ทวารบาลงานจิตรกรรม











เรื่องนี้นำเสนอผลงานบานประตู กับงานจิตรกรรมไทย "ทวารบาล"
เมื่อเดือนธันวาปี2009 ผมกับพี่ชาย ได้มีโอกาสได้เข้ามาฝากฝังฝีมือด้านงานจิตรกรรมไทยไว้ที่วัด บ้านหนองฮะ จังหวัดสุรินทร์ครับ ช่วงนั้นอากาสกำลังหนาวได้ที่ มือไม้เริ่มแข็งไม่ค่อยสะบัด เป็นต้องซัดกาแฟร้อนๆกันทุกเช้า มุดออกจากเต้นท์มาสูดอากาสให้เต็มปอดก่อนการเริ่มงาน

วันแรกอะไรก้อไม่ราบรื่นครับ เหมือนว่าไปออกแค้มป์มากๆเลย คือว่าไปถึงแล้วกางเต้นท์นอนในศาลาวัด ได้บรรยากาศ แบบลุยๆครับสนุกมากมาย พอถึงตอนเช้าๆก็แอบทำหน้าที่เป็นศิษวัดออกไมเดินตามพระบิณฑบาตรตอนเช้า เอามันให้หมด แต่ก็สนุกดีครับ
เอ้า!!! แว่บออกไปนาน เด๋วจะนอกเรื่องนอกราวกันไปใหญ่ครับเอาเป็นว่าด้วยงานที่ผมไปทำนี้ เป็นการสร้างภาพจิตรกรรมลงบนบานประตูและหน้าต่างรอบพระอุโบสถทั้ง4ทิศครับ รวมทั้งสิ้นแล้ว 14 คู่ครับ
ช่างเขียนมีอยู่3คนเท่านั้น ช่างไม่มี2คน แต่ดีนะครับที่ทางวัดนี้ไม่ได้เร่งฉลองโบสถ์เท่าไหร่นัก เราก็เลยได้ทำงานแบบชิลๆ สบายๆ

พี่ชายผมเป็นคนร่างแบบงานทั้งหมดครับ แล้วจัดการแจงงานมาให้ทีมงานทำกัน นับได้ว่าเป็นระบบระเบียบที่วางไว้อย่างรัดกุมครับ งานจึงออกมาแบบสบายไม่มีผิดพลาดเสียหายให้ตามแก้ไขตลอดการทำงานที่นั่นครับ






นี่พี่ชายของผมเองครับ มโน~อาร์ต


เนื้องานคือเราจัดให้วาดงานจิตรกรรมไทย ในรูปแบบของยุครัตนโกสินทร์ บานประตูหน้าต่างมีคิ้วแบ่งแป็นสองชั้น เราเลยวาดชั้นล่างให้เป็นเทพทวารบาลรักษาประตูยืนถืออาวุธ ส่วนเทพทวารบาลที่ยืนรักษาหน้าต่างจะเป็นเทพพนมมือ หรือเรียกอีกอย่างว่าเทพบูชาครับ ส่วนชั้นบนวาดเป็นพระพุทธจริยาวัตร 28พระองค์ รอบพระอุโบสถ งานนี้พึ่งจะเสร็จไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เองครับ ขอหยิบภาพถ่ายบรรยากาศการทำงานมาฝากกันคร้าบบบ~


ภาพบรรยากาสตอนทำงานอยู่ที่วัดบ้านหนองฮะ จังหวัดสุรินทร์


โต๊ะทำงานเก่าๆที่บางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นโต๊ะกาแฟในตอนเช้าๆเช่นกัน~



ความประทับใจยังมีมากมายอยากที่จะเขียนบอกเล่าความรู้สึกที่ได้ไปทำงานในสถานที่ต่างๆ ซึ่งแต่ละสถานที่ก็จะมีเรื่องราวที่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดเยอะแยะมากมายต่างกันไป ผมจะพยายามนำมาเขียนเป็นบทความถ่ายทอดผ่านบล็อก ThailandSmile นี้ละกันนะครับ หน้านี้จบตอนก่อนครับ บังเอิญว่าต้องรีบขึ้นรถไปทำงานจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถที่จังหวัด อุบลต่อน่ะครับ หุ หุ งานรัดตัว แต่ตังค์ น๊อย น้อย เจอกันบทความหน้าคร้าบบบบ บ๊ายยย บายยย








Create Date : 09 สิงหาคม 2553
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 17:31:07 น. 22 comments
Counter : 5476 Pageviews.

