All Blog
"มข.-ออมสิน"จัดอบรมอาชีพผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
"ม.ขอนแก่น-ธ.ออมสิน"จัดอบรมโครงการมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่ออบรมอาชีพให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2562 เพื่อสร้างรายได้ครัวเรือน



รศ.ดร.เกรียงไกร กิจเจริญ ผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวเปิดการอบรม โครงการมหาวิทยาลัยประชาชน ปี 2562 ว่า สำนักบริการวิชาการ ม.ขอนแก่น ร่วมกับ ธนาคารออมสิน จัดอบรมโครงการมหาวิทยาลัยประชาชน โดยอบรมอาชีพให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2562 ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถสร้างรายได้และพึ่งพาตนเองได้


 


โดยการอบรมจะวัดผลเป็นรายบุคคล และมอบประกาศนียบัตรสำหรับผู้ผ่านเกณฑ์การอบรม ทางโครงการหวังว่าจะสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปแก้ไขปัญหาด้านรายได้ สร้างอาชีพให้เกิดในครัวเรือนหรือต่อยอดเป็นวิสาหกิจได้ โดยการอบรมแบ่งเป็น 4 หลักสูตร คือ 1) การทำไข่เค็มและบรรจุภัณฑ์ 2) การปรุงตำรับสมุนไพรเพื่อสุขภาพและการผลิตของที่ระลึกในงานพิธีต่าง ๆ 3) การทำขนมไทย และ 4) การถักดอกไม้โครเช



นายสงวน แก้วศรีบุตร ผจก.ธ.ออมสิน สาขาศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น กล่าวแนะนำหลักสูตรว่า "โครงการมหาวิทยาลัยประชาชน เป็นโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ความรู้สู่อาชีพ พร้อมเงินทุน” เพื่อพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถ นำทักษะไปประกอบอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน เลิกพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ร่วมกันผลักดันการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน ยกระดับรายได้ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ซึ่งรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"

 


 




 




 
































 
 















 



Create Date : 15 พฤษภาคม 2562
Last Update : 16 พฤษภาคม 2562 13:04:30 น.
Counter : 654 Pageviews.

0 comment
80 ปี การศึกษาคนตาบอดไทย
มูลนิธิช่วยคนตาบอด-สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สัมมนายิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ 80 ปี การศึกษาคนตาบอดไทย

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ มูลนิธิช่วยคนตาบอดในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่าในวาระที่มูลนิธิฯ มีอายุครบรอบ 80 ปี จึงร่วมกับ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยจัดการประชุมนานาชาติขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 พฤษภาคม ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ สุขุมวิท โดยมีวิทยากรชั้นนำจากต่างประเทศจากการประสานงานของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้ได้มีผู้แทนจากทุกภูมิภาคทั่วโลกเข้าร่วมการประชุมวิชาการครั้งนี้ด้วย ภายใต้หัวข้อ “แนวทางการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเห็นในประเทศไทย: เปิดเพดานความคาดหวังสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน”

 
 
 


“การจัดงานในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่งจาก “กองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ” ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเผยแพร่ความสามารถของผู้พิการทางสายตาให้สังคมได้เห็นถึงศักยภาพของผู้พิการทางสายตา ว่ามีความสามารถในการดำรงชีวิต ประกอบอาชีพ และทำประโยชน์ให้กับสังคมได้เช่นคนทั่วไป โดยงานประชุมนานาชาติครั้งนี้มี นางเสาวณี สุวรรณชีพเป็นประธานกรรมการ พร้อมทั้ง คณะกรรมการฝ่ายวิชาการและนิทรรศการงานครบรอบ 80 ปี ของมูลนิธิช่วยคนตาบอดในพระบรมราชินูปถัมภ์ และสมาค,คนตาบอดแห่งประเทศไทยเป็นคณะทำงาน” นายขรรค์กล่าว


 

 

