Japan Day 3; อาซากุสะ, สวนอุเอโนะ, อิเคะบุคุโระ
มาถึงวันที่ 3 ด้วยความรวดเร็ว จริงๆ แผนคือไปดิสนีย์แลนด์วันนี้ แต่ว่าที่ต้องเปลี่ยนแผน เพราะงก ใช้ Two Day ให้คุ้ม เพราะตั๋ว Two Days Pass ต้องใช้สองวันที่ติดกันนะจ๊ะ ^ ^

วันนี้ไปไหว้พระ แต่งตัวเรียบร้อยหน่อยนะจ๊ะ


เริ่มกันที่เดินจากที่พักไปอาซากุสะ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ว่าจะไปไหว้พระที่วัดเซนโจจิ (โคมแดงที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูป) แต่ก่อนที่จะไหว้พระ ขอท้องอิ่มก่อน (ตามเคย) ร้านที่ไปเป็นร้านที่เปิดมาเป็นเวลา 80 ปี (ร้านเก่าแก่ขนาดนี้ จะไม่ลองชิมได้อย่างไร) อยู่ก่อนถึงปากทางเข้าวัดเลย



อาหารก็อร่อยดี แต่ไม่เลิศขนาดต้องกลับไปกินซ้ำ จากนั้นเราก็เข้าสู่เขตวัดเซนโจจิ ผ่านถนนนากามิเสะ ความยาวประมาณ 250 เมตร มีร้านค้าขายของที่ระทึกเต็มเลย แล้วให้เดินเข้าไปในสุด ร้านด้านขวา มีขนมมันจูเจ้าอร่อยอยู่ เห็นบอกว่าเจ้าชายเจ้าหญิงญี่ปุ่นต้องเสด็จมาทานเลยทีเดียว ดิฉันก้ไม่พลาดแน่นอน คุคุ






เข้าสู่การไหว้พระนะฮะ ต้องล้างมือสองข้าง บ้วนปาก ก่อนถึงจะไหว้พระได้ เสร็จแล้วก็ซื้อธูปมาไหว้พระ เมื่อปักธูปเรียบร้อยนะคะ อย่าลืมกวักควันธูปใส่ตัว พร้อมอธิษฐานขอให้หายป่วยหายเจ็บได้เลย

เอาล่ะ ไหว้พระเสร็จแล้ว มุ่งหน้าสู่สวนอุเอโนะ นั่งรถจากสถานี Asakusa (G19) ไปสู่สถานี Ueno (G16) ขึ้นมาก็เจอถนน Ameyoko เป็นถนนขายคล้ายๆกับตลาดสด มีขนมขายมากมาย ราคาถูกด้วย แนะนำให้ซื้อของฝากซะที่นี่เลย



โอ้ว ข้าวหน้าปลาดิบน่ากินริมทาง



โอะโคะโนะมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น)


ระเริงมาเรื่อยๆ จนถึงสุดท้าย ก็เห็นตู้กดโน่นนี่เรียงกันเป็นตับ


เดินมาอีกนิดเดียวก็ถึงสวนอุเอโนะ สวนสาธารณะกลางใจเมือง มีทั้งสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ






แต่ทว่า แบบนี้ไม่ใช่แนวดิฉัน รีบมุ่งหน้าสู่ที่ต่อไปที่อาคิฮาบาระดีกว่า โฮะๆ การเดินทางก็ง่ายแสนง่าย ลง TokYo Metro เหมือนเดิม สาย Ginza จาก G16 ไปที่ G14


อ้าวๆ ไหนล่ะรูป เรื่องมีอยู่ว่าเป็นคนชอบเกม การ์ตูน โมเดล โน่นนี่ กล้องถ่ายรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า Thumb Drive บลาๆๆๆๆ วิ่งระเริงเข้าไปในดงอาคิฮาบาระ นั่นเป็นสาเหตุให้ไม่มีรูปมาอวดโฉม

สอยได้กล้องโพลารอยด์ กับเครื่องวัดก้าวเดินแค่เนี้ยะ เพราะจะซื้อ Nintendo DS LL แต่กลัวมาใช้ที่เมืองไทยไม่ได้ แถมราคาก็ไม่ได้ถูกมาก

