ธ.ก.ส. เตือนระวังผู้แอบอ้างใช้ LINE Account ปลอม หลอกขอข้อมูลส่วนบุคคล
ธ.ก.ส. เตือน! เกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไป ระวังการแอบอ้างใช้ LINE Account ของธนาคาร ลวงให้ส่งข้อมูลส่วนบุคคล ย้ำไม่มีนโยบายขอข้อมูลส่วนบุคคลผ่าน LINE Account หากมี ข้อสงสัยสามารถติดต่อธนาคารผ่าน Facebook Page “ธกส BAAC Thailand” “ธกส บริการด้วยใจ” และ Call Center 02-555 0555 หรือที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ด้วยขณะนี้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ใช้ช่องทาง LINE Account แอบอ้างว่าเป็นบัญชีของธนาคาร จากนั้นจะมีการพูดคุยเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล โดยอ้างว่าสามารถแก้ปัญหาการใช้งานแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile หรือให้ความช่วยเหลือด้านธุรกรรมต่าง ๆ ได้นั้น ธ.ก.ส. ขอเรียนว่า ธ.ก.ส. ไม่มีนโยบายในการติดต่อลูกค้าผ่านทาง LINE Account เพื่อขอข้อมูลมาดำเนินการทำธุรกรรมการเงิน จึงขอให้เกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไป อย่าหลงเชื่อหรือส่งข้อมูล ส่วนบุคคลไปให้เด็ดขาด อีกทั้งการใช้งานแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ในการทำธุรกรรมทางการเงินนั้น จะใช้งานควบคู่กับบัญชีเงินฝากของลูกค้า ซึ่งจำเป็นต้องระมัดระวังในการดูแลข้อมูลส่วนตัวเป็นสำคัญเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ ในส่วนของ LINE Official “BAAC Family” ธ.ก.ส. ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์ การให้บริการหรือข้อมูลข่าวสารสำคัญไปยังลูกค้า รวมถึงการแจ้งความประสงค์ในการขอใช้บริการสินเชื่อบางประเภทกับ ธ.ก.ส. เท่านั้น ซึ่งสามารถสังเกตได้จากชื่อ LINE Account “BAAC Family” ซึ่งจะมีโลโก้ ธ.ก.ส. และสัญลักษณ์รูปโล่สีเขียวที่บริเวณหน้าชื่อ และมียอดผู้ติดตามปัจจุบันกว่า 7 ล้านคน
หากลูกค้ามีปัญหาในการใช้งาน ธ.ก.ส. A-Mobile สามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศและ Call Center 02 555 0555 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถติดตามข่าวสารของธนาคารหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทาง เว็บไซต์ //www.baac.or.th Facebook Page “ธกส BAAC Thailand” และ “ธกส บริการด้วยใจ” ทั้งนี้ หากพบเห็นการกระทําความผิดในลักษณะดังกล่าว ธนาคารจะดําเนินการเอาผิดตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ซีพีเอฟ ติดอันดับดัชนีความยั่งยืน DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ประเภทดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า นับเป็นความภาคภูมิใจของ ซีพีเอฟ ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI อย่างต่อเนื่อง เป็นการตอกย้ำการดำเนินงานของบริษัทฯด้วยความรับผิดชอบ จากการบริหารจัดการกระบวนผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตและใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหาร
DJSI เป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก จัดทำขึ้นโดย S&P Global โดยเชิญบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ทั่วโลกกว่า 3,500 แห่งใน 61 กลุ่มอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ครอบคลุม 3 มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และเป็นดัชนีที่นักลงทุนทั่วโลกใช้ประกอบในการตัดสินใจลงทุน ในปีนี้ ซีพีเอฟ มีความโดดเด่นในหลายด้าน เช่น การเคารพสิทธิมนุษยชน (Human Rights) สุขภาพและโภชนาการ (Health & Nutrition) และการบริหารจัดการนวัตกรรม (Innovation Management) เป็นต้น โดยในเรื่องสิทธิมนุษยชน บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจประเมิน (Due Diligence Process) เป็นประจำทุก 3 ปี
ประกอบด้วยกระบวนการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน การบริหารจัดการความเสี่ยง การติดตามและรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมทุกสายธุรกิจในกิจการประเทศไทย ตลอดจนการคิดค้นและพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการ ถือเป็นหัวใจในการผลิตอาหารมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน มากกว่า 30% ของผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นสุขโภชนาการ สุขภาพและสุขภาวะที่ดี
“การได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เป็นเครื่องยืนยันว่ามาตรฐานการพัฒนาด้านความยั่งยืนของบริษัทเทียบเท่ามาตรฐานระดับโลกและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และยังเป็นปัจจัยส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายประสิทธิ์ กล่าว
ซีพีเอฟ มีการวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ความยั่งยืนระยะยาวในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์สู่ความยั่งยืน 3 เสาหลัก ประกอบด้วย อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่ สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) อย่างต่อเนื่อง ในภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น สังคมวิถีปกติใหม่ (New Normal) และการเข้าสู่สังคมดิจิทัล นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ได้ดำเนินการตามกลยุทธ์ความยั่งยืนด้วยการส่งมอบอาหารปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ สามารถเข้าถึงได้ ให้กับคนในสังคมทุกระดับไม่เฉพาะในประเทศไทยแต่ยังรวมถึงประเทศที่ ซีพีเอฟ เข้าไปลงทุนอีก 16 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันยังได้ยกระดับมาตรการป้องกันโรคในระดับสูงสุด เพื่อดูแลสุขภาพพนักงานทุกคนให้ปลอดภัยจากโรคระบาด
“การดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ ของ ซีพีเอฟ เป็นส่วนสำคัญในการนำพาความภาคภูมิใจและกำลังใจให้กับพนักงานของบริษัททุกคนที่ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแก่ประเทศชาติและสังคม” นายประสิทธิ์ กล่าว
ซีพีเอฟ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนและร่วมสร้างสมดุลของสิ่งแวดล้อม เป็นส่วนสำคัญในการช่วยโลกของเราให้ยั่งยืน