รีวิวกระเป๋าใส่การ์ด BAO BAO ISSEY MIYAKE


สวัสดีครับทุกคน ห่างหายกันไปไม่นาน วันนี้ผมก็เอาสิ่งของใหม่ ๆ มารีวิวกันสด ๆ ร้อน ๆ เลย และอีกเช่นเคย วันนี้ถ้าจะไม่อวด ก็คงไม่ใช่คอนเซปในการทำเพจสักเท่าไหร่ ล้อเล่นนา... เดี๋ยวเข้าใจเจตนารมณ์ผิด ครั้งหน้าผมว่าจะมารีวิวหนังสือบ้าง พอดีอ่านแล้วประทับใจ... จริง ๆ บล็อกนี้แค่อยากเผื่อให้คนที่กำลังสนใจในแบรนด์นี้ รับรู้ว่าสินค้าเป็นยังไง คุณภาพดีมั้ย คุ้มมั้ยที่จะซื้อมากกว่า ซึ่งวันนี้ผมไปถอยกระเป๋าใส่การ์ดของ BAO BAO มา ซึ่งราคาอาจไม่ได้สูงมาก เหมือนกระเป๋ารุ่นอื่น ๆ แต่ก็พอจะทำนายทายทักได้ว่าคุณภาพของรุ่นอื่น ๆ จะดีมั้ย 

สำหรับแบรนด์ Bao Bao Issey Miyake ฟังดูแล้วก็รู้ว่าเป็นของญี่ปุ่น ฉะนั้นความคาดหวัง หรือสิ่งที่รับรู้ได้ในเบื้องต้นของความเป็นญี่ปุ่นนั้น ก็น่าจะเป็น ความประณีต ความละเอียดอ่อน ความเรียบง่าย และคุณภาพ 

:: สินค้า

มาดูกันที่ตัวสินค้า จากวัตถุดิบที่เลือกใช้ในการผลิตกระเป๋า ก็จะเป็นผ้าคอตตอนที่นุ่ม หนา ใครนึกไม่ออกก็ลองเปรียบเทียกับถุงผ้าที่เราใช้ใส่ในเครื่องซักผ้า ประมาณนั้นแหละ ซึ่งเท่าที่สัมผัสตรงนี้ถ้าใครใช้แล้วถูหรือสัมผัสบ่อย ๆ มีโอกาสที่จะเป็นขุยได้อยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าใช้เข้า ๆ ออก ๆ กระเป๋ากางเกงบ่อย ๆ หรือถ้าเป็นกระเป๋าสะพาย ก็ให้ระวังการสีกันกับเสื้อผ้าบ่อย ๆ สำหรับตัว Plate ที่แปะเป็น Signature ของ  BAO BAO รุ่นนี้เป็นแบบ Sport ฉะนั้นวัสดุจะออกเหนียว ๆ หน่อย ซึ่งในคู่มือก็มีการเตือนว่า ห้ามวางไว้ในที่ร้อน เดี๋ยวจะละลาย และแน่นอนว่ามันเหนียว ๆ การเกิดรอยกดทับย่อมมีโอกาสง่าย เพราะฉะนั้นการดูแลรักษาค่อนข้างมีเยอะพอสมควร  แต่สำหรับด้านในบุด้วยหนังชิ้นบาง ๆ ก็สวยงามไปอีกแบบ ดูไม่หยาบกระด้างดี

สำหรับสีที่ผมซื้อมาคือ สีเทาออกเงา OYSTER Metallic Code 94 ซึ่งดูในเว็บของญี่ปุ่นไม่มีด้วย ผมว่าสวยดีเลย ไม่จืด ไม่แจ๊ดเกินไป ผู้ชายใช้สวยกำลังดี

:: ราคา

สำหรับราคาผมว่าก็ค่อนข้างสูงพอสมควร เนื่องจากวัสดุไม่ใช่หนังอะไร แต่เป็นผ้าคอตตอน ถ้าดูในเรื่องคุณภาพก็ถือว่าพอกลบเกลื่อนราคาได้อยู่ โดยราคาเต็มอยู่ที่ 3,500 บาท ซึ่งผมลองเทียบกับเว็บของญี่ปุ่น ซึ่งบ้านเราถูกกว่าค่อนข้างเยอะและทาง Club21 ก็ปรับราคาลงแล้ว โดยของญี่ปุ่นอยู่ที่ $155 หรือประมาณ เกือบ 5,000 บาทเลยยังไม่รวมค่าส่งอีก และเนื่องในโอกาสที่ซื้อช่วง Central Midnight Sale ใช้บัตรเดอะวันลดให้ 5% อีกทีหนึ่ง รวมทั้งผ่อนได้ 0% 3 เดือน นอกจากนี้ยังได้คูปองอีก 100 บาทด้วย สำหรับใครที่ไม่อยากจ่ายทีเดียวหนัก ๆ ก็สบายไป

:: สถานที่

Central ชิดลม, Emquartier, Siam Discovery และ Central ลาดพร้าว แนะนำว่าถ้าต้องการซื้อควรไลน์สอบถามใน Club21 ก่อนเนื่องจากอย่างที่ผมซื้อ ถ้าไม่ใช่ Central จะไม่ได้ร่วมลด 5% เลย










































