เก็บกระเป๋าไปเวียดนาม - วันแรกในฮานอย
มีเหตุต้องไปฮานอยเพราะงานแต่งงานของเพื่อนสนิทที่จะแต่งงานกับสาวเวียตนาม บินลัดฟ้าไปกับหางแดงลงสนามบินนอยไบ ใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมง พอลงสนามบินก็ต้องยืนตั้งสติสักพักเพราะหาคนมารับไม่เจอ เลยตัดสินใจเดินไปแลกเงินแล้วนั่งแท๊กซี่เข้าเมืองเอง ยื่นชื่อโรงแรมที่เพื่อนจองไว้ให้พี่คนขับ พี่เค้าบอกว่ารู้จักก็เลยต้องตัดสินใจไปทันทีเพราะตอนนั้นเหลือแท๊กซี่จอดอยู่แค่ 2 คันเท่านั้น ค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 14-16 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าใครกำลังตัดสินใจจะไปควรต่อรองให้อยู่ในราคาประมาณนี้นะคะ ใช้เวลาเกือบๆ 1 ชั่วโมงก็ไปถึงโรงแรมตามชื่อที่เพื่อนบอกมา พี่คนขับเก่งมากเพราะเรามีแค่ชื่อโรงแรมแต่ไม่มีที่อยู่ ไม่รู้ทำไมหาเจอง่ายจัง แต่ก็แอบเก็บความสงสัยเอาไว้ถามเพื่อนดีกว่า ปรากฏว่าที่รีเซพชั่นบอกให้รอสักครู่ จากนั้นเขาก็ต่อสายโทรศัพท์ออกให้คุย ตอนนั้นนึกในใจว่า ตายล่ะหว่า!! ตกลงเพื่อนจองให้จริงๆรึเปล่าเนี่ย คุยกับเพื่อนสักพักก็เลยรู้ว่าคนไปรับน่ะคลาดกับเราที่สนามบิน แต่เดี๋ยวอีกพักจะตามมารับที่นี่แล้วไปส่งที่โรงแรมใหม่ เพราะเค้าย้ายแขกจากต่างประเทศที่มาร่วมงานทุกคนไปอยู่โรงแรมเดียวกัน แล้วทำไมไม่บอกอิชั้นก่อน หลังเก็บกระเป๋าที่โรงแรมใหม่แล้วก็ได้เวลาออกไปตะลุยราตรีในฮานอยกับเพื่อน สังเกตว่าบ้านเมืองจะคล้ายๆกับย่านถนนเจริญกรุงบ้านเรามากๆ ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยได้อย่างรวดเร็ว รูปนี้ถ่ายจากชั้น 4 ของร้านอาหารบนตึกที่อยู่บริเวณทะเลสาบคืนดาบ ทริปนี้เป็นบันทึกเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ไปยังไม่ได้ซื้อ DSLR เป็นเรื่องเป็นราว รูปไม่สวยก็ขออภัยนะคะ เพื่อนบอกว่า...วัยรุ่นเวียดนามมักจะชอบจับกลุ่มกันขับมอเตอร์ไซด์เที่ยวยามค่ำคืนเป็กลุ่มใหญ่ๆมากกว่าที่จะไปเที่ยวตามดิสโก้หรือคลับเต้นรำ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะรายได้คนเวียดนามค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการเข้าไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ และค่าดื่มก็ค่อนข้างสูงมากสำหรับเด็กๆวัยรุ่น ดังนั้นก็มักจะเห็นเด็กวัยรุ่นเวียตมักจะขับรถตระเวณรอบเมืองในยามราตรีและหยุดจอดตามริมถนนเป็นกลุ่มใหญ่ๆอยู่ตามถนนสายหลักๆในตัวเมือง เช้าวันรุ่งขึ้น ลุกมาดูแผนที่วางแผนเดินเที่ยวเอง โรงแรมที่พักตั้งอยู่กลางเมืองจึงสะดวกมาก และเนื่องจากงานแต่งจัดกันตอนเย็น ก็เลยเกิดไอเดียว่าควรจะใช้เวลาในช่วงเช้าออกไปเดินเล่นชมเมือง หลังจากงานแต่งวันนี้แล้ว วันรุ่งขึ้นต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อที่โรงแรมนี้หรือจะไปหาที่ใหม่อยู่ เพราะหลังวันงาน เพื่อนจะพาครอบครัวและพี่น้องของเค้ากับเจ้าสาวไปเที่ยวซาปา 3-4 วัน