทาง ไว้แต่กลางคืน แล้วตนเองก็
ง่วนกับงานการของตนต่อไป




๒ บ่ายของวันที่หนึ่งพฤศจิกายน "คุณรัติ" เพื่อน
ของ"คุณ" ก็ขับรถไปจอดที่ปากซอยเพื่อแวะรับเราสองคน
ขึ้นรถเก๋งของเธอ ออกไป แต่บ่ายหน้าไปสู่มอเตอร์เวย์
ออกบางนาไปชลบุรี เพื่อจะ ถึงที่พัทยาแทน

นับเป็นเวลาเกือบปีที่"คุณ" แวะไป พัทยามาหลาย
ครั้งครา เพราะโรงแรมเล็กๆที่ หลานของคุณรัติ กำลัง
ก่อสร้างเร่งด่วนเพื่อ ให้เปิดทันหน้าร้อนที่ผ่านมา

ข้าพเจ้าขอเรียนสารภาพว่า ไม่สนใจ ลูกค้าท่านนั้น
หรือ งานของเขาสักเท่าไหร่ เพราะก็คิดว่าก็คืองานตกแต่ง
ตึกหนึ่งธรรมดาทั่วไป ไม่สลักสำคัญอะไรนัก เพียงแต่
ฉุนๆ ใส่ "คุณ" หลายครั้ง ที่ มักจะ "แว่บ" ไปค้างบ่อยครั้ง
เหลือเกินใน แต่ละสัปดาห์ ด้วยเหตุว่า" งานเร่งไม่เสร็จ"
อยู่เสมอ

แต่ในช่วงนี้ ก็มีลูกค้าอีกท่านเช่นกัน นับว่าใหญ่โต
พอสมควร ในกรุงเทพฯ ก็เรียนเชิญด้วยวาจาไว้ว่าให้ไป
งานแต่งงานเขาด้วย เช่นกันในระยะสองเดือนนี้..
.จึงถือว่าไม่เป็นกรณีแปลกที่ลูกค้าที่ตกแต่งอาคาร
บ้านเรือนโรงแรมทั้งหลายนี่ให้ กลายมาเป็น"ญาติ" สนิท
สนมกันเหลือเกินกับ "คุณ" ไปเสียหมด
จะว่าไป คุณสมบัติส่วนตัวของ" คุณ" ที่ตลกโปก
ฮา เฮฮา หน้าเป็นไปเรื่อย ไม่ใช่คุณสมบัติที่ข้าพเจ้าจะ
ชอบสักเท่าไหร่เลย
แต่ในสังคมเขาก็ชอบ"คุณ" กันมากกว่าข้าพเจ้า
ที่ดูออกจะไว้ตัว หน้าตาเคร่งขรึม สายตาเย็นชา
(อันนี้ประมวลเอาจากหลายวาจานิยาม ข้าพเจ้า ว่า
*เลือดเย็น*ก็ยังมี)
แต่จริงๆแล้ว ข้าพเจ้าก็ออกจะขี้เล่นแล้วก็ สนุก
สนานอยู่ พอสมควรสักหน่อย ทว่า เศรษฐกิจเป็นพิษ
จะให้ร่าเริงเบิกบานใจ เกินขอบเขตเห็นทีจะไม่ได้
มิฉะนั้นท่านผู้ใหญ่ที่คอยเอื้อเอ็นดูเรากันอยู่ จะหมั่นไส้ว่า
หน้าบานเป็นจานเชิงเกินงาม แสดงว่าไม่ลำบากจริง
อะไรประมาณนั้น จึงต้องสงบเสงี่ยมเรียบร้อยให้ดูขรึม
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ตามวัยไว้ก่อน และก็จะทำให้เจียมเนื้อ
เจียมตัวได้ง่ายกว่าเดิม ที่เคย ออกกร่างมาก่อนก็หุบได้
เหมือนกัน

๓ เมื่อไปถึงที่จอดรถข้างโรงแรมดังกล่าว มองขึ้นไป
เห็นตึกที่เคยเห็น เวลาคุณถ่ายรูปมาให้ดูอย่างภาคภูมิใจ
แต่เราฉุนใส่เสมอว่า "คุณ"หลงเสน่ห์ โรงแรมกระจอกนั่น
อะไรนักหนา จนลืมงานลูกค้าคนสำคัญหลายคนในกรุง
ไปซะอย่างนั้น...

