We don't care Bear or Bull! ... ThaiDayTrade.com
Group Blog
 
All Blogs
 

เสี่ย "ย." กับกลยุทธ์ "อย่าขาดทุน"

ครั้งแรกที่ได้ยิน เสี่ย “ย.” พูดถึง กลยุทธ์ “อย่าขาดทุน” …… ขำกลิ้งเลย ….. บ้าหรอ ใครล่ะ จะใช้กลยุทธ์ต้องขาดทุน ใครๆก็ไม่อยากขาดทุนกันทั้งนั้นแหละ ขำอ่ะ

ซื้อหุ้นราคา 10 บาท มันวิ่งไป 11 บาท เราไม่ได้ขาย เพราะคาดว่ามันจะไปได้สวย แอบตั้งเป้าไว้ในใจ 12 บาท ….. แต่ เอ ทำไม แรงขายมาต่อเนื่องจัง มันทำ lower high, lower low ลงมาเรื่อยๆ พอมันลงมาเข้าใกล้ทุน ทำไงดีครับ …… ข้อ ก) ไม่ยอม นู๋จะขาย 12 บาทให้จงได้ ข้อ ข) ฉันเห็น high@11.0 งั้น วางขาย 11.0 แล้วกัน ไม่ได้ราคา high ไม่ขายหรอก ข้อ ค) ขอขี่คนอื่นหน่อยเหอะ ว่าแล้วก็วาง offer@11.20 เผื่อฟลุ๊ค – แป่วววว! ข้อ ง) ผิดทุกข้อ

เสี่ย “ย.” เลือก ข้อ ง) ใช้กลยุทธ์ “อย่าขาดทุน” ด้วยการขายทิ้ง แล้วนั่งเฉยๆ กำเงินสดไว้แน่นๆ รอฟ้าโปร่ง แล้วค่อยเข้ามาช็อปปิ้งใหม่ ……

ส่วนคนที่เลือกข้อ ค) ถ้า 11.20 คุณขายได้จริง ซวยเลยนะ ถ้ามันผ่าน high ที่ 11 บาท ไปได้ แสดงว่าไปต่ออีกยาวเลยล่ะ …. แต่อาการ Lower high, lower low แบบนี้ แสดงว่า ปริมาณที่ตั้งซื้อมันน้อยกว่าความอยากขายหุ้นหรือป่าวครับ แสดงว่า ความกลัวมากกว่าความกล้าหรือป่าวครับ แสดงว่า คนที่ต้องการขาย aggressive กว่าคนที่ต้องการซื้อหรือป่าวครับ ถ้าใช่ ก็ “อย่าขาดทุน” เลย

ติดตามแนวโน้มตลาดและหุ้นเด่นรายวันได้ที่
//www.ThaiDayTrade.com




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 16:43:18 น.
Counter : 665 Pageviews.  

เสี่ย “ม.” กับกลยุทธ์ “ยิ่งขึ้น ยิ่งซื้อ”

อย่าพยายามทายเลยว่า เสี่ย ม. คือใคร ท่านเป็นประเภท “Low profile, High Profit” ….. ท่านเป็นจอมยุทธ์ผู้คร่ำหวอดในตลาดหุ้น ไม่โอ้อวด ไม่ขี้โม้ ชอบเก็บตัวอยู่ในห้องเล็กๆแต่เก็บกำไรมหาศาล แปลงตลาดหุ้นเป็นเครื่อง ATM ส่วนตัว วันแล้ววันเล่า ในช่วงตลาดดีๆ เทรดไปได้ พันล้านบาทต่อเดือน

ป๋าบุญ เล่าถึงกลยุทธ์ “ยิ่งขึ้น ยิ่งซื้อ” ของ เสี่ย “ม.” ให้ฟังด้วยความศรัทธา ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกันกับเสี่ยพันล้านทั้งหลายที่เคยเรียนร่วมชั้นกันมา ไม่ว่าจะเป็น เสี่ย “ย.” หรือ เสี่ย “ป.” แต่ดูเหมือนว่า กลยุทธ์นี้ จะตรงข้ามกันสุดโต่งกับวิธีการเล่นของคนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น คนสติปัญญาน้อยๆอย่างผมก็ไม่แน่ใจว่านี่เป็นอีกปัจจัยนึงหรือเปล่า ที่ส่งผลให้เจ้าต้นสรุปได้ว่า คนเล่นหุ้นเจ๊งมีมากกว่าคนเล่นหุ้นแล้วรวย แต่ที่แน่ๆ เสี่ยทั้งหลายใช้กลยุทธ์นี้ทุกคน ไม่มียกเว้น