พอดีว่ามีเพื่อนอีกคนที่เพิ่งย้ายมาอยู่ฮานอยเหมือนกัน วันนี้จะมาหาที่โรงแรมตอนเช้าเพื่อพาออกไปเที่ยว หลังจากคุยกันพักหนึ่งแล้วก็เลยสรุปได้ว่า วันรุ่งขึ้นเราสามารถย้ายไปพักที่บ้านเค้าได้เพราะเค้าก็จะไปต่างประเทศ 1 อาทิตย์ และเค้าก็ไม่อยากให้เราเสียค่าใช้จ่ายโรงแรมที่พักด้วย ต้องขอบคุณเพื่อนที่ช่วยประหยัดค่าที่พักไปได้มากมาย การเดินชมเมืองค่อนข้างสะดวกมากนะคะ ฮานอยมีตรอกซอกซอยเยอะ แต่ถ้าเดินตามแผนที่รับรองไม่มีหลง เพราะเท่าที่สังเกตเห็น แผนที่ที่นี่ละเอียดมากๆ ตรอกเล็กซอยน้อยมีครบหมด ที่ฮานอยมีร้านวาดรูปเยอะ ตามถนนเกือยทุกสายก็ต้องมีแกลลอรี่อย่างน้อยก็ 1 ร้านต่อ 1 ถนน ได้ยินมาว่า ที่ฮอยอันหรือที่โฮจิมินท์ซิตี้มีเยอะกว่านี้อีก แต่เท่าที่เดินดู งานส่วนมากจะเป็นงานที่ไม่ค่อยละเอียด ถ้าเป็นงานที่เขียนสวยๆจะมีราคาสูงมากๆ ถ้าเทียบกันกับพวกงานรีโปรดัก บ้านเรากินขาดค่ะ ช่างของเค้าเก่งและขยัน แต่เทคนิคการเขียนงานรีโปรดักยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ งานของเราเนี๊ยบกว่ามากๆ คอนเฟิร์มเลยค่ะ งานฝีมือเล็กๆน้อยๆตามทาง เห็นแล้วอดเข้าไปเลือกซื้อไม่ได้ โบสถ์ใหญ่หรือโบสถ์ St.Joseph เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในฮานอย ถูกสร้างขึ้นในสมัยที่ฝรั่งเศสปกครองเวียดนามในยุคอาณานิคม สถาปัตยกรรมค่อนข้างใกล้เคียงกับ Notre Dame ในฝรั่งเศสมาก เพื่อนบอกว่างั้นนะคะ เราก็ไม่เคยไปเห็นเหมือนกัน ร้านค้าริมทาง บางตึกก็สูงหลายชั้นจนอดสงสัยไม่ได้ว่าในตึกมีลิฟท์รึเปล่า เพราะถ้าต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงทั้งวันคงไม่สนุกแน่ๆ สังเกตตั้งแต่ตอนนั่งรถจากสนามบินเข้ามาในตัวเมืองแล้ว ว่าตึกรามบ้านช่องที่นี่ถ้าเป็นทาวเฮ้าส์ก็มักจะสูงหลายชั้น บางห้องมีถึง 8 ชั้นเหมือนตึกนี้ เห็นแปลกดีก็เลยต้องถ่ายรูปเก็บไว้ดูสักหน่อย ร้านนี้ชื่อ Quan An Ngon อยู่ถนน Phan Boi Chau เป็นร้านอาหารที่คนเวียดนามนิยมมารับประทานมาก รสชาติอาหารอร่อยต่างจากอาหารเวียดนามในเมืองไทย ตอนไปถึงก็ต้องรอประมาณ 10 นาทีเพราะที่นั่งเต็ม ที่นี่จะมีซุ้มอาหารให้เลือก เดินไปเดินมา 2-3 รอบก็เลยชี้สุ่มเอาที่หน้าตาน่าสนใจมาลองดู 4-5 อย่าง ลองสั่งโค๊ก ก็ปรากฎว่าเป็นโค๊กเย็นๆเสิร์พมาเพียวๆในแก้วไม่ใส่น้ำแข็ง เลยต้องขอน้ำแข็งเพิ่มมาต่างหาก เพื่อนสั่งชามะนาวก็เสิร์พเป็นชาร้อนในที่ชงชามาพร้อมกับมะนาวแป้น 2 ลูกผ่าครึ่งต่างหากมาให้บีบน้ำมะนาวเอง เออแปลกดี แต่ชอบ เพราะว่าเดินเที่ยวแทนการใช้รถ เลยมีเวลาเดินดูนกชมไม้ไปเรื่อยๆ ออกจากร้านอาหารมาก็เดินเลียบไปตามย่านโรงแรมและพิพิธภัณฑ์กลางเมือง เดินผ่านคุกเก่าของฮานอย ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมและสำนักงาน บางส่วนก็ยังอนุรักษ์ให้มีสภาพคงเดิมเหมืิอนบริเวณด้านหลังของอาคารตามรูป เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ตึกแบบนี้ให้อารมณ์เดียวกับแถวถนนเจริญกรุงกับคลองหลอดเลยค่ะ เดินเที่ยวเมืองนี้รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเดินแถวท่าช้าง ท่าพระจันทร์ ตึกในภาพนี้ เพื่อนเล่าว่าเป็นฟาสฟู้ดยุคแรกๆของฮานอย ตึกจริงสีชมพูแป๋นเชียวล่ะ ตู้ไปรษณีย์ที่นี่สีเหลืองสดเข้ากับบรรยากาศเมือง ดูย้อนยุคดี เดินต่อไปจนถึงย่านไฮโซของฮานอย ถนน Hai Ba Trung มีร้านแบรนด์เนมเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้แวะสักร้าน ได้แต่เดินดูอยู่ข้างนอก จนเดินถึง Opera House ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณห้าแยกขนาดใหญ่ โอเปร่าเฮ้าส์จะเปิดต่อเมื่อมีการเท่านั้น ปกติไม่เปิดให้เข้าชม ใครที่สนใจจะไปดูควรเช็คตารางการแสดงก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจไปเสียเที่ยวได้ ไปนั่งทานไอศกรีมกันบริเวณริมทะเลสาบคืนดาบ จำชื่อร้านไม่ได้แต่ร้าน 2 ห้อง อยู่ติดกับร้านขายภาพวาดชื่อ Oriental Gallery เลขที่ 46 ถนน Le Thai To ไอศกรีมรสชาติจัดจ้านมาก ส้มเป็นส้ม มะนาวเป็นมะนาว ตอนแรกอยากไปกินร้านชื่อดังของฮานอย แต่มารู้ว่าเดินเลยมาไกลแล้วก็เลยขี้เกียจย้อนกลับไปอีก ร้านดังมากๆของฮานอยที่ต้องยืนต่อคิวรอซื้อชื่อร้าน Kem Dac Biet Trang Tien อยู่ใกล้ๆกับฟาสฟู้ดตึกสีชมพู ร้านตัดผมริมถนน มองหาได้ง่ายทั่วไปตามถนนของฮานอย แต่ในย่านนักท่องเที่ยวกลับไม่ค่อยมีให้เห็น ตึกเก่าสวยๆริมทางเดิน แค่ยืนมองก็รู้สึกถึงเวลาและสัมผัสอดีตที่ผ่านมาได้ หลังเดินเที่ยวจนเหนื่อยแล้วก็กลับไปโรงแรมอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวไปร่วมงานที่โรงแรมที่จัดงานอยู่ถนน Ly Thuong Kiet โรงแรม Hoabinh Hotel ภายในโรงแรมตกแต่งแบบยุโรป แต่ห้องจัดเลี้ยงออกจีนจ๋า เพราะมีแต่สีชมพูกับแดงเท่านั้น ในงานมีลูกโป่งเต็มไปหมด งานจัดแบบโต๊ะจีนแต่โต๊ะเป็นสี่เหลี่ยมแบบโต๊ะกินข้าวตามร้านอาหารทั่วไป นั่งได้ประมาณ 6 คนต่อ 1 โต๊ะ มีเสิร์พไวน์ทุกโต๊ะด้วย งง????? ที่นี่งานเลี้ยงเริ่มเร็วมาก ประมาณ 5 โมงเย็นคนก็มากันเกือบครบแล้ว แล้วก็นั่งกันไม่นานประมาณ 1 ทุ่มครึ่งงานก็เลิก คนกลับเกือบหมด อ้อ!!! ที่นี่เหมือนที่ญี่ปุ่น คือในงานแต่งงานเราสามารถใส่สีดำไปได้ เค้าไม่ถือ ในงานมีทั้งผู้ใหญ่ทั้งวัยรุ่นใส่ดำมาเกือบๆ 10 กว่าคน แต่เราไม่กล้า เลือกใส่สีสันเข้าไปสบายใจกว่า การเดินทางในเวียดนามง่ายมากเพราะว่าถนนทุกเส้นจะมีชื่อไม่ซ้ำกัน อาทิเช่น Hoabinh Hotel, 27 Ly Thuong Kiet, Quan Hoan Kiem, Ha Noi ก็หมายความว่า โรงแรม Hoabinh เลขที่ 27 ถนน Ly Thuong Kiet เขต Quan Hoan Kiem จังหวัดฮานอย เพราะฉะนั้นถ้ามีบ้านเลขที่ ชื่อถนนและเขตครบก็ตามหาได้ไม่ยาก บ้านเลขที่จะสลับกัน 2 ฝั่งถนนเช่น 1, 3, 5, 7 ส่วนอีกฝั่งถนนจะกลายเป็น 2, 4, 6, 8
Free TextEditor
Create Date : 07 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2554 16:13:07 น. |
|
4 comments
|
Counter : 4825 Pageviews. |
|
|
|