“เพื่อเป็นการฉลองวาระครบรอบ 80 ปี ของมูลนิธิ ฯ จึงได้มีการจัดกิจกรรมพิเศษตลอดทั้งปี ที่จัดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 เป็นต้นมา ได้แก่ การปั่นจักรยานร่วมกัน ระหว่างคนตาบอดกับคนตาดีภายใต้หลักคิด  MORE THAN EYES CAN SEE  ณ จังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น พัทยา จังหวัดชลบุรี  ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม และจะมีการจัดอย่างต่อเนื่องอีกได้แก่ สุราษฎร์ธานี และจบที่กรุงเทพมหานครเป็นที่สุดท้าย”


 


“ในส่วนของการจัดนิทรรศการ ได้แก่ นิทรรศการภายในโรงเรียนสอนคนตาบอด ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 พฤษภาคม – 12 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เรื่อง นวัตกรรมเพื่อการศึกษาคนตาบอด ความเป็นมาของโรงเรียนจากอดีตสู่ปัจจุบัน ประวัติบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาคนตาบอด รวมทั้งพระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานให้กับคนตาบอด และการจัดนิทรรศการที่ศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เรื่องความรู้เกี่ยวกับอักษรเบรลล์ วิวัฒนาการด้านเงินตรา อุปกรณ์และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกให้คนตาบอด การแสดงผลิตภัณฑ์ฝีมือคนตาบอด การวาดภาพ บริการถ่ายภาพโดยช่างภาพตาบอด พร้อมชมแอพพลิเคชั่นหลากหลายของคนตาบอด เป็นต้น โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการดังกล่าว” นายขรรค์กล่าว


 
            






 



Create Date : 15 พฤษภาคม 2562
Last Update : 16 พฤษภาคม 2562 11:48:47 น.
Counter : 539 Pageviews.

0 comment
เชิญชมรถไฟสายศิลปะ "Art On Train"



 
 รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวในฐานะประธานพิธีเปิดนิทรรศการ Art On Train ว่า โครงการรถไฟสายศิลปะ : Art On Train เป็นโครงการที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับการสนับสนุนโดยสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้โครงการบริการวิชาการแก่สังคม


 โดยนำผลงานที่กลุ่มศิลปินอิสระ นักศึกษาพร้อมทั้งคณาจารย์ ได้จากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเส้นทางรถไฟ ถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานศิลปะนำมาจัดแสดงนิทรรศการให้ได้รับชมกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างพื้นที่การสร้างสรรค์ให้ผู้คนได้มีโอกาสเรียนรู้งานศิลปะ และเรียนรู้ผ่านผลงานศิลปะโดยเป็นสื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชุมชน สังคม ตลอดจนเป็นการสนับสนุนการเดินทางและท่องเที่ยวด้วยรถไฟ


 

 

 เนื่องจากในปัจจุบันศิลปะร่วมสมัยเติบโตอย่างไร้ขอบเขตและยังมีความห่างเหินจากผู้ชมที่อยู่ในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมอันห่างไกลจากการรับข่าวสารข้อมูล ซึ่งหลักสูตรทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ ในรายวิชาทดลองทางทัศนศิลป์ 1 มีวัตถุประสงค์ มุ่งเน้นให้นักศึกษาสร้างสรรค์ผลงานกับพื้นที่โดยนำเอาสิ่งต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ให้กับผู้คนและให้กับพื้นที่ที่ติดตั้งผลงานโดยมิได้แบ่งแยกกรอบพื้นที่ออกจากกันอย่างชัดเจน

 การจัดโครงการรถไฟสายศิลปะ : Art On Train เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมครั้งนี้ ยังเป็นการลดช่องว่างระหว่างศิลปะกับคนดู อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมรสนิยมการสร้างความเข้าใจการให้ความรู้ทางด้านศิลปะร่วมสมัยเข้าสู่ชุมชนได้อย่างแท้จริง
 
 

 

 สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมผลงานศิลปะในชุด : Art On Train ครั้งนี้ สามารถเข้าเยี่ยมชมผลงานได้ในวันเวลาราชการ ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2562 ณ หอศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

 





 
















 









 



Create Date : 08 พฤษภาคม 2562
Last Update : 12 พฤษภาคม 2562 19:03:40 น.
Counter : 447 Pageviews.