 
เข้ามาเจิมและเเวะมาเยี่ยมจิตรกรเอกค่า อิอิ
น่าภูมิใจนะคะที่ยังมีคนสนใจทำงานศิลปะแบบไทยๆอยู่

ภาพสวยมากๆค่า

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ไว้จะลองเปลี่ยนดูค่า
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ


โดย: vuitton วันที่: 9 สิงหาคม 2553 เวลา:15:13:56 น.  

 
สวยดีค่ะ ทำงานจิตรกรรมไทยนี่คงมีความสุข และได้บุญด้วยนะคะ


โดย: พี่โมโม่ (4leafwonder ) วันที่: 10 สิงหาคม 2553 เวลา:9:16:33 น.  

 
ต้องบอกว่า งดงามมากเลยค่ะ


โดย: กระติ๊บริมทาง วันที่: 10 สิงหาคม 2553 เวลา:14:11:02 น.  

 


โดย: พี่ (4leafwonder ) วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:9:15:35 น.  

 
สวัสดีค่ะ เทคนิควาดดอกไม้มาแล้วค่ะ มีบล็อกเดียวก่อนค่ะ แล้วจะทยอยมาอีก ขอบคุณมากๆค่ะที่รอชม


โดย: พี่โมโม่ (4leafwonder ) วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:9:19:10 น.  

 
ดีจังค่ะที่มีโอกาสได้ทำงานอย่างนี้ด้วย... ชื่นชมค่ะ


โดย: namfaseefoon วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:22:33:09 น.  

 
เก่งจังค่ะ...


โดย: nesumi วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:20:01:58 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ..ขอบคุณที่แวะไปทักทาย
เห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้ว..ขอชื่นชมฝีมือเลยค่ะ
เป็นคนที่ชอบงานด้านศิลปะเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้
เรียนมาทางด้านนี้ เคยคิดอยากจะไปขอวาดกับเขา
บ้างเหมือนกันนะ แต่เค้าคงไม่ยอมแน่..กลัวงานเค้าเสีย..อิอิ


โดย: nootikky วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:20:19:43 น.  

 
ยิ่งดูก็ยิ่งงาม...


โดย: namfaseefoon วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:23:44:26 น.  

 
สวยมากค่ะ
ทำงานที่ชอบ รับอากาศเย็นๆ ชิวๆ
น่าจะมีความสุขน่าดูนะค่ะ


โดย: thejoff วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:23:50:10 น.  

 
งานละเอียดมากเลยครับ ยิ่งลายไทยด้วย ยอดครับ และขอขอบคุณครับ ที่แวะเข้าไปชมผลงาน


โดย: natbank วันที่: 3 กันยายน 2553 เวลา:17:33:00 น.  

 
ชอบจริงๆๆเลยค่ะ งานจิตรกรรมเนี่ย วาดผนังวัดด้วยโอ้ แต่ได้แต่ชื่นชมค่ะ เพราะตัวเองวาดไม่เป็น หลงไหลงานเส้นลายไทยค่ะ ดูแล้วบอกไม่ถูก ดีจังค่ะได้ทำงานแบบนี้


โดย: Oathpp วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:0:09:23 น.  

 
เข้ามาอ่านทุกบล็อกเลยครับ ในฐานะที่ได้รับการเลือกเป็นวีไอพีเฟรนด์ อิ ๆ


โดย: ลุงบูลย๋์ (pantamuang ) วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:9:49:18 น.  

