ตามหาความสุขในใจ



บทสัมภาษณ์ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี พระนักคิดนักเขียนชื่อดังต่อไปนี้ ไม่มีคำตอบสำเร็จรูป แต่อาจช่วยสะกิดใจให้ใครหลาย ๆ คนที่กำลังเดินหลงทางอยู่ในสังคมแห่งความทุกข์ หลุดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ ด้วยธรรมะที่ง่ายและเป็นสุข เพียงแค่ลองหยิบนำไปใช้





ตามหาความสุขในใจ


อย่างที่รู้ ๆ กันว่า คนส่วนใหญ่ยังใส่ใจความสุขทางวัตถุมากกว่าทางจิตใจ ซึ่งการที่คนมีความสุขกับวัตถุมากกว่านั้นแสดงว่า บ้านเมืองนั้นๆ ยังไม่พัฒนา ถ้าผู้คนพัฒนาแล้ว มีการศึกษาแล้ว ผู้คนก็จะมีความสุขทางปัญญา









สำหรับความสุขทางวัตถุนั้นก็คือ ความสุขทางกามารมณ์ ที่มาจากจากตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ได้รับการเติมเต็ม เป็นความสุขแค่เพียงภายนอก ชั่วครู่ชั่วยาม แต่ความสุขที่แท้จริงมันมีความหมายลึกซึ้งมากกว่านั้น เช่น ความสุขจากการใช้ปัญญาศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้และเป็นประโยชน์ ก็เป็นความสุข หรือความสุขจากการมุ่งมั่นภาวนาที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่การช่วยเหลือผู้อื่นหรืออุทิศตนเพื่อรับใช้มนุษยชาติ









อาตมาจึงแนะนำให้ญาติโยมทุกท่าน เรียนรู้หาความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าเราเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือความคิดของคนให้รู้ว่าความสุขมีพัฒนาการหลายขั้นตอน คนส่วนใหญ่ก็จะมีแนวทางในการแสวงหาวามสุขที่สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่น่าเสียดายที่ว่าระบบการศึกษาไทยไม่ได้สอนให้คนรู้จักการมีความสุข การศึกษาไทย สอนให้คนเรียนรู้การทำมาหากิน เพราะฉะนั้นเมื่อทำมาหากินไม่เป็น ก็จะกลายเป็นการทำมาหากรรม มันเลยเกิดความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ไม่รู้จักความสุขหรือตามหาความสุขที่แท้จริงไม่เจอสักที









อาตมาคิดว่า ถ้าอยากให้ทุกคนมีความสุขและหาความสุขของในภาวะสังคมแบบนี้เจอ ก็ต้องทำการเรียนการสอนสองบทบาท ระดับแรกคือ สอนให้เด็กและเยาวชนได้ปริญญาสองใบ คือปริญญาวิชาชีพ ทำมาหากินสุจริตเป็น และปริญญาวิชาชีวิต ทำให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางความทุกข์ได้อย่างมีความสุขซึ่งจะช่วยให้เขาสามารถบริหารจัดการกิเลสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าเขาได้ปริญญาสองใบจะกลายเป็นคนที่มีคุณภาพ เขาก็จะรู้เองว่า ชีวิตไม่ได้จบแค่การครอบครองวัตถุ แต่มีอะไรที่สูงกว่านั้นอีกมากมาย อยู่กับวัตถุน้อยลง แต่ความสุขในหัวใจมากขึ้น








ระดับสอง คือการเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนา พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการศึกษา หลักการศึกษาเราเรียกว่าไตรสิกขา คือการศึกษา 3 ด้าน ศีล คือพฤติกรรม สมาธิ คือจิตใจ และ ปัญญาคือความรู้ ความเข้าใจต่อโลกอย่างถ่องแท้ ฉะนั้นกระบวนการต่าง ๆ ในพุทธศาสนาจึงเป็นกระบวนการของการศึกษาทั้งหมด ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเปลี่ยนแปลงอะไร พุทธศาสนาจะช่วยคุณได้อย่างดีที่สุดและลึกที่สุด ไม่ต้องไปหาความสุขที่ไหน เพราะความสุขได้เข้าไปอยู่ในจิตใจของคุณแล้ว










หลักธรรมคลายทุกข์ในใจ


อาตมาอยากบอกว่า ความทุกข์เป็นอนิจจัง เกิดขึ้นได้ก็ดับลงได้ คนจำนวนมากเวลาความทุกข์เกิดขึ้นชอบคิดว่าตัวเองสิ้นหวัง ๆ ทั้งที่จริงแล้ว หารู้ไม่ว่าความทุกข์มันจะเกิดขึ้นมาพักหนึ่งก็จะดับลงไปเอง ไม่ต้องไปนั่งทุกข์หรือดับชีวิตตัวเองหรอก ถ้าทุกคนเข้าใจว่าความทุกข์ต่างๆ มันเป็นอนิจจัง คือเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และดับไป เราก็จะไม่มานั่งจมกับทุกข์และเรียนรู้ที่จะสู้ต่อไป โยมต้องคิดว่าเกิดมาเราก็มาตัวเปล่า ต่อให้เราเหลือเสื้อผ้า 1 ชุดตอนตาย เราก็ยังเหลือกำไรอยู่ดี อย่าไปกลัวเลยกับความทุกข์







แต่ให้มองว่าความทุกข์คือ ฤดูกาลของชีวิต คนฉลาดเวลาหน้าฝน หน้าร้อน หน้าหนาว เข้ามาจะไม่ย้ายตัวเองหนีฤดูกาล แต่เรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางฤดูกาลของชีวิต ด้วยการปรับตัวอย่างเท่าทัน รอบคอบ และมีสติ

จงเรียนรู้และรับมือกับความทุกข์ไปเถอะ เพราะทุก ๆ ครั้งที่เราเผชิญวิกฤติแล้ว แล้วเราเป็นฝ่ายชนะ เราก็จะมีประสบการณ์มาเป็นของแถมเสมอ สุดท้ายเราก็จะเป็นผู้ที่อยู่กับวิกฤติอย่างมีความสุข และจะขอบคุณวิกฤติต่าง ๆ ที่ผ่านมาเข้าม า เพราะได้รู้ว่าวิกฤตินั่นแหละ สอนให้เราเรียนรู้ที่จะหยัดยืนอย่างสง่างามในโลกใบนี้








พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ผู้เผชิญชีวิตด้วยปัญญานับว่าเป็นผู้ประเสริฐที่สุด การดำเนินชีวิตด้วยปัญญาคือ มีชีวิตที่ดีที่สุด คนทุกรุ่นควรดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ถ้าเราดำเนินชีวิตด้วยปัญญา เราจะมีชีวิตที่ดีที่สุด แต่คนส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตด้วยโลภ วิ่งไปหาเงิน วิ่งไปหาความโกรธ วิ่งไปหาความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดี ทำลายกันเอง เสียเวลาในชีวิตแสวงหาวัตถุมากมาย ก่อนที่จะค้นพบความจริงค้นภายหลังว่า ทรัพย์สินที่หาเอาไว้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง คนยุคนี้จึงไม่มีความสุข เพราะตลอดชีวิตดำเนินชีวิตภายใต้การบงการของความโลภ โกรธ หลง









ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือ เราต้องหันมาดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา รู้ว่าความโลภไร้ขีดจำกัด ถ้าเราตามความโลภไป เราจะตายเสียก่อน ความโกรธนั้นนำมาซึ่งความรุนแรง ถ้าเราโกรธเสมอ ๆ วันหนึ่งเราจะก่อความวินาศให้กับตัวเองและคนอื่น เพราะทุกครั้งที่ไฟจะไหม้อะไรก็ตาม ไฟจะไหม้ตัวเองก่อนเสมอ ถ้ารู้ว่าความหลงเป็นส่งที่ไม่ดี เราก็รีบถอนตัวเองออกมาดำเนินชีวิตด้วยปัญญา

ถ้าเรามีปัญหาก็เปรียบเสมือนเรามีตาที่สาม ต่างจากคนทั่วไปที่มีเพียง 2 ตา ที่ดำเนินชีวิตรอดบ้างไม่รอดบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ถ้าเราตาที่สามคือปัญญา ตานั้นแหละ จะทำหน้าที่พาเราไปพบแต่สิ่งที่ดีในชีวิต








ขอบคุณกรอบและแฟลชสวยๆ จากคุณกุ้งและคุณฮาว๊าย ฮาวายจ้า




Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2553 10:21:16 น.
Counter : 668 Pageviews.

12 comment
ใจที่ไม่เปิดเผื่อรับฟัง มองไม่เห็นซึ่งหนทางการพัฒนา จากท่าน ว วชิรเมธี
hawaiihawaii



ใจที่ไม่เปิดเผื่อรับฟัง มองไม่เห็นซึ่งหนทางการพัฒนา

ฟ้ามิได้แบ่ง ยอดคน กับ คนธรรมดา ออกจากกัน
ยอดคนจะปรากฏขึ้นเสมอแต่นั้นมิใช่เพราะ ฟ้ากำหนด การที่ "ยอดคน"
ปรากฏขึ้นได้เพราะ เขาผ่านการ "ฝึกฝน" และ "เรียนรู้" ที่จะเป็นยอดคน





"อัจฉริยะ" ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด
คนเก่งได้นั้นต้องได้รับการฝึกฝน ม้าดี ต้องมีคนขี่มาฝึกฝน ..
นักกีฬาที่ดีต้องมีโค้ทที่ดีมาฝึกฝน

Don't Look Down Yourself.
อดีตไม่สำคัญว่าเราเป็นใคร สำคัญที่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นใคร
จงเคารพนับถือในความสามารถของตัวเอง ยกย่องและให้เกียรติตัวเอง





สมองของคนเราเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า
เมื่อเราปลูกอะไรลงไปเราก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น ... จงปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ
ลงไปในสมองคำพูดใดๆ ที่เราเคยได้ยินซ้ำๆ ซากๆ เกิน 37 ครั้ง มันจะกลายเป็น
"อุปนิสัย" ของเราทันที





สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือ "สิ่งแวดล้อม" อย่าปล่อยให้ความคิด
หรือคำพูดของคนบางคนมาตัดสินชีวิตของเรา
ในโลกนี้ไม่มีใครมีอิทธิพลกับตัวเราเอง
นอกจากตัวเราเอง






ชีวิตไม่ใช่เกมส์กีฬา ไม่มีเวลาพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก และที่สำคัญคือ
เปลี่ยนตัวผู้เล่นไม่ได้ ไม่มีใครเกิดมา ล้มเหลว มีแต่ ล้มเลิก

คนฉลาด.. ต้องโง่เป็น คนโง่ไม่เป็น..จะไม่มีทางฉลาด

เพียงคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็ทำได้ตั้งแต่ที่คุณคิด
แต่หากคุณคิดว่าคุณทำไม่ได้
คุณก็ทำไม่ได้ตั้งแต่ที่คุณคิด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์
คือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทางจิต ที่ตอกย้ำตัวเองว่า .. ทำไม่ได้






แม้แต่ "คิด" ยังไม่กล้าที่จะคิด แล้วชีวิตจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
จงกล้าที่จะเผชิญความล้มเหลว.. ความล้มเหลวคือครูที่ทดสอบตัวเรา
If you want to have success, you have no choice.




มนุษย์ คือจุดศูนย์กลางของเส้นรอบวงที่ไม่มีขีดจำกัด .. ทำไม?
มนุษย์เหมือนกันจึงประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะ
มนุษย์แต่ละคนได้รับโอกาสทางความคิดที่แตกต่างกัน




คนสำเร็จมองปัญหาเป็นโอกาส คนล้มเหลวมองโอกาสเป็นปัญหา
คนสำเร็จจะปรับตัวเองไปหาโลกภายนอกคนล้มเหลว จะให้โลกภายนอกปรับตัวเข้าหาตัวเอง
Team work is less E-GO and more WE GROW





คนสำเร็จระดับผู้บริหาร เป็นผู้นำขององค์กรต่างๆ ในโลกนี้ กว่า 85%
ทั่วโลกล้วนแล้วแต่มิใช่คนเก่ง แต่เป็นคนดีทั้งสิ้น คนเก่ง.. มักจะมี อัตตา
จะไม่ยอมปรับตัวเข้าหาโลก ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
ไม่ยอมรับการพัฒนา..ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ ปกครองคนไม่ได้ คนเก่ง..ใช้เวลา 2-3 ปี
ก็สอนให้เก่งได้ .. แต่.. คนดีต้องใช้เวลา ชั่วชีวิต สอนกัน
คนเก่งมักจะขาดความจงรักภักดี ไม่มีความกตัญญู





"ความรู้" เป็นเพียง "พลังอำนาจแฝง" ชนิดหนึ่งเท่านั้น "ความรู้"
จะกลายเป็น "พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่" ได้ก็ต่อเมื่อมันถูกนำ ไปใช้อย่างชาญฉลาดเท่านั้น

ฟัง..แต่..ไม่ได้ยิน ได้ยิน..แต่..ไม่เข้าใจ เข้าใจ..แต่..ไม่ลึกซึ้ง
ลึกซึ้ง..แต่..ไม่แตกฉาน แตกฉาน..แต่..นำไปใช้ไม่เป็น !!!
จงนำศักยภาพและอัจฉริยภาพที่ซ่อนเร้นในตัวเรา มาใช้อย่างชาญฉลาด





บทความของท่าน ว วชิรเมธี


ขอบคุณเพื่อนจากฮอตเมล์ที่ส่งบทความดีดีมาให้

hawaiihawaii



Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2553 1:10:22 น.
Counter : 946 Pageviews.

26 comment
ป่วยจ้า
hawaiihawaii



หวัดดีที่รักและคิดถึง

สองสามวันมานี่อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ปวดหัวมาตั้งแต่วันพุธแล้ว แต่มาร่วงจริงๆ ก็วันศุกร์ค่ะ อาจจะเป็นเพราะเรื่องงานด้วย หรืออยู่แต่ในห้องอบรมเคร่งเครียดอยู่กับงานตรงหน้าที่ห้องอบรมเลยทำให้ปวดหัว วันพุธเย็นพอกลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำนอน วันพฤหัสกลางวันอากาศก็ร้อนแล้วก็ยังต้องอยู่แต่ในห้องอบรม ไหนจะงานอาทิตย์หน้าที่จะต้องขึ้นอีก เอกสารก็ไม่เรียบร้อยทำอะไรไม่ทันแม้แต่อย่างเดียว พอกลับบ้านมาก็ไทลีนอลไปสองเม็ดตอนเย็น ตื่นมากะค่ำๆ อาบน้ำแล้วนอนรอสายโทรศัพท์บอกว่าจะโทรฯกลับอีกครั้ง แต่ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็ตีห้า ไม่มี มิสคลอ อืมม์ ช่างมัน ไม่โทรฯกะช่างมัน อาบน้ำมาทำงาน ก็มีแต่งานเร่ง งานเก่าก็ต้องเคลียร์ งานใหม่ก็จะขึ้นวันจันทร์ เฮ้อ เหนื่อยเหลือเกิน แค่เตรียมหลักสูตรที่จะขึ้นวันจันทร์นี้ เอกสารการอบรมยังเข้าเล่มไม่เรียบร้อย กว่าจะเสร็จก็ปาไปสี่โมงกว่า ช่างเข้าเล่มบอกให้รีบมาเอาไปเพราะจะปิดห้องแล้ว ก็ต้องขับรถไปเอาเอง ไปขนเอง ขนไปไว้ที่ห้องอบรมอีกตึกนึง ปรากฎว่าห้องปิดแล้ว เด็กๆ ก็กลับบ้านหมดแล้ว ต้องขนไปไว้หน้าห้องอบรม ฝาก รปภ. ไว้ ขนเองอีก ใส่ส้นสูงอีกต่างหาก เฮ้อ เหนื่อย กลับมาบ้านอาบน้ำ กินข้าว กินยา แล้วนอน บ้านสองคนกะข้าวปุ้น ตื่นมาอีกทีกี่ทุ่มกี่ยามไม่รู้ ปวดหัวเหมือนจะระเบิด ลุกไม่ขึ้น เอาอีกแล้ว อาการเดิมกลับมาอีกแล้ว ปวดหัวแล้วลุกไม่ขึ้น มันเอาหัวไม่ขึ้นอ่ะ กะเลยนอนโทรฯ หาคนโน้น คนนี้ แต่ไม่มีใครรับสายแม้แต่คนเดียว ส่งแมสเสสก็เงียบกันไปหมด ปวดหัวก็ปวดหัว เลยนอนร้องไห้มันทั้งคืนเลย สายๆ คนที่บ้านมาแทบจะคลานไปเปิดประตูบ้าน มะวานเลยกระหน่ำกินยาแก้ปวดหัว กินข้าว กินยา แล้วนอน นอนแล้วกินข้าว กินยา ทั้งวันไม่ทำไรเลย ปวดไปหมด หัว หู ตา เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว อาการเหมือนเป็นไข้ แต่จะปวดหัวมากกว่า ตอนเช้ามีคนโทรฯมา ถามว่าไม่สบายเหรอ ก็บอกว่าปวดหัว แล้วบอกว่าจะโทรฯ มาอีกตอนนี้ไม่ว่าง







สี่ทุ่มกินยาไปแล้ว คนบางคนบอกจะโทรฯกลับ รอสายจนเที่ยงคืน ก็ไม่มีแม้แต่เสียงเรียกเข้า ปวดหัวก็ปวด (แต่อาการดีกว่ามะวานแล้ว) เลยตัดสินใจส่งแมสเสสว่าไม่ต้องโทรฯมาแล้ว จะนอนแล้วกินยาไปจะหลับอยู่แล้ว ถ้าจะให้ดีก็ไม่ต้องโทรฯมาตลอดไปเลยก็ได้ หุหุ เช้านี้ตื่นมาก็อาการดีขึ้นเป็นลำดับ แต่อาการปวดหัวยังคงมีอยู่



พูดถึงเรื่องปวดหัวแล้วอยู่คนเดียว ตอนที่อยู่บ้านนู้นเป็นบ่อยพอมีปัญหาอะไรมากวนใจก็จะเครียดแล้วก็จะปวดหัวมาก ยิ่งถ้าร้องไห้ด้วยแล้วปวดหัวแทบจะระเบิดเหมือนตอนนี้แหละ แล้วเป็นโรคบ้าอย่างหนึ่งพอได้ร้องไห้แล้วมันร้องไม่หยุด ร้องเป็นสองสามชั่วโมง ช่วงที่เสียใจที่สุดเคยร้องทั้งวันทั้งคืนเลย แต่อยู่บ้านนู้นน่ากลัวก็คืออยู่คนเดียวเวลาเป็นไรขึ้นมาก็ต้องช่วยตัวเองให้ได้ เชื่อมั๊ย เคยขับรถไปโรงพะบานตอนสี่สองเพื่อไปหาหมอ ขับไปทั้งที่มีอาการปวดหัวนั่นแหละ จากบ้านถึงโรงพะบานก็เกือบๆ สิบห้าโล ไปถึงโรงพะบานได้ทิ้งหมด รถรา กระเป๋าตังค์ จอดรถได้หน้าโรงพะบาน กะร่วงเลย หมอยังบอกว่า มาถึงได้ไงเนี่ย อึดจิงๆ ไปนอนให้หมอสแกนสมอง ให้น้ำเกลือ อยู่คืนกะวันนึง กะกลับบ้าน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าถุงไปนอนโรงบาน บางทีพอรู้ตัวว่าจะเริ่มปวดหัวในอาการแบบนี้อีก ขับรถไปโรงบานเลย บอกหมดว่าปวดหัวเครียด หมอให้นอนเลยให้น้ำเกลือแล้วให้ยาคลายเครียด นอนจนน้ำเกลือหมดแล้วกลับมานอนที่บ้านต่อ







มีอยู่ครั้งนึง ปวดหัวม๊าก ชนิดที่ลุกไม่ขึ้นเลย ต้องโทรฯหาพี่ที่เป็นพยาบาลบ้านตรงข้ามกันอ่ะ พี่เค้าก็เข้าบ้านไม่ได้ ต้องให้พี่เค้าปีนรั้วเข้ามา แล้วถุงง่ะคลานออกไปเปิดประตูบ้านให้พี่เค้า แล้วกะร่วงตรงหน้าประตูนั่นแหละ พี่เค้ากะเรียกรถพยาบาลมารับไปโรงบาน หลังๆ มาพี่พยาบาลเค้าขอกุญแจบ้านไว้ชุดนึงเลย แล้วห้ามถุงใส่กลอนประตู ให้ถุงใส่แต่กุญแจประตูเหล็กดัดแค่นั้น ไม่งั้นเค้าบอก เค้าช่วยไม่ทัน







เหตุที่ปวดหัวมากตอนที่คิดมากหรือเครียดก็เป็นเพราะว่า เมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยได้รับอุบัติเหตุรถชน แล้วหัวด้านซ้ายกระแทกกับพวงมาลัย แล้วมันจะมีอาการชาๆ ไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนสระผมกะเคยเอาเล็บเกาจนเลือดออกเลยก็มีเพราะว่ามันไม่รู้สึกว่าคัน หรือหายคัน เพิ่งจะมารู้สึกได้เมื่อไม่นานมานี่เอง ทีนี้เวลาถุงคิดมากหรือเครียดหรือใช้สมองมากๆ ก็จะมีอาการปวดหัวเหมือนจะระเบิด แล้วก็จะลุกไม่ขึ้นแบบนี้นี่แหละ ก็รู้ตัวนะว่าถ้าเครียดมากจะปวดหัว ก็เลยไม่ค่อยอยากจะเครียด ไม่อยากจะคิดอะไรมาก แต่บางครั้งบางเรื่องมันเลี่ยงไม่ให้คิดไม่ได้ มันเลี่ยงไม่ให้เสียใจไม่ได้นี่เนาะ

คุยมามากแระ ขอไปพักผ่อนก่อนเน้อ อาทิตย์หน้าต้องรับศึกหนัก







ขอบคุณกรอบจากคุณฮาว๊ายฮาวาย
hawaiihawaii



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 12:59:49 น.
Counter : 1615 Pageviews.

12 comment
ภูเขาแห่งความโกรธ (ว.วชิรเมธี)
hawaiihawaii


ครั้งหนึ่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อสหรัฐอเมริกาโกรธทหารญี่ปุ่นที่เอาเครื่องบินมาทำกามิกาเซ่ เครื่องบินเรือรบของอเมริกาที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ ความโกรธของอเมริกาครั้งนั้นทำให้อเมริกาเอาระเบิดนิวเคลียร์ไปถล่มเมืองนางาซากิ เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น คนตายทันทีทั้งสองแห่งกว่า ๔ แสนคน ฮิตเลอร์โกรธชาวยิว ฆ่าชาวยิวไปในสงครามโลกครั้งที่ ๒ กว่า ๖ ล้านคน พระเจ้าวิฑูทภะในประเทศอินเดีย โกรธที่ชาวศากยะซึ่งเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้ามาดูถูกพระองค์ ทรงกรีธาทัพไปฆ่าชาวศากยะล้างโคตร จนตระกูลศากยะของพระพุทธเจ้าสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นี่คืออานุภาพการทำลายล้างของความโกรธ

เมื่อความโกรธเกิดขึ้นในใจของคนคนหนึ่ง ทุกสิ่งสามารถถูกนำไปเป็นอาวุธทำลายล้างกันได้ทั้งหมดเลย ยกตัวอย่างใกล้ตัวที่สุด หัวของเรานั้น ปกติก็เป็นที่อยู่ของมันสมอง สติปัญญา แต่เวลาเราโกรธกันขึ้นมา เราใช้หัวโขกหัวคนที่เราโกรธจนหัวแตกก็ได้ ตาของเราซึ่งเวลาเรารักกันนั้น เราสบตากันแล้วรู้สึกดีมาก เพราะว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ แต่เวลาโกรธ คนสองคนโกรธกันอาจจะใช้ดวงตาเผาไหม้อีกฝ่ายได้อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด



ฟันของเราปกติใช้บดเคี้ยวอาหาร ทำให้เราได้กินของอร่อยๆ พอเราโกรธกันขึ้นมา เราอาจจะกัดคนที่เราโกรธหูขาด คอขาด แขนขาด เลือดไหลทะลักออกมาก็ได้ทั้งนั้น

สำหรับสามีภรรยาที่เคยรักกัน เวลารักกันเราก็จะตระกองกอดกันอย่างมีความสุข สองมือนี้อาจจะคอยประคองสองแก้มของคนที่เรารัก แต่เชื่อไหมว่า สองมือที่เคยตระกองกอดเราก็ดี เคยประคองสองแก้มของเราด้วยความชื่นชมก็ดี มือเดียวกันนี่แหละ ที่ถ้าโกรธแล้วสามารถตบเราให้หน้าคว่ำหน้าหงายได้



สำหรับพ่อแม่ลูกที่อยู่ด้วยกันในบ้าน ตอนที่ยังดีๆ กันอยู่ เคยไปเลือกซื้อข้าวของเครื่องประดับมาไว้ในบ้าน จัดมุมโน้น จัดมุมนี้อย่างสวยงาม ด้วยความสมัครสมานสามัคคี แต่เชื่อไหมว่าเวลาทะเลาะกัน ข้าวของที่เราเคยช่วยกันซื้อระหว่างพ่อแม่ลูก สามีภรรยานั่นแหละ เวลาโกรธกันขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างก็หยิบขึ้นมาขว้างปากันจนหัวร้างข้างแตก เครื่องประดับกลายเป็นอาวุธทำร้ายคนที่เรารักไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สำหรับคู่สามีภรรยาที่นอนเตียงเดียวกัน เวลาโกรธกันขึ้นมา โคมไฟบนหัวเตียงอาจจะกลายเป็นกระบองชั้นดีทุบอีกฝ่ายหนึ่งจนเลือดอาบก็ได้



สำหรับช้อน ส้อม ซึ่งเราใช้กินอาหารอยู่ทุกวัน เวลาทะเลาะกันในวงข้าว อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะหยิบมันมาเสียบคอของคู่ต่อสู้ หรือปักไปในดวงตาของคนที่ทำให้เราโกรธทันทีทันใดก็ได้

สำหรับพระที่ขาดสติ หากทะเลาะกันขึ้นมา บาตรที่เคยใช้ใส่ข้าวอยู่ทุกเช้า อาจจะกลายเป็นอาวุธที่ทุบหัวของอีกฝ่ายหนึ่งให้กะโหลกแตกกระจายก็ได้

ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้บ้านแตกก็ได้ ทำให้ครอบครัวแตกก็ได้ ทำให้สำนักงานแตกก็ได้ ทำให้เพื่อนแตกจากเพื่อนก็ได้ ทำให้ข้าวของแตกกระจายก็ได้ ทำให้พรรคแตกก็ได้ ทำให้ประเทศแตกก็ได้ และทำให้โลกนี้แตกก็ได้ เหนืออื่นใดก็คือ ทำให้ชีวิตของเราแตกดับก็ได้



ที่กล่าวมานี้ก็เป็นอันตรายของความโกรธแค่ย่อๆ เท่านั้นเอง อาตมาเชื่อว่าทุกคนต้องเคยโกรธมาแล้ว และรู้ดีว่าความโกรธทำให้เราเจ็บปวดแค่ไหน

ถ้าความโกรธเกิดขึ้นจงอย่าวิ่งตามความโกรธ แล้วก็อย่าเก็บความโกรธใส่ไว้ในขวดโหลเหมือนเราดองผลไม้ไว้ในขวดโหล
ดังนั้นเมื่อความโกรธเกิดขึ้นเราต้องจัดการมันก่อน เพราะถ้าทิ้งไว้เราจะถูกมันจัดการ

"ว.วชิรเมธี"



บทความคัดลอกจากเวป (ขอบคุณเน้)


////atcloud.com/stories/29761


hawaiihawaii



Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 5:54:46 น.
Counter : 971 Pageviews.

39 comment
"รัก"สิ่งดีดี
hawaiihawaii



รัก...สิ่งดีๆ



"รัก" ไม่มีคำว่าเศร้า ทุกข์ ขมขื่น หรืออะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ดี…

"รัก"มีแต่สิ่งดีๆ ให้กันและกัน

สิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจาก "รัก" แต่เกิดจากการคาดหวัง

ที่แต่ละคนคิดว่าหากรักกันแล้ว…ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง

ในความเป็นจริงแล้วใช่อย่างนั้นหรือ…การคาดหวังเกิดขึ้นได้กับทุกคน …

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิ่งที่คาดหวังของคนสองคนไม่ตรงกัน…คุณคงนึกภาพออก…

แล้วถ้ายิ่งคุณทำอะไรให้กับคนที่คุณรักแล้วแต่ไม่ตรงกับที่คนรักคุณคาดไว้

สิ่งนั้นก็หมดความหมาย… คนทำก็หมดกำลังใจ ทำตั้งเยอะไม่ได้อะไร ตอบแทนเลย

จึงกลายเป็นการเรียกร้องเกิดขึ้น

เมื่อคุณเป็นฝ่ายให้แล้วทำไมอีกฝ่ายไม่เป็นฝ่ายให้บ้าง

โดยคุณอาจลืมไปว่าอีกฝ่ายก็ได้ให้คุณเหมือนกัน

เพียงแต่สิ่งนั้นไม่ได้ตรงกับที่คุณคาดไว้

และมันไม่มีความหมายกับคุณเลย

เมื่อคนสองคนคิดไม่ตรงกัน…ที่ต้องการจะเป็นฝ่ายรับ

หรือเรียกร้องที่จะรับโดยบอกให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายให้…

ความทุกข์ต่างๆ ก็จะตามมา






"รัก"

ไม่ต้องคาดหวัง…ทำให้เมื่ออยากทำ…ไม่ต้องรอสิ่งตอบแทน…

และรับในสิ่งที่อีกฝ่ายให้เมื่อเขาอยากให้…ไม่ต้องเรียกร้อง

เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง…โอนอ่อนในบางที …สิ่งดีๆ ก็จะเกิด


"รัก"

ก็จะปรากฎ






ขอขอบคุณเพื่อนปายที่ส่งเมล์ดีดีมาให้ตลอด ขอบคุณกรอบและแฟลชสวยๆจากคุณฮาว๊ายฮาวายและคุณญามี่เน้
hawaiihawaii



Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 5:07:57 น.
Counter : 808 Pageviews.

26 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  

ถุงก๊อปแก๊ป
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ถุงก๊อปแก๊ป มีไว้เก็บหัวใจของทุกคน

ถุงก๊อปแก๊ป กะคือถุงแซ่ว ๆ มีไว้ใส่อะไร อะไร สารพัดสารพัน ที่อยากจะใส่ หรืออยากจะเก็บ แต่ถุงใบนี้ชอบเก็บแต่ความรู้สึกดีดีค่ะ ความรู้สึกดีดีที่เรามีให้กันและกัน


Backgrounds From myglitterspace.Com Backgrounds From myglitterspace.Com
เช็คข้อความหลังไมค์









*

Online






เริ่มติดตัวนับเมื่อประมาณเดือน กพ. 53 เน้
free hit counter
bebj.com - free visitors browsers counter
bebj.com - free visitors info widget
my os

.free counters

.

/Share/Bookmark

/Subscribe

/

/

/

/
All Blog
Friends Blog
[Add ถุงก๊อปแก๊ป's blog to your weblog]