0 comment
นศ.CIBA-มธบ.เจ๋ง เทรดหุ้นออนไลน์คว้ารางวัล“ฟินันเซียฯ-บัวหลวง”

นศ.CIBA-มธบ. เจ๋ง คว้าเงินรางวัลประกวดเทรดหุ้นออนไลน์  “ฟินันเซียฯ-บัวหลวง” เห็นแววดีบริษัทหลักทรัพย์จองตัวทำงาน


ดร.ศิริเดช  คำสุพรหม  คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy: CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า ทาง CIBA ได้จัดโครงการประกวด The Stock Master DPU CIBA ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)  และ โครงการ HERO Stock Learning at DPU ร่วมกับ บริษัท หลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)  เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการเงินและการลงทุนในตลาดหุ้นให้กับนักศึกษาพร้อมกับได้ทดลองซื้อขายหุ้นแบบจำลองผ่านระบบของ 2 บริษัทหลักทรัพย์ และการให้ความรู้นักศึกษาโดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญจากทั้ง 2 บริษัท ตั้งแต่การสอนให้นักศึกษาได้รู้จักหุ้น  การให้ความรู้ภาพรวมตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก การสอนให้รู้จักวิธีการซื้อขายและเทคนิคคอลพื้นฐานต่างๆก่อนจะเทรดจริง


ทั้งนี้ การแข่งขันในทั้ง 2 โครงการได้เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า  300  กว่าคน  และล่าสุดทางมหาวิทยาลัยโดย CIBA ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการกับบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ฯ นำโดย ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานภาคีสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ คุณช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ฯ พร้อมด้วยผู้บริหารทั้งสององค์กรร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อสนับสนุนให้ความร่วมมือทางวิชาการ ด้านการเงิน การลงทุน และสหกิจศึกษาปฏิบัติงาน รวมถึง work integrated Learning ในอนาคต


 


นายจารุวัตร วีรฐิตินันท์ (เจ) นักศึกษา สาขาการเงินและการลงทุน ปีที่ 3 วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี  กล่าวว่า ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทเดี่ยวจาก โครงการThe Stock Master DPU ภายใต้การสนับสนุนของ บล.บัวหลวง โดยเป็นการลงทุนในหุ้นผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้เชี่ยวชาญจากบล.บัวหลวงเข้ามาสอนทุกคนที่เข้าร่วมแข่งขัน สอนให้รู้จักหุ้น รู้จักตลาดหุ้น รู้จักวิธีการซื้อขายโดยทดลองผ่านแอพลิเคชั่นของบัวหลวง พอได้เริ่มทดลองซื้อขายจริงก็ได้นำความรู้ที่ได้มาใช้ ตั้งแต่การเช็คความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นต่างประเทศทั้ง ดาวน์โจนส์ แนสแด็กซ์ และตลาดภูมิภาค รวมถึงปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการตัดสินใจที่จะลงทุนในหุ้น ส่วนแหล่งข้อมูลหลักๆเลือกศึกษาจากเว็บไซต์ อินเวสติ้งดอทคอม


สำหรับความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการนี้ก็คือ รู้จุดอ่อนของตัวเองในเรื่องภาษาซึ่งต้องพัฒนาอย่างมากโดยเฉพาะภาษาจีนและภาษาอังกฤษ  นอกจากนี้ได้มองเห็นภาพในอนาคตถึงความอิสระทางการเงินที่ชัดเจนขึ้น ได้รู้จักการออมเงินในรูปแบบใหม่ และเมื่อเรียนสาขาการเงินที่นี้สักระยะเริ่มรู้สึกถึงความท้าทาย มีหลายอย่างผลักดันให้อยากไปหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลาทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน


 


อย่างไรก็ตาม ข้อคิดที่ได้คือ การจะทำสิ่งใดต้องมีใจรัก มีความพยายาม ไม่ใช้อารมณ์ชั่ววูบตัดสินใจ เพราะสุดท้ายเมื่อพบกับความล้มเหลวหรือผิดหวัง จะเป็นการมากดดันตัวเอง ดังนั้นอยากฝากน้องๆ ที่อยากเริ่มออมเงินเพื่อนำเงินออมมาลงทุนให้งอกเงย ให้ออมจากเงินทุนของตัวเองก้อนเล็กๆก่อนแล้วค่อยศึกษาหาประสบการณ์ จะช่วยให้มีโอกาสพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้