[ ซื้อแล้วน้ำหนักนี่เบาสมชื่อเลย ถุงนี่แบนซะนึกว่าถุงเปล่า ]


[ ถุงผ้าห่อชั้นแรก ]



[ ใส่การ์ดได้สองด้าน ซึ่งตอนแรกจะยังพับไม่ได้ เค้าให้เรามาพับ จะได้เป็นรอยที่พับที่เกิดจากเรา ฮ่า ๆ ]


[ ด้านในก็กว้างดี ใส่ได้ค่อนข้างเยอะ ]


[ ลองพับดู ]


[ ใบรับประกัน ซึ่งทาง Club21 บอกว่ารับประกัน 1 ปี หากตัว Plate มันหลุดไม่นับการขาดจากการใช้งาน ]

สำหรับสรุปการรีวิว ผมขอประเมิณตามเกณฑ์ที่ผมคิดขึ้นมาเองนะ ฮ่า ๆ 

(1) คุณภาพ "5" เช่น วัสดุ การเย็บ การประกอบ - 9/10 

ขอหัก 1 คะแนนตรงที่ การวาง Plate บางชิ้นไม่เป็นระนาบเดียวกัน นิดหน่อย

(2) การดูแลรักษา "4" เช่น ความยากง่าย การระมัดระวัง - 7/10

ขอหัก 3 คะแนน เพราะอย่างที่บอกไปครับ ตัววัสดุเป็นคอตตอนต้องระมัดระวัง และแผ่น plate ที่เหนียว ๆ ต้องระวังของร้อนและการกดทับ

(3) ราคา "4" โดยเปรียบเทียบกับคุณภาพและสินค้าทดแทนที่มีอยู่ - 7/10

ขอหัก 3 คะแนน เนื่องจากตัววัสดุค่อนข้างธรรมดาครับ แต่เนื่องจากด้วยขนาดและความบางตอนนี้ คู่แข่งแบรนด์อื่น ๆ ในระดับเดียวกัน ยังหาค่อนข้างยากครับ

(4) ความไม่ซ้ำใคร "5" โดยเปรียบเทียบจากความนิยมของแบรนด์และรุ่นที่รีวิว - 8/10

ขอหัก 2 คะแนนตรงแบรนด์ BAO BAO ก็มีคนใช้กันค่อนข้างเยอะอยู่ แต่ด้วยลาย Sport ที่เป็น Signature แบบนี้ยังคงน้อยอยู่ก็ทำให้เจ๊า ๆ กันไป

โดยรวมแล้ว ผมประเมินจากน้ำหนักแต่ละด้าน ผมให้เจ้า BAO BAO ISSEY MIYAKE Card case อยู่ที่  141/180 หรือ 78.3% ของความพึงพอใจโดยรวมของผมเอง อิอิ






Create Date : 31 สิงหาคม 2561
Last Update : 2 กันยายน 2561 22:31:26 น.
Counter : 4520 Pageviews.

0 comment
รีวิวรองเท้าแตะคีบ ระดับ Hi-Street ใส่แล้ว ลอยได้หรอ!!!




เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ Club 21 เอาของมาลดราคาเป็นจำนวนมาก... ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า บลา ๆ ของฟุ่มเฟือยทั้งหลาย เหมาะสำหรับคนที่อยากจะครอบครองสินค้าแบรนด์เนม แต่งบในกระเป๋าไม่เอื้ออำนวยบ้าง... โดยลดกันถึง 70-90% เลยทีเดียว ผมในฐานะนักจับจ่ายและไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆ ก็ต้องไม่พลาด รีบบึ่งขึ้นรถไฟฟ้าไปซื้อเลยที่พารากอนฮอลล์... ตามจริงผมคิดว่าการซื้อของลดราคานี่ ถ้าอยากได้อะไรก็รีบ ๆ ซื้อเลยดีกว่า ดีกว่าไปซื้อตอนราคาเต็ม แล้วเจอราคาลดแบบนี้ทำใจไม่ไหวอะ เหมือนโดนหลอก... นี่ลดแล้วผมว่าเค้าก็ยังได้กำไรอยู่นะ แต่ก็อาจจะมีสินค้าที่เป็น Loss leader อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเรียกแขกเข้างานละกัน ยกตัวอย่างเสื้อ Emporio Armani ราคาเต็ม 22,900 ลดไป 70% คิดเอาเองละกันครับ ฮ่า ๆ ว่าเหลือเท่าไหร่ แล้วต้นทุนจริง ๆ ที่เป็น DM จะเป็นเท่าไหร่ ถ้าไม่รวมค่าขนส่งและพวก Fixed cost อื่น ๆ อิอิ... แต่การซื้อของลดราคาหนัก ๆ แบบนี้ข้อเสียมันก็คือ ของสวย ๆ น่ะ ไม่มีมาถึงมือหรอก หรือเค้าก็ไม่เอามาลด คนขายก็รู้อะไรสวย ไม่สวย...

