|
ปีศาจคาบคัมภีร์มีสำนึกบกพร่อง ทางวัฒนธรรมสาธารณะ
คอลัมน์ รายงานพิเศษ
สุจิตต์ วงษ์เทศ
รัฐรุ่นแรกๆตั้งแต่ยุคสุวรรณภูมิ รับศาสนาจากอินเดียมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง-การปกครอง เราเรียกรัฐรุ่นแรกๆเป็นรัฐศาสนา-การเมือง ใช้ศาสนาควบคุมความประพฤติชนชั้นปกครองให้มีธรรมาภิบาล ฉะนั้นวรรณคดีโบราณที่ราชสำนักผลิตออกมาจึงเป็นไปเพื่อศาสนา-การเมืองทั้งนั้น
รัฐรุ่นหลังๆต่อมาจนปัจจุบันใช้เศรษฐกิจเป็นเครื่องมือทางการเมือง-การปกครอง เราเรียกรัฐรุ่นหลังๆเป็นรัฐเศรษฐกิจ-การเมือง มีตลาดเป็นตัวควบคุมทิศทางของรัฐที่ชนชั้นปกครองต้องปฏิบัติตาม ส่งผลให้วรรณคดีสมัยหลังผลิตตามกลไกตลาดทางเศรษฐกิจ-การเมือง
จะเห็นว่าในโลกนี้มีการเมืองทั้งนั้นไม่ว่าในศาสนาหรือเศรษฐกิจ ฉะนั้นทั้งนักบวชและกวีหนีไม่พ้นการเมือง เว้นเสียแต่จะมีอาการดัดจริตวิตถารว่านักบวช-กวีล้วนไม่เกี่ยวข้องการเมือง
ระบอบทักษิณอยู่ในโลกเศรษฐกิจ-การเมือง ที่พยายามอ้างอิงศาสนา-การเมือง แต่แปลงศาสนาเป็นทุนทางเศรษฐกิจ-การเมืองเพื่อการตลาด แล้วมอมเมาให้มหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่เป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ ปฏิบัติตามอย่างเชื่องๆจนทุกวันนี้ ฉะนั้นอาจารย์หมอประเวศ วะสี จึงมีบัญญัติ 10 ประการ ให้เป็นแนวทางแก้ไข
มือถือสาก ปากถือศีล
ของปีศาจคาบคัมภีร์
เมื่อปลายปีก่อนถึงต้นปีนี้ ผู้มีอำนาจในระบอบทักษิณสั่งให้กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ด้วยพฤติกรรมมือถือสากปากถือศีลของปีศาจคาบคัมภีร์ ด้วยการผลาญงบประมาณจำนวนมหาศาลบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม และโบราณศิลปะสถาปัตยกรรมในวัดรวมทั้งหมด 60 แห่ง
ทั้งหมดนี้ไม่เคยระดมความคิดเพื่อวินิจฉัยด้วยปัญญาว่าทำเพื่ออะไร? แล้วจะดูแลใช้งานอย่างไรต่อไปให้มีคุณค่ายั่งยืน? ที่สำคัญคือไม่มีแนวคิดแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเผยแพร่แหล่งที่จะบูรณปฏิสังขรณ์เหล่านั้น ฉะนั้นทำแล้วก็ปล่อยทิ้งให้เสื่อมโทรมไปเพื่อทำใหม่ ทำอีก ทำเรื่อยๆ ในคราวต่อไปเหมือนที่เคยเป็นมาเกือบร้อยปี
แม้คำสั่งของผู้มีอำนาจในระบอบทักษิณคราวนี้ก็เช่นกัน บรรดานักโบราณคดีและนายช่างสถาปนิกรู้กันว่ากำหนดขึ้นอย่างมั่วๆ และมักง่ายๆ ตามใจผู้มีอำนาจที่มั่งคั่ง อย่างไม่ต้องระดมความคิด ไม่ต้องวินิจฉัยอะไรทั้งนั้น แต่มีเหตุผลข้างๆคูๆอธิบายได้เสมอว่าดีและมีประโยชน์ อย่างน้อยก็มีประโยชน์ต่อผู้รับเหมากับคนเลี้ยงช้าง กินขี้ช้าง
แต่ประโยชน์ต่อสังคมไทยไม่มี ถ้าจะมีบ้างก็น้อยนิดนับไม่ได้ ยิ่งถ้ายึดถือตามบัญญัติข้อ 6 ของบัญญัติ 10 ประการ ที่อาจารย์หมอประเวศ วะสี ชี้ทางบรรเทาทุกข์ ยิ่งไม่มี จะขอยกบัญญัติข้อ 6 ของอาจารย์หมอประเวศมาให้อ่านดังนี้
"เรามีวัดอยู่ 30,000 กว่าวัด ถ้ารัฐบาลสนใจ ส่งเสริมให้มีการจัดการที่ดี ให้วัดสะอาด ร่มรื่น ใครเข้าไปแล้วจิตใจสงบ มีอาจารย์สอนกรรมฐานได้ทุกวัด แล้วคนเดี๋ยวนี้เครียดมากทั่วประเทศ ถ้าเช้าก่อนไปทำงานหรือว่าเย็นก่อนกลับบ้านแวะไปไหว้พระที่โบสถ์สักหน่อยดูภาพงามๆ เห็นพระพุทธเจ้า นั่งสมาธิ"
ก่อนหน้านี้ ระบอบทักษิณต้องการบริหารจัดการที่ดินวัดเป็น"ทุน" แต่ถูกต่อต้านจนต้องหยุด(ชั่วคราว) เห็นชัดๆว่าระบอบทักษิณเป็นพวกมือถือสาก ปากถือศีลของปีศาจคาบคัมภีร์ ฯลฯ ที่จ้องล้างผลาญวัดในพระพุทธศาสนาเป็นทุน ไม่ใช่เป็นแหล่งเรียนรู้โลกและธรรม
ข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรม รักจะเป็นพวกมือถือสาก ปากถือศีลของปีศาจคาบคัมภีร์ ไปตามระบอบทักษิณอย่างนั้นหรือไฉน? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จงไปที่ชอบๆเถิด
สำนึกวัฒนธรรมสาธารณะบกพร่อง
มันก็ต้องเป็นเช่นนี้เเหละ-อยุธยา
นานหลายปีเเล้ว กรมศิลปากรอนุญาตให้กองถ่ายหนังชุด"มอทัล คอมเเบต"ของฝรั่งมังค่านานาชาติ ใช้วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดมหาธาตุ วัดไชยวัฒนาราม ฯลฯ ในอยุธยา ถ่ายทำฉากบู๊ล้างผลาญ มีดารา มีผู้เเสดงประกอบ รวมทั้งคณะกองถ่ายขนเครื่องไม้เครื่องมือนับร้อย ด้วยรถบัส รถกระบะ รถเก๋ง เป็นขบวนใหญ่ราวกับคณะละครสัตว์เข้าไปจอดในวังโบราณ
มติชนเเละข่าวสด รวมทั้งสื่อหลายฉบับหลายสถานีวิทยุ-โทรทัศน์ เสนอข่าวเชิงคัดค้านนานหลายวันต่อเนื่องกัน มีนัยยะว่า"นักโบราณคดี"ที่จบการศึกษาจากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร มีทั้งพวกรับราชการในกรม ศิลปากรเเละเอกชนนอกราชการ มีผลประโยชน์ทับซ้อนเสมือน"นายหน้า"ให้เจ้าของหนังเรื่องนั้นเข้ามาถ่ายทำ โดยใช้ซาก ศาสนสถานเป็นฉากทั้งที่อยุธยาเเละที่อื่นๆ
คราวนั้นผมได้เขียนติเตียนการกระทำอย่างนั้นด้วย ว่าไม่ถูกต้องทั้งทางโลกเเละทางธรรม รวมถึงทั้งอดีตเเละปัจจุบัน ไม่ว่าทุนนิยมหรือสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์เขาก็ไม่ปล่อยให้กระทำย่ำยีอย่างนี้ เเม้วัดมหาธาตุกับวัดศรีสรรเพชญ์จะปรักหักพังเป็น dead monument เเล้วก็ตาม เเต่จิตวิญญาณความเป็น"ศรี"อันศักดิ์สิทธิ์ของกรุงศรีอยุธยา "ราชอาณาจักรสยามเเห่งเเรก" ยังสืบเนื่องไม่ขาดเเคลนหรือคลายลง
เเต่นักโบราณคดีทั้งในราชการเเละนอกราชการเหล่านั้น มี"สำนึกวัฒนธรรมสาธารณะบกพร่อง"ไปเเล้ว เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนเลยมองเห็นสิ่งเก่าๆเหล่านั้นเป็นเเค่"สินค้า"ที่มี"มูลค่า"เหมาะเเก่การ"ขาย" โดยไม่เห็น"คุณค่า"ที่ซ่อนอยู่ข้างในเนื้ออิฐ ทุกก้อน จึงพากันต่อว่าด่าพอผู้คัดค้าน รวมถึงตัวผมด้วย
นักโบราณคดี"สำนึกวัฒนธรรมสาธารณะบกพร่อง"พวกนั้น มีทั้งนายหน้าเเละ ผู้รับเหมา ขณะนี้เติบโตในราชการมีอำนาจในกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เเล้วเเผ่รังสีอำมหิตประจบประเเจงเเข่งขันเซ็งลี้ลาภยศสรรเสริญด้วยข้ออ้าง"เพื่อความเป็นไทย" ใน"ระบอบทักษิณ"
ฉะนั้น จึงไม่มีอะไรต้องประหลาดหรือมหัศจรรย์ใจ เมื่อมีข่าวในมติชน เเละสื่ออื่นๆว่าผู้บริหารระดับสูงมากของกรมศิลปากรอนุญาตให้มีกิจกรรมไม้ค้ำยันเเปลกปลอมนับร้อยๆต้นซุกซากสถูปวัดมเหยงค์ อยุธยา เเล้วยังอนุญาตให้หมู่มารจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ตะบี้ตะบันกันบริเวณลานโล่งหลังวัดมหาธาตุ อยุธยา โดยใช้สถูปเจดีย์เป็นฉากเฉกเช่น โลกียสถาน จะไปโทษคนจัดไม่ได้
มันก็ต้องเป็นเช่นนี้เเหละ "ระบอบทักษิณ" ในกรมศิลปากร
หน้า 24
Create Date : 18 กันยายน 2549 |
Last Update : 18 กันยายน 2549 21:34:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 666 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|