 


โดย: หน่อยอิง วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:16:54:46 น.  

 
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pangkaspy

แวะมาทักทายคร้า


โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:20:24:38 น.  

 
มาสวัสดีตอนเช้าตรู่ค่ะ
คงมีความสุขน่าดูเลยนะคะได้ทำงานศิลป์แบบนี้ ชอบมากเลยค่ะ อยากวาดรูปสวย ๆ ได้บ้างจัง แต่ไม่มีพรสวรรค์เลย


โดย: icido วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:1:29:27 น.  

 



เมื่อวานไปไหว้พระที่วัดเกตุไชโย วันนี้เลยแวะเอาบุญมาฝากจ๊ะ อิอิ



โดย: แอ๊ปเปิ้ลโบราณ วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:12:45:51 น.  

 
ชื่นชมในความตั้งใจครับ


โดย: หน่อย -ตั้ม (tumauto ) วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:21:17:31 น.  

 
ลุงเคยเขียนนิยายเกี่ยวกับงานวาดภาพผนัง แฝงพุทธสุภาษิตไว้เรื่องหนึ่ง นี่คือความบางตอน

ศิลปินข้างวัด
..พันธ์ ชุมพร..

ในร้านที่เป็นทั้งร้านรับเขียนรูปและเป็นทั้งแกลเลอรี่เล็ก ๆ ในเมืองที่อยู่ติดชายทะเลภาคใต้แห่งหนึ่ง สองศิลปินหนุ่มฝาแฝดอายุเพิ่งยี่สิบปีกว่า ๆ ชื่อโจมและจอม ต่างพูดคุยปรารภกันหลังจากที่ทั้งสองได้ไปเวียนเทียนและฟังเทศน์กันมา ในวันอาสาฬหบูชาซึ่งเยาวชนปัจจุบันน้อยคนนัก ที่จะกระทำดั่งเขาทั้งสอง แต่จะพากันไปเข้าเธคเข้าบาร์เสียมากกว่า ต่อไปนี้คือคำสนทนาของเขา
“โจม นายเชื่อที่หลวงพ่อท่านเทศน์เมื่อคืนไหม?”
จอมแฝดน้องเปิดประเด็นขณะตาดูรูปถ่ายใบเล็กขนาด ๒ นิ้ว ที่มีคนเอามาให้วาดขยายลงบนเฟรมผ้าใบ ซึ่งเขากำลังวาดเป็นภาพเหมือนด้วยสีน้ำมัน ขนาด ๒๐ คูณ ๓๐ นิ้ว
“อ๋อ ที่หลวงพ่อท่านเน้นย้ำคำว่า กัลยา ณ การี จ กัลยาณัง ปาป การี จ ปาปกัง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั่นใช่ไหม?”
โจมแฝดพี่ถามกลับ ขณะกำลังแต้มแต่งสีลงบนภาพวาดแบบไทย เป็นภาพจากวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ในภาพมีสุดสาครกำลังขี่ม้านิลมังกรควบขับอยู่บนฟองคลื่น จนน้ำแตกกระจาย ภาพไทยเป็นภาพแบบไอเดียลิสติกลงสีแบน ๆ แล้วตัดเส้นเป็นเอกลักษณ์และศิลปะประจำชาติ ไม่ใช่ภาพวาดแบบสากลซึ่งมีแสงเงา

(ยังไม่จบ)

แต่พอมาอ่านชีวิตจริงของคุณ ลุงก็เห็นว่ามันไปกันได้กับนิยายที่ลุงเขียน

ขอบคุณนะครับที่ไปเยี่ยม


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:22:41:29 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ คุณที
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: เกศสุริยง วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:7:42:09 น.  

