มุ้งขาวใต้ถุนตึก
มุ้งขาวใต้ถุนตึก แม้วันเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานกว่า 15 ปีแล้วแต่ภาพที่ปรากฏต่อสายตาฉันในวันนั้นกลับติดตรึงแน่นอยู่ในใจและแจ่มชัดทุกครั้งที่นึกถึง มันยังเป็นที่กังขาในใจของฉันตลอดมา.... เช้าวันนั้นฉันมีนัดกับเพื่อนสนิทสามคนและเพื่อนของเพื่อนอีกหนึ่งคนซึ่งเราถือว่าเป็นแขกที่เราจะต้องต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านที่ดีโดยการพาเธอเที่ยวชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วเป็นจุดแรกเพราะคิดว่าเป็นสถานที่ที่เป็นมงคลคู่บ้านคู่เมือง เพื่อนของเพื่อนคนนี้มาจากจังหวัดนราธิวาส เธอเพิ่งมีโอกาสมากรุงเทพฯเป็นครั้งแรกของชีวิต เธอตั้งใจที่จะมาเยี่ยมเพื่อนฉันที่จากกันมานมนานและถือโอกาสเที่ยวกรุงเทพฯไปด้วย เราเจอกันพร้อมหน้าแต่เช้าตรู่ที่หน้าประตูพระบรมมหาราชวัง เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปภายในจึงสังเกตได้ว่าเราน่าจะเป็นกลุ่มแรกและเป็นกลุ่มเดียวที่เดินอยู่ในบริเวณนั้น เหตุผลเพราะยังเช้าอยู่มาก ส่วนของวัดพระแก้วน่าจะยังไม่เปิดให้เข้าชม ดังนั้นเราจึงมุ่งตรงสู่ประตูที่จะผ่านเข้าไปยังเขตพระที่นั่งต่างๆที่อยู่ลึกเข้าไปภายใน ระว่างทางฉันเดินนำหน้าเพื่อนๆด้วยคุ้นเคยเพราะเพิ่งพาญาติผู้ใหญ่จากต่างจังหวัดเข้ามาชมที่นี่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ฉันทิ้งระยะห่างจากเพื่อนๆไม่เกินห้าก้าว เพื่อนๆที่เดินตามต่างคุยกันส่งเสียงดังซึ่งเป็นไปตามปกติที่เรามีโอกาสได้มาเจอกัน โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่ามีเพียงกลุ่มเราเท่านั้นทุกคนก็ยิ่งรู้สึกอิสระมากขึ้น บรรยากาศยามเช้าเย็นชื่น...แสงแดดยังไม่ส่องลงมา เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปยังบริเวณเขตพระที่นั่ง บรรยากาศทั่วไปดูเงียบมากขึ้นเพราะยังไม่มีทหารประจำการตามจุดต่างๆและเมื่อกวาดสายตาไปทั่วก็ไม่มีวี่แววของผู้คนอยู่ในบริเวณกว้างนั้นแต่อย่างใดมีเพียงเสียงคุยที่ขาดสติของเพื่อนๆฉันที่เดินตามมาไม่ห่างเท่านั้น พระที่นั่งจักกรีมหาปราสาทตระหง่านอยู่ตรงหน้า ไม้ดัดในกระถางหน้าพระที่นั่งถูกตัดแต่งเป็นรูปร่างสวยงามชวนมอง แต่เพื่อนๆฉันคงไม่รู้สึกรู้สมอะไรเพราะพวกเธอเอาแต่คุย..คุย..คุย และเหมือนจะแย่งกันคุยซะด้วย ส่วนเท้าก็ก้าวตามฉันอย่างไร้ความคิด ฉันรู้สึกได้ถึงระดับเสียงของเพื่อนๆที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆและฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็ไม่อยากขัดจังหวะเกรงจะหมดอารมณ์สนุกกัน ฉันเดินนำไปจนถึงตัวอาคารพระที่นั่งจักกรีฯ ตั้งใจจะไปชมอาวุธโบราณซึ่งเก็บอยู่ใต้อาคารและสามารถมองเห็นจากข้างนอกโดยผ่านซี่เหล็กโปร่งเข้าไปได้เลย เมื่อถึงซี่เหล็กสายตาฉันก็ทะลุเข้าไปใต้ถุนตึกกว้างทันที บรรยากาศภายในยังดูมืดสลัวและเงียบเชียบ แต่ที่สะดุดตาฉันท่ามกลางความมืดสลัวในวินาทีนั้นก็คือ มุ้งสีขาวขนาดนอนคนเดียวกางอยู่บนโต๊ะห่างจากฉันไม่เกินห้าเมตร ถัดไปที่พอมองเห็นได้ก็คืออาวุธโบราณ เช่น พวกหอก ดาบ ง้าวต่างๆดูลางเลือนอยู่ในความสลัวนั้น ฉันรู้สึกทันทีว่าพวกเรากำลังส่งเสียงดังรบกวนคนเฝ้าสถานที่ซึ่งยังหลับอยู่และชั่วพริบตาฉันก็เห็นมุ้งขาวไหวตัวบางส่วนเหมือนคนที่นอนอยู่ในมุ้งเพิ่งตื่นและขยับตัว ความรู้สึกเกรงใจเจ้าของพื้นที่เกิดขึ้นฉับพลัน ทำให้ฉันหันกลับไปบอกเพื่อนที่กำลังเดินมาเกือบประชิดด้านหลังทันทีว่า เฮ้ยเบาๆหน่อยคนเฝ้ายังไม่ตื่นเลย
เสียงเพื่อนเงียบลงทันที แล้วฉันก็หันกลับ.....แต่แล้ว......ฉันก็ต้องตกใจตะลึงกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า มุ้งขาวหายไปใหน....? คงมีแต่ห้องที่มืดสลัวทุกอย่าง เงียบกริบ ฉันยกมือขึ้นขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว.. ใจหายและวังเวงชอบกล...ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที.. แต่แล้วเพื่อนคนหนึ่งก็พูดขึ้นเหมือนไม่มีอะไร ว่า... ไหน...คนเฝ้าอยู่ไหน?...มืดตึ้ดตื๋อ...ไม่เห็นมีอะไร.... ฉันก็ได้แต่อึ้งชั่วขณะแล้วรีบเดินออกมาจากที่ตรงนั้นในขณะที่ยังรู้สึกว่าขนยังลุกชันอยู่
.. ........................ หมายเหตุ : ปัจจุบันสภาพใต้ถุนตึกได้แปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหมดแล้ว 1 มิถุนายน 2555
Create Date : 01 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 10:47:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 916 Pageviews. |
|
|