สำหรับวันนี้เนื่องจากผมดูไป ๆ มา ๆ มันก็มีแต่ของไม่ค่อยสวย หรือเราไม่มีรสนิยมก็ไม่รู้ ฮ่า ๆ ก็เลยไปสอยรองเท้าแตะคีบ Armani Exchange ดู ว่าใส่แล้วจะฟินกว่าแตะคีบตลาดนัดมั้ย ฮ่า ๆ เผื่อใส่แล้วรัศมีจับ สาว ๆ มองกรี๊ดกร๊าด อิอิ...


ราคาเต็มของมันคือ 1,890 บาท ร้องดังว่า อือหือ... แตะตลาดนัดแปะยี่ห้อไปอัพราคาได้เกือบ 40 เท่า ทั้งที่พื้นรองเท้าเหมือน ๆ กัน คือคิดว่าใส่ไม่นานก็สึก ลื่นปรื้ด ๆ ชัวร์ จะมีดีหน่อยก็ตรงหูคีบที่ค่อนข้างหนาทนทาน ไม่สีเท้าให้เป็นแผล นอกนั้นก็เหมือนกันหมด แต่ความที่ลดตั้ง 80% ก็เลยสอยมา ลองดู!!! ขำ ๆ ไป ฮ่า ๆๆ 

สรุป ใส่แล้ว..

ลอยได้ไหม... ไม่ได้

ทนกว่าไหม... คิดว่าไม่

แล้วมีดีอะไร...

คำตอบคือ แบรนด์ไง ฮ่า ๆ ลองใส่ไปเดินห้างสิ คนต้องมอง เพราะไอนี่แต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่พอโฟกัสที่เท้า เป็นต้องอ้าปากกว้าง ๆ กว่าโอ่งมังกรว่า โอโห.... นี่ราคามันแพงกว่ารองเท้าตรูอีก ฮ่า ๆ 

สำหรับใครที่ชอบของฟุ่มเฟือย ก็ถือว่าเหมาะสำหรับมาใส่อัพเกรดทีน เกร๋ ๆ ครับ อิอิ...



Create Date : 25 สิงหาคม 2561
Last Update : 25 สิงหาคม 2561 21:33:55 น.
Counter : 905 Pageviews.

0 comment
รีวิวรองเท้าสนีคเกอร์ Armani Exchange


ช่วงนี้หลายคนอาจจะบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดีเลย ทำมาค้าไม่ขึ้น แต่มนุษย์งินเดือนอย่างเรา ๆ ก็ไม่ได้สะทบสะท้านอะไรมากเท่าไหร่... แต่สำหรับใครที่เล่นหุ้นก็อาจจะดอยหนัก ๆ มาเมื่อเดือนที่แล้ว ก็อาจจะทำให้มีกำลังในการฟุ่มเฟือยน้อยลง... เอาเป็นว่าใครเหลือกินเหลือใช้ก็อาจจะจับจ่ายใช้สอยกันเพลิน ๆ วันนี้ในฐานะมนุษย์เงินเดือนคนนึง และพอร์ตหุ้นติดลบหนัก ๆ ประมาณ 40% ก็ยังกล้าจับจ่ายซื้อของใหม่ ๆ มารีวิวสม่ำเสมอ ด้วยความมือบอนไปกดติดตาม Club21 เจอของลดราคาไป 60% เป็นอันต้องสะอึก... เมื่อของที่ลดราคานั้นสวยถูกใจ มิอาจห้ามใจได้ ก็เลยจำเป็นต้องถอย เดือนที่แล้วก็คิดว่า เดือนหน้าไม่น่ามีอะไรต้องเสียเงินละนะ แต่ก็ไม่ทันสิ้นเดือน เงินก็หลุดไปอีก ฮ่า ๆ... สิ่งนั้นคือ รองเท้าสนีคเกอร์ Armani exchange ที่ราคาสูงลิ่ว แต่ลดทีราคาพอ ๆ กับ New balance เป็นคุณจะปล่อยมันให้หลุดลอยไปอยู่ในมือคนอื่นหรอ... คำตอบ คือ ไม่ด้ายยย..... ราคาเท่านี้แถมเสริมบารมีได้อีก 1-2 เท่าตัว ไม่พลาดแน่ ๆ


สถานที่ซื้อ


ร้าน Armani exchange ที่ Siam Center และ the Emquartier ในที่นี้ผมซื้อที่ Siam center เพราะมีรองเท้าที่นั้น และสั่งพนักงานจองไว้แล้ว ตามจริง มันมีเรื่องอยู่ว่า ผมแอดไลน์ AIX ไปถามว่าจะขอไปดู ไม่ทราบมีขนาดที่ต้องการมั้ย เขาก็เลยบอกว่ามีที่สยาม จะให้พนักงานเก็บให้ แต่พอไปถึงดันไม่มี ผมก็เลยไลน์กลับไปร้องเรียนว่า “มาแล้วแต่ของไม่มี คราวหน้าช่วยตรวจสอบให้ละเอียดก่อน เพราะขับรถไปรถติดมาก” เท่านั้นล่ะ พนักงานเขาก็ขอโทษ พออีกวันนึงผมเลยบอกจะเข้าไปดู เพราะพนักงานบอกว่าตอนนี้เขาเก็บไว้ให้แล้ว มีอยู่คู่เดียวสำหรับขนาดนี้  ผมก็เอาไลน์ที่คุยกันให้ดูว่านัดรับกับพนักงานชื่อนี้.. เท่านั้นล่ะพอรู้ว่าเป็นเรา พนักงานรีบเข้ามาขอโทษ หลายคนเลย บอกว่า ขอโทษที่ผิดพลาดในการจอง ทำให้เราต้องเสียเวลา แล้วพนักงานก็รีบมาประคบประหงมเรา แบบเทคแคร์ดีมาก เชื่อเลยว่า Club21 เขาเทรนพนักงานมาดี เริ่มตั้งแต่เอารองเท้าที่เก็บไว้มาให้เรา โดยแปะชื่อเราที่กล่อง ประมาณว่า นี่ของกูมีเจ้าของแล้วงั้น ฮ่า ๆ มีสิทธิพิเศษสูง ต่างกับตอนไปซื้อ เข็มขัด Bottega ที่ King power มาก อันนั้นหยิ่งมาก ขนาดราคาสูงกว่าหลายเท่า ในขณะที่คู่นี้ราคาไม่กี่พัน พนักงานก็เอารองเท้ามาให้เราลอง พลางพูดกลบเกลื่อนว่า นี่เก็บไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลยนะครับ เหลืออยู่ขนาดเดียวคู่เดียว มีคนแย่งกันเยอะมาก... ก็แหงล่ะ ในเฟสบุ้ค Club21 มีคนไลค์กันเยอะ เม้นกันแยะ เราก็ต้องรีบ พอจะถอดรองเท้าเพื่อลอง วันนั้นผมใส่ Birkenstock ไป ก็บอกว่านี่รองเท้าของคุณสวยดีนะครับ ใช้มานานแล้วยัง นี่เป็นรอยฝ่าเท้าคุณเลยใช่มั้ยครับ ใช้ทนนะครับแบรนด์นี้ คือเค้าจะชมว่าเรามีสไตล์นะแหละ ฮ่า ๆ บริการดีจนลืมความนอยเมื่อวานไปเลย แล้วก็ลอง ๆ เดิน เดินไม่กี่ก้าวตัดสินใจเอาเลย แถมตอนซื้อเสร็จ พนักงานนี้เดินถือของมาส่งถึงหน้าร้านเลย แหม่ น่าจะมีคนมามุงเยอะๆ หน่อยจะได้อวด ฮ่าๆ


ราคา..


ราคาเต็มของรุ่นนี้คือ 7,990 บาท ถ้าไม่ลดคือแพงมากกกก ในที่นี้ลด 60% ก็เหลือประมาณ 3,200 บาท เลยตัดสินใจไม่ยาก จัดมาเลย 


มารีวิวกันเล้ย... 


< ซื้อตอนลดราคาก็จะได้ถึงไม่ค่อยสวยหน่อย อิอิ ตามจริงกล่องก็เป็นหูหิ้วอยู่แล้ว ไม่ต้องมีถุงก็ได้ >


< ดึงออกมา ทาดา.. >




< มาดูแบบเต็ม ๆ กันบ้าง >




< ตอนใส่นี่สวยเลย มีแต่คนมอง เด่นจริงไรจริง ลายทหารเนี่ย> 


 < ถ้าดูจากการกดไลค์ในเฟสบุ้คนี่คือ มีแต่คนสนใจนะนิ >


< มาดูแบบไกล ๆ บ้าง ก็สวยดีเลย > 





Create Date : 25 กรกฎาคม 2561
Last Update : 27 กรกฎาคม 2561 21:41:02 น.
Counter : 1102 Pageviews.

0 comment
รีวิวกระเป๋าสตางค์ Mulberry 8 cards wallet (Chocolate Natural Grain Leather)


ต่อเนื่องกันเลยครับ กับการรีวิวกระเป๋าสตางค์ต่อ จากที่ผมเกริ่นมาจากตอนรีวิวเข็มขัด Bottega แล้ว ซึ่งบอกเลยว่าตอนที่กำลังจะเลือกซื้อกระเป๋าสตางค์ก็มีตัวเลือกอยู่แบรนด์เดิม ๆ ละครับ ยังคงอยู่ที่ Hi-end อยู่ ก็ลองเลือกเล่น ๆ ผ่านเว็บไซด์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บของแต่ละแบรนด์ Club21 หรือ Reebonz รวมทั้งใน Shop ต่าง ๆ บ้าง เช่น Club21, เซ็นทรัลชิดลม และเอ็มโพเรียม ด้วยความที่ผมไม่ชอบใช้รุ่นที่เค้านิยมกันเท่าไร เพราะคิดว่ามันเกร่อ ๆ จริง ๆ ผมนี่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับ niche market เลยก็ว่าได้ ฮ่า ๆ พวกนี้มักโดนฟันกำไรสูงตลอด อิอิ แต่ก็ยอมเพื่อความไม่อยากซ้ำใคร... และแล้วผมก็ไปสะดุดตากับ Mulberry ครับ สำหรับแบรนด์นี้ในไทยหลายคนอาจไม่รู้จัก ถึงรู้จักแต่ก็ไม่ค่อยนิยมใช้กัน อาจเป็นเพราะไม่ค่อยนิยมกันด้วยดีไซน์ที่ดูเรียบ ๆ เป็นคุณหญิง คุณชาย และเรื่องของ marketing ที่ไม่ค่อยกระหน่ำมาก 


สำหรับการตัดสินใจเลือกแบรนด์นี้ก็มีอยู่ไม่กี่อย่างครับ อย่างแรกเลยคือ มันไม่เกร่อ อันนี้เหตุผลหลัก อย่างที่สองคือ ผมเคยใช้กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อนี้นะ แต่ดันทำหล่นบนรถสองแถวตอนกลับจากที่ทำงาน เสียดายมาก เพราะใช้มาแค่ 2 สัปดาห์เอง และไปซื้อมาจากเกาหลี ได้ราคาดีเลยตอนนั้นในสนามบิน หลังจากหายก็เลยกลับมาใช้ Coach ตามเดิม และก็ใช้มานานมากหลายปี ในใจก็แอบคิดว่าหรือเราเหมาะกับของถูก ฮ่า ๆ... อย่างที่สามคือ มีน้องผู้หญิงคนนึงที่ติดตามในไอจี เค้าใช้ Mulberry รุ่นที่เป็น Signature คือ Alexa  ซึ่งผมว่าการออกแบบมันดูเรียบ ๆ สไตล์วินเทจ ตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษล่ะ ถ้าลองไปอ่านประวัติดู ชื่อรุ่นนี้มาจากนางแบบและนักเขียนชาวอังกฤษชื่อ Alexa Chung โดยในตอนนั้นดีไซเนอร์ของ Mulberry ไปเห็นรูปเธอที่กำลังถือ Brief case คล้ายของผู้ชายแต่มันดันขัดกับลุคการแต่งตัวของเธอที่เป็นชุดลายดอกไม้ ทำให้ดูไม่เข้ากัน แต่กลับดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก จึงได้นำการผสมผสานของความไม่เข้ากัน มาออกแบบเป็นรุ่น Alexa ซึ่งรุ่นนี้ทำให้แบรนด์ Mulberry ที่เป็นแบรนด์เด็ก โด่งดังเป็นพลุแตกเลย โดยเฉพาะสีโอ้คและหนังที่นิ่มมากกกกกก จึงทำให้คนที่ชอบเครื่องหนังแบบผมหลงใหล ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาที่พรรณนาโวหารไปหลายบบรทัด  ผมก็เลยแวบไปที่ร้านในเซ็นทรัลชิดลม ตอนนั้นบอกเลยว่าไม่ชอบการออกแบบของกระเป๋าตังค์รุ่นที่จำหน่ายอยู่นะ เพราะดูเรียบ ๆ ทื่อ ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจ เพราะ Signature ของมันล่ะครับ มันเป็นลายหนังโดยเฉพาะของ Mulberry ที่จะเห็นเกรนแบบธรรมชาติค่อนข้างชัด ก็เลยตัดสินใจซื้อ แต่เท่านั้นไม่พอ ผมใช้เวลาตัดสินใจนานมากกกกก เพราะทุกสีสวยหมด สีเด่นเลยคือ สีโอ้ค แต่ผมดันชอบสีช็อคโกแลต คิดอยู่ประมาณ 15 นาที จนพนักงานเริ่มลำไยละ ฮ่า ๆ... แต่จริง ๆ แล้ว ที่ผมยืนนาน ๆ เพราะผมอยากดูพฤติกรรมการซื้อสินค้า Hi-end ของคนอื่น ๆ ฟังการพูด ความคิด การตัดสินใจ ว่าเป็นยังไง ในที่สุดก็มีคุณป้าคนนึงอายุประมาณ 60 กว่า ๆ ละ มาเหมาไปสองสามใบ เพราะมันมีโปรซื้อมากกว่า 50,000 มี cash back... จะบอกว่าใครว่าคนรวยซื้อของตามใจฉัน ไม่เลย!!! คุณป้าแกถามพนักงานว่าพี่ซื้อยังไงให้คุ้มสุด ประมาณว่า กะเอาเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย เราก็ยืน ๆ ฟังไป พร้อมกับทำท่าเลือกกระเป๋า จริง ๆ ตอนนั้นรู้แล้วล่ะว่าจะเอาสีอะไร แต่ก็ดูป้าแกไปเรื่อย สักพักป้าแกก็ตกลงตามโปรโมชั่น พร้อมยื่นบัตรเครดิต The one LUXE  มา อื้ม..ใช้ได้ ฮ่า ๆ (คนถือบัตรนี้ต้องมีเงินในบัญชีขั้นต่ำ 1 ล้านบาทขึ้นไป) ด้วยความที่ป้าแกรีบมากมีนัดสปาหน้าที่ Clarins ไว้ ก็เลยฝากของไว้ทั้งหมดที่ช็อป ที่จะบอกนี่คือ เออ ป้าแกรวยจัง ฮ่า ๆ และเหตุผลนี้ล่ะ ผมก็เลยตัดสินใจซื้อเลย เพราะคนรวยเค้าใช้กัน ฮ่า ๆ ไร้สาระมั้ย....มาก..... จริง ๆ ก็ซื้อเพราะชอบล่ะครับ ป้าแกคือส่วนนึงในการตัดสินใจ


สถานที่...


เนื่องจากแบรนด์ Mulberry เจาะกลุ่มตลาดที่เป็น Niche market จึงทำให้มีร้านค่อนข้างน้อยครับ สำหรับในไทยก็จะมีที่่


Retail: Club21, Siam paragon เซ็นทรัลชิดลม


Online: Reebonz.com หรือ Official line ของ Mulberry หรือ Club21


ราคา...


ทุกที่จะขายที่ราคาเดียวเท่านั้น คือ 11,000 บาท แต่ก็อะนะ สไตล์ผมต้องลดถึงเอา ฮ่า ๆ... ก็ได้ส่วนลด 10% จากโปรโมชั่นของ Club21 และ Cash back อีก 100 บาท จากบัตรเครดิต Central เบ็ดเสร็จก็ 9,800 บาทไทย  แต่ถ้าใครดูตามเว็บ Reebonz.com  มาก็อาจจะถูกกว่าหน่อยประมาณ 8,500 บาท ไม่มีส่วนลดเพิ่ม แต่ผมคิดว่าการซื้อที่หน้าร้านเรามั่นใจกว่า และสามารถเลือกได้ ใบไหนมี/ไม่มีตำหนิ...


รีวิว...


ถึงเวลาที่ทุกคนตั้งใจรอกันแล้ว มาชมเลยครับ ในรูปอาจจะเห็นกระเป๋ามันบวม ๆ หน่อย เพราะผมใช้มาแล้วประมาณเดือนเศษ ๆ นะครับ หนังนี่ยิ่งใช้ยิ่งเงาเลยครับ


อันนี้คือตอนตัดสินใจ ระหว่างสีโอ้คกับสีช็อคโกแลต แต่สุดท้ายก็เลือกช็อคโกแลต เพราะสีโอ้คดูแลค่อนยากกว่าครับ



ทาดา!!! มาแล้วใส่ถุงมาซะดี ไม่กล้าแกะโบว์เลยทีเดียว สำหรับของแบรนด์ Mulberry จะให้กล่องมาด้วยนะครับ พอดีไม่ได้ถ่ายมา แต่จะไม่มีถุงผ้าเป็นแค่กระดาษขาวบาง ๆ ห่อมาให้






ในส่วนของ Hidden area เช่น ช่องกั้นที่ใส่ธนบัตร ด้านในที่ใส่บัตร จะใช้วัสดุที่เป็นผ้า ซึ่งหลาย ๆ แบรนด์ก็ทำ Cost reduction กันเยอะ อันนี้ผู้บริโภคก็ต้องทำใจครับ... คนเรื่องมากแบบเรา ฮ่า ๆ 



โดยรวมแล้วลักษณะฝีมือการเย็บประณีตมากดีครับ แต่จะให้ติก็ตรงพวกขอบที่ ink มาบางจุดไม่ค่อยเนียน แต่ก็มองไม่ค่อยเห็นหรอกครับ ต้องเพ่งดู ตรงนี้ไม่รู้ว่าแยรนด์จะแก้ต่างเหมือน Bottega มั้ย ฮ่า ๆ ว่าทำจากฝีมือคน


ในส่วนของขนาด.. ผมลองเทียบกับฝ่ามือก็พอดี ๆ ในรูปนี่ผมใส่ทั้งบัตรทุกช่อง และมีธนบัตรประมาณนึง ก็ถือว่าไม่พองตัวมากครับ ยังทะมัดทะแมงอยู่...




สำหรับวันนี้ผมก็ขอจบการรีวิวนะครับ หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อคนที่กำลังตัดสินใจซื้อกระเป๋าสตางค์อยู่ หรือเพื่อความเพลิดเพลินก็ได้....




Create Date : 03 กรกฎาคม 2561
Last Update : 3 กรกฎาคม 2561 22:28:23 น.
Counter : 2891 Pageviews.

1 comment
รีวิวเข็มขัด Bottega Veneta (ESPRESSO INTRECCIATO BELT)


หลาย ๆ คน ถ้าอ่านบล็อกผมคงจะคิดว่า นี่รีวิวแต่ของแพง ๆ ทั้งนั้นเลยหรอ... แน่นอนครับ ฮ่า ๆ... จริง ๆ แล้ว เนี่ย ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะมารีวิวของแพงอะไรเสมอไปหรอกครับ เพียงแต่ว่าอะไรที่เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ รู้สึกว่า เออ... น่าจะมีคนคิดเหมือนเรา... หรือกำลังเลือกดูเข็มขัดสักเส้นนึงที่ดี ๆ เพื่อเป็นตัวเลือกประกอบการตัดสินใจ น่าจะดีกว่าลองผิดลองถูกเอง... ก็เลยมารีวิวให้ดูกัน..และเนื่องในโอกาสที่เรียนป.โทจบ...(จริง ๆ พูดไปงั้นล่ะ ให้ของขวัญตัวเองมากมากละ) และโบนัสออก ก็เลยหาอะไรมาจัดสักหน่อย เก็บเงินมากเดี๋ยวมันด้อยค่าลง ยิ่งช่วงนี้หุ้นตกมาเหลือแค่ 1500 กว่า ๆ จาก 1800 ความดอยนี้ เราต้องซื้อเพิ่มมั้ย... ไม่!!! ต้องเอาไปใช้ ฮ่า ๆๆ


จริง ๆ เกริ่นเลยว่าเข็มขัดเนี่ย..  เป็นของที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะซื้อเลย แต่กิเลสอะไรไม่รู้มาดลใจให้มันต้องมี... ก็เลยต้องนั่งเสิร์ฟเน็ตดูใหญ่ ตัวเลือกในใจจริง ๆ ที่ดูอยู่มีไม่กี่แบรนด์ คือ Bottega, Louis, Gucci, Ferragamo, Burberry และ Mulberry ก่อนหน้านี้ผมใช้ของ Coach กับ Viera เลยคิดว่าคราวนี้จะขยับขึ้นมาหน่อย และพอพิจารณาดูจากการออกแบบแล้ว ไปดูของจริงก็แล้ว ก็ตัดไปได้หลายแบรนด์เลย เหลือแค่ Bottega กับ Burberry คือตามจริงผมชอบเข็มขัดหนังนะ ขอให้เป็นหนังแท้  และผมเป็นคนไม่ชอบโชว์ว่าตัวเองใส่แบรนด์อะไรเด่น ๆ คือให้ดูได้จาก Identity หรือ Signature ของแบรนด์นั้น ๆ ซึ่ง Bottega ก็มีลายถักทอหนังที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว (Intrecciato weave) ส่วน Burberry ก็มีลายตาราง Check ที่ออกแบบบนเข็มขัด จำพวกโลโก้ใหญ่ ๆ บนหัวเข็มขัดนี่ ผมว่ามันดูอวดมากไปหน่อย (ส่วนตัวน่ะครับ) แต่สุดท้ายผมก็เลือก Bottega เพราะรุ่นที่ผมชอบของ Burberry พนักงานบอกเป็น Canvas จริง ๆ ผมเข้าใจว่าเป็นผ้าใบ แต่ดูมันเหมือนหนัง ก็เลยคิดว่าถ้าไม่ใช่หนังแท้ ก็ไม่เอา เพราะผมกะใช้ยาวเป็นสิบปี (ถ้าไม่อ้วนปริก่อน ฮ่า ๆ) เพราะหนังแท้ยิ่งใช้ยิ่งสวย ยิ่งขลัง ก็เลยโป๊ะเชะไปที่ Bottega ครับ ที่มีเอกลักษณ์ของลายหนังเด่น ๆ จริง ๆ ผมก็ชอบกระเป๋าตังค์ของเค้านะ แต่พอเห็นมันสานมาก ๆ เข้าก็ดูเอียน ๆ ลายมากไป แล้วการใช้งานจริงดึงเข้าออกจากกระเป๋ากางเกงกลัวตรงที่ถัก ๆ มันจะลุ่ยซะก่อน เลยหลบไปอีกแบรนด์ จะมารีวิวให้ครับ อิอิ...

สถานที่ซื้อ... 

สำหรับแบรนด์นี้นี่ Brand positioning ค่อนข้างสูงนะครับ ในเรื่อง Price range จะสูงกว่า Louis และ Gucci ฉะนั้นสถานที่ซื้อก็จะมีจำกัดมากกว่า ที่แน่ ๆ เลยคือมีที่ Central ชิดลม, Embassy และ Emporium ครับ แต่ถ้าอยากเข้าไปรู้สึกสบาย ๆ หน่อยก็ King power เลย...ซึ่งก็โอกาสดีครับ สำหรับผมถ้าไม่ลดหรอจะซื้อ ฮ่า ๆ คือถ้าซื้อของราคาเต็มแล้วเจอตำหนิ จะเจ็บใจมากกว่าซื้อแบบมีส่วนลดครับ.. เพราะถือว่าส่วนต่างที่ลดก็คือตำหนิที่ได้มา... มีหลักการมั้ย.. ไม่หรอก ฮ่า ๆ... คือ พอดีว่าพี่สาวจะไปทำงานต่างประเทศแล้วเป็นเดือนเกิดพอดี ก็เลยฝากซื้อที่ King power ซึ่งจริง ๆ แล้วส่วนลดมันก็เป็น Cash back กลับมา เหมือนไม่ได้ลด แต่ให้พี่สาวซื้อไงครับ เลยต่อรองว่า จ่ายให้แค่ราคาที่ลดแล้วนะ ฮ่า ๆ ก็เลยประหยัดไปเยอะอยู่...

ราคา...

หลายคนคงอยากรู้แล้วว่าเป็นยังไง ผมเริ่มจาก highest ไป lowest เลยนะครับ

Retail ในไทย ตามห้างสรรพสินค้า >> 20,000 บาท

Reebonz.com >> 17,800 บาท (ยังไม่รวมส่วนลดหน้าเว็บประมาณ 10% หรือ 18% แล้วแต่ช่วง)

King power >> 17,400 บาท (ยังไม่รวมส่วนลดวันเกิด หรือตามระดับสมาชิกหน้าบัตร)

ทั้งสามแหล่งนี้ก็มีข้อดีขอเสียแตกต่างกันไปครับ แล้วแต่ความพอใจแต่ละคนเลย รับประกันว่าได้ของแท้แน่นอน อยู่ที่ว่ารอได้ไม่ได้เท่านั้นเอง

รีวิว...

ผมคิดว่าทุกคนคงรอช่วงนี้ล่ะ มาเริ่มกันเลยครับ


ถุงผ้า.. สัมผัสแรกกับถุงผ้า โคตรฟินเลยล่ะ ต่างจาก Coach และ Viera มาก ให้ความรู้สึกนุ่ม ฟิน.. ไม่ต้องแปลกใจไปครับสำหรับเข็มขัดของ Bottega จะไม่มีกล่องมาให้ คือจะมาเป็นถึงผ้าใส่ในถุงเลย บางคนก็แอบสงสัยว่าถูกต้มมั้ย... ไม่ครับ... ในส่วนของถุงกระดาษในรูปแรก คือ มันดีมากเลยนะ มีกระดุมแป้กด้วยตรงสันถุง เหมือนเวลาเก็บถุงเค้าคงกลัวมันงอมั้งครับ ถือว่าออกแบบมาพรีเมี่ยมดีเลย นอกเหนือจาก Product หลัก ลูกค้าที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยตรงนี้ก็ประทับใจกันไป


ทาดา.. พอดีแสงมันสว่างไปเลยจางไปนิดครับ พอไม่ปรับก็มืดเกิน กลิ้นหนังนี่ฟุ้งเลยพอดึงออกมาจากถุงผ้า


สำหรับหัวเข็มขัดก็งานพรีเมี่ยมเลย มีลูกยางรองกันเป็นรอยจากการทับกันของก้านเข็มขัดกับหัวเข็มขัด ต้องดูดี ๆ นะครับ ตอนไปลองสินค้าโชว์เจอว่าบางอันมี Defect เป็นเม็ดสี 






ดูลายหนังเอกลักษณ์ของ Bottega กันชัด ๆ หน่อย ที่พรีเมี่ยมเกินใครเลยคือ Made in Italy นี่ล่ะ ไม่ใช่ China นะจ้ะ... พอดีตอนรีวิวลองใส่มาสองวันเลยเป็นรอยหนังตรงที่กลัดเข็มขัดหน่อย...

และ Bottega เค้าก็เข้าใจหัวอกผมเลยครับ เรื่องหนังจะเป็นรอย กลัวว่าจะเจอความลุ่ยของหนัง ซึ่งเค้าก็เลยมีป้ายออกมาเตือนตามนี้ครับ...ของพรีเมี่ยมก็แบบนี้ล่ะ ลูกค้าจิตใจบอบบาง แต่เงินในกระเป๋าหนานะ ฮ่า ๆ 



เค้าก็เลยเคลมว่าสินค้าที่คุณมีอยู่นี่ ถูกทำจากวัสดุคุณภาพโดยนักถักทอชาวอิตาลี (รู้สึกว่าแบรนด์นี้เค้าจะใช้ฝีมือคนถักนะครับ) การที่หนังของเราจะมีรอยเกิดขึ้นจากการใช้งานเนี่ย เป็นธรรมชาติของมันเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นหนังแท้ ซึ่งความแตกต่างของความผิดปกติบนตัวหนังเกิดจากการทำมือของช่างฝีมือ นี่ละ นางจะโบ้ยว่าไอ Defect เล็ก ๆ มันพิเศษนะ เพราะช่างแต่ละคนก็แตกต่างกัน  Story ของของ Premium ก็จะประมาณนี้ และก็อธิบายการเก็บให้นั่นนี่นู่นไปครับ...  ฉะนั้นเห็นใบนี้ก็อุ่นใจ ฮ่า ๆ ว่าของทุกอย่างล้วนอนิจจัง อิอิ..

สุดท้าย.. สำหรับการเลือกขนาดเข็มขัด ผมเอว 32 นิ้ว เลยเลือกที่ขนาด 90 cm เนื่องจากพนักงานบอกว่ารูที่มีเนี่ย รุ่นนี้มันเป็นแบบเจาะตาไก่ คือ Shop จะมีแค่เจาะ แต่ไม่มีตาไก่ เลยต้องเลือกละเอียดนิดนึง แต่ที่ใส่แล้วสวยคือควรกลัดที่รูตรงกลางคือรูที่ 3 อะครับปแล้วจะดูสมดุล อีกอย่างสายเข็มขัดจะได้ไม่อ้อมเอวยาวเกินไป...

จบสำหรับการรีวิวครับ สำหรับใครที่กำลังเลือกอยู่ก็หวังว่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ยิ่งขึ้นครับ
สำหรับในรูปนี้สี Espresso นะครับ







Create Date : 01 กรกฎาคม 2561
Last Update : 2 กรกฎาคม 2561 22:12:27 น.
Counter : 20104 Pageviews.

0 comment
1  2  

สมาชิกหมายเลข 4355757
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เปรียบเสมือนอิคิไก ที่ขับเคลื่อนให้เรามีวันพรุ่งนี้