เปรียบได้ว่า"คุณ"ใส่ทั้งชีวิต จิตใจ และ อาจจะร่าง
กาย(แหะๆ) ของ"คุณ" ไปไว้ในตึกนั้นได้อย่างไร ก็แปลก
ดี โรงแรมดังว่า มันแค่โรงแรมเล็กๆ หกเจ็ดชั้น ในพัทยา
สายสอง ที่อย่างไร ก็ไม่ดึงดูดความสนใจความน่าศรัทธา
ของข้าพเจ้า ไปได้ แต่...นึกถึงเวลาที่ "คุณ" มักกุลีกุจอ
จะต้องไปทำให้เสร็จทุกอย่างให้ได้ ทันเวลา ที่สัญญาว่า
ขอเวลา สามเดือน กลายเป็น แปดเก้าเดือนไป ดึงเวลาที่
จะต้องตกแต่งบ้านอื่นๆ หรือ สำนักงานลูกค้าท่านอื่นไป
หมด
มิหนำซ้ำ ยังลาก เอาลูกชายคนเดียวของเราที่
กำลังเรียนสถาปัตยกรรมภายใน ณ มหาวิทยาลัย เอกชน
แห่งหนึ่ง ไปสิงสู่ที่นั่นหลายครั้งให้ข้าพเจ้า ฉุนขาด เอา
บ่อยๆ

มองขึ้นไปเห็น "วิญญาณ"ในงานตกแต่งของ "คุณ"มัน
กระจ่าง ออกมาอย่างน่าทึ่ง...มองเห็น "เสรีภาพ"แห่งงาน
ตกแต่งภายใน ตัวตนของ"คุณ" มันอยู่ตรงนั้นเลย ...
.อะไรที่วาดไว้ในใจอย่างน่ากลัวน่าขยะแขยงอย่างที่
ชอบ วาดนรกในอากาศ ไว้ มันเริ่มหลุดร่อนลงมาให้เห็น
อะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่
.......มันไม่ใช่ เพราะบาร์อะโกโก้ น่ารังเกียจ หรือ สนุ้ก
เกอร์ที่เรียงราย สนนราคา แพงสำหรับรับลูกค้าฝรั่งแถบ
นั้น..เพราะคุณก็ยืนยันว่า คุณไม่ใช่"ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย"
หรือ "ป๋า"ของคนพวกนั้น

.....แล้วอะไร แล้วใครที่ทำให้คุณ ศรัทธากับตึกในซอก
ในซอยนี้นักนะ ?

ข้าพเจ้ายังไม่เห็นเจ้าของคือคุณพ่อคุณแม่ลูกค้า ..
.แต่"คุณ"ก็ขอให้พนักงาน ต้อนรับสาวน่ารักที่ว่าเพิ่งเข้า
ใหม่มาได้สิบวัน แต่คล่องแคล่วว่องไวพาเดินไปเปิดดู
ห้องเดี่ยวธรรมดา ราคาวันละ หลายพันบาท กับห้อง
เดอลุกซ์ ราคาประมาณสี่พัน กว่าบาท ไปจนถึงห้องสวีท
ที่มีอยู่ไม่กี่ห้อง ..ชี้ให้เห็นสิ่งที่สายตาเราเห็นมานาน
แต่เพิ่งเห็นของจริง ณ ขณะนั้น
เห็น"รูปแซะสิ่ว" ที่ลูกชายหอบมานั่งทำที่บ้านให้ลูกค้า
ติดต่อมาหลายครั้งครา ติดอยู่ตรงทางเข้าห้องทุกห้อง.
..เห็นสระว่ายน้ำชั้นบนสุดของตึก มองไปเห็นที่จอดรถด้าน
ข้าง ซึ่งกำลังมีการก่อสร้าง ศูนย์การค้าใหญ่อยู่

๔ และ แล้ว ก็ถึงเวลาที่ เจ้าของโรงแรมเชื้อเชิญ
ให้เดินข้ามถนนซอยไปนั่งในห้อง สนุ้กเกอร์ ที่เต็มไปด้วย
แขกฝรั่งหลายคนกำลัง เล่นกันอยู่...
.อีกมุมอับๆด้านโน้น เห็นร่างเกือบเปลือยตลอด
ของสาวอะโกโก้ สัญลักษณ์พัทยา เดินไปเดินมาแว้บๆ

ในความรู้สึกปนสังเวช..ปนกับความรู้สึกที่เคยต่อต้าน
กับกิจการเหล่านี้มาตลอดเหมือนเห็นเหล่ามาเฟียกับลูกสมุนล้อมกาย

ข้าพเจ้าเองต่างหากที่มานั่งอยู่ ตรงนี้ได้อย่างไร

ก็น่าแปลก ชีวิตเราเลือกไม่ได้ แถมกิจการแห่งนี้ยังเป็น
"ธุรกิจ" ของ "หลานชาย" คนเรียบร้อย นิสัยดี หล่อสนิท ของ
เพื่อนงานของ"คุณ" ไปเสียอีก
อะไรที่เราเคย แอนตี้ ต่อต้าน ส่ายหน้าระอาใจ
หมิ่นหยามในบางครั้งในกระแสเสียง ของเราเวลาเอ่ย
ถึง"คุณ"กับงานของ"คุณ" มันกลับหายหดลงไปทุกที

เพราะที่ข้างหน้าของเรา คือเหล่าอเมริกัน และ
ยุโรปที่เขามีวิถีชีวิตปกติของ พวกเขาอย่างนั้น เพียงแต่
เปลี่ยนสถานที่มาอยู่เหยียบในผืนแผ่นดินพัทยาแห่งไทย
เรานี่เอง...