สงสารเพื่อนไม่ชอบย่านนี้ เรามุ่งหน้าสู่ย่านต่อไป นั่งจาก G14 ไปที่ G9 แล้วเปลี่ยนสายไปยังสาย Marunouchi นั่นคือ M16 ไปยัง M25 (การเปลี่ยนสาย ก็เหมือนกับเปลี่ยนจาก BTS สายหมอชิต ไปสายสะพานตากสิน ที่สยามแสควร์อ่ะค่ะ )

มาที่สถานีอาคิฮาบาระ เราจะเจอใต้ดินเป็นห้างๆๆๆๆๆๆ โอ้ว ห้าง Seibu มีเค้กจมเลย วิ่งรี่เข้าไปลั้ลลามากมาย


ถึงย่านนี้แล้ว เป็นสวรรค์อีกเหมือนกัน เพราะเราจะไปนัมจะ ทาวน์ (จากคำแนะนำของพี่หมี ผู้เขียนตีตั๋วตะลุยโตเกียวดิสนีย์แลนด์ หนังสือช่วยได้มากค่า)


เน่ๆๆๆๆๆ Sega มาเปิดตึกเลย เสียดายไม่มีเวลาเข้าไปเดิน



ก่อนเข้าสู่นัมจะแลนด์ ต้องหาอะไรรองท้องตามฟอร์ม เดินๆ ไปหยุดสักร้านแหละ สั่งข้าวหน้าหมูซีอิ๊ว อิ่ม อร่อย (ที่นี่ อร่อยทุกร้านเลยเนอะ) แต่เราห้ามกินเยอะ เพราะนัมจะทาวน์ จะมี 3 เมือง คือ เมืองไอติม เมืองขนมหวาน และเมืองเกี๊ยวซ่า


เน่ เป็นไงล่ะ ไอติมเยอะมากกกกกก แต่หนาวขนาดนี้ คงไม่ไหวนะ


ต่อกันที่โซนเกี๊ยวซ่า

กรี๊ดๆ เดินลงมาเจอบ้านผีสิง นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้ว น่ากัวมากๆ ถึงกับใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ วิ่งๆๆๆๆๆ ออกมาโซนขนมหวานดีกว่า จะได้ตะลุยฟองดูสีรุ้ง (ปกติบ้านเราเห็นแต่สีดำหรือสีขาว ที่โน่น ชมพู ขาว เขียว แดง ฟ้า ส้ม เค้าว่ากันว่าอ่ะนะ) เพราะตอนไปถึงโซนขนมหวานปิดแล้ว ดึกเกิ๊นนนนน

ถ้าเช่นนั้นก็ต้องถอยกลับสู่ถิ่นฐานแล้วล่ะสิ เหมือนเดิม นั่งสาย M25 มาลง M16 แล้วเปลี่ยนสาย G09 กลับบ้านเฮาที่ G18 ถึงบ้านก็ห้าทุ่มเที่ยงคืนทุกวันเลยแฮะ ต้องเก็บแรงไว้นะ พรุ่งนี้ต้องไปดิสนีย์แลนด์แต่เช้า

สรุปค่าเสียหาย
ข้าวเช้า 800 เยน
ทำบุญซื้อธูปและค่าเซียมซี 200 เยน
ค่าเดินกินสตรอเบอร์รี่ที่ Ameyoko 200 เยน (ตอนแรกนึกว่าจะเหมือนถังหูลู่ที่ปักกิ่ง จริงๆเป็นสตรอเบอร์รี่สด ไม่ได้อร่อยกว่าบ้านเราเล้ย)
เค้ก 400 เยน
ค่าเข้านัมจะทาวน์ 300 เยน
กินโซนเกี๊ยวซ่า 750 เยน
ข้าวเย็น 1000 เยน
รวม 4650 เยน



Create Date : 17 ธันวาคม 2552
Last Update : 21 ธันวาคม 2552 21:22:31 น.
Counter : 2383 Pageviews.

3 comment
Japan Day 2 ตะลุยชิบุย่า ฮาราจูกุ โตเกียวทาวเวอร์
ตื่นเช้าเก้าโมง พร้อมเที่ยวแล้ว วันนี้จะไปตะลุยชิบุย่า ฮาราจูกุ ต้องแต่งตัวเข้าเทรนด์ซะหน่อย อิอิ



ออกมาก็ใช้ตั๋ว Two Days Pass ของสาย Tokyo Metro ที่ซื้อมาจากนาริตะ ฟรีทั้งวัน ^ ^

ถ้าเราจะไปย่านชิบุย่า ก็เพียงมาลงสถานีรถไฟ G18 (Tawaramachi) เหมือนเดิม นั่งไป 18 สถานี ไปลง G1 (Shibuya)

กรี๊ด ออกจากสถานีออกมา ก็เจอเจ้าหมาฮาชิโค เค้าบอกว่ามันซื่อสัตย์กับเจ้าของมาก (อารมณ์ย่าเหล บ้านเรา) ปกติเดินตามมารับมาส่งเจ้าของขึ้นรถไปทำงานทุกวัน แต่วันนึงเจ้าของเสียชีวิตที่ทำงาน ถึงแม้คุณนายส่งมันไปอยู่บ้านญาติ แต่มันก็ยังเดินไปกลับที่นี่ทุกวันรอจนมืดค่อยกลับบ้าน จนมันเสียชีวิตที่จุดนี้ ดังนั้น ปัจจุบันเลยเป็นจุดนัดพบของคนญี่ปุ่นที่มาชิบุย่า (โห ทุกคนนั่งกดโทรศัพท์ ไม่กล้าถ่ายมา กลัวเค้าว่าเอา )

จะสิบโมงแล้วท้องเริ่มหิว วันนี้ขอพาไปกิน Yoshinoya ร้านข้าวหน้าเนื้อขาย franchise ทั่วญี่ปุ่น เปิด 24 ชม. (จริงๆชอบกินที่ฮ่องกงมาก เลยรีบมากินที่ญี่ปุ่น แต่ปรากฎว่าที่ฮ่องกงอร่อยกว่าแฮะ )

เอาหล่ะ อิ่มอร่อยแล้ว เดินมาจนถึง Shibuya 109 มีคนบอกว่าเป็นห้างของผู้หญิงโดยเฉพาะ แกต้องชอบแน่นอน พอเจอรีบวิ่งรี่เข้าไป ปรากฎว่า มันคือ ประตูน้ำแพลทตินัมเมืองไทยนี่เอง แต่ของแพงซื้อไม่ไหว ถูกสุดๆก็ 4000 เยนแล้ว


เมื่อไม่ได้อะไร เราไม่รอช้า รีบเดินต่อดีกว่า มุ่งหน้าสู่ฮาราจูกุ ผ่านร้าน ABC Mart ถ่ายมาเสียหน่อย เป็นร้านขายรองเท้าที่มี Franchise ทั่วโตเกียวเหมือนกัน เค้าว่ากันว่าถูก แต่ดิฉันก็ซื้อไม่ลงเหมือนกัน แพงได้อีก

กิ๊ดดดดดดดดดด นั่นอะไร ขนมไทยากิ เหมือนในการ์ตูนนี่หน่า วิ่งเข้าไปกินด่วนจี๋ ซื้อมาสามอันสามรถ ครีม ถั่วแดง ชอกโกแลต (เฮ้ยๆ นี่เพิ่งกินข้าวมานะ แกลืมไปหรือป่าว )



โอยยยยยยยยย เดินนานแล้วนะ หาฮาราจูกุไม่เจอเสียที ถามทางคน ก็บอกให้เดินวนไปวนมาหลายครั้งแล้ว เริ่มเหนื่อยแล้วนะ เฮ้ยๆๆๆๆ นั่นอะไร ดิสนีย์นี่หน่า ตั้งใจหาก็หาไม่เจอ บังเอิญเดินผ่านดันเจอ ขอแวะเข้าไปซื้อตั๋วดิสนีย์ก่อนนะคะ จะได้ไม่ต้องไปเข้าแถวหน้าทางเข้าดิสนีย์

สอยตั๋ว 2 Days Pass มาเรียบร้อย วันแรกตะลุยดิสนีย์แลนด์ วันต่อมาค่อยไปดิสนีย์ซี

โอย ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วนะ เหนื่อยมาก ขอไปนั่งรถไฟฟ้าไปฮาราจูกุแล้วกัน ไปขึ้นสถานีเดิม แต่นั่งสายสีน้ำตาล (Fukutoshin) จาก F16 ไปลง F15 ขึ้นมางงได้อีก เอาวะ เดินตามคนที่แต่งตัวประหลาดประหลาดเอาแล้วกันวะ เดินๆๆๆไปจนทุกคนเลี้ยวที่ซอยนึง เลยเลี้ยวด้วย โหหหหหหหหหหหห นั่นคนหรือนั่น แน่นได้อีก



เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าชื่อ ถนนทาเคชิตะ เป็นถนนที่วัยรุ่นนิยมเดินกัน ดิฉันเสียเวลากับการถ่ายสติกเกอร์ สนุกมาก และเดินร้านร้อยเยนที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว (เดาเอาจากที่เดินมาหลายร้าน) มันมี 4 ชั้นแน่ะค่า



ฟู้ววววว เริ่มเหนื่อย อยากนั่งพัก แต่ห้ามนั่งเฉยๆค่ะ เราต้องหาที่นั่งกิน เหลือบขึ้นไป เจอร้าน Sweet Paraise เป็น Buffet แต่แพงจัง 1480 เยน เอาฟระ เห็นจากรูป เค้กต้องหย่อยแน่ ลงทุน

โหวววววว เค้กอร่อยมากจริงๆด้วย ประทับใจมาก แต่เสียดายที่เหนื่อยจนกินไม่ลงกินไปได้นิดเดียวเอง เอาหล่ะ พอแล้วสำหรับฮาราจูกุ ตามกำหนดการ (ที่เอ็งตั้งไว้เองน่ะหรอ ) จะต้องไปชินจูกุ แต่ไม่ไหวแล้วเหนื่อยมาก เดินเยอะๆอีกไม่ไหว ไป Tokyo Tower ดีกว่า

ถามคนญี่ปุ่นกี่คน กี่คนก็ตอบเราไม่ได้ว่าต้องลงสถานีไหน (ถามมากกว่า 5 คน ทั้งญี่ปุ่น ทั้งอังกฤษ) ในที่สุด ถามนายสถานี เวิร์คที่สุด ในที่สุดก็ได้มาถึง Tokyo Tower ที่สถานี E21 (Akabanebashi)

ถึงโตเกียว ทาวเวอร์ ก็ถึงเวลาต้องเลือกว่าจะขึ้น 150m หรือ 250m ตัดสินใจเลือก 250m ก็เลยซื้อบัตร combination ปรากฎว่าเค้าเปลี่ยนกฎให้ซื้อแบบธรรมดา 820 เยนทุกคน แล้วค่อยไปซื้อเพิ่มเอาข้างบน โห คนเยอะได้อีก



จบจากเดินวนรอบๆ ก็ไป Museum ดีกว่า มีให้เลือกดังนี้
1. Noppon Magical Dungeon อันนี้อยากเข้ามาก เป็นเขาวงกตกระจก 400 เยน
2. Noppon Land ที่เล่นสำหรับเด็ก 300 เยน/30 นาที
3. Statistics Plaza (ไม่รู้ค่า)
4. Tokyo Tower Wax Museum เป็นหุ่นขี้ผึ้ง (ไม่น่าสนใจเช่นเดิม) 500 เยน
5. Space Wax ก็เป็นหุ่นขี้ผึ้ง แตกต่างกันไปตามวาระ 500 เยน
6. Guiness World Records Museum อันนี้แหละไม่พลาด รวมกินเนสบุ๊ค 800 เยน
7. Aquarium gallery เป็น aquarium ที่มีปลากว่า 50,000 ตัว



สำหรับเรา เข้า Guinness อันเดียว จากนั้นพระเพื่อนหาย เราเลยลงไปหาข้างหน้า เพื่อนเจอของที่ Lost & Found เราเลยตัดสินใจกลับกันเลย เพราะออกมาแล้ว เดินออกมาสักพัก เห็นคนญี่ปุ่นชี้มองอะไรกัน เลยมองตาม เฮ้ย โตเกียวทาวเวอร์ไฟดับ โชคดีที่ออกมาก่อน ขอบคุณพระด้วยนะคะ


โอย เหนื่อยมาก ขาเริ่มชา กลับบ้านกันดีกว่านะคะ

ค่าเสียหายวันนี้
ค่าข้าวเช้า Yoshinoya 400 เยน
ค่า Disney 10,000 เยน
ค่าข้าวกลางวัน Sweet Paradise 1480 เยน
ขนมไทยากิ 600 เยน
ค่าข้าวเย็นแถวบ้าน 300 เยน
ค่าเข้า Tokyo Tower 820 เยน
ค่าเข้า Guiness Museum 800 เยน
ค่าน้ำชา+โค้ก 252 เยน
ค่ารถ 170 เยน
รวม 14,822 เยน (หนักที่ค่ากินนี่เอง )

