All Blog
ส่งออกสินค้าเกษตรเติบโตสูงสุดในรอบ 10 ปี-ผลไม้ครองแชมป์ขยายตัวสูงสุด185%
“เฉลิมชัย”พอใจส่งออกสินค้าเกษตรเติบโตสูงสุดในรอบ10ปี ผลไม้ครองแชมป์ขยายตัวสูงสุด185% ขณะที่การส่งออกข้าวยังมีปัญหา ต้องเร่งปฏิรูปข้าวครบวงจรทวงแชมป์ส่งออกข้าวพร้อมปรับกลยุทธ์แก้ปัญหา”มังคุด”ฝ่าวิกฤตโควิด19

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แสดงความพอใจถึงมาตรการในการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังต่างประเทศโดยสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศในเดือนมิถุนายน 71,473.5 ล้านบาท





 





 
โดยมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 59.8% โดยมีอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี และเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องโดยผลไม้ครองแชมป์การส่งออกที่อัตราเติบโตสูงสุดถึง 185.10% โดยราชาแห่งผลไม้คือทุเรียนขยายตัว 172% และราชินีแห่งผลไม้คือมังคุดขยายตัว 488.26% เป็นการทำลายสถิติการส่งออกในอดีตที่ผ่านมา ตามมาด้วย การส่งออกยางพาราขยายตัว 111.9% มันสำปะหลังขยายตัว 81.5 %

ขณะที่การส่งออกข้าวที่มีตัวเลขติดลบทั้งปริมาณและมูลค่านั้น เบื้องต้นนายเฉลิมขัย  ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ.เร่งปฏิรูปข้าวแบบครบวงจรเพื่อสร้างศักยภาพใหม่หวังที่จะทวงแชมป์กลับคืนมาโดยใช้”5ยุทธศาสตร์ปฏิรูปเกษตร4.0”โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆมาสร้างการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การผลิต การแปรรูปและการตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตโดยบูรณาการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์ สมาคมชาวนาและทุกภาคีภาคส่วน





 





 
ในส่วนปัญหาการส่งออกผลไม้ ที่มีผลระทบจากโควิค19เบื้องต้นคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ปรับแผนกลยุทธ์รับมือกับผลกระทบจากโควิด19โดยเฉพาะลำไยภาคเหนือและผลไม้ภาคใต้ช่วงฤดูพีคสูงสุดในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนั้น

ในระหว่างวันที่ 28-29 กรกฎาคมนี้ นายสินิตย์  เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และตน ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(ฟรุ้ทบอร์ด)และคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชเพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหามังคุดราคาตกต่ำให้เร็วที่สุด





 





 
สำหรับตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2564 มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ 738,135.34 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึง 43.82% ถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยมีสินค้าสำคัญที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด5อันดับแรกได้แก่ 1.ผลไม้ขยายตัว 185.10% 2.อัญมณีและเครื่อง ด้วยมูลค่า ประดับ ขยายตัว 90.48% 3.รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ขยายตัว 78.5%

4.เครื่องจักรกล ขยายตัว 73.13% และ5.เคมีภัณฑ์ขยายตัว 59.82% ประการสำคัญคือ ตลาดหลักและตลาดรองมีอัตราการขยายตัวทุกตลาดโดยตลาดหลักขยายตัว 41.2% ประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป  CLMV อาเซียน เป็นต้น ส่วนตลาดรองขยายตัว 49.5% ได้แก่ เอเชียใต้ อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาติน ออสเตรเลีย 




 



 



Create Date : 28 กรกฎาคม 2564
Last Update : 28 กรกฎาคม 2564 17:56:42 น.
Counter : 643 Pageviews.

0 comment
ไทยร่วมประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก

นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมการประชุม Pre-Summit การประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก (The 2021 Food Systems Summit) ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ ระหว่างวันที่ 26 - 28 กรกฎาคม 2564 โดยในวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 นายอันโตรนิโอ กรูเตอเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ พระสันตะปาปาฟรานซิส นายกรัฐมนตรีอิตาลี และผู้นำประเทศ และรัฐมนตรีเกษตร จากทั่วโลก ได้ร่วมกันเปิดการประชุมสุดยอดระบบอาหารโลก ณ สำนักงานใหญ่ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ณ กรุงโรม 


 

 





 

ในส่วนของประเทศไทย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานวิดิทัศน์เปิดการประชุม ในหัวข้อ “Unleashing the Power of the Plate – for the Healthy of People and Planet” และทรงกล่าวถึงประสบการณ์การทรงงาน “โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียน” นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกล่าวเปิดประชุมหัวข้อบทบาทของธนาคารและสถาบันการเงินในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบอาหาร “Mobilizing Trillions for Food Systems Transformation” 

โดย กองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม (IFAD) และในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมแสดงข้อคิดเห็นในการประชุมระดับรัฐมนตรี Ministerial Roundtable หัวข้อ “Transforming Food Systems for Achieving the Sustainable Development Goals: Rising to the Challenge” ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 และร่วมแสดงข้อคิดเห็นในการประชุมระดับรัฐมนตรี Ministerial Roundtable ในหัวข้อ UN Food Systems Summit and Rio Conventions (UNFCCC CBD และ UNCCD) ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 

 

 





 

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ร่วมกับเนเธอร์แลนด์ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมย่อย (Affiliated Session) ในหัวข้อ แหล่งอาหารโปรตีนที่ยั่งยืน “Sustainable Protein for All” ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ด้วย



 

 




Create Date : 27 กรกฎาคม 2564
Last Update : 27 กรกฎาคม 2564 16:55:58 น.
Counter : 512 Pageviews.

0 comment
"กยท."เตือน ! กล้ายางจากภาคใต้ ต้องฉีดสารเคมีก่อนขนย้ายไปพื้นที่อื่น
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตือนผู้ประกอบการขยายพันธุ์ยางเพื่อการค้าและเกษตรกรผู้ปลูกยาง ระวังการนำเชื้อโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราจากภาคใต้ไปสู่การระบาดในภาคอื่นที่ยังไม่เคยพบการระบาด ดังนั้นก่อนทำการขนย้ายกล้ายางออกจากแปลงเพาะ ต้องฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคตามคำแนะนำอย่างน้อย 2-3 ครั้ง

ดร.กฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันได้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการปลูกยางจึงมีการขนย้ายกล้ายางจำนวนมาก ซึ่งกล้ายางพาราที่ปลูกกันในประเทศไทยส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตหลักจากภาคใต้ เช่นจังหวัดตรัง พังงา นครศรีธรรมราช สงขลา กระบี่และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น






 






 
จังหวัดเหล่านี้ประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา จากรายงานการศึกษาพบว่าเชื้อรานี้สามารถเข้าทำลายและฝังตัวอยู่ได้ทั้งในใบบนต้น กิ่งก้าน ใบที่ร่วงหล่นบนพื้นดิน รวมถึงพืชอื่นๆ ในสวนยาง




 















 
เพื่อเป็นการตัดวงจรและจำกัดวงของการแพร่ระบาดจากการขนย้ายกล้ายางเพื่อไปปลูกในพื้นที่อื่น สิ่งที่ผู้ประกอบการขยายพันธุ์ยางเพื่อการค้าและเกษตรกรผู้ปลูกยาง ต้องปฏิบัติคือ ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคอย่างน้อย 2-3 ครั้ง ตามอัตราแนะนำในฉลาก ทุก 3-5 วันไม่ว่าจะเป็นการผลิตกล้ายางชำถุง กล้ายางติดตาในถุง หรือต้นกล้าที่ติดตาในแปลง ก่อนถอนหรือขนย้ายออกจากแปลง  

เพื่อป้องกันเชื้อโรคติดไปกับกล้ายาง สำหรับสารเคมีที่แนะนำให้ฉีดพ่น เช่น เฮกซาโคนาโซล หรือ ไดฟิโนโคนาโซล หรือ ไซโพรโคนาโซล หรือ โพรพิโคนาโซล หรือ แมนโคเซบ หรือ คาร์เบนดาซิม หรือ โพรพิเนป หรือ คลอโรธาโลนิล ซึ่งอาจเลือกสารใดสารหนึ่งหรือใช้สลับกันก็ได้





 


 



Create Date : 24 กรกฎาคม 2564
Last Update : 24 กรกฎาคม 2564 12:24:36 น.
Counter : 425 Pageviews.

