วันต่อ ๆ มา หลังจากลืมตาดูโลก

ก่อนเริ่มเขียน Blog วันนี้ ผมขอไว้อาลัยให้แก่แม่และพ่อ เพื่อเป็นการขอบคุณ ในพระคุณที่ท่านทั้งสองมีไห้แก่เราตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก พ่อจาไกไปเมื่อ 21 มิถุนายน 2541 และแม่จากไปเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2548 นี้เองตัวท่านจากไปแต่ความรักและความดีท่านยังอยู่ให้พวกเราต้องนึกถึงท่านไปอีกนาน

ไว้อาลัยแล้วเราก้อมาว่ากันต่อเพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ท่านด้วย ในปีที่ผมเกิดนั้นผมมีลูกพี่ลูกน้องที่เกิดปีเดียวกันอีก 2 คน ไล่เดือนกันไป โดยห่างจากผมคนละ 2 เดือน ตอนนี้เขาแต่งงานกันหมดแล้ว เหลือเรานี่แหล่ะ ไม่รู้อยู่ทำไม อิอิอิ(สงสัยไม่มีใครเอา) เนื่องจากว่าแม่มีพี่น้องเยอะ รวมแม่ด้วยก็ 9 คนโดยแม่เป็นคนที่ 6 พอเราอายุได้สัก 3 - 4 เดือน แม่ก็จะเอาไปฝากไว้บ้านยาย ให้ตากับยายเลี้ยง เพราะว่าแม่กับพ่อต้องเข้าสวนทำสวนส้ม คงอยากรู้ใช่ไหมว่าสวนส้มอะไร บ้านเราอยู่ทุ่งครุคงไม่รู้จักอีกสิน่ะ ถ้าบอกว่าอยู่ใกล้บางมดล่ะ ใช่แล้วส้มเขียวหวานบางมดไง เช้ามืดแม่กับพ่อจะพายเรือพาเรามาส่งที่บ้านยาย พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า คือเวลาที่เลิกจากทำสวน ก้อต้องรีบมารับเราเพราะเดี๋ยวโดนยายบ่น

ชีวิตเป็นเช่นนี้มาเรื่อยจนแม่มีน้องคนรองอีคน ห่างจากเราเกือบ 2 ปี ตอนนี้เราก็ยังเล็กมากเราก็ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรอีกอยู่ดี ห่างไปอีก 2 ปี เราก้อมีน้องเพิ่มอีก คราวนี้ได้แฝดเลย อ้อน้องคนที่ 2 ก้อผู้ชาย แฝดก้อได้ผู้ชายอ่ะน่ะ ถามว่าทำไมถึงมีอีกทั้งที่ครอบครัวไม่ได้มีฐานะอะไร คงไม่ตอบว่าเพราะว่าครอบครัวใหญ่อบอุ่นหรอกครับ แต่เพราะว่าพ่ออยากได้ลูกผู้หญิงมากกว่า แต่ก้อได้แต่ผู้ชายพอคราวถึงตอนนี้เราเริ่มมีบทบาทกับครอบครัวบ้างแล้วเพราะว่า 4 ขวบแล้ว สิ่งแรกที่เริ่มก้อคือหน้าที่ต้องดูแลน้อง ๆ แต่สถานที่ก้อคือบ้ายายเหมือนเดิม เพราะบ้านยายเปรียบเสมือนสถานรับเลี้ยงเด็ก ดี ๆ นี่เอง 55+ เหมือนเดิม เช้ามืดมาส่งเย็นมารับ

จนกระทั่งเราเริ่มเข้าเรียนตอนอายุ 6 ขวบ ตอนนั้นจำได้ว่าวันแรกที่เราไปโรงเรียนแม่ไปส่งที่โรงเรียนเป็นวันแรกและวันเดียวหลังจากนั้น ต้องไปเรียนเองตลอด โดยจะต้องพายเรือออกจากบ้านเอาเรือไปจอดที่ ร้านค้าผูกเรือไว้แล้วเดินต่อไปโรงเรียนเอง ตอนนั้นตัวเราเล็กมาก กระเป๋าหนังสือใบใหญ่มาก แถมด้วยหิ้วกล่องข้าวอีก ข้าวกลางวันของเราแต่ละวันไม่มีอะไรมากนอกจาก ข้าวกับไข่ต้ม ไม่ก็ไข่ดาว หรือไข่เจียว แถมตังค์ค่าขนมอีกวันละบาท เลิกเรียนก้อเดินมาที่เรื่อที่จอดไว้แล้วก้อพายเรือกลับมาที่สวน เพื่อมาช่วยพ่อกับแม่มาทำงานที่สวนต่อ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน พอกลับจากสวนแม่ก็จะแวะเข้าบ้านเพื่อหุงข้าวทำกับข้าว ส่วนเรากะพ่อก็ไปรับน้องที่บ้านยายกลับบ้าน กว่าจะถึงบ้านได้กินข้าวกันก้อเกือบ 2 ทุ่มหรือ 2 ทุ่มกว่านู่น เสร็จแล้วก้อนอน เพราะสมัยก่อนบ้านไม่มีทีวี

และปีนี้นี่เอง ที่ครอบครัวเราต้องลำบากมากขึ้นอีก เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ในปีนี้ จากเดิมที่เคยเป็นหนี้อยู่แล้วก้อต้องมีหนี้เพิ่มเพราะ สวนล่มจากการที่น้ำท่วม เรายังจำได้เลย ประมาณตี1 ตี2 พ่อปลุกมาช่วยโกยเลนเสริมคันกั้นน้ำ หรือไม่ก้อทำกระสอบกั้นน้ำ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล สวนก้อล่มอยู่ดีทั้งแม่และพ่อได้แต่มอง สวนส้มที่จมน้ำอย่างหมดอาลัย แถมแม่ยังนั่งร้องไห้ด้วย เราซึ่งยังเด็กมากแต่ก้อรับรู้ได้ และสงสารแม่ พ่อก็ได้แต่ปลอบแม่ มันเป็นภาพความสูญเสียครั้งแรกที่เจอ หลังจากนั้นมันทำให้พ่อคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวพร้อมทั้งจ่ายหนี้สิน พ่ออกมารับจ้างเป็นช่างก่อสร้าง โดยไปทำงานกับหลานตัวเอง ที่รับเหมาก่อสร้างอยู่ ได้ค่าแรงวันละ 200 บาท และแม่เองก้อต้องออกไปขายของ พวกผักที่เราปลูกขึ้นในสวน โดยเอาไปขายที่ตลาดพระประแดง เอาล่ะวันนี้เขียนแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้มาเขียนต่อ และถ้าเป็นไปได้จะเขียนทุกวันที่มาทำงานน่ะ อ้อใครที่อ่านแล้วดูไม่สบายตา ก็ขออภัยน่ะครับเพราะผมแต่ง Blog ไม่เป็น เอาสาระก้อแล้วกันน่ะครับ


Create Date : 17 มกราคม 2549
Last Update : 17 มกราคม 2549 16:04:02 น. 1 comments
Counter : 168 Pageviews.

 
หุหุ เจ้าของบลีอคไม่ค่อยมาอัพบล๊อคเลยนะค๊า หยากไย่เต็มไปหมดเลย



โดย: bamboolerther วันที่: 24 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:12:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

thep077
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add thep077's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com