พระพุทธเจ้า

ที่ผ่าน ๆ มาจะกล่าวถึงนักปรัชญาตะวันตก ต่อไปนี้จะได้กล่าวถึงนักปรัชญาตะวันออก ขอเริ่มต้นด้วยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ค่ะ

พระพุทธเจ้า ( Buddha) เป็นศาสดาของพระพุทธศาสนา พุทธศานาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานนับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นศาสดาของตนเหมือนกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน ฝ่ายเถรวาทให้ความสำคัญกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันคือพระโคตมพุทธเจ้า และกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีตกับในอนาคตบ้างแต่ไม่ให้ความสำคัญเท่า ฝ่ายมหายานนับถือพระพุทธเจ้าของฝ่ายเถรวาททั้งหมดและมีการสร้างพระพุทธเจ้าเพิ่มเติมขึ้นมาจนบางองค์มีลักษณะคล้ายเทพเจ้าของศาสนาฮินดู

ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธ ถือกันว่า พระพุทธเจ้า (พระโคตมพุทธเจ้า) พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ระหว่าง 80 ปีก่อนพุทธศักราช จนถึงเริ่มพุทธศักราชซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปีก่อนคริสต์กาลตามตำราไทยอ้างอิงปฏิทินสุริยคติไทยและปฏิทินจันทรคติไทย และ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล

ความหมายของคำว่าพุทธะ
ในพระพุทธศาสนา พุทธะ (ภาษาบาลี พุทฺธ แปลว่า "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน") หมายถึงบุคคลผู้ตรัสรู้อริยสัจ 4 แล้วอย่างถ่องแท้ ในชั้นอรรถกถา จำแนกพุทธะออกเป็น 3 จำพวกด้วยกันได้แก่

1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางทีเรียกเพียง "พระพุทธเจ้า" คือบุคคลที่ตรัสรู้ด้วยตนเองและสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธนั้น พระพุทธเจ้าพระองค์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ (พระโคตมพุทธเจ้า) เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
2. พระปัจเจกพุทธะ คือบุคคลที่ตรัสรู้ด้วยตนเองแต่จำเพาะผู้เดียว มิได้สอนให้ผู้อื่นรู้ตาม
3. อนุพุทธะ คือบุคคลที่ตรัสรู้เนื่องด้วยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ในอรรถกถาบางแห่งจำแนกเป็น 4 ดังนี้

1. พระสัพพัญญูพุทธะ (พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
2. ปัจเจกพุทธะ
3. จตุสัจจพุทธะ (สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ได้บรรลุอรหัตตผล)
4. สุตพุทธะ (ผู้เป็นพหูสูตร)