นายจัตุรงค์  ชูศิลป์ (ปิงปอง) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) กล่าวว่า จากที่ได้เข้าร่วม โครงการประกวด HERO Stock Learning at DPU ภายใต้การสนับสนุนของ บล.ฟินันเซียฯ ได้รับรางวัลชนะเลิศ เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท แต่โดยส่วนตัวไม่ได้เลือกเรียนในสาขาวิชาการเงินแต่มีความสนใจเรื่องของการลงทุน และก่อนมีโครงการประกวดของมหาวิทยาลัยก็ได้เข้าไปศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนมาก่อน


โดยเริ่มศึกษาหาข้อมูลลงทุนเริ่มจากเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ต่อมาทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศรับสมัครนักศึกษาที่สนใจเรื่องการเทรดหุ้น การลงทุนในหุ้น เลยตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการเข้ามาเรียนรู้และศึกษาเพิ่มเติม ทำให้ได้รับความรู้มากมาย  ได้รู้จักอารมณ์ของหุ้น รู้จักตลาด รู้จักดูข่าว เช็คความเคลื่อนไหวของเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุ้น ได้ฝึกฝนดูกร๊าฟ ฯลฯ


ทั้งนี้ การทดลองลงทุนในหุ้นได้ให้ประสบการณ์สำหรับมือใหม่โดยเฉพาะเรื่องของความล้มเหลวและ Fail ในการซื้อขายหุ้นครั้งแรกแล้วขาดทุน รู้สึกตกใจ เครียด ผิดหวัง  ทำให้รู้จักตัวเองว่า อารมณ์จะมีผลต่อการตัดสินใจและการถือหุ้นในมือไว้กี่ตัวก็ตามเราต้องทำการบ้านเกี่ยวกับหุ้นที่ถือในแต่ละตัวให้มาก ๆ เพราะมีผลต่อการตัดสินใจและความล้มเหลว หลายคนอาจไม่รู้จักธรรมะแต่เมื่อใดได้เริ่มเทรดหุ้นแล้วการศึกษาธรรมะนับเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้เรามีสติและไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจซื้อขายได้ดีทีเดียว


 









 



Create Date : 06 พฤษภาคม 2562
Last Update : 12 พฤษภาคม 2562 19:02:32 น.
Counter : 414 Pageviews.

0 comment
"SMP"สร้างดาวรุ่งโอลิมปิก
เผยผลสำเร็จ"SMP"ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์อิสลามศึกษา SMP สร้างดาวรุ่งคณิตศาสตร์-ดาราศาสตร์โอลิมปิก ดันเด็ก 3 จังหวัดใต้สนใจเพิ่ม


นายสันติ แสงระวี ศึกษาธิการภาค 7 ได้เยี่ยมชมโครงการโรงเรียนห้องเรียนพิเศษโปรแกรมวิทยาศาสตร์ที่เน้นอิสลามศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม หรือ Science Mathematics Program:SMP ที่โรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือของ สำนักงานศึกษาธิการภาค 7 โดยศูนย์พัฒนาอิสลามศึกษา ร่วมกับ สำนักงานการศึกษาเอกชน 5 จังหวัด พัฒนาหลักสูตรวิทยาศาสตร์ ภายใต้ชื่อ โครงการโรงเรียนห้องเรียนพิเศษโปรแกรมวิทยาศาสตร์ ที่เน้นอิสลามศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม (SMP) โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนานำไปใช้เป็นกรอบ และทิศทางในการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาผู้เรียนที่มีความสนใจด้านวิทยาศาสตร์โดยตรง ให้มีคุณภาพด้านความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เป็นการยกระดับการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ซึ่งได้รับความสนใจจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก 

 

