++ Positive Speaking ++
โรคเหงาของคนเมือง Urban Loneliness



จากเซ็คชั่นไลฟ์สไตล์
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2549
หน้า 53
โดย อัจฉราวดี อวนอ่อน




"ความเหงา" ศัพท์สั้นๆ ที่หลายคนไม่อยากเจอ ทว่าความเหงาก็ชอบมาเคาะประตูห้องขออาศัยอยู่กับเราบ่อยๆ โดยเฉพาะกับคนเมืองทั้งหลาย
ทั้งที่ในเมืองก็เต็มไปด้วยผู้คน แสงสี และสีสันมากมาย แล้วทำไมคนเหงามากขึ้นทุกวัน

...เป็นไปได้ไหมว่าความเจริญก่อให้เกิดความเหงา ?

เราอยู่ในสังคมที่บริโภคนิยม วัตถุนิยม และทุนนิยม ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ มันก็คือสังคมที่ให้คุณค่าต่อวัตถุมากกว่าสภาพจิตใจอยู่ดี ทุกคนมุ่งหน้าเข้าสู่ความเป็นที่หนึ่ง ต่างดิ้นรนแข่งขันเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีกว่า คาดหวังถึงความสะดวกสบายที่จะได้รับในอนาคต ปล่อยให้ความเร่งรีบ ปล่อยให้หน้าที่การงาน ปล่อยให้เทคโนโลยีมาควบคุมชีวิต จนในที่สุดก็หลงลืมคิดถึงจิตใจของตัวเองและคนรอบข้าง พอรู้ตัวก็อยู่คนเดียวอีกแล้ว

ไลฟ์สไตล์เหงาๆ
"ความเหงา" เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนยุคใหม่ จากรูปแบบความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในยุคเกษตรกรรมที่คนในสังคมเป็นเหมือนญาติพี่น้อง แต่เมื่อสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป เราให้น้ำหนักกับสิ่งของมากขึ้น ความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันเองก็ห่างเหิน เกิดภาวะ แปลกแยก (alienation) และก็รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวในที่สุด

ความโดดเดี่ยวนี้เรียกให้สวยขึ้นมาหน่อย คือ ความเป็นอิสระ หรือ ความเป็นตัวของตัวเอง !

คนรุ่นใหม่มีอิสรภาพในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเอง เช่นเดียวกับความเหงาที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับอิสรภาพ
สภาพของเมืองใหญ่ทำให้เราเริ่มกลายเป็นคนเหงาทีละเล็กทีละน้อย ลองสังเกตดูให้ดีว่า ไลฟ์สไตล์ชาวเมืองอย่างเรานั้นว้าเหว่เหลือเกิน ตั้งแต่ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านที่แทบจะไม่รู้จักกันเลยไปจนถึงค่านิยมที่เรียกว่า American dream ความฝันสูงสุดของทุกคนที่จะต้องมีบ้าน มีรถ และมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้คนก็ต้องผ่านความโดดเดี่ยวนับครั้งไม่ถ้วนในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อได้มาซึ่งวัตถุประสงค์
เราสามารถวัดดัชนีคนเหงาจากตัวเลขของคนที่แต่งงานลดลงเรื่อยๆ ขณะที่คนหย่าร้างมากขึ้นทุกปี (ในที่สุดก็ โดดเดี่ยว)
สื่อเองก็นำเสนอภาพของคนเหงา เอาใจคนเหงา ทั้งหนังของคนเหงาขายดีเรื่อยๆ นับตั้งแต่หนังของผู้กำกับฯ หว่อง กา ไว ที่ดูทีไรก็รู้สึกเหงาอย่าง In the Mood For Love และ 2046 หรือหนังเหงาๆ ของ เป็นเอก รัตนเรือง "เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล" หรือกระทั่งหนังออสการ์ของคนเหงาที่ชื่อ "Lost in Translation"
บทเพลง-บทกวีของคนเหงาก็มีออกมาไม่ขาดสาย แม้กระทั่งหนังสือก็มีเรื่องราวของคนเหงาในเมืองใหญ่เต็ม ไปหมด

ความเหงากับสัมพันธภาพที่เปลี่ยนไป
เพราะความเหงาเป็นสาเหตุของชีวิตคนเมืองที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดเวทีเสวนาในเรื่องของปรากฏการณ์ชีวิตของคนเมืองเป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องความรักและความสัมพันธ์ (พิจารณาให้ลึกซึ้งจะพบว่าความเหงาคือสาเหตุที่มองไม่เห็น แต่สังเกตได้)

จากเวทีเสวนา GM Cafe@Starbucks ในประเด็น "เรื่องรักใคร่ของคนเมือง" ที่มี "คมสัน นันทจิต" นักเขียนและพิธีกร, "นภ พรชำนิ" นักร้อง และ "คำ ผกา" คอลัมนิสต์ ฝีปากกล้ามาร่วมพูดคุยแสดงมุมมองเรื่องความรัก-ความสัมพันธ์ของคนเมืองที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศที่ฉาบฉวยอันเกิดมาจาก ความผูกพันทางสังคม (social bonding) ที่ลดน้อยลง ส่งผลให้คนเมืองมองความรักว่าเป็นเพียงแค่...แฟชั่น...

คมสัน นันทจิต แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเป็นเหมือนการสร้างกรอบแนวคิดใหม่ให้แก่สังคม อย่างเช่นการที่สื่อเสนอข่าวว่า "คนนิยมเสียตัววันวาเลนไทน์" กลายเป็นค่านิยมว่า "วันวาเลนไทน์ต้องเสียตัว"
"...แล้วคนที่ไม่มีแฟนจะให้เสียด้วยก็รู้สึกผิดใช่ไหม ที่เราไม่มีแฟน" คมสันตั้งคำถาม
ค่านิยมอันใหม่นี้ทำให้คนต่างดิ้นรนที่จะค้นหาความรักจากความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย แม้จะมีคนบอกว่าเพศสัมพันธ์เป็น ปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดของมนุษย์ มันก็แค่ความสัมพันธ์ ทางกายเท่านั้น

ว่าไปแล้วคนเมืองเองก็ไม่ได้รังเกียจสภาพ "เหงา" ของตัวเอง แถมยังดูท่าจะทำใจยอมรับความเหงานี้ได้ไม่ยาก เพราะดูจากจำนวนคนแต่งงานที่นับวันจะน้อยลงทุกวัน ในขณะที่จำนวนคนหย่าก็มากขึ้นทุกที
คำ ผกา บอกว่า จะทำให้เกิดรูปแบบของครอบครัวที่ต่างไปจากเดิม ครอบครัวไม่จำเป็นที่จะต้องประกอบด้วยพ่อแม่ลูกเท่านั้น ในอนาคตแนวโน้มที่จะมีครอบครัวคู่รักเกย์ คู่รักเลสเบี้ยน หรือการอยู่แบบ 3 คนผัวเมีย ซึ่งเธอค่อนข้างจะเห็นด้วยกับครอบครัวในรูปแบบใหม่นี้

ที่ทางของความเหงา
แม้ความเหงา/เปล่าเปลี่ยว/ว้าเหว่ จะเกิดจากภาวะแปลกแยก ใช่ว่าคนเหงาจะเป็นคนแปลกแยกจากคนในสังคม ท่ามกลางผู้คนที่แออัดอยู่ในเมือง เชื่อว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็นคนเหงา โดยทุกคนล้วนมีโลกส่วนตัวของตัวเอง
บนรถไฟฟ้าทุกคนไม่ใส่สิ่งรอบตัว พร้อมที่จะสร้างพื้นที่ของตัวเองขึ้นมาจากหูฟังไอพอด บางคนสร้างพื้นที่ส่วนตัวด้วยโทรศัพท์มือถือ บางคนอ่านหนังสือ
ในโลกไซเบอร์เราพบคนเหงามากมาย ทั้งในแชตรูมในเว็บไซต์หาคู่ หรือในเกมออนไลน์

คมสันยกตัวอย่างการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง "Densha Otoko" หรือ "Chat รัก หนุ่มรถไฟ" ตัวอย่างของหนุ่มโอตากุ (ผู้ชายญี่ปุ่นที่มีไลฟ์สไตล์ประเภทบ้ากันดัมพ์ หมกมุ่นอยู่กับเกม และมีหน้าตาไม่ผ่านมาตรฐาน) ที่หลงรักสาวบนรถไฟ และจะเล่าเรื่องราวของเขาผ่านสังคมแชตรูม ที่เต็มไปด้วยหนุ่มโสด (ขี้เหงาอีกต่างหาก) ซึ่งการ์ตูนก็บอกเราได้ดีว่า ที่สุดแล้วคนเหงาเองก็มีที่ทางของพวกเขาอยู่ และมีมากเสียด้วย
กลายเป็นว่าความเหงาก่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์แบบใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าค่าตา ไม่ใช่ความสัมพันธ์ทางเนื้อหนัง เป็นปฏิสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายใยแมงมุมและดาวเทียม

กลุ่มคนเหงาก็จะไม่เหงาหากอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะคนเหงาอีกล้านแปดบนโลกต่างพร้อมจะเป็นเพื่อนแก้เหงาให้พวกคุณตลอด 24 ชั่วโมง !


-----------------------------------------------






Create Date : 20 สิงหาคม 2549
Last Update : 20 สิงหาคม 2549 1:01:31 น. 8 comments
Counter : 1455 Pageviews.

 
บางครั้ง ผมคิดว่าผมเสพติดความเหงา ทว่าบางคราวความเหงาก็เป็นพิษ


โดย: 9A วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:2:15:33 น.  

 

ถ้าไม่วิ่งไปข้างหน้าเร็วเกินไป
จนลืมมองข้างทาง ลืมมองคนร่วมทาง
ก็ไม่เหงาเนอะ :D :D : D


โดย: หมาเลี้ยงแกะ วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:3:18:31 น.  

 
9A : นั่นนะสิครับ .. ผมอ่านบทความชิ้นนี้แล้วก็รู้สึกเหงาๆ ยังไงไม่รู้

หมาเลี้ยงแกะ : สวัสดีครับ บางทีเราก็ไม่ได้วิ่งไปข้างหน้าเร็วอะไรหรอกครับ หลายครั้งที่เราอยากหยุดพักฟังดอกไม้คุยกัน แต่คุณบอส และคนอื่นๆก็ส่งเสียงไล่หลังให้วิ่งต่อไปอย่าหยุด
..ไม่ได้แวะไปบล็อกคุณหมาเลี้ยงแกะมานานแล้ว เด๋วบอสเผลอเจอกัน .. อิอิ


โดย: หมีเซอะ วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:10:35:25 น.  

 
แงๆๆ เหงาด้วย แต่เริ่มจะชินหละ -"-


โดย: Copperfish IP: 202.183.233.14 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:11:27:56 น.  

 
เหอๆๆ มีเหมียวเป็นเพื่อน
จนลืมไปละว่าเหงาเป็นไง อิอิ
ก้อเจ้านายน้อยหาเรื่องมาให้ทำตลอด


โดย: zMee วันที่: 23 สิงหาคม 2549 เวลา:12:51:46 น.  

 
บางทีความเหงามันก็อร่อยนะ
ทำให้รู้ซึ้งถึงรสชาติ ความเหงา



โดย: รักการ์ตูนทิงทัย วันที่: 13 กันยายน 2549 เวลา:14:54:52 น.  

 
เหงาให้เป็นสุขได้ยังไง ใครจะไปรู้ดีเท่าคนเหงา ลองทำให้คนอิจฉาเล่นซิ แล้วสมาชิกคนเหงาจะเพิ่มขึ้นในพริบตา


โดย: โลกไซเบอร์ของคนขี้เหงา IP: 203.113.39.8 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:14:06:25 น.  

 
งดเหงา เข้าพรรษา แหะๆ ล้อเล่นครับ


โดย: ขาประจำ blog โน้น (1001) IP: 119.42.67.57 วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:15:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมีเซอะ
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เหมือนแมวอย่างกะแกะ..!!
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หมีเซอะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.