ช่วงเวลาชั่วโมงกว่าระหว่างรอรถโค้ช ข้าพเจ้าก็สื่อสาร
กับต่างชาติกลุ่มหนึ่ง ที่พร้อมจะเดินทางขึ้นไปงานแต่งงานของ
"หลานวัด"
เล่าประวัติของพัทยาและสัตหีบ ในยุคอเมริกันอันตราย
กับเครื่องบินบีห้าสิบสองบรรทุกระเบิดใส่เวียตนาม และ เรื่องของ
ปลา โลมาสีเงินที่ว่ายอยู่ในน่านน้ำไทยเพื่อมีหน้าที่ ตัดสายระเบิดใต้น้ำ
ที่เหล่าเวียตกงดำ เข้ามาซุกซ่อนไว้ในอ่าวไทยเมื่อสามสิบกว่าปีที่
ผ่านมา...

เราทั้งหมดคุยกับชาวต่างชาติ เหล่านั้น ที่เป็น"เพื่อน"ของเจ้าของกิจการ
จนลืมไปแล้วว่าเรากำลังนั่งอยู่ในบาร์สนุ้กเกอร์ ที่ข้างหน้ามีบาร์อะโกโก้ ตั้งอยู่
สถานที่ที่ข้าพเจ้ามีความคิดเสมอมาว่า จะมีมีวันเหยียบย่างเข้าไปเลย
เป็นอันขาด !

๕ เมื่อรถโค้ชมาถึง คุณแม่ของ"หลานวัด" ก็มาเชิญ
ทุกท่านขึ้นรถ เป็นผู้หญิงวัย ห้าสิบกว่าที่ดูคมกริบ แคล่ว
คล่องว่องไว พูดเก่งทั้งไทย และ อังกฤษแบบชาวชนบท
ไทย ที่แสนจะลื่นไหล สื่อความหมายได้ดีกว่าชนชั้นวิทยา
การอย่างพวกเรานัก
ข้าพเจ้า เพลินฟังสำนวนธรรมดา ศัพท์แสงธรรมดา
วิธีใช้คำธรรมดาไม่สนใจเวิร์บต่างๆของ เธอแล้วก็ ทึ่ง
สรุปว่า ทึ่ง ที่คนธรรมดาสามัญอย่างเธอ สามารถสร้าง
โรงแรมระดับร้อย ล้าน ได้...คนที่ดูเป็นลูกทุ่งเสียงเหน่อๆ พูดง่ายๆตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือ อังกฤษ
ส่อความสนใจกับแขกทุกคน เอาใจใส่ทุกคนอย่างดี...
นั่นกระมังที่ทำให้แขกทุกคนรู้สึกอบอุ่นกับผู้หญิง
ไทยธรรมดาคนนี้...
นั่นกระมัง เสน่ห์ที่ "คุณ" ของเรา ถูกมัดไว้อย่าง
แน่นหนามากว่าเก้าเดือนที่นี่ ที่ฉันเพิ่ง เคยเหยียบย่าง
มาดู ผลงานของ "คุณ " ที่นี่ในวันนี้...

ขอสารภาพว่า..วันที่โวยใส่ลูกชายว่าจะไปยุ่ง
อะไรกับบาร การี่ ในวันนั้น และลูก ชายเถียงเสียงเรียบ
เย็นว่า
"แม่ คนเขาก็ทำมาหากินโดยสุจริต เป็นลูกค้าที่ดี
ของพ่อ แม่จะไปยุ่งรังเกียจอะไร ทางใครก็ทางมัน.
..แม่ อย่ายุ่ง"
วันนั้นหมั่นไส้ลูกเหลือหลาย
แต่วันนี้..ข้าพเจ้าเองนี่แหละ ที่กำลัง ทึ่ง...
กับวิถีชีวิตของคนคู่นี้ อย่างแปลกประหลาด

คนเราหากไม่เคยทำบุญร่วมกันมา มีหรือ
จะได้เดินทางใกล้กัน

คำพูดของข้าพเจ้าเองแว่วเข้ามาในหู
หนังสือที่มีรายชื่อผู้ร่วมบุญคือ ครอบครัวญาติเพื่อน
หรือ "หลานวัด" ของเรานั้น ได้ถูกส่งใส่มือ "อากู๋"
เพื่อนของเราเพื่อไว้มอบให้ คุณ หลานผู้เคยร่วมบุญ
ร่วมทานบริจาคสร้างหนังสือธรรมะร่วมกัน