    
“ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของเราเป็นบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำขึ้นเพื่อขับเคลื่อนและยกระดับการศึกษาในพื้นที่ให้เด็กๆ ที่ร่วมโครงการมีผลการสอบ Inet เต็ม 100 เป็นโครงการที่มีที่เดียวในประเทศไทย จากการดำเนินโครงการนี้มา เราสามารถผลักดันส่งเสริมให้เด็กในพื้นที่ของเราเข้าสู่วงการวิชาการระดับคณิตศาสตร์โอลิมปิก และดาราศาสตร์โอลิมปิกสำเร็จมาแล้ว ซึ่งหลายโรงเรียนก็เริ่มตื่นตัวและสนับสนุนให้เด็กๆ ได้รู้จักโครงการดังกล่าว นับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจในฐานะผู้ขับเคลื่อนและประสานงานด้านการศึกษาอย่างแท้จริง ภายใต้การกำกับดูแลของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ที่สนับสนุนให้การขับเคลื่อนการศึกษาโดยออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับบริบทของคนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงมิติทางการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อำนวยประโยชน์ต่อผู้เรียนและต่อยอดกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในลำดับต่อไป” นายสันติกล่าว

 


"การพัฒนาการศึกษาทุกระดับไม่ว่าจะเป็นจังหวัด หรือภาคจะต้องมีความเชื่อมโยงกันโดยยึดแผนที่มีบุคลากรทางการศึกษา บริหารงาน กำหนดทิศทางกรอบการดำเนินการ สำหรับการศึกษาในพื้นที่ภาคใต้ประจำปี 2562 ได้กำหนดให้เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการศึกษาในชายแดนให้สัมฤทธิ์ผลและได้นำยุทธศาสตร์ที่พระราชทานคือการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาเป็นแนวดำเนินการและมุ่งให้มีทัศนติที่ดีต่อบ้านเมือง  พื้นฐานความมั่นคง ประกอบอาชีพ และเป็นพลเมืองที่ดี"

 
    

ผลสำเร็จของโครงการฯ ที่ โรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เปิดห้องเรียนพิเศษโปรแกรมวิทยาศาสตร์ที่เน้นอิสลามศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม หรือ SMP รวมถึงการพัฒนานักเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับ Google ประเทศไทย นำเทคโนโลยีดิจิทัลและแอพพลิเคชั่นเพื่อการศึกษา หรือ G-Suite for Education มาประยุกต์ใช้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาอย่างบูรณาการ สนับสนุนการอบรมพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเสริมสมรรถนะการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ต่อยอดสู่การสร้างชุมชนครูเพื่อการเรียนรู้เทคโนโลยี  โรงเรียนจึงปรับโปรแกรม SMP เป็น SmartSMP ให้เป็นห้องเรียนนำร่องเป็นห้องตัวอย่างที่ครูผู้สอน จะได้สร้างนวัตกรรมและฝึกทักษะการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ได้รับการส่งเสริมนี้มาสนับสนุนการเรียนรู้อย่างเต็มรูปแบบ 

 


ผลงานล่าสุดของนักเรียนในโปรแกรม SMP คือสามารถสอบผ่านค่าย 1 ค่าย 2 และเป็นตัวแทนศูนย์ สอวน. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 16 ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ปีนี้ ทั้งหมด 5 คนประกอบด้วย ประเภท คณิตศาสตร์โอลิมปิก นายเนาวาฟ เล๊ะนุ๊ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ประเภทดาราศาสตร์โอลิมปิก ดญ.ฟารีญา เหมมา และดญ.นิญาณี นิโมง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นายอัฟฟาน ยะโยะ และนางสาวซัลวา เจ๊ะอะ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่ง โรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน เป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา สอนในระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย มีนักเรียนประมาณ 2,500 คน 

 


นายกามาล อับดุลวาฮับ ผู้อำนวยการโรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กล่าวว่า  นักเรียนที่เรียนในหลักสูตร SMP ของโรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน จะเน้นการเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์  เพื่อให้สามารถสอบแข่งขันเข้าเรียนต่อคณะแพทย์ศาสาตร์หรือเภสัชและจากหลักสูตรดังกล่าวทำให้เห็นว่าเด็กมีการพัฒนาอย่างชัดเจน ทั้งนี้นอกจากจะมีการศึกษาที่เป็นเลิศ แต่ยังสอดคล้องกับบริบทต่าง ๆ เช่นการเรียนศาสนาและวิชาเรียนในตลาดความรู้ด้วยถือว่าเป็นความสำเร็จของโครง SMP