 
ศิลปินข้างวัด
โดย พร เมืองใต้

(ตอนต่อ)

ตอนทั้งสองยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ยายชอบพาไปวัดไปฟังเทศน์ฟังธรรม และแม้ปัจจุบันยายจะตายไปแล้วห้าปี โจมกับจอมก็ยังรักและระลึกถึงยายอยู่ และเพื่อเป็นการแสดงความรัก ความกตัญญูและระลึกถึงยาย ทั้งสองจึงหมั่นไปทำบุญตามที่ยายเคยสอนและเคยทำ

ส่วนงานเขียนรูปคืออาชีพของทั้งสอง หลังจากที่ยายได้ส่งเสียให้เขาเรียน จนจบวิทยาลัยเพาะช่าง
ทั้งสองมีความถนัดและฝีมือพอ ๆ กัน งานในร้านจึงต้องแบ่งกันทำ

วันนี้จอมรับหน้าที่วาดรูปเหมือนที่มีคนมาจ้างให้วาด ส่วนโจมเขียนภาพไทยเพื่อขายฝรั่งและนักท่องเที่ยวบางคน ที่ชอบซื้อภาพวาดสวย ๆ และแปลก ๆ ไปประดับผนังบ้านเรือน ซึ่งแต่ละภาพมีราคาตั้งแต่สี่ห้าพันบาทถึงหมื่นบาทขึ้นไป

แกลเลอรี่แห่งนี้อยู่ใกล้กับ สำนักงานบริษัทรถทัวร์นำเที่ยว ซึ่งบริการนักท่องเที่ยวด้วยรถบัส รถตู้ และรถมินิบัส แล้วยังจัดเรือรถนำเที่ยวตามเกาะ ภูเขา ถ้ำ และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัด… และจังหวัดใกล้เคียง

ร้านของโจมและจอมจึงมักมีนักท่องเที่ยวเดินมาหยุดแวะชม ภาพที่เขาวาดไว้ในร้านและซื้อไปแทบทุกวัน ทำให้ทั้งสองพี่น้องมีรายได้มากบ้างน้อยบ้าง พอกับการเช่าตึก ๓ ชั้น ๑ คูหาที่ค่าเช่าแพงถึงเดือนละเกือบหมื่นบาท

“เราอยากได้ความเห็นของนายเรื่องทำดีแล้วได้ดี ทำชั่วแล้วได้ชั่ว” จอมย้ำอีก

“พูดยากว่ะ… นายเห็นยายลาภร้านขายวัสดุก่อสร้าง ที่อยู่ที่ใกล้ ๆ บ้านยายเราไหม?”

โจมหมายถึงบ้านชนบทชานเมือง ของอีกอำเภอซึ่งไม่ได้อยู่ในอำเภอเมือง… ที่เขามาเปิดร้าน “ยายลาภขี้โกงจะตายแต่ รวยเอ๊า - รวยเอา นี่ก็เพิ่งซื้อดินของครูประชาราคาตั้งเป็นสิบ ๆ ล้าน แกเอาเงินมาจากไหน”

“แต่ยายเคยบอกว่าคนที่ทำชั่วแล้วยังได้ดี เป็นเพราะชาติก่อนเขาทำบุญไว้มาก บุญเก่าของเขาที่ทำไว้ยังส่งผล ชาตินี้ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังทำชั่วอยู่ เขาก็ยังได้รับผลบุญที่เคยทำไว้ชาติก่อน แต่เมื่อใดบุญเก่าหมดลงเมื่อนั้นแหละเราจะเห็นผลบาปกรรมชั่ว” จอมพูดตามที่ยายเคยสอน

“งั้นเราลองทำแบบยายลาภดูบ้างไหม เผื่อบุญเก่าเรามีจะได้รวยเร็ว ๆ” โจมตั้งใจพูดเล่น ๆ