อีกภาพหนึ่ง อีกภาคหนึ่ง ของชีวิต

ข้าพเจ้าสะท้อนสะท้านใจในวันนี้..
วันที่อภิชาติบุตรคนดีของ ผู้ชายผู้หญิงเลือดอยุธยา
คู่หนึ่ง ณ เมืองพัทยา
คนที่กำใจดีไซน์เนอร์อย่าง"คุณ"ไว้อยู่หมัด ..
.ผู้หญิงอย่างข้าพเจ้า จะต้องเรียนรู้ชีวิตให้มากกว่านี้
โลกไม่ได้ มีสีขาว สีดำ ไว้ป้ายกันอย่างเด่นชัด
เหมือนอย่าง ที่ข้าพเจ้าเคยรู้จัก

วัด และ วิถีทางโลก มีเส้นแบ่งครึ่ง และ
เส้นแบ่งใช้กันอยู่ที่เงินตรา

...ข้าพเจ้าถอนหายใจเฮือกหนึ่ง..
..คุณสมบัติงดงามของ"หลานวัด" ทุกครั้งที่พบกัน
เป็นสิ่งที่บอกว่า ...
.คนเราไม่ได้เกิดมาดีโดย สายเลือด
แต่เกิดมาดี โดย กรรมของตนในอดีต ชาติโดยแท้


๖ เส้นทางรถโค้ชขึ้นไปในความมืด เด่นชัดขึ้นทุกที
อากาศเริ่มเย็นลงเพราะเครื่อง ปรับอากาศในรถทำงาน
ข้าพเจ้านั่งในที่ของตน หลับไปบางครั้ง ลงไปยืดเส้น
ยืดสายเข้า ห้องน้ำตามปั๊มระหว่างทาง
คนขับรถในวันนี้ เป็นพี่ชายเจ้าของรถโค้ชสองชั้น
คันดังกล่าวเอง มาขับให้อย่างนิ่มนวลไม่มีกระโชกกระชาก
ตลอดระยะทางไป และ กลับด้วยเช่นกัน

พอดึกขึ้นเรื่อย
ร่องรอยน้ำท่วมระหว่างทางแถบสิงห์บุรี นครสวรรค์ ฯลฯ
ก็มีให้เห็น ข้าพเจ้าจึงขอ"คุณ" ไปนั่งด้านหน้ารถเพื่อ จะดู
หนทางข้างหน้า..และ ข้างทางตามที่แสงไฟสาดส่องไป

ช่วงระยะเวลาเหล่านั้น มีเสียง เหน่อๆที่ฟังอบอุ่น
จริงใจ ของ "แม่ติ๋ม" คุณแม่ของ "หลานวัด" ดังมาสลับ
กับเสียงคนที่นั่ง ด้านข้าง บรรยายทิศทางในรถ
ข้าพเจ้าจึงนั่งคุยเรื่องเส้นทางกับเขาไปจนเกือบตีสี่
ตาม ความเคยชินที่ชอบนอนดึกของตน..
.แล้วก็ลากลับมานั่งประจำที่หลับไป
ตื่นอีกสองทีที่ปั๋มน้ำมันจังหวัดแพร่เพื่อจะโผล่
ที่น่านตอนเกือบเจ็ดโมงเช้า

๗ ที่วังปลา ริมน้ำน่าน คือเป้าหมายแรก ทุกคนต่าง
ลงรถไปหาที่เข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เราสองคนตกรถโค้ชช่วงนี้เพราะขึ้นไปบนบ้านหลังหนึ่ง
ของเจ้าของบ้าน และเพราะมัวแต่ เลือกแต่งตัวกันช้าไป
หน่อยเลยต้องอาศัยรถตู้ที่มาจากอุตรดิตถ์ ไปที่บ้านงานแทน

เมื่อไปถึงงาน ข้าพเจ้าก็ไม่รั้งรอที่จะถ่ายรูป พิธีการ
ธรรมเนียมแห่ขันหมาก สู่ขอ

รายการเปิดแสดงสินสอดทองหมั้น
ได้ยินว่า บ้านเจ้าบ่าวนำเงินสดไป หนึ่งล้านกับอีกเศษ
สี่ร้อยสี่สิบสี่ และล้วงเอาทองเป็นกำๆขึ้นมาอีกนับสองล้าน
เป็นมูลค่าสามล้านกว่าบาททั้งหมดในวันนั้น