พรุ่งนี้เราจะไปอาซากุสะ สวนอุเอโนะ ช้อปปิ้งที่ถนนอาเมโยโกะ (มั้ง) และไปอาคิฮาบาระ ซื้อเกม กล้อง เครื่องใช้ไฟฟ้า จบลงที่อิเคะบุคุโระ ไปเดินนัมจะทาวน์



Create Date : 15 ธันวาคม 2552
Last Update : 21 ธันวาคม 2552 21:23:23 น.
Counter : 6251 Pageviews.

6 comment
ออกเดินทางบินสู่ญี่ปุ่น ตื่นเต้น นั่ง United เซ็งจิต ของถูกก็งิ
หลังจากซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้ามาครึ่งปี จองที่พักล่วงหน้ามาสองเดือน ได้เวลาบินเสียที กิ๊ดๆๆๆ ตื่นเต้นมากมาย

ตอนเช้ารีบตื่นไปสนามบิน เครื่องออก 6.35 ไปถึงตั้งแต่ 3.35 น. (ไม่ค่อยเว่อร์เล้ยยย) เกิดเหตุ ไม่มี Flight UA891 ตามตั๋วเครื่องบินที่ได้มา เคียด ทำไง จำผิดวันหรือนี่

ปรากฎว่า United เปลี่ยน Flight ไม่บอกล่วงหน้า -*-

อ่ะๆ ไม่เปนไร เช็คอินได้เรียบร้อย (ให้นน. 20 kg ของเราขาไปก็ 14 แว้ว ก็เค้ากัวหนาวนี่นา ได้ข่าวว่า 12 องศา)

พอเดินเข้าไปข้างในตอนตีห้า วิ่งรี่เข้าไปที่ King Powers หมายใจจะซื้อน้ำหอม Lolita Lemplica กลิ่นประจำตัว ปรากฎว่า UA บอกว่า เที่ยวบินนี้งดนำสินค้าจาก Duty Free ขึ้นนะคะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แล้วน้ำหอมที่ชั้นต้องไปใช้ที่ญี่ปุ่นล่ะเนี่ยย



จากนั้นก็ออกเดินทางสู่ญี่ปุ่น ชอบมากเลยที่เปิดการ์ตูน Walt Disney ให้ดู นั่งเพลินเลย แป๊บเดียวก็ถึงญีปุ่น ถึงก่อนเวลาด้วย (แต่เก้าอี้แคบมาก นั่งมาหลายสายการบิน ไม่แคบเท่านี้ ถ้าจะเพิ่มที่อีก 5 นิ้ว ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกคนละ 3100 บาท ฝันไปเถอะ )

บินไปถึงตอนบ่ายสอง ผ่านตม. รับกระเป๋าเสร็จ ก็บ่ายสาม ไปเดินหาซื้อ Two Day Pass 980 เยน (คุ้มมากๆ มีขายที่นาริตะที่เดียว ใครอยู่โตเกียวยาวๆ ก็ซื้อไปเลยนะ ไปซื้อรายวัน วันละ 710 เยนแน่ะ)



จากนั้นการเดินทางไปที่พักง่ายมาก ซื้อตั๋ว Keisei Line 1000 เยน แล้วเดินไปที่สถานีได้เลย ราคานี้นั่งได้สองแบบนะคะ คือ Local กับ Limited Express อย่าได้ขึ้นผิดเป็น SkyLiner แบบเราเด็ดขาด เพราะราคา 1920 เยน

(เวลาที่ต่างกัน เพียงแค่ 16 นาที คือ Skyliner ไปลง ueno ใช้เวลา 60 นาที ในขณะที่ Limited Express ใช้เวลา 76 นาที ต่างกันตั้ง 920 เยนแน่ะ)

เมื่อลงที่ ueno แล้ว ไปต่อสาย Ginza (หาลิฟท์ลงไปนะ จะได้ไม่ต้องยกแบบเรา ) นั่งไป 2 สถานี ถึง G18 ก็ลง (สถานีนี้ไม่มีลิฟท์ ต้องใช้พละกำลังที่มี ออกแรงแบกกระเป๋าขึ้นบันได) ออกทางออกที่ 3 เดินตรงไปเรื่อยๆ เจอ Wendy อยู่ทางขวาให้เลี้ยวซ้าย เจอแยกที่สองโรงแรมอยู่ทางขวา ประเด็นสำคัญคือ ชื่อโรงแรมเป็นภาษาญี่ปุ่น เลยหาไม่เจอ

จำไว้ว่าป้ายสีน้ำเงิน เปนตัวอักษรสีแดง 2 ตัว อักษรสีขาวอีก 4 ตัว

มาดูสภาพห้องพัก ว่าตามที่เค้าถ่ายในเว็บรึป่าว

ห้องทวิน
น่านอนมาก เพราะเป็นฟูกเหมือนโนบิตะ กะมีตู้เก็บของด้วยชอบมาก ห้องนี้ตกคนละ 3500 เยน/คืน



ห้อง Double
เตียงแคบได้อีก ราคาคนละ 3300 เยน/คืน ไม่คุ้มสุดๆ นอนไม่ได้ขยับตัวเลย



ไปถึงก็หกโมงเย็นแล้ว ฝนตกอีกตะหาก แผนที่วางไว้ว่าจะไป Tokyo Tower คงต้องล้มไป เก็บของแล้วเดินไปกินข้าวที่ห้าง Rox ชั้นบนดีกว่า

มื้อแรกไม่กล้าเสี่ยง ขอแค่ทงคัตสึพอ


อิ่มอร่อย กลับบ้านนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตะลุย ชิบุย่า ชินจูกุ ฮาราจูกุ

ค่าใช้จ่ายวันแรก
Keisei Line (โง่นั่ง Skylinerโดนปรับตอนออกอีก 920) 1920 เยน
ค่า Two Day Tokyo Metro 980 เยน
ค่ารถจาก Ueno ไป Ginza line (สถานี tawaramachi) 160 เยน
ค่าข้าวเย็น 900 เยน
ช้อปปิ้ง Daiso ซื้อนมกล้วย 105 เยน
รวม 4065 เยน



Create Date : 14 ธันวาคม 2552
Last Update : 14 ธันวาคม 2552 21:53:27 น.
Counter : 868 Pageviews.

9 comment
ที่พักราคาประหยัดในโตเกียว (กว่าจะจองได้ ตัดสินใจอยู่ครึ่งเดือน -*- )
หลังจากปีที่แล้ว เตรียมตัวอย่างหนัก พร้อมบิน ปรากฎว่าปิดสนามบินซะงั้น จากทริปตะลุยญี่ปุ่น เลยไปนอนชิวที่ปายแทน

ปีนี้ กลับมาตามสัญญา 5-12 ธ.ค.53 แต่ว่าชะล่าใจไปหน่อย จองที่พัก 15 ต.ค. ที่พักที่เคยจองไว้ Ikebukuro House เต็มเสียแล้ว ตกใจมากกกก ทำไงดี กลัวไม่มีที่พักราคาถูก อยู่สบายแล้ว



เมื่อเช็คข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ที่เค้าฮิตๆไปกันก็มี (ที่บอกไว้เป็นราคาห้อง private two)
1. Khaosan original - ถูกดึงดูดใจ ไม่เลือกเพราะว่ามีคนบอกว่า ฝรั่งเอะอะ ห้องเล็กมาก (2500 yen)


2. Khaosan อื่นๆ - ไ่ม่เลือกเพราะว่าราคาห้อง Private ไม่ได้ถูกมาก แต่อยู่ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวมาก หรือไม่ก็ห่างจากรถไฟฟ้า (3000 yen)



3. K's House - แพงเกินไปหน่อย 4400 yen สู้ไม่ไหว แต่สวยน่าอยู่



4. Kikuya - เป็นที่ที่อยากพักที่ซู้ดดดด แต่แพงเหมือนกัน (3500 yen ห้องน้ำรวม 4200 yen ห้องน้ำในตัว)



เลยมาลงท้ายที่ Toukaisou ราคาโอเค คือ 3500 yen ห้องน้ำในตัว ที่พักน่ารัก ที่สำคัญที่สุด คือ สตาฟพูดภาษาอังกฤษคล่อง มีแชมพู ครีมอาบน้ำ ไดร์เป่าผม ยาสีฟัน แปรงสีฟันให้พร้อมสรรพ



สรุปค่าใช้จ่าย (ขณะที่ยังไม่เดินทาง)

ค่าตั๋วเครื่องบิน United Airlines 12875 บาท
ค่าที่พัก 24500 เยน หรือ 9065 บาท
ค่าตั๋วดิสนีย์แลนด์ และดิสนีย์ซี (two day pass) 10000 เยน หรือ 3700 บาท

รวม 25,640 บาท





Create Date : 24 ตุลาคม 2552
Last Update : 24 ตุลาคม 2552 14:40:48 น.
Counter : 7988 Pageviews.