“ไม่เอาเรากลัวบาป แล้วก็กลัวติดคุกด้วย” จอมพูดแล้วหัวเราะและรู้ว่าพี่ชายพูดเล่น

“พูดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย ตอนที่เรากำลังเรียนมอสาม ยายลาภรับเหมาปลูกหญ้าให้บริษัทที่มาทำถนนสายเข้าอำเภอบ้านเรา ยายลาภจ้างเด็ก ๆ ในหมู่บ้านให้ไปช่วยกันปลูกหญ้า พวกเราทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงหกโมงเย็น ยายลาภรับปากจะจ่ายค่าล่วงเวลาหลังห้าโมงเย็น ให้อีกคนละ ๑๐ บาทแต่ไม่ให้ แกโกงแม้กระทั่งเด็ก” โจมรำพึงถึงความหลัง

“แต่เราก็ไม่จน เพียงแต่ว่าเรารวยน้อยกว่าแก…” จอมพูดแล้วหัวเราะ

พอดีรถจักรยานยนต์ส่งหนังสือพิมพ์แล่นมาจอด และคนส่งหนังสือพิมพ์โยนหนังสือพิมพ์ขึ้นมาให้บนพื้นกลางร้านและปากตะโกนบอก

“รับหนังสือพิมพ์ด้วยนะคร้าบบบ”

แล้วชายคนนั้นก็ขับรถจักรยานยนต์ นำหนังสือพิมพ์ไปโยนให้ที่บ้านอื่น ๆ อีกต่อ เพราะต้องรีบทำเวลา จอมลุกขึ้นไปหยิบหนังสือพิมพ์มา พอเห็นพาดหัวก็อ่านเคร่า ๆ แล้วก็ร้องขึ้น

เฮ้ย! นายดูข่าวพาดหัวนี่ซี มีเรื่องที่อำเภอบ้านเรา” จากนั้นก็ส่งหนังสือพิมพ์ให้โจมแฝดพี่ดูต่อ

โจมรับไปอ่านแล้วร้องลั่นออกมา “โอ้โฮ! เป็นไปได้หรือนี่ รัฐบาลประกาศยึดทรัพย์เอเย่นค้ายาบ้ารายใหญ่”

ทว่าโจมอ่านหนังสือพิมพ์ไม่ทันจบ หลวงพ่อวัดที่เขาไปทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นประจำ ก็มายืนอยู่ที่หน้าร้าน จอมรีบลุกไปยกเก้าอี้มาวางให้หลวงพ่อนั่ง ก่อนประนมมือไหว้เอ่ยปากนิมนต์

“นิมนต์ครับหลวงพ่อ หลวงพ่อมาหาเรามีธุระอะไรหรือครับ” แล้วเขาเองก็นั่งลงกับพื้นและประนมมือขณะพูด โจมรีบวางหนังสือพิมพ์แล้วนั่งลงกับพื้นประนมมือตามน้องชาย

“อาตมาจะมาบอกว่า ชาวกรุงเทพที่นำเงินมาสร้างโบสถ์ไว้ที่วัดหลังหนึ่งนั่น เขามาเห็นภาพที่โยมวาดไว้ให้อาตมา เขาเลยอยากจะให้โยมไปวาดภาพพุทธประวัติบนผนังโบสถ์ โยมไม่มีอะไรขัดข้องใช่ไหม?”

“เอ่อ…ไม่ขัดข้องครับ” โจมดีใจและรีบตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด

“ถ้าโยมตกลง โยมไปพบเขาเดี๋ยวนี้เลย ไปคุยกันในรายละเอียด โยมไปรถที่อาตมาพามานี่แหละ เดี๋ยวเสร็จธุระจะให้รถกลับมาส่ง” หลวงพ่อพูด

๑ ชั่วโมงต่อมา…
โจมกับจอมกลับมาที่ร้าน ทั้งสองสุดปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นกับงานใหม่ที่ได้รับ เขามั่นใจว่าเพราะเขาทั้งสองทำแต่ความดี ไปวัดทุกวันพระจึงมีสิ่งไปดลจิตดลใจ ให้เศรษฐีที่มาจากกรุงเทพฯ เห็นภาพพุทธประวัติที่เขาวาดใส่กรอบถวายหลวงพ่อ แขวนอยู่ที่ผนังกุฏิด้านหลังที่หลวงพ่อนั่ง ทำให้เขาได้รับเหมางานใหญ่ ที่เศรษฐีใจบุญเสนอให้

