อินเดีย - วันที่ห้า Tsomgo Lake มันยิ่งใหญ่มาก!!!

เช้าวันใหม่อันสดใส แดดออกจ้า  สัญญานที่ดีของการไปเที่ยว ตามเวลานัด 7 โมงเช้าหน้าบริษัททัวร์ สมาชิกทริปไปทะเลสาบชางกู่เช้าวันนี้เริ่มทะยอยเดินมาเจอกัน เจอๆหน้ากันไปบ้างแล้วเมื่อวาน ทักทายกันเล็กน้อยแล้วก็พร้อมออกเดินทาง


วันนี้มีไกด์เดินทางไปกับเราด้วยนะคะ ไกด์ 1, คนขับรถ 1, คนฝรั่งเศส 2, กะเหรี่ยงไทย 1 และมีสมาชิกมาเพิ่มจากเยอรมันอีก 1


ตามที่บริษัททัวร์บอกไว้ ถ้าไม่เถลไถลกันเพลิน ก็น่าจะกลับมาถึงกังต็อกประมาณบ่าย 3 โมง ค่าทริปวันนี้ จ่ายไปที่คนละ 800 รูปี สิกขิมเนี่ย..ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เงินแล้วก็เที่ยวได้นะ เพราะว่ากติกาการเดินทางมันช่างจุกจิกและมากมาย ทั้งจำนวนคนที่จะไปร่วมกันในทริป การขอใบอนุญาติที่ต้องพึ่งพาบริษัททัวร์ทำให้


แต่ก็ยังสับสนข้อมูลนิดหน่อยนะคะ คือยังติดๆใจตรงที่ ได้พูดคุยเรื่องของการเดินทางในสิกขิมของชาวต่างชาติ คนในสิกขิมสองสามคนได้แนะนำกับเราว่า ไม่จำเป็นต้องใช้บริการทัวร์ท่องเที่ยวก็ได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่คนอินเดียก็ตาม เราสามารถเดินทางได้ในกรณีที่มีสองคนในทริปขึ้นไป อันนี้ตรงกับกติกาทั่วไปอยู่แล้ว แล้วก็สามารถจองโรงแรมไปเองได้เลยผ่านทางอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นที่ลาชุงหรือลาเชน แล้วก็รถจ้างเราก็สามารถเหมาไปเองก็ได้ หรือจะแค่เหมารถจากกังต็อกไปส่ง แล้วเหมารถที่โน่นเที่ยวเองก็มีคนทำ ใบอนุญาติก็สามารถดำเนินการเองได้ (ข้อมูลตรงนี้ไม่ค่อยแน่ใจนะคะ ไม่กล้ายืนยัน) เพราะว่าคนที่เค้าอยู่ๆกันตามลาชุงและลาเชน บางทีเค้าก็มีญาติพี่น้องที่มาจากประเทศใกล้เคียงที่เดินทางไปเยี่ยมเยียนโดยไม่ได้ใช้บริการทัวร์ไหนๆทั้งสิ้น คนที่ให้ข้อมูลนี้ คนแรกคือ เจ้าหน้าที่คนสิกขิมซึ่งเราพบที่ Namgyal Institute of Tibetology  Museum และอีกคนก็คือโชเฟอร์พาเที่ยวกังต็อก ขอไปหาข้อมูลให้ยืนยันได้ก่อนนะคะ แล้วค่อยเชื่อเรา


แต่ยังไงๆ การใช้บริการทัวร์ก็คงจะเป็นอะไรที่สะดวกที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้อยู่สิกขิมเป็นเวลานานอย่างเราๆอยู่แล้วค่ะ


รถเริ่มวิ่งออกมาจากเมืองกังต็อกได้ระยะหนึ่งแล้ว



Tsomgo Lake ทะเลสาบชางกู่ มีชื่อเก่าว่า Channgu อยู่ห่างจากเมืองกังต็อกไม่ไกลมากประมาณ 30 กิโลเมตรกว่าๆ แต่กลับต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเดินทางไปถึง เนื่องจากเส้นทางที่สูงชันและลัดเลาะไปตามภูเขาสูง และต้องมีใบอนุญาติในการเข้ามาเที่ยวด้วย เนื่องจากทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตทหารของอินเดีย บนเส้นทางสายกังต็อก - นาธูล่า อันที่จริงแล้ว อินเดียก็ใช้สิกขิมเป็นกำแพงกันชนปัญหาทางการเมืองหากมีการปะทะกันกับประเทศจีนด้วย เนื่องด้วยชัยภูมิที่เหมาะสม เป็นภูเขาสูงลาดชันและการเดินทางที่ลำบาก