14 comment
ทริปวันเกิด- บ้านอ้อมกอดขุนเขา (บ้านย่าหยา)
หลังจากเคยได้มีโอกาสไปบ้านอ้อมกอดขุนเขามาครั้งหนึ่งเมื่อต้นปี ตอนนั้นจองบ้านเป็นหลังไม่ได้ ได้เป็นห้องรักแรก ประทับใจการบริการมาก เลยขอไปอีกรอบหนึ่งในวันเกิด

คราวที่ไปพักห้องรักแรก 2500 บาท ไม่มีบริเวณ เปิดประตู ก็เป็นเตียงเลย มาคราวนี้เป็นบ้าน คืนละ 4000 บาท ใหญ่โตมโหระทึกมากมาย ปลื้มมม

คราวนี้ได้บ้านย่าหยา หลังใหม่ล่าสุดที่เพิ่มเปิดให้พักเดือนส.ค.52 นี่เอง บ้านเป็น theme สีม่วง แต่บ้านอยู่โซนไกลสุดเลยทีเดียว (ตอนเช้ากินข้าวเสร็จ ปวดอึ๊ เกือบวิ่งไม่ทันแน่ะ ไกลมากกกกก เหมือนเล่นหนังอินเดียกันเลยทีเดียว
)

จะเห็นว่าหลังนี้ไม่มีดาดฟ้าให้ขึ้นไปชิว แต่มีระเบียงใหญ่นอกบ้านแทน


เข้าไปดูในบ้านมุมต่างๆ น่านอนสบายมากๆ (เสียตรงที่ทีวีไม่ได้หันไปทางเตียงนอน เวลาดูดีวีดี ต้องเดินมาดูที่ห้องนั่งเล่น) โอ้ว ก่อนที่ตากล้องจะได้ถ่ายห้องไว้ นางแบบก็วิ่งถลาเข้าไปทุกเฟรมตามฟอร์ม 5555



เสร็จแล้วก็เรียกตากล้องออกไปถ่ายรูปนอกบ้าน แหมๆ แดดดีแบบนี้จะพลาดได้ไง


เอ๊ะ ตากล้องมัวแต่ถ่ายห้อง ถ่ายวิว ดิฉันแต่งหน้าซะงาม ถ่าย portrait หน่อยเจะคะ



อาบน้ำดีกว่า เหนื่อยแล้ว ก่อนห้องน้ำจะเละ ขอแชะไว้ก่อนค่า


พออาบน้ำเสร็จ ก็หมดสภาพ มานอนให้หมอนวดมานวด 2 ชม. จากนั้นก็ลุกมากินข้าว ที่สั่งเค้ามาส่งตอนหกโมงเย็น (แอบเอาไก่ย่างจากอัมพวามากินมื้อนี้ด้วยแหละ อิอิ )

ไม่รู้ตั้งกล้องผิดยังไง ฟ้ามันเลยดูสว่าง ทั้งที่จริงๆมืด มื๊ด มืด


เสร็จแล้วก็นอนดูดีวีดีหน้าโซฟา แป๊บเดียว หนาวเลยเข้านอนเลยดีกว่า เตียงอุ่น นุ่ม สบายมากมาย

เช้ามาก็เดินเล่นรอบๆ แล้วก็ถ่ายรูปตามฟอร์ม


ประทับใจมากมายเหมือนเคย เงียบๆ ชิวๆ ต่อนยอนๆ
รับประกันว่ามีไปรอบหน้าอีกแน่นอน

แล้วเจอกันนะจ๊ะ บ้านอ้อมกอดขุนเขา



Create Date : 03 ตุลาคม 2552
Last Update : 4 ตุลาคม 2552 0:29:58 น.
Counter : 1554 Pageviews.

7 comment
1  2  3  4  5  

marukoman
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



All Blog