และเมื่อทั้งสองต่างไม่กล้าตีราคา เพราะไม่เคยรับเหมางานในวัด เศรษฐีผู้ใจบุญจึงเสนอค่าจ้างให้ในราคา ๑ ล้านบาท แถมกำหนดระยะเวลาการทำงานให้ว่าภายใน ๑๐ เดือนต้องเสร็จ

“โจม นายว่าถ้าเราตั้งใจวาดจริง ๆ กี่เดือนจึงจะเสร็จว่ะ” จอมถามเพราะโจมมีประสบการณ์ในการวาดภาพไทยมากกว่าเขา

“ถ้าเราทำแบบไม่หยุดเลยคือทำทุกวัน ทำตั้งแต่แปดโมงเช้า ถึงสี่โมงเย็น ไม่เกินห้าเดือน” โจมตอบ

“ถ้างั้น เราทำไปเรื่อย ๆ แบบว่างานที่ร้านเราก็รับ เพื่ออย่าให้เสียลูกค้าทางนี้” จอมให้ความเห็นแล้วพูดต่อไปว่า

“คราวนี้เราเห็นกันชัด ๆ แล้วใช่ไหมว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ยายลาภโดนตำรวจตรวจค้นยาบ้าเจอยาบ้าเป็นแสน ๆ เม็ดซ่อนอยู่ในท่อน้ำ บุญเก่าของยายลาภหมดแล้ว ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่โกงมาก็ถูกยึดหมดเหลือแต่กรรมคือคุก”

“สิ่งที่ยายเคยสอนเป็นความจริง เราดีใจที่คนทำชั่วได้รับผลชั่ว ยายพยายามสอนและฝึกให้เราทำแต่ความดี ความดีทำให้เราได้เรียนจบศิลปะ ได้ฝึกฝนตนเองจนมีฝีมือไว้ใช้ทำมาหากิน เราทำความดีให้กับตนเองและคนอื่นมาตลอดนายว่าไหม?”

โจมไม่ตอบได้แต่ยิ้ม เขารู้สึกสะใจที่คนชั่วได้รับผลกรรมบ้างเสียที ก่อนที่คนชั่ว ๆ อีกมากมายจะหลงผิดถึงขั้นคิดผยองครองโลก


โจมกับจอมใช้เวลาวาดภาพผนังโบสถ์อยู่ห้าเดือน งานก็เสร็จเรียบร้อย หลังจากรับเงินค่าเขียนภาพโจมและจอมซื้อรถยนต์กระบะ ๑ คัน แต่ผลงานของเขาเป็นที่ประทับใจของคณะเศรษฐีมาก และเศรษฐีใจบุญกลุ่มนี้มีชมรมร่วมคณะอยู่ ๑๐๐ กว่าคน ทุกคนมีความเชื่อมั่นว่า การสร้างโบสถ์และสิ่งสาธารณะจะทำให้ได้รับกุศลผลบุญอันยิ่งใหญ่ ดุจเดียวกับการสร้างปราสาทราชวัง ไว้สำหรับไปพักอาศัยในภูมิภพหน้า

กลุ่มเศรษฐีจึงต่างพากันออกเที่ยวไปค้นหาวัดเก่า ๆ ตามบ้านนอก เลือกวัดที่พระสมภารและพระลูกวัดปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และกลุ่มเศรษฐีกำลังจะสร้างหรือบูรณะโบสถ์ วิหาร ศาลา… ตามวัดที่มีเสนาสนะทรุดโทรมอีกหลายแห่ง เพื่อจรรโลงพุทธศาสนาให้กลับมามีบทบาท ในการหล่อหลอมจิตใจคนให้เป็นคนดี โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ ซึ่งคณะเศรษฐีเห็นว่า

ส่วนใหญ่กำลังหลงทาง และจะนำหายนะอันแรงร้ายมาสู่ประเทศชาติ หากยังปล่อยให้เป็นไปดังแบบที่เห็น ๆ

คณะเศรษฐีจึงจองตัวโจมกับจอมไว้เป็นช่างเขียนภาพผนังโบสถ์ วิหาร ประจำคณะของตน เพราะภาพวาดที่ดี ๆ สามารถสอนคน ได้ดีกว่าการมีแต่เพียงตัวอักษรเพียงอย่างเดียว ดังคำกล่าวที่ว่า “ภาพ ๆ หนึ่งสามารถถอดออกมาเป็นคำพูดได้มากกว่าพัน ๆ คำ” ทำให้ทั้งสองได้มาเขียนภาพผนังโบสถ์ หลังที่เพิ่งจะบูรณะใหม่เสร็จอีกแห่ง

ขณะที่โจมขับรถกลับจากไปซื้อแปรงทาสีและพู่กัน จากในตัวเมืองจะกลับไปวัดที่ทำงาน ซึ่งมีจอมกับคนงานอีกสองสามคนที่จ้างไว้เป็นลูกมือประจำ ทำงานอยู่ที่โบสถ์ สองฟากทางที่โจมขับรถผ่านเป็นทุ่งนาข้าวกล้าสดเขียว สลับกับป่าของผืนแผ่นดินอันชุ่มฉ่ำของภาคใต้ซึ่งปีนี้มีฝนดีตลอดปี เรือกสวนต่าง ๆ มีผลไม้ เงาะ ทุเรียน มังคุดและผลไม้อื่น ๆ ดกจนล้นตลาด และทำให้ชาวสวนขายผลไม้ไม่ได้ราคา ซึ่งโจมได้แต่นึกเห็นใจชาวสวนและความคิดที่อยากจะทำสวนและซื้อสวนไว้บ้าง ต้องถูกชะลอออกไป


ตรงที่หนึ่งระหว่างทางซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว โจมเห็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขาคนหนึ่ง ออกมายืนโบกมือเรียกขออาศัยรถ ตอนแรกโจมคิดว่าจะไม่จอด เพราะมองสาระรูปอันผอมแห้งซูบโทรม และการแต่งกายเสื้อกางเกงปะๆ ปอน ๆ ของชายคนนั้นแล้วก็ให้รู้สึกหวาดระแวง

เพราะที่ผ่านมาไม่ถึงเดือนมีคนร้ายดักจี้รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู ของภรรยาประธานหอการค้าจังหวัด… คนร้ายชิงเงิน รถยนต์ แล้วฆ่าเจ้าของรถก่อนนำศพไปทิ้งเสียที่อีกจังหวัดหนึ่ง

แต่ความมีน้ำใจอันเป็นนิสัยประจำตัวของเขาทำให้โจมหยุดรถ กดปุ่มไฟฟ้าเอากระจกลงครึ่งหนึ่ง แต่เข้าเกียร์หนึ่งและเหยียบคลัตช์พร้อมจะออกรถได้ทันที ถ้าเห็นว่าเหตุการณ์ไม่น่าไว้ใจ

(โปรดอ่านต่อตอนต่อไป)


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:9:24:38 น.  

 
มาอ่านเรื่องของทีแปลงและลุงบูลย์ไปพร้อมๆกันเลย ทำบุญได้บุญ ทำความดีได้ความสบายใจค่ะ ทำงานจิตรกรรมไทยได้ทั้งบุญทั้งงาน ทั้งความสุข..ขอให้มีความสุขทุกวันนะ


โดย: พี่โมโม่ (4leafwonder ) วันที่: 27 ตุลาคม 2553 เวลา:8:57:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทีแปลง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ศิลปะและความดี มีอยู่จริง
สัมผัสได้ด้วยมโนสำนึก
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ทีแปลง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.