แต่อนิจจา ความที่ไม่ได้ดึงรูปเก่าออกจากเครื่องมือถือ
ทำให้เครื่องรวนถ่าย ต่อไปไม่ได้ ได้มาไม่กี่รูป แต่ก็ยังดี
ที่มีแสดงให้เห็นภาพตอนเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งหน้าคุณ พ่อ
คุณแม่ ระหว่างสองท่านนั่นล้วงสมบัติสินสอดทองหมั้น
ทั้งหลายออกมา

ได้เห็นขนมนมเนยมากมายตามธรรมเนียมไทย
ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างจะได้ไว้ เปรียบเทียบกับงานแต่ง
ลูกสาวเราเองบ้าง

งานดำเนินไปตามสะดวก แต่แล้ว คุณพ่อเจ้าบ่าวก็มาบอกว่า
ขอแรงให้ข้าพเจ้าขึ้นไป กล่าวสุนทรพจน์
แทนฝ่ายเจ้าบ่าวกันหน่อย...ถึงจะปฎิเสธอย่างไร
พ่อเจ้าบ่าวก็ยัดเยียดหน้าที่ ให้แก่ข้าพเจ้าจนได้...
ด้วยความงงเล็กน้อยว่า ตัวเองอาวุโสอย่างไรกันหว่า
ก็ถึงเวลาใกล้ จะกล่าวแล้ว ทำไงได้

........อาศัยสมองว่างพอสมควร
เลย ร่าง "โคลง โยงน่าน..พัทยา" ขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ทันด่วน
นาฬิกาข้อมือข้าพเจ้ายังปรากฏเลขวันที่ ๑ ขึ้นมาอยู่
ถามคนที่บ้านนั้นว่าที่นี่เลขที่เท่าใดของ จังหวัด เขาก็ว่า เลขที่ ๑ อีก ดังนั้น ข้าพเจ้าก็ ขอยืมปากกาฝรั่งคนข้างๆ
น่าจะเป็น GARY มาเขียนโคลงเสร็จสองบทจนได้ แถมแปลฝรั่งไว้ให้เสร็จสรรพ

ขอบคุณแท้งกิ้ว กับเจ้าของปากกา ไปแล้ว
ก็ เดินขึ้นลงไปบนบ้านชั้นบน อีกสองสามครั้ง
เตรียมตัวไม่ให้ดู น่าเกลียด
ชุดที่ใส่ไปดูไม่ค่อยได้จริงๆเพราะประมาทว่า
เป็นงาน"บ้านนอก" ไม่ต้องหรูหราอันใด เอาเข้าไป
กลับจะต้องขึ้นพูดในฐานะอะไรไม่ทราบของบ้านเจ้าบ่าว
ไปเสียแล้ว เออหนอเรา จะจำไว้เป็นบทเรียนอีกบท

๘ ครั้นพิธีการแบบไทยๆผ่านไป พระสงฆ์ก็กลับ
กันไป วงดนตรี ลูกทุ่งมาลินี เขาก็ แสดงกันแน่นหนานัก
จากนั้นพิธีกรซึ่งเป็นอดีตส.ส. จังหวัดก็ขึ้นกล่าวนำแบบ
ผู้ชำนาญการเวที เรียกเสียงฮาได้บ่อยครั้ง แล้วก็ถึงตา
ข้าพเจ้าต้องกล่าวสุนทรพจน์ละ

ขึ้นไปถึงก็ขอบคุณ ผู้ใหญ่ในงานที่มาสามคน
ตามด้วยแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายตาม ระเบียบ แล้วก็
อ่านโคลง"โคลง โยงน่าน..พัทยา" ปัจจุบันทันด่วนของ
เราอย่างช้าๆ แถมให้ ว่า มีแขกฝรั่งมาด้วย จำเป็นจะ
ต้องแปลให้ฝรั่งขี้นกทั้งหลายนี้ฟังด้วย
ตบท้ายด้วยเชิญชวญทุกท่านไปพักโรงแรม
พ่อแม่เจ้าบ่าวในราคาพิเศษ เสียอีก
ที่จะกล่าวสรรเสริญเยิรยอใคร หรือ จะฝากฝัง
เจ้าบ่าวชาวพัทยาไว้ในอ้อมแขนชาวเมืองน่าน ตามที่
คุณพ่อเจ้าบ่าวขอไว้ ก็หาได้พูดไม่ แต่เอาเป็นว่า พอจบ
คำกล่าวแล้ว เหล่าฝูงชนทั้งหลาย ก็รู้สึกสนุกสนานกัน
เต็มที่ ดื่มเบียร์ดื่มเหล้ากันยกใหญ่ พอวงดนตรีเขามี
ร้องเพลงลูกทุ่ง สนุกสนานมากหลาย เว้นไว้แต่ข้าพเจ้า
ดื่มแต่โค้กอย่างเดียว สลับกับกินขนมจีนน้ำยารส เข้ม
อร่อยถูกใจไปเรื่อย..
.แล้วเหล่าเท้าไฟทั้งหลาย ก็เปลี่ยนหน้าเวทีเป็น
บาร์เต้นรำสนุก กิ๊บกิ๊วเฮฮา ข้าพเจ้าเลยลากมือ "คุณ"
ขึ้นไปวาดลวดลายปล่อยแก่กับเขาบ้าง เพราะมีคุณยาย
อายุสักเจ็ดสิบได้ ขึ้นไป เต้นง้องแง้งน่าสนุกมากอยู่ด้วย

ตามที่ทราบมาว่า พองานเสร็จ ก็จะไปชมเมืองแล้ว
คงจะได้กลับบ้านกัน อ้าว เปล่า เสียแล้ว กลายเป็นว่าเรา
จะไปชมเมืองน่าน โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์สถานเมืองน่าน
แล้วก็เข้า โรงแรมเทวราชเพื่องานแต่งงานครั้งนี้ต่ออีกรอบ ..
..แล้วถึงจะขึ้นรถกลับได้...

กว่าจะรวบรวมพลพรรคขบวนที่มากันเนื่องจากล้วนแล้ว
แต่เป็นคอเหล้า กำลังสนุกกันเต็มที่อยู่หน้าเวที เมื่อได้
เวลาขึ้นรถโค้ชเพื่อเดินทางเข้าตัวเมือง ด้วยไกด์กิตติมศักดิ์ หลานเจ้าของบ้านที่จัดงานแต่งในช่วงเช้า
ที่แรกที่ไกด์จำเป็นพาไป คือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

และ ตามไปที่วัดช้างค้ำ ที่ที่มีต้นสาละ ต้นไม้ซึ่ง
พระพุทธเจ้าประสูติอยู่ที่นั่น

เมื่อได้เวลาดูโบราณสถานอันงามของน่านแล้ว
แม้ข้าพเจ้าจะใคร่ไปดูลายผ้าน้ำไหลของจริงในตลาด
สักปานใด แต่เวลาก็ไม่มีให้แล้ว ทุกคนต้องดิ่งตรงไป
ที่โรงแรมเทวราช เพื่ออาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้า
ไปร่วมงานเลี้ยงแต่งงานรอบเย็นอีกครั้ง

........ชุดที่ใส่มาแต่เช้ามืดยันเย็น ที่คิดว่าจะเป็นชุด
เดียวที่ใส่ตอนกลางวันแล้วเย็นจะใส่เสื้อยืดกางเกง
ขาว กลับบ้าน เป็นอันต้องเปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้าต้อง
นำผ้าคลุมไหล่ที่มีคนซื้อฝากจากอินเดียและนำติดตัว
มาเผื่อหนาวมากางทาบไหล่ เจาะคอเข้าไป ดึงเส้นด้าย
ออกให้มีด้ายพริ้วออกมา หาเข็มกลัดกลัดข้างสี่ตัวแก้ปัญ
หาเฉพาะหน้า เพื่อจะได้เป็นชุดงานเลี้ยงค่ำ

ข้าพเจ้าแต่งตัวสบายค่ำนี้ ก็คิดว่า คงจะ หาที่นั่ง
รับประทานอะไรสบายๆก่อนกลับ เท่านั้น

.......แต่แล้ว ในที่สุด ก็จำเป็นจะต้องขึ้นพูดบนเวทีให้แก่
ฝ่ายเจ้าบ่าวอีกครั้ง ถึงแม้จะปฏิเสธว่า โพยที่เขียนไว้
ไม่ได้เอามา แต่งกายก็ไม่เรียบร้อยปานใด ก็จำต้องออก
ไป ขอให้เขียนใหม่ พอดีนึกได้ว่า จดบันทึกไว้บนหน้าใน
สมุดิอวยพร ให้คุณ"หลานวัด"เมื่อบ่าย จึงไปขออนุญาต
เจ้าหน้าที่หน้างาน ยก สมุดลงนามอวยพรเล่มนั้นมาแก้
ขัดเฉพาะหน้าไปก่อน

อย่างไม่ได้เตรียมตัว อย่างผิดพลาดบกพร่องเพราะ
ไม่มีเวลาจะดูแม้วันเวลา ว่าเป็นวันที่อะไร ข้าพเจ้าก็ขึ้น
ไปกล่าว โคลงโยง น่าน พัทยา ของข้าพเจ้าอีกครั้ง พร้อม
ด้วยคำแปลอีกเช่นเคย