 


อย่างไรก็ตามหลักสูตรการเรียนการสอนทางศาสนาของโรงเรียนสอนศาสนาทั่วไปก็สามารถนำSMPไปปรับใช้ได้เพราะเราเน้นทักษะ และทำอย่างไรให้เด็กนักเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้สามารถเข้าศึกษาในคณะแทพย์และเภสัชได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้จะยึด SMP เป็นโมเดล และขยายต่อไปในโรงเรียนอื่นเพราะเป็นการจัดการเรียนการสอนตามความถนัดของผู้เรียน รวมถึงได้อบรบมคณะครูให้มีความรู้พัฒาตนเองเพื่อรองรับกับรูปแบบการศึกษาที่เปลี่ยนไปด้วย แต่ทางด้านศาสนาก็ไม่ได้ทิ้งแต่อาจเรียนน้อยลงกว่าวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ที่มีการจ้างครูมาสอนพิเศษ

 


"สำหรับค่าเล่าเรียน 3,000 บาทต่อปี บางแห่ง 1,000 - 1,500 บาทต่อปี ถือเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษและในอนาคตการเรียนการสอนจะเป็บบดิจิตัลคือไม่มีเอกสารตั้งแต่การสั่งงาน การทำการบ้าน ทุกอย่างต้องเป็นแบบไอทีตั้งแต่ระดับชั้นม.1-ม.6 และคาดว่านักเรียนที่สำเร็จจาก SMPจะมีโอกาสสอบแข่งขันในสถาบันชั้นนำทั้งในท้องถิ่นและส่วนกลาง และนักเรียนจะให้ความสนใจเรียนและศึกษาต่อด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น"

 


นายอาตีกี สนิหวี นักเรียนโรงเรียนมูลนิธิอาซิซสถาน ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี  ผู้ผ่านเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ประจำปีการศึกษา 2561 กล่าวว่า ได้เข้าเรียนในหลักสูตรเป็นรุ่นแรกตั้งตั้งระดับชั้น ม.1 ซึ่งจะเน้นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ตลอดจนศาสนา สลับกันไปโดยใช้เวลาเรียน 6 วันรวมวันเสาร์ แต่หลักสูตรจะมีความเข้มข้นมากในระดับชั้นม.4 และม.5 การเรียนในระดับนี้แม้จะหนักแต่เป็นผลดีกับตนเองเพราะในระดับชั้นม.6 ได้นำวิชาที่เรียนมาทั้งหมดทบทวน ไม่ได้เคร่งเครียดมากนัก จนกระทั่งได้โควต้าเข้าศึกษาในคณะแพทย์ด้วยคะแนน 3.78 ที่เปิดรับ 20 คนและตนเป็นหนึ่งในนักเรียนที่จบจากโรงเรียนปอเนาะ
 
 


สำหรับการศึกษาคณะแพทย์ในชั้นปีที่ 1 หลักสูตรค่อนข้างหนักแต่ยังมีบางวิชาที่เรียนเช่นเดียวกับมัธยมบ้างแต่จะลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง รวมทั้งจะเรียนศาสนาควบคู่ไปด้วย สำหรับตนเลือกลงแพทย์ชนบท และเมื่อศึกษาจบใน 6 ปีก็สามารถเลือกแพทย์เฉพาะทางได้ ซึ่งตนสนใจเกี่ยวกับการศึกษาด้านระบบประสาทเพราะที่นี่ขาดแคลน 

 


"อยากฝากไปถึงน้อง ๆ ว่าการเรียนในหลักสูตรSMPถือว่าได้เปรียบ เป็นการเปิดโลกไปในตัว รวมทั้งให้ทุกคนมีเป้าหมาย ว่าอยากเรียนอะไร เพราะจะมีความสุขรวมทั้งมีประโยชน์ ให้รู้ว่าควรทำอะไรและตั้งใจให้ได้ในสิ่งนั้นมาแม้ต้องเรียนหนักก็ตาม สำหรับผมพ่อแม่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่"

 


