Praya Palazzo
อนุสรณ์แห่งรักร้อยปี ที่เดิมพันด้วยชีวิต ทัชมาฮาลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของ ปรียาธร พิทักษ์วรรัตน์
โรงแรมแห่งนี้ ประทับใจตั้งแต่ประวัติการก่อสร้างแล้ว อ่านแล้วแทบน้ำตาไหล เมื่อได้ทราบว่าผู้ที่ชุบชีวิตให้บ้านหลังนี้ ได้จากไปก่อนที่อาคารจะเสร็จสิ้น ทิ้งไว้แต่ตำนานให้เล่าขาน ชั่วนิรันดร์ เลยเลือกมาพักในโอกาสแต่งงานครบ 20 ปี ไม่ผิดหวังเลย
โรงแรมอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครับ ด้านฝั่งธนบุรี ตรงข้ามสวนสันติชัยปราการ ไม่มีทางให้รถเข้า ต้องเดินทางด้วยเรือ ทางโรงแรม จัดเรือรับส่ง ข้ามฟาก ให้กับแขก ตลอดวัน หรือแม้จะยังไม่เข้าพัก ขอมาชมโรงแรม หรือจิบชายามบ่าย เรือข้ามฟากใจดี ก็พร้อมบริการ
ประตูเข้าจากท่าเรือ มองเห็นตัวอาคารสองชั้น ทรงยุโรป สีเหลืองนวล สลับขาว ตั้งตระหง่าน
สระว่ายน้ำ ขนาดไม่เล็ก ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้
โรงแรมพระยาพาลาซโซ เดิมเป็นอาคารเก่าแก่หลังใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีชื่อเรียกขานกันว่า บ้านบางยี่ขัน ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นเรือนหอของพระยาชลภูมิพานิช (ต้นตระกูลอเนกวณิช) กับคุณหญิงส่วน อุทกภาชน์ จนกระทั่งล่าสุดจากเรือนหอหลังเก่าที่ได้รับการปรับปรุงจนสวยงามออกมา ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบพาลาดิโอ ชิโน-ปอร์ตุกีสและกลายมาเป็นบูติกโฮเท็ล โดยฝีมือของ ผศ. วิชัย พิทักษ์วรรัตน์ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.รังสิต ที่มีชื่อเรียกขานว่า พระยาพาลาซโซ บ้านบางยี่ขันเดิมเป็นบ้านของขุนนางไทยเชื้อสายจีน คือ อำมาตย์เอก พระยาชลภูมิพานิช (ไคตั๊ค) กับคุณหญิงส่วน ภรรยา ซึ่งเป็นอดีตข้าหลวงของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ ๕ มาก่อน
รูปทรงอาคารเป็นแบบสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียลของยุโรป สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นแบบที่เรียกว่า The Chino Italian Architecture เพราะช่วงนี้คือยุคทองของศิลปะยุโรปหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย (ต่างจากสมัยรัชกาลที่ ๓ ที่เป็นยุคทองของสถาปัตยกรรมแบบจีน) ตัวอาคารก่อิฐถือปูน (คอนกรีต) สองชั้น เกาะกลุ่มเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าให้แม่น้ำ ดูงามสง่าและน่าอภิรมย์ยิ่งนัก ออกแบบได้ลงตัว ไม่มีกันสาด เชิงชายลายขนมปังขิง โค้งมนเหนือประตูหน้าต่างประดับกระจกสี เป็นแฉกรัศมีพระอาทิตย์ครึ่งดวง ชั้นล่างทำเป็นช่องซุ้มโค้งแบบตะวันตกหลายช่อง
สมัยเป็นบ้านของ อำมาตย์เอก พระยาชลภูมิพานิช (ไคตั๊ค) กับคุณหญิงส่วน ภรรยา กล่าวกันว่า มีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด พระยาชลภูมิพานิชถึงแก่อนิจกรรมในช่วงก่อนสงครามโลก ครั้งที่ ๒ ราวปี พ.ศ. ๒๔๘๕ นายปานจิตต์ อเนกวณิช บุตรคนที่ ๗ ได้เป็นทายาทครอบครองต่อมา จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๘๙ นายปานจิตต์ขายบ้านหลังนี้ ให้แก่ผู้ดูแลมัสยิดปากคลองบางกอกน้อย (ต่อมาคือ มูลนิธิมุสลิมกรุงเทพวิทยาทาน) เพื่อใช้เป็นอาคารโรงเรียนราชการุญมูลนิธิ เนื่องจากอาคารเรียนเดิม ในบริเวณมัสยิดได้รับภัยทางอากาศในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถูกระเบิดทำลายและไฟไหม้ลง
โรงเรียนราชการุญดำเนินกิจการเรื่อยมาจนปิดตัวลงในปี ๒๕๒๑ จากนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ มูลนิธิมุสลิมกรุงเทพวิทยาทานได้ให้เอกชน เช่าอาคารเรียนดำเนินกิจการต่อ โดยเปิดเป็นโรงเรียนอินทรอาชีว ศึกษา เป็นระยะเวลาประมาณ ๑๘ ปี ภายหลังโรงเรียนอินทรอาชีวศึกษาถูกสั่งปิดเหตุเนื่องมาจากนักเรียนก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับสถาบันอื่นอย่างรุนแรงทำให้อาคารดังกล่าวว่างลง ถูกทิ้งร้าง และไม่ได้ใช้งานตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๙ เรื่อยมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๕๒ ภาพในอดีต ขณะเริ่มบูรณะ
The Symbolic of Love อาคารพาลาดิโอ หลังใหญ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี คือ สถาปัตยกรรม ที่สืบทอดเรื่องราวความรักความผูกพัน มาตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 จาก บ้านบางยี่ขัน ของพระยาชลภูมิพานิช(ต้นตระกูลอเนกวณิช) กับคุณหญิงส่วน อุทกภาชน์ มาสู่ โรงเรียนราชการุญ ในช่วงต้นรัชกาลที่ 9 กระทั่งปัจจุบัน อาคารเก่าแก่ที่ทรุดโทรมดังกล่าว ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่โดย ผศ. วิชัย พิทักษณ์วรรัตน์ สถาปนิกผู้ชื่นชมในคุณค่าและความงามของสถาปัตยกรรมโบราณแห่งนี้ ให้กลายมาเป็นโรงแรมแบบบูติกที่พิเศษสุด เพื่อมอบเป็นรางวัลแห่งความรัก มีชื่อเรียกขานว่า พระยาพาลาซโซ สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างจีนและตะวันตกหลังนี้ คาดว่าได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกพระราชทานชาวตะวันตก เพื่อสร้างเป็นเรือนหอให้กับผู้เป็นเจ้าของเดิม โครงสร้างทำจากไม้และอิฐโบราณ มีการตกแต่งบานประตูด้วยไม้แกะสลัก และใช้กระจกสีตกแต่งบานหน้าต่าง ตามลักษณะของสถาปัตยกรรมพาลาดิโอ แต่ด้วยตัวอาคารที่ผ่านการเวลามายาวนาน รวมทั้งพื้นที่ตั้งซึ่งถูกน้ำท่วมขังอยู่เป็นครั้งคราว ทำให้การบูรณะอาคารภายใต้แนวคิดการคงลักษณะเดิมของอาคารไว้ แต่ให้อยู่ในสภาพที่ดูใหม่ขึ้น การซ่อมแซมและการหาวัสดุที่เหมือนเดิมหรือใกล้เคียงที่สุด จึงเป็นกลายเป็นโจทย์หนักที่ ผศ. วิชัย ต้องคิดหาทางออก เพื่อให้ได้สถาปัตยกรรมในลักษณะที่ตนเองตั้งใจไว้
ชื่อของพระยาพาลาซโซ หมายถึง คฤหาสน์แห่งพระยาชลภูมิพานิช เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้เป็นเจ้าของเดิม และยังเป็นเคหาสถ์แห่งความฝันในชีวิตของอาจารย์แดง (ผศ.วิชัย พิทักษ์วรรัตน์) ด้วย อาจารย์เคยชื่นชมความงามของอาคารหลังนี้จากระยะไกลมาตลอด ตั้งแต่สมัยก่อนบูรณะจนเกิดความรู้สึกเสียดายที่อาคารหลังนี้อาจจะทรุดโทรมไปมากกว่านี้ จึงได้เริ่มโครงการฟื้นคืนชีวิตให้กับบ้านหลังนี้ขึ้น แม้จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งการหาวัสดุที่เหมือนเดิม การทำให้โครงสร้างเก่าแข็งแรงขึ้น และการขนส่งวัสดุ แต่พอเป็นโครงการเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ทุกคนก็หายเหนื่อยและภูมิใจกับงานครั้งนี้มาก คุณ จักรธร ประเสริฐยิ่ง กล่าวถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ของ ผศ.วิชัย สถาปนิกผู้ริเริ่มโครงการพระยาพาลาซโซ "มีเงินอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องใช้หัวใจด้วย ตึกนี้สร้างเพราะความรักตั้งแต่สมัยท่านเจ้าคุณ ตอนเป็นโรงเรียนก็เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้าด้วย ครูสอนก็ไม่เอาเงิน พอสามีเรามา เขาก็ใช้หัวใจทำ เขาบอก พ่อจะทำนะแม่นะ เราก็บอกเอาสิ" คุณปู ปรียาธร พิทักษ์วรรัตน์ คู่ชีวิตของอาจารย์วิชัย เล่าให้ฟัง การจัดพื้นที่ห้องพักของพระยาพาลาซโซอาศัยหลักการสมมาตร ตามลักษณะของตัวอาคารที่ถูกออกแบบให้พื้นที่ของอาคารสองด้านที่เท่าๆ กัน ห้องพักทั้งหมด 17 ห้อง ได้รับการตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ไทยเดิม เพื่อให้แขกได้สัมผัสกับบรรยากาศของบ้านไทยในยุคโบราณได้เต็มที่ ในขณะเดียวกัน ก็เพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปอย่างครบครัน ห้องจัดพิธีการ ซึ่งเป็นโถงกลาง บนชั้น 2 ได้รับการปรับปรุงและออกแบบฟังก์ชั่นขึ้นใหม่ เพื่อรองรับงานจัดเลี้ยงรับรองขนาดกลางหรือจัดสัมมนาผู้บริหาร สำหรับในส่วนของภูมิสถาปัตยกรรม พระยาพาลาซโซ ยังคงยึดแนวคิดเดิมที่ต้องการให้สถานที่แห่งนี้มีบรรยากาศเหมือนบ้าน พื้นที่เล็กๆ ระหว่างตึก จึงกลายเป็นสวนสมุนไพร โดยมีต้นไม้ไทยโบราณ โดยเฉพาะไม้ดอกหอมและไม้ยืนต้น คอยให้ร่มเงาอยู่รอบๆ บริเวณอาคาร ชักชวนให้ผู้คนเข้ามาชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรมและรำลึกถึงเรื่องราวความรัก ความผูกพัน ที่ผ่านมาหลายยุคสมัยตราบจนถึงปัจจุบัน (ประวัติ ความเป็นมา ขอขอบคุณ คุณอุษณีย์ ประวัง)
Dining room สุดหรู ทางเดินขนานไปกับห้องรับประทานอาหาร เรียงรายด้วยเครื่องเรือนโบราณ และประวัติความเป็นมา ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน
ดอกไม้นานาพรรณ เดินชมทั้งวัน ก็ไม่เบื่อ
บรรยากาศยามบ่าย มีมุมเล็กมุมน้อย ให้นั่งฝัน และเก็บไปคิดถึง
แดดร่ม ลมตก ยามเย็น ชวนให้เดินเล่น กับคนรู้ใจ
หรืออาจออกประตูหน้า ใช้บริการเรือข้ามฟากใจดี ไปสัมผัสความวุ่นวาย ของตรอกข้าวสาร สักพัก เพื่อเห็นคุณค่า ของความสงบแห่งพระยา พาลาสโซ เพิ่มขึ้น
คู่หนุ่มสาว มา date กัน แสนประทับใจ ระหว่าง ทั้งคู่เดินอ้อยอิ่ง เกี่ยวก้อยไปตามแมกไม้ในวรรณคดี ช่อดอกไม้งามบนโต๊ะขาวสะอาด และค็อกเทลสีหวาน ก็เป็นพร็อพชั้นดีให้เรา อย่างไม่เขินอาย
หนังสือพอกเก็ตบุ๊คโตๆ ซักเล่ม กับที่นั่งส่วนตัวตรงนี้
หรือจะเลือกทำงานสบายๆ ริมสระมรกต
ห้องพัก ของเรา (ขวาสุดของภาพ) หนึ่งในห้องที่วิวดีที่สุดของที่นี่
ยามค่ำ ยิ่งงามตราตรึงใจ เข้าไปอีก
ได้เวลารับประทานอาหารมื้อหรู (Anniversary Dinner)
หนังสือ Hello เล่มที่ลงรายละเอียดไว้ครบถ้วน หนังสือเล่มนี้นี่เองที่ดึงเรามา ด้วยทั้งรูปและเรื่องราว ที่แทรกซึมเข้าไปถึงข้างในหัวใจ
หนังสือ เล่มนี้ นี่เอง
Dinner is served !
วิวตอนเช้าเมื่อออกจากประตูห้อง ลงไปทานข้าว
แอบเข้าห้องประชุมย่อย บนชั้นสอง จัดเป็นห้องรดน้ำแต่งงานก็งดงามไม่แพ้ใคร
หน้าห้อง น่าชวนน้องนั่งเอ้เต
เลี้ยวกลับลงมาในสวนของเราอีกครั้ง
post ท่าเลียนแบบเจ้าของนิดหนึ่งครับ
Breakfast ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
อุบส์ ! น้ำผึ้งหยด มดน้อยขอร่วมแจม
สะพานพระรามแปด background ที่ทำให้ พระยาพาลาสโซ ยิ่งดูสง่างาม ในยามเช้า
ดอกไม้กลุ่มใหม่ เสนอตัวรับรุ่งอรุณ
ห้อง suite ใหญ่สุด : คราวหน้ามา ต้องจองห้องนี้ให้ได้ !
สายๆนั่งอ่านหนังสือถูกใจ กับดอกไม้ช่อโต
จากห้องน้ำของห้องเรา นอนแช่ตัวในอ่าง แล้วชมวิวอันงดงามเช่นนี้ โอ้แม่จ้าว (อย่าเผลอลุก โดยไม่มีผ้าเช็ดตัวเลยเชียว)
ช่วงบ่าย ก่อนจะกลับ นอกจากทางโรงแรม จะให้ late checkout แล้ว ยังมี complimentary afternoon tea ให้อีกด้วย ซึ่งปกติต้องสั่งจองล่วงหน้า ถือเป็น highlight ที่สุดอย่างหนึ่งของที่นี่ทีเดียว มีแขกไม่น้อย ข้ามน้ำ (แต่ไม่ได้ข้ามทะเล) มารับประทานชายามบ่าย โดยไม่ได้มาพัก
Afternoon tea set ใหญ่มากกก
จัดมาหมดนี่ เพื่อทานสองคน จริงๆครับ ทานไม่หมดมีห่อกลับบ้านให้อีกต่างหาก
ขนมทั้งของไทย และเทศ จัดหนัก ถ้ารู้ก่อนแบบนี้ ไม่กินข้าวกลางวัน เด็ดๆ ชามีให้เลือกเป็นร้อยกลิ่น แนะนำให้เลือก แปลกเข้าไว้ เพราะของธรรมดา หาที่อื่นได้
อิ่มอก อิ่มใจ ประทับใจ ไม่รู้ลืม
หมายเหตุ : โรงแรมประสบภัยน้ำท่วม ปี 2011 ด้วย แต่สามารถซ่อมกลับคืนได้อย่างรวดเร็ว ราวเนรมิต เราต้องเลื่อนกำหนดการเข้าพัก เพราะตอนแรกจองไปช่วงน้ำท่วมพอดี ภาพทั้งหมดของบริเวณโรงแรม เป็นภาพจริง หลังจากบูรณะแล้ว สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าใครได้เห็นรูป จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน คงเดาได้ไม่ยากว่า น้ำท่วมแค่นี้ จิ๊บจ๊อย สิวๆ
พระยาพาลาซโซ 757/1 สมเด็จพระปิ่นเกล้า ซอย 2 บางยี่ขัน กรุงเทพฯ 10700 โทร. 02-883-2998 //www.prayapalazzo.com
การเดินทาง เรือของพระยาพาลาซโซจะคอยรับ-ส่ง แขกผู้มาเยือนอยู่ที่ท่าพระอาทิตย์ (ท่าเรือ N13) และท่าเรือบริเวณลานจอดรถ วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร (สามเสน ซอย 9) เนื่องด้วยการเดินทางไปยังพระยาพาลาซโซ สามารถเดินทางด้วยทางเรือเท่านั้น เพื่อรักษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมไว้
Create Date : 30 พฤษภาคม 2555 | | |
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2555 10:59:13 น. |
Counter : 19002 Pageviews. |
| |
|
|
|