นาธูล่า หรือ Nathula Pass เป็นหนึ่งในสามของเส้นทางการค้าชายแดนระหว่างประเทศอินเดียกับประเทศจีน อีกสองแห่งก็คือ Shipkila ใน Himachal และ Lipulikh หรือเขียนอีกอย่างว่า Lipulech ใน Uttarakhand


นาธูล่าเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Silk Road หรือเส้นทางสายไหมในอดีต สำหรับนาธูล่า คนอินเดียเท่านั้นถึงจะเดินทางไปได้นะคะ ส่วนชาวต่างชาติจะไปได้แค่ที่ทะเลสาบชางกู่เท่านั้น


แต่ถึงกระนั้น การเดินทางไปนาธูล่าของคนอินเดียเองก็มีข้อจำกัดเช่นกันนะคะ ต้องมีการทำใบอนุญาติล่วงหน้าในการไปเยือน มีการจำกัดจำนวนคนไปด้วย ต้องจองคิวไปกันล่วงหน้า และสามารถเดินทางไปได้แค่ 4 วันในหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น คือ วันพุธ วันพฤหัส วันเสาร์และวันอาทิตย์



รถจะวิ่งลัดเลาะไปตามภูเขาสูงแบบนี้



มึนๆเหวี่ยงๆตามโค้งกันแบบนี้



หวาดเสียวแบบชิดๆขอบถนนที่ตัดไปบนภูเขาสูงยังงี้   บางทีก็ขับสวนทางกับรถทหารบ้าง สิบล้อบ้าง



ตัดถนนกันเก่งจริงๆ นับถืออ่ะ   ขอคารวะเลย



ถึงจะเป็นเส้นทางที่หวาดเสียวแค่ไหนก็ตาม แต่มันกลับเป็นเส้นทางที่ท้าทายและบ่งบอกถึงความสามารถและความชำนาญของผู้ขับขี่ได้ดีทีเดียว และมองในมุมที่กลับกัน เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางที่มีวิวและทิวทัศน์ที่สวยมากๆแห่งหนึ่งซึ่งไม่ควรจะพลาดถ้าได้มาเที่ยวสิกขิม



แคมป์ที่พักของคนที่มาซ่อมถนนแถวนี้


ภูเขาสูงๆแถวนี้หิมะตกตลอดปี มีไม่ตกก็ไม่เกิน 2-4 เดือน ถ้าหิมะตกหนักๆก็ต้องปิดเส้นทางกันไปเลย เพราะถนนจะหายไปหมด มองไม่เห็นทาง และจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมาก เอิ๊ก!!! นั่งกลืนน้ำลายไประหว่างนั่งฟังไกด์อธิบาย เพราะนี่ขนาดเป็นวันแดดออกฟ้าสดใสเจิดจ้า  กะเหรี่ยงไทยยังมึนตื้บกับการนั่งรถบนภูเขาแถวนี้ ลูกอมจากร้านโชว์ห่วยหน้าโรงแรมจะมีค่าก็ตรงนี้แหละ 



รถจะมาแวะพักที่ Fifteen Mile ก่อนประมาณ 20-30 นาที จะเข้าห้องน้ำ แวะหาของกินก็ทำซะให้เรียบร้อยเลยนะคะ เพราะหลังจากตรงนี้จะไม่มีจุดแวะพักแล้ว



Tsomgo อีก 8 กิโลเมตรจากตรงนี้ อุณหภูมิตอนนี้ที่อากาศแดดเปรี้ยงๆเลยนะคะ แต่...อุณหภูมิเหมือนอยู่ในตู้เย็น เย็นยะเยือกกกกกก


KEEP SIKKIM GREEN AND CLEAN ชอบประโยคนี้จัง   



ในสิกขิม ถ้านั่งรถไปตางทางแล้วเห็นอะไรแบบเนี้ย ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากเลยนะคะ แต่ถ้าเป็นเมืองไทยคงได้มีทัวร์ประเภทแวะหยุดชมและนับจำนวนจุดร่องน้ำที่ไหลผ่านทางหลวงกันบ้างแล้วล่ะ 


ถนนที่พังจนซ่อมกันไปแทบจะตลอดทาง ส่วนหนึ่งก็มาจากหินถล่มแบบนี้ด้วย น้ำที่ไหลมาก็คงจะมาจากหิมะที่ละลายจากยอดเขาสูงไหลมารวมๆกันจนกัดเซาะหินและดินบนภูเขาจนถล่มลงมาน่ะค่ะ



ไกด์ที่มาด้วยกันหันมาบอกว่า โชคดีนะครับที่ได้มาวันนี้ อากาศดี ทางก็ดี อืมมม...เห็นสภาพถนนแล้วแอบมีคำถามในใจ อากาศดีไม่เถียงนะ แต่ไอ้ทางก็ดีเนี่ย จริงเหรอ???????



แถวๆนี้ถนนเพิ่งจะพังไปเพราะหินถล่มก่อนเราเดินทางประมาณ 1 อาทิตย์ เคลียร์ทางกันเร็วดีเหมือนกันนะ ไกด์บอกว่า ถ้ามาไม่เจอหิมะตกจนไปต่อไม่ได้ แต่มาเจอทางถล่มแบบนี้ ก็ต้องหันหลังขับรถกลับกังต็อกอย่างเดียว



ระหว่างทาง ถ้าสังเกตกันดีๆ เราจะเห็นภูเขาสูงที่ตั้งของทะเลสาบชางกู่อยู่ระหว่างภูเขาสูงๆนะคะ ทริปฝรั่งนี่ก็แปลกอย่าง นั่งกันมาเงียบๆ พอเห็นอะไรแบบนี้คว้ากล้องหยิบกล้องมารัวชัตเตอร์กันแทบไม่ทัน เสร็จแล้วก็เอนหลังงีบต่อทันที ไอ้เรารึ..จะถ่ายรูปไปตลอดทางก็แสนจะเกรงใจ ไหนจะเสียงโฟกัส เสียงกดชัตเตอร์ ต้องแอบเปลี่ยนกล้องให้เป็นโหมดเสียงเงียบเวลาถ่ายภาพ



ใกล้ถึงแล้วค่ะ



อีกนิดนึง!!!!!



มีคนซ่อมทางไปตลอดเลยอ่ะ



ภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะระหว่างทาง บอกให้เรารู้ว่าทะเลสาบอยู่ไม่ไกลจากจุดนี้แล้ว



ถึงแล้ว!!! Tsomgo Lake ที่ระดับความสูง 12,310 ฟุต หรือ 3,753 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล 



อึ้ง..และ..ทึ่ง มันยิ่งใหญ่มากกกกกก 



เดินลัดเลาะชมวิวรอบๆทะเลสาบก่อน เดี๋ยวค่อยเข้าไปลุยหิมะกัน



ดาราดังของทะเลสาบชางกู่ เค้ามารวมตัวกันอยู่ที่นี่เอง 



Yak แย็คหรือที่เราเรียกว่า จามรี เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตระกูลเดียวกับวัว ขนยาวหนา มีเขายาว ถิ่นกำเนิดอยู่แถวๆธิเบตและเอเซียกลาง แต่มันพบเห็นได้ทั่วไปในแถบเทือกเขาหิมาลัย


จามรีถือว่าเป็นสัตว์ป่านะคะ แต่คนที่นี่นิยมเอามาเลี้ยงเพราะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มาก ทั้งการบรรทุกสิ่งของ ตลอดจนถึงเนื้อ นม ขน หนัง เนื่องจากมันมีปอดและหัวใจที่ใหญ่กว่าวัวปกติ จึงสามารถทนต่อสภาพอากาศบนที่สูง 3,000-5,000 เมตรได้เป็นอย่างดี กีบเท้าของจามรีก็ใหญ่และแข็งแรง จึงสามารถเดินทางบนเส้นทางขรุขระเป็นหินบนภูเขาได้ดี


แถวๆนี้เค้าก็คงเลี้ยงไว้ใช้งาน พอหน้าท่องเที่ยวก็เอามารับนักท่องเที่ยวขี่ไปรอบทะเลสาบหรือถ่ายรูปคู่


ตัวนี้ตอนที่เจอเค้ากำลังทำงานนะ เจ้าของกำลังซ่อมทางหลวงอยู่ แล้วเอาจามรีมาจอดไว้ข้างๆทะเลสาบ (ฟังดูเหมือนจอดรถ 555) กะเหรี่ยงไทยเลยขอถ่ายรูปซะ นะคะคุณลุง พลี้ส!!!!!! เจ้าของบอกว่าถ่ายเลย  แต่อย่าไปอยู่ใกล้มาก เดี๋ยวมันขวิดหรือใช้ขาหลังเตะเอา ขอบคุณค้าคุณลุง เจอคนใจดีอีกแล้ว



ตัวไหนเค้าแต่งองค์ทรงเครื่องนิดหน่อย เป็นอันรู้กันว่ามาโชว์ตัว   แต่ถ้าอยากถ่ายรูปด้วยเสียเงินนะคะ ไม่แพงค่ะ มีบริการให้ขี่ไปรอบๆทะเลสาบด้วย ราคาไม่แพงเหมือนกัน ใครสนใจก็สอบถามได้ อันที่จริงก็ไม่ต้องเดินไปถามหรอก เพราะพอรถเข้ามาจอด เค้าก็พามันวิ่งมาล้อมรถเราตั้งแต่ยังไม่ลงจากรถแล้วล่ะ  


ตอนไปถึงฮามาก เพราะมีรถเราเข้าไปคันเดียว คันอื่นๆเค้ายังมาไม่กัน นักท่องเที่ยวน้อยน่ะค่ะวันนั้น เพราะว่าเป็นวันจันทร์ด้วย พอรถจอด มีจามรีวิ่งมาล้อมรถเราอยู่ประมาณเกือบๆ 10 ตัว    ทำไงดีล่ะเนี่ย นักท่องเที่ยวก็มีแค่ 4 คนเองนะเธอ ถ้าลงรถไปแล้วไม่ใช้บริการ เค้าจะปล่อยจามรีไล่ขวิดมั๊ยอ่ะ?



ลูกทัวร์ทริปนี้ไม่มีใครเช่าจามรีขี่สักกะคน เดิน เดิน แล้วก็เดิน กะเหรี่ยงไทยก็ไม่เช่านะ สงสารจามรีอ่ะ ตัวอิชั้นก็หนักไม่ใช่เล่นนะ สงสารจามรีมากกว่า     คือ..เรามองว่ามันเป็นสัตว์ที่มีความสวยงามและสง่า ดูมีอำนาจและแข็งแรงแต่สุภาพ ขอแค่นั่งดูใกล้ๆก็แล้วกันนะจ๊ะ  บางตัวก็ดูจะขี้ฉุนเฉียวนะ เราว่ามันไม่ค่อยชอบอ่ะ เวลาที่โดนเจ้าของดีงๆลากๆกระชากเชือกร้อยจมูกมันให้มารับนักท่องเที่ยว


คนอินเดียคันที่มาทีหลัง เค้าเหมาจามรีไปขี่กันเกลี้ยงเลยอ่ะ ไม่มีใครเดินเองซักกะคนเลยแฮะ 



แอ็คติ้งพี่แย็กเค้าอย่างเท่เลยอ่ะ!!!



พาโนราม่ากันอีกซักรูป



หลังเทือกเขาตรงนี้ไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตรก็จะถึง Nathula Pass แล้ว แต่ Tsomgo Lake คือไกลที่สุดเท่าที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาได้



ถ้ามาช่วงก่อนหน้านี้ แถวๆนี้จะเป็นหิมะปกคลุมทั้งหมด ส่วนช่วงนี้หิมะก็เริ่มละลายไปบ้างแล้ว น้ำก็ไหลลงไปรวมกันเป็นทะเลสาบชางกู่ แต่ถ้ามาหลังจากนี้ วิวอาจจะไม่สวยมาก เพราะว่าจะมีแต่ภูเขาสีน้ำตาลกับทะเลสาบ


ถือว่าเป็นโชคดีที่สุดสำหรับกะเหรี่ยงไทยในทริปนี้ เคยเห็นรูปจากเพื่อนบางคนที่เคยมา ไม่มีอะไรเลยนอกจากภูเขาแล้งๆกับแย็กรอบๆทะเลสาบ บางคนก็มาตอนหิมะยังเยอะจนหนาวสั่นเที่ยวไม่สนุก บางคนหนักกว่า เจอทางถล่มหรือหิมะปิดทาง เสียเงินซื้อทัวร์ไปแล้วก็มาไม่ถึง  ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สวรรค์ พระเจ้า โชคดี หรืออะไรก็ตามที่สร้างเซอร์ไพรสให้มากมายสำหรับทริปนี้  Happy Holi ค่ะ  




อันที่จริงคิดว่าน่าจะได้เห็นหิมะมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะเคยเห็นคนที่เคยมาตอนเดือนมีนาหลายๆคนมักจะกลับไปพร้อมๆกับภาพถ่ายหิมะที่ปกคลุมทะเลสาบจนทุกอย่างเป็นสีขาวไปหมด เริ่มโลภอีกแระ ได้คืบจะเอาศอก 








สัญญานการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ






อากาศเริ่มขะมุกขะมัวลง ฟ้าใสๆเมื่อตอนเช้า ตอนนี้เริ่มมีเมฆก้อนโตมาปกคลุมอีกครั้ง ถึงเวลาเดินทางกลับเมืองกังต็อกแล้ว



วิวคุ้นตาระหว่างทางกลับเมืองกังต็อก


แมกโนเลียดอกใหญ่ข้างทาง

อันที่จริงแมกโนเลียนั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันกว้างๆในพวกไม้ดอกตระกูลเดียวกับพวกจำปี จำปา ยี่หุบ มณฑา แมกโนเลียสีขาวดอกนี้บานอยู่ริมถนนทางกลับกังต็อก ไกด์หนุ่มใจดีแวะจอดรถให้ลงไปดู ดอกใหญ่กว่าฝ่ามือเราอีกแฮะ 


กุหลาบพันปี Rhododendron หรือที่ภาษาเมืองบ้านเราเรียกว่า คำแดง เห็นเป็นพุ่มๆอยู่บนเนินเขาไม่ไกลจากต้นแมกโนเลีย ได้ยินว่าที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ก็มีปลูกกันเป็นร้อยๆต้นอยู่เหมือนกันนะ


ระหว่างทางกลับ พอดีผ่านสถานที่หนึ่ง ว่าจะเล่าให้ฟังนิดหน่อย    เอาเป็นเกร็ดความรู้แบบซอกแซกเมืองกังต็อกก็แล้วกัน ตึกกลางภาพที่มีมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ข้างหน้าคือ Vajra Cinema Hall โรงหนังอีกแห่งในกังต็อก แต่จะเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับวัยรุ่นสิกขิมว่าเป็นที่ตั้งของ Disco & Pub ชื่อ Xcape นับว่าเป็นวัฒนธรรมแบบตะวันตกที่หลั่งไหลเข้าสู่เมืองในหุบเขาแห่งนี้อย่างแท้จริง อันที่จริงแล้ว Xcape มันก็เหมือนๆกับพวก Nightclub ตามพวกสีลมซอย4 เนี่ยแหละ เข้าไปก็จะมืดๆดาร์กๆหน่อย มีดีเจเปิดแผ่นเอง เปิดเพลงฮิบฮ้อปผสมพวกอินดี้ เพลงฝรั่งเค้าก็เปิดนะ สลับกับพวกอินดี้ของอินเดียบ้าง ป๊อปเนปาลบ้าง เครื่องเสียงก็ตื้บๆไปตามสไตล์วัยรุ่น มีเคาท์เตอร์ให้นั่ง สั่งเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ได้ มีพื้นที่โล่งๆแบบตามผับที่คนเค้าจะออกไปเต้นๆๆกัน แล้วก็จะมีวัยรุ่นทั้งหน้าแขกและหน้าจีนแดนซ์อยู่บนฟลอร์เต้นรำเต็มไปหมด นักท่องเที่ยวก็พอมีให้เห็นนะคะ เท่าที่รู้มา มันเป็นเธคเดียวของสิกขิมในขณะนี้

เจ้าประคู้นนนนนน อย่าได้มีเพิ่มอีกเล้ยยยย!!!! สาธุ!!!!!! 

ตอนเราเข้าไปไม่เสียค่าเข้านะคะ แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็ไม่แน่ใจว่าต้องเสียค่าเข้าประมาณ 100 หรือ 200 รูปี เข้าทำนองว่าถ้ามีสาวๆมาเที่ยวเยอะ ก็จะเป็นแรงดึงดูดให้พวกหนุ่มๆอยากมาเที่ยวที่นี่ด้วย


ขากลับรถแวะมาจอดส่งที่ Old Bus Stand ใกล้ๆที่พัก ทางสะดวกให้กะเหรี่ยงไทยเดินกลับโรงแรมได้ใกล้หน่อย กลับโรงแรมไม่ทักไม่ทายพนักงานโรงแรมคนไหนทั้งสิ้น ตรงดิ่งขึ้นห้องไปเลย จนพนักงานที่ Front Desk งงเพราะปกติเธอจะพูดมากแวะนั่งโม้ว่าวันนี้ไปไหนมาแล้วบ้าง  หมดเรี่ยวแรงจากการเดินๆ วิ่งๆ ปีนเนิน ปีนหิมะมาติดกันสองสามวัน ชาร์ตยังไงแบตก็ไม่เต็มแล้วอ่ะ ขอนอนเอาแรงสักพักก็แล้วกัน

วันนี้แอบมีดราม่านิดนึง คือเนื่องจากมีเวลาเหลืออีกแค่ 3 วันในสิกขิม คือพรุ่งนี้ มะรืน และอีกวันถัดไป ก่อนจะเดินทางกลับกัลกัตตา ในเมื่อทริปไปลาชุง ยุมถัง และลาเชนก็ล่มสนิทไม่มีใครให้ไปด้วย แลกไปกับ Holi Festival 1 วัน และเที่ยวชางกู่อีก 1 วัน เหลือ 3 วันจะทำอะไรดีอ่ะ??? 3 วันมันก็ไม่เต็ม 3 วันด้วย เพราะวันสุดท้ายก็คือวันที่ไปรอรถกลับกัลกัตตา คงจะนับเป็นวันเที่ยวไม่ได้

จะว่าไปแล้ว ลาชุง ยุมถัง ลาเชน เนี่ย กะเหรี่ยงไทยเกือบจะได้ไปแล้วนะคะ คือกะเหรี่ยงไทยไปเจอ couple ฝรั่งที่น่ารักมากๆคู่หนึ่งบน MG Marg วันที่เป็น Holi Festival ตอนนั้นประมาณ 4-5 โมงเย็น ระหว่างที่เดินๆถ่ายรูปบนถนน ฝรั่งคู่นี้เค้าก็เดินถ่ายรูปอยู่เช่นกัน อาจจะเป็นเพราะแรงดึงดูดจากกล้องถ่ายรูปเลยทำให้เราหยุดคุยกันพักหนึ่ง เค้ายินดีมากถ้ากะเหรี่ยงไทยสนใจจะไปร่วมทริปลาชุง ยุมถัง ลาเชนกับเค้า ไม่ใช่ว่าเกี่ยวกับส่วนลดที่เค้าจะได้จากทัวร์ถ้ากะเหรี่ยงไทยไปด้วย แต่เป็นเพราะเราคุยถูกคอกันมากและเค้าก็คิดว่าอยากจะช่วยกะเหรี่ยงไทยให้สมหวัง ซึ่งกะเหรี่ยงไทยก็ยินดีทิ้งเงินจองทัวร์ไปทะเลสาบชางกู่เลย หากได้ไปทริปนี้ เค้าพยายามขอให้บริษัททัวร์ของเค้าช่วยเดินเรื่องให้ แต่ว่ากว่าเราจะติดต่อกับทราเวลเอเจนท์ของเค้าได้ก็เกือบๆ 6 โมงเย็นแล้ว และวันเดินทางก็คือวันถัดไปแต่เช้าตรู่ และแถมวันที่เราเจอกันก็เป็น Holi Festival ซึ่งเป็นวันหยุดของที่โน่น ทำให้ทัวร์วิ่งเต้นทำใบอนุญาติให้กะเหรี่ยงไทยไม่ทันเวลาเดินทาง กะเหรี่ยงไทยจึงต้องกินแห้วตะกร้าใหญ่ไปอีกครั้ง  แต่ว่า..ในความผิดหวังครั้งนี้ ทำให้เราได้รับมิตรภาพและน้ำใจจากคนไม่รู้จักกันที่แค่บังเอิญได้พบกันบนถนนสายเล็กๆใกล้หิมาลัยแห่งนี้ ทำให้เราได้มีเพื่อนใหม่ในโลกเบี้ยวๆเพิ่มขึ้นอีกสองคน คิดบวก ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เราไม่รู้ คนบนฟ้าเค้าคงอยากจะให้เรากลับมาที่นี่อีกครั้งในอนาคต 

ว่าแล้วก็เอาโพยที่เที่ยวออกมากางดู จะเอาไงดีหว่า????? นอนเอามือก่ายหน้าผากแก้กลุ้ม

ทางเลือกที่หนึ่ง ทำตามแผนเดินทางยอดนิยมของคนที่อกหักจากลาชุง ยุมถัง และลาเชน เก็บข้าวของแล้วไปดามอกที่ดาร์จีลิ่ง  แต่เราก็จะเสียเวลาเดินทางหนึ่งวันจากกังต็อกไปดาร์จีลิ่ง ต้องตื่นแต่เช้า นั่งรถหัวโยกหัวคลอนกลับไปเริ่มต้นที่ดาร์จีลิ่ง เดินหาที่พัก ถ้าโชคดีก็หาที่พักได้เร็วก็อาจจะออกมาเดินชิลล์ๆในเมือง (เดินอีกแระ ) เข้านอนเร็ว แล้วตื่นเช้าในวันถัดไปเพื่อไป Tiger Hill (เช้าหมายความว่าตี 3!! ไม่สามารถอ่ะ ต้องไม่นอนเท่านั้น ไม่งั้นก็ไม่ตื่น) แล้วก็ลากสังขารโทรมๆไปรอดู Khangchendzonga (แต่อาจได้กินแห้วรอบสองถ้าอากาศไม่เป็นใจ) แล้วก็กลับมารอซื้อตั๋วนั่ง Toy Train แบบ Joy Ride บ่ายๆก็เที่ยวสวนสัตว์เที่ยววัด (ไหวเหรอจ๊ะถ้าเจ๊ไม่ได้นอน  ตอนกลางวันเจ๊จะต้องออกอาการงอแงอีกแน่) เก็บเที่ยวตัวเมือง ไปตามแลนด์มาร์กต่างๆ ไร่ชาค่อยมาเก็บเอาเช้าวันสุดท้าย เที่ยงๆบ่ายๆกลับสิริกุรีไปรอขึ้นรถ

ทางเลือกที่สอง อยู่กังต็อกต่อไปอีกสามวัน สองวันแรกเที่ยว เที่ยว และเที่ยวเท่านั้น ไปไกลไม่ได้ก็เก็บที่เที่ยวที่มันอยู่ใกล้ๆนี่แหละ ไปเที่ยวให้หมดให้เรียบไปข้างนึงเลย เอ..กังต็อกจะมีอะไรเหลือให้เราเที่ยวอีกบ้าง ก็เยอะอยู่นาาาาาา  Rumtek Monastery ก็ยังไม่ได้ไป Himalayan Zoological Park เฮ้ย!!!! กังต็อกก็มีสวนสัตว์นี่นา  Enchey Monastery ด้วย อุ๊ยๆๆ Ranka Monastery - Hanuman Tok - Sikkim Palace เยอะอยู่นะเนี่ย เอาไงดีล่ะทีนี้ เริ่มโลเลแล้วชั้น เข้าทำนองรักพี่เสียดายน้องนะเนี่ยเธอ

ว่าแล้วก็มีแรงดีดตัวขึ้นจากที่นอนทันที เอาไว้ไปตัดสินใจตอนออกไปหาของกินคืนนี้ก็แล้วกัน ถือคติอิ่มท้องแล้วสมองจะแล่นโลด   

คืนนี้ฝากท้องไว้ที่ Baker's Cafe อีกครั้ง คราวนี้จะลองสั่งของหนักมากินบ้างละ จานนี้อร่อยดีค่ะ น้ำสลัดเปรี้ยวนิดหน่อยแต่ถูกใจ


พิซซ่าอาหารแนะนำของ Baker's Cafe ของจริงถาดเล็กจิ๊ดเดียวเองนะคะ  ขนาดเท่าๆกับถาดเล็กของบ้านเราน่ะค่ะ แต่ยังไงก็ยังกินไม่หมดอยู่ดี เพราะดันไปสั่งซะเยอะ เวลาหิว อะไรในเมนูก็น่ากินไปซะทุกอย่าง  อิ่มแล้วก็เริ่มมีไอเดียบรรเจิดขึ้นมา ดาร์จีลิ่ง - กังต็อก ที่ไหนดีน้า ที่ไหนดีล่ะเนี่ย ว่าแล้วงัดก็เอามุขเดิมมาใช้ดีกว่า


คือว่าเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว กะเหรี่ยงไทยเคยเจอเหตุการณ์รักพี่เสียดายน้องแบบนี้แหละค่ะ ตอนจะจองตั๋วไปเที่ยว ระหว่างพนมเปญกับโฮจิมินท์ซิตี้ เพราะราคามันดันเท่ากันเป๊ะเลยเลือกไม่ถูก ว่าแล้วก็หยิบๆล้วงๆควานหาเศษเหรียญในกระเป๋าสะพายใบโปรด เจอแล้ว!! หยิบเหรียญออกมา 1 เหรียญ โอมมม!!! ต้องเล่นไสยศาสตร์อีกแล้วชั้น    ว่าแล้วก็โยนเหรียญเสี่ยงทายหัวก้อย   คือสมัยนั้นน่ะ ใจโอนเอียงทางจะไปทางโฮจิมินท์ซิตี้แล้วล่ะ แต่จากการโยนเหรียญทั้ง 5 ครั้ง เหรียญออกด้านเดิมตลอด เลยได้ไปพนมเปญแทน จะได้ใช้มุขนี้อีกครั้งก็คราวนี้ล่ะว้า!! 


โยนกันไป 5 รอบเหมือนเดิม เด็กเสริฟคงงงว่าลูกค้าคนนี้เค้าเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมชักกะตุกบ่อยขนาดนั้น  ชั้นอุตส่าห์ไปหาโต๊ะมุมๆแอบเล่นแล้วนะยะ ยังอุตส่าห์เดินมาดู  อาจเพราะเสียงก๊อกๆแก๊ะๆของเหรียญที่ตกพื้นบ่อยๆเนี่ยแหละ พนักงานเค้าเลยงงว่ายัยนี่แอบทำอะไรอยู่


4 ต่อ 1 ผลโหวตเป็นเอกฉันท์ กังต็อกชนะขาดลอย


เหมือนจะมีโชคด้านนี้ พลิกดูเหรียญอันสุดท้ายไม่ถึงนาที เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รับสายมาเป็นคนที่รู้จักกันระหว่างที่เที่ยวอยู่ที่นี่ โทรมาขอบคุณสำหรับรูปถ่ายเค้าที่ฝากไปให้ พร้อมโทรมาสอบถามว่าจะพรุ่งนี้ได้ทัวร์ไปลาชุงรึเปล่า หรือจะไปดาร์จีลิ่งแทน พอบอกว่าอยู่ต่อ 3 วันแต่ยังโนแพลนนะคะ เพราะไอก็เพิ่งรู้ว่าไอต้องอยู่ต่อยังไม่ถึงนาทีก่อนยูโทรมานี่แหละ เพื่อนใหม่บอกว่าดีเลย ไอว่าจะโทรมาขอบคุณสำหรับรูปถ่ายแล้วก็เช็คด้วยว่ายูเดินทางไปถึงไหนแล้ว งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน เค้าจะพาเพื่อนไป Rumtek Monastery ยูจะติดสอยห้อยตามไปก็ได้ หลังจากนั้นจะแวะส่งเพื่อนกลับบ้าน แล้วยูจะไปไหนในกังต็อกก็บอกมา จะไปส่ง   


คือว่า เราถ่ายรูปคนที่พบกันไว้เยอะระหว่างเที่ยวที่โน่นหลายๆวัน แล้วที่ MG Marg เค้ามีร้านอัดรูปที่ราคาก็โอเคอยู่ ขนาดจัมโบ้ 4x6 ราคาใบละ 6 รูปี ถ้าใครที่กะเหรี่ยงไทยพอจะฝากรูปถ่ายเค้าได้ เราก็จะไปอัดให้เค้าชุดนึงเก็บไว้ เพราะถ้าเป็นตัวเราเอง เราก็จะดีใจที่ได้รูปตัวเองเก็บเอาไว้ด้วย


ว่าไงว่าตามกันค่ะพี่ อะไรบางอย่างคนข้างบนเค้าก็ลิขิตมาแล้วล่ะ







Free TextEditor


Create Date : 18 พฤษภาคม 2554
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 4:25:06 น. 3 comments
Counter : 2557 Pageviews.  
 
 
 
 
ตามมาเที่ยวอีกแล้วค่ะ ภาพใหญ่เต็มตาดีจัง บ้านเมืองผู้คน ทิวทัศน์บ้านเค้าน่าเดินเที่ยวชมมาก ๆ เลยค่ะ

สนใจสองภาพล่าง เสียดายมาอ่านตอนดึกซะแล้ว ไม่มีสิทธิ์หิวแล้วค่ะตอนนี้
 
 

โดย: i'm not superman วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:57:59 น.  

 
 
 
ภาพสวยค่ะ น่าไปเที่ยว
 
 

โดย: Maeboon วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:00:46 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่ตามมาอ่านนะคะ
 
 

โดย: bkkplayground วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:36:03 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

bkkplayground
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com
[Add bkkplayground's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com