อีกทั้งยังต้องขึ้นอีกเป็นรอบสอง เพื่อเชิญทุกท่าน
ในงานให้ไปร่วมงานที่พัทยาวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ที่จะถึง
นี้อีกรอบ
เมื่อเขาให้เกียรติข้าพเจ้ากันปานฉะนี้ ข้าพเจ้าก็
จำเป็นจะต้องตอบแทนน้ำใจนั้นให้สมแก่การกัน


ข้าพเจ้าจะทำอะไรผิดพลาดบกพร่องตกหล่นไปอันเป็นการ
เสมือนไม่ให้เกียรติชาว น่าน ชาว พัทยา หรือ ชาวจังหวัดอื่นใด
อันเป็นญาติของทั้งสองฝ่ายไป ก็ โปรดอภัยให้กันไว้ที่นี้ด้วย
เพราะ หลังจากที่ลงนั่ง แล้ว " คุณ" ก็ดุ ข้าพเจ้าว่า
" ไหนว่าจะเปลี่ยนวันที่ ให้ถูกต้องอย่างไรเล่า วันนี้มัน
วันที่สองนะ ไม่ใช่ที่หนึ่ง "
ข้าพเจ้าก็ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมกล่าวขออภัย เพราะว่าทราบมา
ภายหลังว่า บรรดาท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายซึ่งได้รับเชิญขึ้นไปพูด
นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นระดับนายกเทศมนตรีเมือง เป็นรองผู้ว่า เป็น
อดีต ส.ส. หญิงแห่งเมืองน่าน แม้กระทั่งท่านพิธีกรในงานเลี้ยงตอน
ค่ำ ท่านก็เป็นถึงท่านรองผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาอันโด่งดัง
ของจังหวัด ...อันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึก เป็นบทเรียนในครั้งต่อไป..
ที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกอย่าง สำหรับเหตุการณ์เฉพาะหน้า
เช่นนี้
แต่ดวงของข้าพเจ้าก็คงเลี่ยงไม่ได้ ด้วยมักจะต้องเกิด
เหตุ ที่ตนเองอยากทำอะไรง่ายๆสบายๆอยู่เสมอ ทั้งปากหนัก
ไม่ค่อยชอบถามถึงพิธีการในงานแต่ละงานให้ถ่องแท้ แต่ครั้งนี้
ขอยอมรับว่า มิได้คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องขึ้นพูด..เลย

ดังนั้น
เมื่อข้าพเจ้าเอ่ยคำขอโทษขอโพยชาวน่าน ไปถึงชาวพัทยามา
ณ ที่นี้แล้วนั้น
ก็ต้องขอบคุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ช่วยให้ข้าพเจ้า
เขียนโคลงกู้หน้าได้ทันควันไว้ ณ บันทัดนี้ด้วยเช่นกัน

เมื่อรถกลับถึงพัทยาในเช้าวันที่สามพฤศจิกายน อันเป็นวันต่อมา
เจ้าของโรงแรมก็สั่งเปิดห้องเดอลุกข์ให้เราทั้งสองเข้าไปอาบน้ำแช่จากุ๊ขขี่
คลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
ลงมารับประทานอาหารเช้าแล้ว
"คุณ" ก็ขับรถของ "อากู๋" เพื่อนของเขากลับนนทบุรี เพราะ เจ้าของ
รถยังเมาอยู่ ณ เมืองน่านนั่นเอง...


ถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตหลายหลาก ที่คนเราจะตัดสินคนอื่น
ตัดสินวิถีชีวิตคนอื่น ตัดสินอะไรเฉพาะหน้า โดยมิได้รู้จักใคร
อย่างถ่องแท้นั้นมิได้... การที่เรา ...ให้เกียรติคนอื่นน้อยไปนั้น..
.มันช่างน่าอดสูใจเสียนี่กระไร......ถึงแม้ข้าพเจ้าจะดำรงชีวิตมานับ
เป็นสองหมื่นกว่าวัน แต่ยังติดนิสัยให้เกียรติคนน้อยไปนี้นับเป็น
บทเรียนชีวิตที่จะต้องจดจำไว้อีกเนิ่นนาน

หลายครั้งที่ข้าพเจ้า ต้อนรับใครก็ยังไม่สมเกียรติ
แม้นเมื่อไปเป็นแขกของใครก็ทำเสมือนไม่ให้เกียรติผู้เป็นเจ้าของ
งานเจ้าของสถานที่อยู่หลายครั้ง
นึกถึงเวลาคุณพ่อคุณแม่ของตนคอยอบรมสั่งสอน
เรื่องการแต่งกายให้ สุภาพดูดีมีสง่าติดจะหรูหราสักนิดเวลาต้อง
เข้าสมาคม เทียบกับการเป็นอยู่กับเหล่าผู้คนที่ชินชากับการแต่งกาย
ธรรมดา ไม่สนใจเสื้อผ้าบุคลิกของตน จนกลายเป็นเสมือนไม่ให้เกียรติ
แก่งาน แก่สถานที่ ...ที่เราย่างไป...คิดแล้วจึงรู้ว่าเราพลาดไปอีกแล้ว
เรื่องนี้ ข้าพเจ้าไม่ค่อยปราถนาจะนำโคลงมาลงดังชื่อที่ตั้งไว้
ขอเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ เพื่อสอนใจให้ข้าพเจ้ารำลึกถึงความควรไม่ควรใน
การมีกาละเทศะของตน ให้ถูกคน ถูกสถาน ถูกกาล ถูกเวลา ..หากคุณพ่อ
ยังมีชีวิตอยู่ ท่านคงจะเกรี้ยวโกรธโกรธาในความไม่ระมัดระวังตนเรื่องระเบียบ
พิธีการสวมเสื้อผ้าของข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ....
การบันทึกไว้ อาจจะช่วยทำให้ความรู้สึกไม่สมควรกระทำของตน
หดหายไปได้...มันแก้อดีตไม่ได้ แต่อนาคต จะต้องไม่เป็นเช่นนี้อีก..แม้นว่า
ตนเองจะชื่นชอบการเป็นอยู่สบาย แต่งกายสบาย..อย่างที่ตนเป็น แต่ในภาวะ
เรื่องงานการดังกล่าว...ข้าพเจ้าพลาดโดยสิ้นเชิง

ข้าพเจ้าขอจบบันทึก ไว้ณ ที่นี่ แต่เวลานี้
ใดใด ที่ทำให้ลดเกียรติคนอื่นลงไป ข้าพเจ้าก็ขออภัยใน
ความบกพร่องของตน ถือเป็นความผิดบกพร่องของข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
บันทึกไว้ ณ เรือนนนทบุรี เสาร์ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ เวลา
๑๙:๕๕ นาฬิกา





%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

ขอเชิญ แสดงความเห็นที่บล็อกรวมค่ะ

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=tiki&month=28-03-2009&group=2&gblog=34

ขออภัย กำลัง จัดกลุ่ม และ หมวดกระทู้ ทั้งหมด ใหม่อีกครั้งขอขอบคุณค่ะ
-------------------------------------------------------------


%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%


Create Date : 05 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 19 มีนาคม 2553 12:02:31 น. 8 comments
Counter : 784 Pageviews.  
 
 
 
 
กับเนื้อเรื่องที่นำมาเล่า

และ อีกครั้งที่กรุณาช่วยคอมเมนต์ให้ผมในเรื่องสั้น "กระทู้ร้างกระทู้รัก" นะครับ

ว่าแล้วก็มาทำการตลาดแบบหน้าด้าน ๆ



เสร็จแล้วครับ
 
 

โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:50:21 น.  

 
 
 
แวะมาเยี่ยมจ้า สบายดีนะจ้ะ

บาย.....................................................................
 
 

โดย: คายตรี (คายตรี ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:43:07 น.  

 
 
 
ขอบคุณ คุณ ดำรง
และคุณ คายตรี นะคะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 1 ธันวาคม 2549 เวลา:23:33:20 น.  

 
 
 
ขอบคุณคร่า ที่แวะไปเยี่ยมเยียนในบล็อกอ่ะค่ะ
 
 

โดย: สะใภ้จ้าว วันที่: 15 ธันวาคม 2549 เวลา:19:38:30 น.  

 
 
 
คุณ สะใภ้จ้าว ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเช่นกันค่ะ
 
 

โดย: ทิกิ (tiki_ทิกิ ) วันที่: 5 มกราคม 2550 เวลา:0:19:35 น.  

 
 
 
โห คุณทิกิ

เป็นคนพูดบนเวทีให้แก่ฝ่ายเจ้าบ่าวด้วยอ่ะหรอคับ

งั้นแสดงว่าต้องมีอาวุโสมาก ๆ แน่นอนเลยครับ

ผมขอกราบสวัสดีครับป๋ม ^^
 
 

โดย: แบทแมนน้อย IP: 161.200.255.162 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:26:56 น.  

 
 
 
แบทแมนน้อย
อายุน่าจะเรียกว่า คุณ ยาย ได้ แล้วมังคะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:1:38:37 น.  

 
 
 
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

ขอเชิญ แสดงความเห็นที่บล็อกรวมค่ะ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tiki&month=28-03-2009&group=2&gblog=34

ขออภัย กำลัง จัดกลุ่ม และ หมวดกระทู้ ทั้งหมด ใหม่อีกครั้งขอขอบคุณค่ะ
-------------------------------------------------------------


%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:12:01:14 น.  


tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com