0 comment
"กระทรวงเกษตรฯ"เดินหน้านมโรงเรียนครบทุกวัน

"เกษตรฯ"เตรียมเดินหน้าโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนครบทุกวัน และโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 – 3) ครบทุกวัน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพนักเรียนให้แข็งแรง ลดภาระค่าจ่ายผู้ปกครอง และช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ครั้งที่ 7/2564 ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านระบบออนไลน์ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน มีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

รวมทั้งมีมติเห็นชอบโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนครบทุกวัน และโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 – 3) ครบทุกวัน โดยเตรียมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป




 

 




 

 

โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน มีนโยบายสนับสนุนโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนให้นักเรียนได้ดื่มนมครบ 365 วัน รวมถึงขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนตอน (ม.1-3) ให้ได้ดื่มนมเพิ่มขึ้นด้วย จากการประชุมคณะกรรมการบริหารการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ไขปัญหาภาคเกษตร ได้พิจารณาโครงการดังกล่าวแล้ว และได้เห็นชอบในหลักการเพื่อจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป

ภาพรวมของทั้ง 2 โครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้ดื่มนมมากขึ้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันเข้มแข็ง ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในการซื้อนมคุณภาพดีใหแก่เด็กและเยาวชนไทย อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมให้สามารถจำหน่ายน้ำนมดิบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรปรับตัวและลดผลกระทบจากเขตการค้าเสรี (FTA) ได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับเป้าหมายโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนครบทุกวัน ตั้งเป้าให้นักเรียนระดับชั้นก่อนประถมศึกษาจนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนกว่า 7 ล้านคน ได้ดื่มนมจากโครงการฯ วันละ 1 กล่อง จากเดิมได้ดื่ม 260 วันต่อปี เพิ่มขึ้น เป็นเวลา 365 วันต่อปี

รวมทั้งโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 – 3) ครบทุกวันตั้งเป้าให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนตอน (ม.1-3) ได้ดื่มนมจากโครงการฯ วันละ 1 กล่อง ตลอดทั้งปี ซึ่งถ้าทั้งสองโครงการได้รับการอนุมัติ ก็จะสามารถดำเนินการได้เลยในปีการศึกษา 2565




 



 

 




Create Date : 22 กรกฎาคม 2564
Last Update : 22 กรกฎาคม 2564 17:48:12 น.
Counter : 406 Pageviews.

0 comment
"ธ.ก.ส."พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยช่วยเหลือลูกค้าฝ่าวิกฤติ COVID - 19
ธ.ก.ส. สนับสนุนนโยบายกระทรวงการคลัง โดยออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ และสถาบันเกษตรกร เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 เดือน ผู้ที่สนใจแจ้ง ความประสงค์เข้าร่วมโครงการได้ตามความสมัครใจผ่าน LINE Official : BAAC Family เว็บไซต์ //www.baac.or.th และ Call Center 02 555 0555 และ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ตั้งแต่ 19 ก.ค. นี้ เป็นต้นไป

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น จำนวนมาก ทำให้รัฐบาลเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชนและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ





 






 
ส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการ และสถาบันเกษตรกร เพื่อเป็นการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องของผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกระทรวงการคลังที่มอบหมายให้ธนาคารของรัฐ

รวมถึง ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ตามความสมัครใจ ให้กับลูกค้าเกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ และสถาบันเกษตรกร โดยพักชําระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ถึงกําหนดชําระอย่างน้อย 2 เดือน นับจากงวดชําระเดิม ทั้งนี้แนวทางการช่วยเหลือขึ้นอยู่กับการได้รับผลกระทบและศักยภาพของลูกค้า





 






 
เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID - 19 และเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข โดยสามารถแจ้งความประสงค์การเข้าร่วมโครงการได้ผ่านช่องทาง LINE Official : BAAC Family เว็บไซต์ https://www.baac.or.th และ Call Center 02 555 0555 หรือที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการและสถาบันเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2564 และสำหรับลูกค้าเกษตรกรและบุคคล ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2564




 


 



Create Date : 19 กรกฎาคม 2564
Last Update : 19 กรกฎาคม 2564 15:53:33 น.
Counter : 500 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments