อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
“ป้ายยา ตบทรัพย์” ภัยร้าย…ยังไม่ตายจากสังคม!?

ภัยอันตรายจากสังคมในปัจจุบันชั่งโหดร้ายยิ่งนัก เราไม่อาจรับรู้ได้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นผู้หวังดี หรือไม่หวังดีต่อเรา ยิ่งในสังคมสมัยนี้ที่มองคนแค่เปลือกนอก ก็ตีความไปแล้วว่า คนๆ นั้นเป็น “คนดี” หรือ “คนไม่ดี”

วันนี้ MThai News ขอเสนอภัยร้ายที่หลายๆ คนคงเคยได้ยินมาบ้างนั้นคือ “แก๊งป้ายยา ตบทรัพย์” ซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ยังวนเวียนอยู่ในสังคมเรามานานร่วม 10 ปีแล้ว และในปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ยังคงเหิมเกริมตระเวนตบทรัพย์เหยื่อโดยไม่เลือกสถานที่ ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเราเมื่อไหร่ ?

ป้ายยา ตกทรัพย์

เมื่อไม่นานมานี้ก็มีชาวบ้านในจังหวัดนนทบุรีประสบเหตุตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้ โดยเหตุเกิดในช่วงเช้า ผู้คนกำลังพลุกพล่าน ซึ่งพฤิกรรมของกลุ่มคนร้ายมีวิธีการไม่ต่างไปจากเดิม ซึ่งเหยื่อรายดังกล่าว ( ไม่เปิดเผยข้อมูล ) เล่าให้ฟังว่า

” ในขณะที่ตนกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในตลาดเช้าของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเขต อ.เมือง จ.นนทบุรี ขณะกำลังเดินกลับบ้านพักได้มีกลุ่มคนร้ายจำนวน 3 คน ทำทีเข้ามาพูดคุย โดยยืนล้อมตนเองไว้ เมื่อพูดคุยไปได้สักพัก ก็เกิดอาการมึน งง และถอดสร้อยทองที่คอตัวเองให้กลุ่มมิจฉาชีพไปแบบดื้อๆ ซึ่งทองมีน้ำหนัก 2 บาท และมารู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าสร้อยทองที่ใส่อยู่หายไปแล้ว และจำเรื่องราวที่พูดคุยกับคนร้ายไม่ได้ “

เราจะเห็นได้ว่าภัยสังคมเหล่านี้มันยังไม่ตายไปจากสังคมเราจริงๆ และน้อยครั้งมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้มารับโทษได้

เช่นเดียวกับกรณีของ น.ส. จุฑามาศ อุมาเซ็น ที่ประสบเหตุการณ์ในลักษณะที่คล้ายกัน จนเป็นข่าวโด่งดังเมื่อช่วงปี 54 ซึ่งในครั้งนั้นเหตุเกิดย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ โดยคนร้ายมากัน 3 คน แต่ในครั้งนั้นคนร้ายได้ปรากฏตัวทีละคนสร้างเรื่องราวที่แยบยล จนเหยื่อสาวตายใจ

ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้นเหยื่อสาวถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกทรัพย์สินของเธอไปได้ เป็นเงินสด 5,500 บาท สร้อยทอง 50 สตางค์ พระเลี่ยมทองและแหวนอย่างละ 1 สลึง ซึ่งเหยื่อยืนยันว่าน่าจะถูกคนร้ายป้ายยา เนื่องจากในช่วงที่ส่งทรัพย์สินให้คนร้าย เธอมีอาการมึนงง และเบลอ

อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาภัยร้ายดังกล่าว ถูกนำมาถกเถียงกันยังกว้างขวางทั้งในโลกออนไลน์ และสื่อต่างๆ ที่เดินหน้านำเสนอไขข้อสงสัยให้กับประชาชน ซึ่งได้ตั้งคำถามไว้ว่า “แท้จริงแล้ว แก๊งป้ายยา ตบทรัพย์ ใช้ยาป้ายจริงหรือไม่ ? หรือเป็นเพียงการใช้หลักจิตวิทยา “

โดยในโลกออนไลน์ได้ตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า หากยาป้ายหรือแม้กระทั่งยาพ่นสลบที่อยู่ภายในรถยนต์มีอยู่จริง แล้วหลักการวิธีใช้มันสามารถเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

จากข้อมูลพบว่ายาสลบ หรือ ยาพ่น จะได้ผลนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งปริมาณความเข้มข้นของยา ปริมาณยาที่เข้าสู่ร่างกายคน ซึ่งกระบวนการเริ่มจากสูดดมผ่านทางจมูก ไปสู่ปอดก่อนจะถูกดูดซึมผ่านเส้นเลือดที่ปอด ไหลเวียนไปยังสมองเพื่อออกฤทธิ์ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร

เช่นเดียวกับกรณีของการมอมยาผ่านหน้ากากแอร์รถยนต์ รถแท็กซี่ ซึ่งความเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากคนร้ายต้องมีหน้ากากป้องกัน ( ในกรณีนั่งรถแท็กซี่ ) ทั้งนี้จากการพิสูจน์สาเหตุการเกิดอาการมึน งง ขณะนั่งรถแท็กซี่คาดว่า มาจาก Carbon monoxide Poisoning (คาร์บอนมอนออกไซด์) ซึ่งอาจเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ของรถคันนั้น อาจมีจุรั่วไหลเข้ามันยังห้องโดยสาร

เมื่อสูดดมเข้าไปเรื่อยๆ รับก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์เข้าไปในระดับหนึ่ง ร่างกายจะเกิดสภาวะสมองขาดออกซิเจน จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการมึน งง แต่ต้องนั่งรถระยะทางไกลพอสมควร

ทางด้านพล.ต.ต.สำราญ ยินดีอารมณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยถึงพฤติการของแก๊งดังกล่าวว่าส่วนใหญ่พวกนี้ทำเป็นขบวนการ และทำเป็นอาชีพหลัก โดยจะเลือกสถานที่ไม่ว่าจะเป็น ตามแหล่งชุมชน ห้างสรรพสินค้า ตลาด หรือที่ๆ มีคนพลุกพล่าน

ซึ่งแผนการของพวกมิจฉาชีพเหล้านี้มักนำสิ่งของที่มีค่ามาจูงใจเหยื่อ พร้อมกับพูดจาโน้มน้าวให้เหยื่อตายใจ เมื่อเหยื่อเกิดความโลภก็จะเข้าแผนการของแก๊งคนร้ายทันที

โดยวิธีก็มีหลากหลายรูปแบบทั้งการพูดจาหว่านล้อมให้เหยื่อตายใจ หรือการตระเวนอ้างรับจ้างล้างทอง ซึ่งจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ ก่อนจะสับเปลี่ยนทองปลอมช่วงระหว่างล้างทอง โดยเหยื่อจะมารู้ตัวอีกที คนร้ายก็หลบหนีไปได้อย่างลอยนวล

โดยแก๊งมิจฉาชีพมีการเลือกเหยื่อที่ดูมีฐานะ ใส่สร้อยทอง และเป็นเหยื่อที่อยู่เพียงลำพัง

ผู้การตำรวจเมืองนนท์ยังชี้แจงถึงเรื่องการป้ายยาด้วยว่ามีอยู่จริงแต่อาจมีการนำมาใช้ก่อเหตุไม่มากนัก ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการพูดจากหว่านล้อม จนเหยื่อหลงเชื่อ ซึ่งส่วนหนึ่งต้องมองที่ตัวเหยื่อด้วย หากเกิดความโลภ ขาดสติ หรือหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ก็จะตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพเหล่านี้

ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ แต่ไม่มากนัก ทั้งนี้ก็มีบางรายที่ถูกคนร้ายหลอกลวงแต่ไม่เข้าแจ้งความก็มี อาจมาจากความอับอาย หรือกลัวคนร้ายกลับมาเล่นงาน

พร้อมฝากถึงผู้เสียหายว่า หากแจ้งความแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจำกุมตัวคนร้ายได้อย่ายอมความ เนื่องจากพฤติกรรมคนร้ายเป็นแค่คดีแพ่งซึ่งสามารถยอมความกันได้ แต่หากผู่้เสียหายปล่อยคนร้ายไปไม่เอาความ แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ ก็จะกลับมาเป็นภัยร้ายคนสังคมอีก

ธเนตร พุทธิตระกูล รายงาน

ติดตามสกู๊ปข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com

MThai News




Create Date : 17 สิงหาคม 2558
Last Update : 17 สิงหาคม 2558 16:42:48 น. 1 comments
Counter : 1740 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: peepoobakub วันที่: 15 มีนาคม 2560 เวลา:18:34:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.