สำหรับการพัฒนาโปรแกรมห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ เน้นอิสลามศึกษาแบบบูรณาการในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เนื่องจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสถานศึกษาที่ได้วิวัฒนาการจากสถาบันศึกษาปอเนาะ ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนสองหลักสูตร คือ ศาสนาและสามัญ หลักสูตรสามัญใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ปรับปรุง 2560 และหลักสูตรศาสนาใช้หลักสูตรอิสลามศึกษา พ.ศ. 2546  การจัดการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบันนี้ โรงเรียนเอกชนศาสนาอิสลามจะจัดการสอนโดยแบ่งสัดส่วนเป็นรายวิชาสามัญร้อยละ 50 และ รายวิชาศาสนาร้อยละ 50  

 


ในปี พ.ศ. 2558 ทางสำนักงานศึกษาธิการภาค 12 (สำนักงานศึกษาธิการภาค 7) ปัจจุบัน  ได้ตระหนักถึงนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามและไปศึกษาต่อสายวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ พบว่า นักเรียนเหล่านั้น จะประสบปัญหาเรียนไม่ทันกับเพื่อนๆ เนื่องจากบางเรื่องของรายวิชาวิทยาศาสตร์อาจจะเรียนไม่ครอบคลุมเนื้อหาที่กำหนดในหลักสูตร เพราะความจำกัดของเวลาในการจัดการเรียนการสอนที่นักเหล่าจะต้องศึกษาทั้งวิชาสามัญและศาสนาไปพร้อมกันๆ

 


จากประเด็นดังกล่าว ท่านผู้ตรวจราชการ ดร. พีรศักดิ์ รัตนะ ได้มีแนวทางคิดให้พัฒนาโปรแกรมห้องเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ เน้นด้านวิทยาศาสตร์ประมาณร้อยละ 70 และศาสนา ร้อยละ 30 พร้อมกับให้ดำเนินการจัดทำวิจัยเรื่องดังกล่าวด้วย และได้เรียนเชิญผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะนำร่องห้องเรียนดังกล่าว จำนวน 30  โรงเรียน

 


โครงการนี้ เป็นโครงการร่วมระหว่างศูนย์พัฒนาอิสลามศึกษา สำนักงานศึกษาธิการภาค 7 กับสำนักคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช) ส่วนกลาง  ได้พัฒนามาแล้วเป็นเวลา 4  ปี โดยปัจจุบันนี้มีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้  จำนวน ประมาณ 80 โรงเพื่อนักเรียนได้เรียนตามความถนัดของผู้เรียนอย่างแท้จริงเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรายวิชาวิทยาวิทยาศาสตร์เหมือนกับโรงเรียนของรัฐบาลที่เปิดโรงเรียนพิเศษด้านวิทยาศาสตร์เช่นกันเพื่อแก้ปัญหานักเรียนจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่ได้เรียนต่อวิทยาศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ศาสนาในรูปแบบบูรณาการที่สามารถปฏิบัติกับตนเองและครอบครัว

 


ในปี พ.ศ. 2562  นับว่าเป็นแรกที่โรงเรียนได้นำร่องของโปรแกรมนี้ และจากการติดตามสอบถามผู้บริหารโรงเรียนและครูฝ่ายวิชาการที่รับผิดชอบ พบว่า โรงเรียนได้รับความพอใจเป็นอย่างในดำเนินการจัดการเรียนการสอนของโปรแกรมนี้ และขอให้หน่วยที่รับผิดชอบช่วยสนับสนุนส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงเรียนดารุณศาสตร์วิทยา อ. สายบุรี จ. ปัตตานี โรงเรียนนูรุดดีน  อ. ตากใบ จ. นราธิวาส โรงเรียนดารุลมาอาเรฟ  อ. ควนโดน  จ. สตูล เป็นต้น  ทั้งนี้ เนื่องจาก นักเรียนของสถานศึกษาเหล่านั้น ที่สำเร็จจากโปรแกรมได้เข้าศึกษาต่อที่สายวิทยาศาสตร์ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เป็นต้น


 



Create Date : 27 เมษายน 2562
Last Update : 12 พฤษภาคม 2562 19:04:27 น.
Counter : 1218 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments