จิตมนุษย์เปรียบดังนํ้าคลองที่ขุ่นมัว ภาวะการณ์เช่นนี้จึงทำให้มนุษย์ส่วนมากมองไม่เห็นสภาพความเป็นจริงของธรรมชาติในตนที่ถูกโคลนตมอันเปรียบดังกิเลสผสมอยู่ในนํ้าปิดบังปัญญาตน
การฝึกสมาธิเป็นการฝึกจิตให้สงบ เปรียบดังการตักนํ้าคลองมาใส่โอ่ง จากนํ้าคลองที่กระแสลมพัดพากระแสคลื่นที่คอยกวัดแกว่ง โคลนตมจึงไม่สามารถตกตะกอน จิตมนุษย์โดยทั่วไปก็มีภาวะคล้ายเช่นนี้ที่จะหาความสงบได้ยาก
แต่เมื่อนํ้าคลองถูกตักมาอยู่ในโอ่ง เป็นการจำกัดด้วยสถานที่ให้นิ่งสงบลงถูกกาลเวลากักอยู่ระยะหนึ่งเปรียบดังจิตที่ถูกอบรมบ่มนิสัยอยู่ระยะหนึ่ง จิตก็จะค่อยๆสงบลงเหมือนนํ้าในโอ่งก็จะค่อยๆตกตะกอนระยะเวลาแห่งการอบรมบ่มนิสัยยิ่งยาวนานและถูกวิธีแล้วนํ้าในโอ่งก็จะใสสะอาดเหมือนจิตนั้นที่อยู่ในภาวะที่ฝึกอบรมปฏิบัติถูกต้องดีแล้ว ก็จะสามารถ รักษาภาวะใสสะอาดจิตนิ่งอยู่ได้นานเท่าที่กำลังสมาธิรักษาอยู่ ยามใดที่จิตสงบนํ้าใสสะอาด ก็พอที่จะมองลงไปถึงก้นบึ้งของโอ่งนํ้าเหมือนมองเห็นกิเลสดังโคลนตมอยู่มากมาย
แต่วันใดที่มีใครมากวนนํ้าอันใสสะอาด ตะกอนหรือกิเลสก็จะลอยขึ้นมาปนกับนํ้าสะอาดทำให้นํ้าที่เปรียบดังจิตใจนั้นขุ่นมัวขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ตัวอย่างเช่น
มีคนมายั่วให้เราเกิดโทสะ โทสะเกิดขึ้นก็ทำให้อารมณ์เศร้าหมองขุ่นมัว ภาวะนี้จิตจึงไม่สงบ
สรุป การฝึกสมาธิเป็นการฝึกจิตมีลักษณะคล้ายกับการกล่อมเกลาให้จิตสงบ แต่ยังไม่ได้ละลายกิเลสที่เหมือนโคลนตมนอนนิ่งอยู่ที่ก้นบึ้งของโอ่งหรือสันดานคน และใครที่มีความสามารถกล่อมเกลาอารมณ์ตนให้นิ่งอยู่ได้นานเท่าใด ที่ทนต่อการรบเร้าของอารมณ์ โลภ โกรธ หลง ที่ผ่านเข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของจิตที่ฝึกอบรมมา
ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังเป็นอย่างบทความข้างบนอยู่หรือเปล่า บางครั้งมีความรู้สึกเหมือนมีอารมณ์เศร้าหมองขุ่นมัว จิตไม่สงบเครียดๆ ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนที่ผ่าน ๆ มา จึงต้องหาบทความนี้ไว้เตือนตัวเองไปด้วย