ป๋าบุญ เก๊กหล่อ 1 ครั้ง แล้วขยายความให้ฟังถึงความลับของเสี่ยหุ้นที่รายย่อยส่วนใหญ่ไม่อยากรู้ ก็คือ ถ้ายิ่งซื้อยิ่งขึ้น ยิ่งซื้อยิ่งแพง แปลว่า หุ้นกำลังจะทะยาน เงินกำลังวิ่งเข้า พูดภาษาเศรษฐศาสตร์ก็ต้องบอกว่า หุ้นตัวนี้ มี demand มากกว่า supply ที่รองรับได้ ณ ขณะนั้น แบบนี้ เสี่ย ชอบบบบบ ….. คำถามเดิมๆมาอีกแล้ว ….. แล้วถ้าซื้อแพงแล้วติดดอยจะทำยังไง …… กฎเดิมครับ Limit Loss, Let Profit Run ถ้าถูกก็ให้มันขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าผิด เสียน้อยเสียนิด Limit Loss โดยไว อย่างไหนจะคุ้มกว่า

แต่ถ้าเมื่อไหร่ ยิ่งซื้อยิ่งได้ของถูก ยิ่งซื้อต้นทุนยิ่งลด เสี่ยจะมองว่า แย่แล้ว ไม่ดีแล้ว หุ้นกำลังจะลงนี่หว่า ทำไงคับ จะขายทิ้งทั้งหมด หรือ รีบซื้อเยอะๆ เพราะสินค้ากำลังลดราคาล้างสต๊อค

คนเจียมตัวอย่างผม ไม่อยากเอาเงินไปถมทุกระดับราคา เพียงเพราะว่ามันถูก ก็ทรัพยากรมีจำกัดนี่ครับ ….. Case study ที่ชัดที่สุดคือ กรณีของ อดีตรถไฟฟ้าธนายง อดีต N-Park อดีต PICNI …… แม้กระทั่งหุ้นพื้นฐานดี ก็ไม่เว้นเป็นไปตามกฎ demand-supply เหมือนกัน มี อดีต ATC หรือ TTA เป็นตัวอย่าง

เมื่อพูดถึง เรื่องถูก เรื่องแพง ทีไร อดนึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์ไม่ได้ทุกที ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตา ราคาที่เราเห็นและจดจำเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ณ ขณะนั้นๆ ว่า มันถูกหรือมันแพง …. ตัวตนที่แท้จริง ไม่มี ….. ระลึกรู้ปัจจุบัน (market price) สำคัญสุด

ติดตามแนวโน้มตลาดและหุ้นเด่นรายวันได้ที่
//www.ThaiDayTrade.com




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 16:43:04 น.
Counter : 644 Pageviews.  

ไปห้ามเลือดก่อน แล้วค่อยมาคุย

เวลาเลือดไหลออกมากๆ ทำไงครับ

ห้ามเลือดในทันที ก่อนที่จะตาย หรือ ต้องหาสาเหตุให้ได้ ว่า ทำไมถึงไหล ใครแทง แทงโดนเส้นเลือดใหญ่หรือเส้นเลือดฝอย แล้วนี่เลือดจะหยุดไหลหรือยัง เลือดจะไหลอีกนานไม๊ ใคร อะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไม แบบไหน ….. %$@#(*!5$ และอื่นๆอีกมากมายหลากหลายคำถาม ฯลฯ

เคยแอบสงสัยการขายขาดทุนของอาจารย์ผู้มีพระคุณของผมท่านนึง เอ จะขายทำไม ขาดทุนนะ …… อาจารย์ของผมท่านนี้อยู่ในตลาดหุ้นมานาน ผ่านร้อนผ่านหนาว มาทุกยุคทุกสมัย ท่านชอบทำมากกว่าพูด ผมเรียนรู้หลายอย่างมาจากท่าน โดยท่านจะปฏิบัติให้ดู มากกว่าที่จะสั่งสอน ด่าบ่น!

เวลาหุ้นตัวที่ท่านถืออยู่โดนแรงขายมาหนักๆ ท่านขายทันที! ไม่ใช่กระต่ายตื่นตูมนะครับ แต่ตลาดหุ้นมีทั้งต่างชาติ กองทุน รายใหญ่ รายย่อย รายละเอียด หลายจิตหลายใจหลายต้นทุน เต็มไปหมด หากหยุดผลขาดทุนเสียแต่ตอนนี้ มันยังเป็นความเสี่ยงที่ยอมรับได้ อย่างที่คนใน Financial Consulting Firm มักจะรำพึงรำพันกันบ่อยๆว่า “Ok, ok, acceptable risk” แล้วพอท่านขายทิ้งทีไร อีกสักพัก ท่านก็ได้กลับมาซื้อคืนทุกที ในราคาที่ต่ำกว่าเดิมมาก

คนส่วนใหญ่ในตลาดฯ พอเลือดสาดก็อยากจะคาดเค้นเอาสาเหตุให้ได้ ถามไปถามมา …. เป็นลม! สลบ พอดี! ฟื้นมาอีกที อยู่ห้อง ไอซียู ซะแล้ว หุ้น Rebound กี่ที ก็ไม่ถึง “จุดคุ้มทุน” ซะที ….. จะไปโทษว่าสมัยเรียน ข้อสอบชอบถามแต่ “Break-even-point” ก็คงจะไม่ได้ ….. ตอนนี้ ขาดทุนเกือบ 50% แล้ว ซึ่งหมายความว่า ถ้าจะขอแค่คืนทุน หุ้นตัวนั้น ต้องดีดมา 100% เลยนะ มันคงไม่เกิดขึ้นบ่อยหรอกครับ

กลับมาแอบดูอาจารย์ของผมต่อ …. ระหว่างที่คนส่วนใหญ่ รอจุดคุ้มทุน อาจารย์ของผมทำกำไรจากการขึ้นลงจากแรงสวิงที่เกิดจากการซื้อขายไป 3 รอบแล้ว พลิกจากขาดทุน 3% มาเป็น กำไร 5% พร้อมกำเงินสดอยู่ในมือ เพื่อรอซื้อของถูกครั้งใหม่

เวลาเลือดไหล ห้ามเลือดก่อนครับ

ติดตามแนวโน้มตลาดและหุ้นเด่นรายวันได้ที่
//www.ThaiDayTrade.com




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 16:42:45 น.
Counter : 573 Pageviews.  

กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้

เวลาหุ้นเป็นขาขึ้นเห็นๆ หรือจะพูดให้ดูดีหน่อยก็ว่า หุ้น Break-out ผ่านแนวต้าน ทำ new high พร้อมด้วยวอลุ่ม support ……. จะทำไงดี

ทางเลือกแรก ซื้อตามไปก่อน ถ้ามันขึ้นๆๆ เราปล่อยมันขึ้นๆๆ ถ้าผิดคาด ซื้อแล้วลง เรา Stop loss 3% หรือ ทางเลือกที่สอง รอให้นักวิเคราะห์ออกมาแนะนำก่อนจึงค่อยซื้อ ทางเลือกที่สาม ไปห้องสมุด แล้วทำการค้นหารายชื่อผู้ถือหุ้น อ่านดูนโยบายบริษัทและนโยบายเงินปันผล แล้วทำการวิเคราะห์งบการเงิน แล้วเปรียบเทียบอัตราส่วนทางการเงิน เพื่อให้ทราบแนวโน้ม แล้วทำประมาณการกำไรขาดทุนจากการดำเนินงาน และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท แล้วหามูลค่ากิจการ แล้วหามูลค่าต่อหุ้น พร้อมทั้งเปรียบเทียบค่าพีอี ค่าบีวี ของบริษัทเทียบกับ comparable companies

ทางเลือกแรก ซื้อตาม Demand และ fund flow ที่เข้ามา ซึ่งเกิดจากสมมุติฐานที่ว่า ต่างชาติ หรือ กองทุน หรือ รายใหญ่ ที่เขาเอาเงิน 10 ล้าน หรือ 50 ล้าน หรือ 100 ล้าน มาซื้อหุ้นตัวหนึ่งๆ ในราคาที่สูงกว่าราคา high ในอดีต เขาไม่ใช่กลุ่มบุคคลไร้สติ เขาศึกษา และ ทำการวิเคราะห์เจาะลึก จนเกิดความมั่นใจมาแล้วว่า มูลค่ากิจการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เขาจึงเข้าซื้อ แต่เนื่องจากหุ้นที่เสนอขายมีจำนวนน้อยกว่าหุ้นที่เขาต้องการซื้อ เขาจึงต้องซื้อ ณ ราคาใดๆ เพื่อให้ได้หุ้นครบตามจำนวนที่วางแผนซื้อไว้แต่ตอนแรก ด้วยสันนิษฐานนี้ จึงเลือกทางเลือกแรก ซื้อตาม Demand และ fund flow ที่เข้ามา

ทางเลือกที่สอง รอให้นักวิเคราะห์เห็นก่อนว่าหุ้นตัวนี้มาแรงแซงโค้ง แล้วรอให้นักวิเคราะห์ไปนั่งศึกษาดูก่อนว่าหุ้นขึ้นเพราะอะไร จากนั้น นักวิเคราะห์จะออก Report ออกมาแนะนำ พร้อมอธิบาย ว่าทำไมหุ้นตัวนี้จึงมาแรง แล้วเราจะได้ซื้ออย่างสบายใจ เนื่องจากนักวิเคราะห์พิจารณาดูแล้วว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดี

ทางเลือกที่สาม ไปห้องสมุดแล้วทำการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งเกิดจากสมมุติฐานที่ว่า ท่านมีความสามารถในการวิเคราะห์บริษัทนั้นๆได้ดีกว่าต่างชาติ กองทุน รายใหญ่ และนักวิเคราะห์ ….. ท่านสามารถประมาณภาวะเศรษฐกิจโลก อัตรา GDP Growth อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และ ราคาน้ำมัน ในอนาคต ได้แม่นยำกว่าเขา ท่านสามารถประมาณการ demand และ อัตราการเจริญเติบโตในอุตสาหกรรมนั้นๆได้แม่นยำกว่าเขา ท่านสามารถประมาณการจำนวนยอดขายและราคาขายในอนาคตได้แม่นยำกว่าเขา ท่านสามารถประมาณการต้นทุนการผลิตในสินค้าแต่ละประเภท ในทุกๆองค์ประกอบของต้นทุนการผลิตได้แม่นยำกว่าเขา และ ท่านยังคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหารได้แม่นยำกว่าเขาอีกด้วย เมื่อท่านวิเคราะห์ดูแล้ว เห็นว่า น่าลงทุน จึงค่อยเข้าซื้อหุ้นตัวนั้นเพื่อการลงทุน ด้วยสันนิษฐานนี้ ท่านจึงต้องทำการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นด้วยตัวเองก่อนเสมอ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

เลือกแบบไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ ถ้าสมมุติฐานของท่านถูก ถ้าโลกนี้ไม่มี Time Value of Money และ ถ้างาไม่ไหม้ไปเสียก่อน ก่อนที่ถั่วจะสุก

ติดตามแนวโน้มตลาดและหุ้นเด่นรายวันได้ที่
//www.ThaiDayTrade.com




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 16:42:29 น.
Counter : 567 Pageviews.  

Limit Loss, Let Profit Run

วันหนึ่ง ขณะที่นั่งสมองกลวงๆ เจ้าต้นมันก็ถามขึ้นมาว่า “พี่ๆ พี่ว่าคนเล่นหุ้นเจ๊ง กับ คนเล่นหุ้นกำไร แบบไหนมีมากกว่ากัน” เราก็ได้ยินแต่ใครๆบ่นว่าเจ๊งๆ ก็เลยตอบว่า “คนเล่นเจ๊ง ซิ น่าจะมากกว่า”

เจ้าต้นยิงคำถามใส่กบในกะลาอย่างผมต่อว่า “รู้ไม๊ ทำไม คนเล่นหุ้นเจ๊ง มีมากกว่า” ตายละซิ ไม่รู้แหะ …. แค่คิด ยังไม่ทันจะตอบ เจ้าต้นก็เปิดโปรแกรม Excel โชว์ผลกำไรเป็นเท่าตัวของเขาให้เราอิจฉาเล่น แล้วพูดอย่างมีความสุขและภูมิใจว่า

“พี่ เห็นไม๊ นี่ไง หุ้นที่ต้นถืออยู่ มันปีนเส้นค่าเฉลี่ยมาตลอด แล้วต้นจะขายทำไม ต้นก็ปล่อยกำไรวิ่งไปเรื่อยๆซิ คนส่วนใหญ่นะพี่ พอมีกำไรนิดหน่อยก็ดีใจ ขายกันแล้ว กลัวหุ้นลง แต่แปลกนะพี่ ถ้าหุ้นที่ซื้อแล้วดิ่งลง ดิ่งลง กลับถือได้ทนดีจัง ของต้นนะ รอให้หลุดเส้นค่าเฉลี่ยก่อน ค่อยทิ้ง”

นั่นดิ เวลาหุ้นร่วง คนส่วนใหญ่ก็เอาแต่นั่งกอดหุ้น เพราะความกลัวว่าขายแล้วจะขาดทุน ได้แต่นั่งเฝ้ามองหุ้นตัวเองต่ำลง ต่ำลง จน เครียด กินเหล้า เวลามันดีดขึ้นมา กี่รอบกี่รอบ ก็ไม่เห็นถึงทุนเราซะที ขณะที่เจ้าต้นมันเสี่ยงขายไปก่อน ด้วยความคิดที่ว่า รักษาเงินทุนสำคัญกว่ามานั่งห่วงกำไรหรือขาดทุน แล้วค่อยกลับไปซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า พอหุ้นเด้งขึ้นเด้งลง เจ้าต้นทำกำไรชดเชยผลขาดทุนไป 3 รอบแล้ว อย่างงี้นี่เอง ที่ฝรั่งมันบอกว่า “ความเสี่ยงที่สุดในชีวิต คือ การที่ไม่กล้าเสี่ยงอะไรเลย”

ติดตามแนวโน้มตลาดและหุ้นเด่นรายวันได้ที่
//www.ThaiDayTrade.com




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 16:42:14 น.
Counter : 705 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

thanapononline
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add thanapononline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.