คำที่ใช้กล่าวเรียกพระพุทธเจ้า
มีหลายคำดังจะกล่าวต่อไปนี้

พระบรมโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์ หมายถึง ท่านผู้ที่กำลังบำเพ็ญ บารมี 10 คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐาน เมตา อุเบกขา และ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
อังคีรส หมายถึง ท่านผู้มีรัศมีแผ่ออกมาจากพระกาย
สิทธัตถะหมายถึง ท่านผู้ที่มีความเพียรพยายาม เมื่อต้องการสำเร็จ เป้าหมายที่ประสงค์จะทำ
พระมหาบุรุษ เป็นคำที่ใช้เรียก พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ อีกความหมายหนึ่งคือ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่
ตถาคต เป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงพระองค์เองมี ความหมาย 8 อย่างคือ
พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น
พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น
พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ
พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น
พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น
พระผู้ตรัสอย่างนั้น
พระผู้ทำอย่างนั้น
พระผู้เป็นเจ้า
ตถาคตโพธิสัทธา หมายถึง การเชื่อถือปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคต
ธรรมกาย หมายถึงท่าน ผู้มีธรรมในกาย
ธรรมราชา หมายถึง ท่านผู้เป็นราชาแห่งธรรม
ธรรมสวามิศร, ธรรมสามิสร หมายถึง ท่านผู้เป็นใหญ่โดยเป็นเจ้าของธรรม
ธรรมสามี หมายถึง ท่านผู้เป็นเจ้าของธรรม
ธรรมิศราธิบดี หมายถึง ท่านผู้เป็นอธิปดีในธรรม เป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า
บรมศาสดา, พระบรมศาสดา หมายถึง ท่านผู้เป็น ศาสดาอันยอดยิ่ง พระผู้เป็นครูสูงสุด พระบรมครู
พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระพุทธเจ้าหมายถึง ท่านผู้รู้ดี รู้ชอบ ด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
พระศาสดา หมายถึง ท่านผู้ทรงสอนชนทั้งปวง
พระสัมพุทธเจ้า, พระสัมมาสัมพุทธเจ้า]], พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึง พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
ภควา หมายถึง ท่านผู้เป็นผู้มีโชค หรือ ท่านผู้จำแนกแจกธรรม
มหาสมณะ
โลกนาถ, พระโลกนาถ หมายถึง พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก
สยัมภู, พระสัมภู หมายถึง ท่านผู้ตรัสรู้ได้โดยตนเอง ไม่มีใครมาสั่งสอน
สัพพัญญู, พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า หมายถึง ท่านผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
พระสุคต, พระสุคโต หมายถึง ท่านผู้เสด็จไปดีแล้ว


พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายเถรวาท
ในพระไตรปิฏกกล่าวว่า ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว 25 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 25 และพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปคือพระศรีอารยเมตไตรย ในทัสศนะเถรวาทถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ที่เหนือกว่าคนทั่วไปคือพระองค์พบทางดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง และเผยแพร่หนทางนั้นต่อสรรพสัตว์ ทรงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ เมื่อทรงดับขันธปรินิพพาน คือดับไปโดยไม่เหลือเชื้อใดๆ ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องทำความดี (บารมี) มาในชาติก่อน ๆ นับชาติไม่ถ้วน (ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระโพธิสัตว์)

ประเภทของพระพุทธเจ้า
ในพระไตรปิฎกจะแบ่งประเภทของพระพุทธเจ้าไว้ดังนี้
การแบ่งประเภทของพระพุทธเจ้าตามวิธีการสร้างบารมี

1. ปัญญาพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี นับแต่ได้รับพยากรณ์ครั้งแรก ๔ อสงไขยกัป กับอีก ๑๐๐ ๐๐๐ กัป
2. ศรัทธาพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี นับแต่ได้รับพยากรณ์ครั้งแรก ๘ อสงไขยกัป กับอีก ๑๐๐ ๐๐๐ กัป
3. วิริยะพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี นับแต่ได้รับพยากรณ์ครั้งแรก ๑๖ อสงไขยกัป กับอีก ๑๐๐ ๐๐๐ กัป

พระพุทธเจ้าในอดีต
ในหลักฐานฝ่ายเถรวาทกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีตไว้ 25 พระองค์ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ได้ทรงพบและ พระโคดมพุทธเจ้าทรงได้รับคำพยากรณ์ ว่าจะได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรานิยมนับรวมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน โดยเรียกว่า "พระพุทธเจ้า 25 พระองค์"

พระทีปังกรพุทธเจ้า
พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า
พระสุมัคละพุทธเจ้า
พระสุมนะพุทธเจ้า
พระเรวตะพุทธเจ้า
พระโสภิตะพุทธเจ้า
พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
พระปทุมะพุทธเจ้า
พระนารทะพุทธเจ้า
พระปทุมุตตระพุทธเจ้า
พระสุเมธะพุทธเจ้า
พระสุชาตะพุทธเจ้า
พระปิยทัสสีพุทธเจ้า
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
พระสิทธัตถะพุทธเจ้า
พระติสสะพุทธเจ้า
พระปุสสะพุทธเจ้า
พระวิปัสสีพุทธเจ้า
พระสิขีพุทธเจ้า
พระเวสสภูพุทธเจ้า
พระกกุสันธะพุทธเจ้า
พระโกนาคมนะพุทธเจ้า
พระกัสสปะพุทธเจ้า
พระโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
หากแบ่งตามกัปป์ โดยการนับอสงไขยในที่นี้ จะนับอสงไขยแรกโดยเริ่มนับจากช่วงเวลาที่ อดีตชาติของพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มสร้างบารมี โดยการอธิษฐานในใจต่อหน้าพระพักตร์ของพระสัมมาพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก จะมีพระพุทธเจ้าในอดีตดังต่อไปนี้

กัปแรกในต้นอสงไขยที่ 17 เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์[2]
1. พระตัณหังกรพุทธเจ้า
2. พระเมธังกรพุทธเจ้า
3. พระสรนังกรพุทธเจ้า
4. พระทีปังกรพุทธเจ้า
กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 18 เป็นสารกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
1. พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า
กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 19 เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์
1. พระสุมังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า
2. พระสุมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า
3. พระเรวตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
4. พระโสภิตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 20 เป็นสารวรกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์
1. สมเด็จพระอโนมทัสสีสัมพุทธเจ้า
2.สมเด้จพระปทุมะสัมพุทธเจ้า
3.สมเด็จพระนารทะสัมพุทธเจ้า
ช่วงเศษแสนมหากัป ของ อสงไขยปัจจุบัน[3]
กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์. บางตำราว่าเป็นมัณฑกัป บางตำราก็ว่าเป็นสารกัป.
1.พระปทุมมุตระพุทธเจ้า
สูญกัป (กัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น) 30,000 กัป
มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
2.พระสุเมธสัมมาสัมพุทธเจ้า
3.พระสุชาตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
สูญกัป 60,000 กัป
วรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์
1.พระปียทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
2.พระอัตถทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
3.พระธรรมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
สูญกัป 24 กัป
สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
1.พระสิทธัตถะสัมมาสัมพุทธเจ้า
สูญกัป 1 กัป
มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
1.พระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า
2.พระมหาปุสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า
สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์
1.พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
สูญกัป 60 กัป
มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์
1.พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า
2.พระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า
สูญกัป 30 กัป
กัปปัจจุบัน เป็น ภัทรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
1.พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า
2.พระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า
3.พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
4.พระศรีศากยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
5.พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายมหายาน
นิกายมหายานยอมรับพระพุทธเจ้าตามคัมภีร์ฝ่ายเถรวาททั้งหมดและยังสร้างพระพุทธเจ้าอีกมากมาย ทั้งที่เป็นมนุษย์และมีสถานะเหมือนเทพเจ้าในศาสนาฮินดู นิกายมหายานเชื่อว่าเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วไม่ดับสูญแต่ไปประทับ ณ พุทธเกษตรซึ่งเป็นดินแดนที่งดงามกว่าสวรรค์ พระพุทธเจ้าตามคติมหายานแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

1.อาทิพุทธะ ถือว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่อุบัติมาพร้อมกับโลกและประทับอยู่กับโลกเป็นนิรันดร์ มีบทบาทคล้ายพระพรหมในศาสนาฮินดูที่เป็นผู้สร้างโลกและจักรวาล
2.พระมานุสสพุทธะ เป็นพระพุทธเจ้าที่อวตารมาจากอาทิพุทธะมาเกิดในโลกมนุษย์และบำเพ็ญเพียรในฐานะพระโพธิสัตว์จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อปรินิพพานแล้วจะไปอยู่กับอาทิพุทธะ คล้ายกับคติของศาสนาฮินดูที่เมื่อทำความดีถึงขั้นสูงสุดจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของมหาพรหม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจจุบัน ทางมหายานเรียกว่าพระศากยมุนีพุทธเจ้า เป็นพระมานุสสพุทธะด้วยเช่นกัน
3.พระธยานิพุทธะ เป็นพุทธะที่อวตารมาจากอาทิพุทธะเช่นกันแต่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าด้วยอำนาจฌาน (ธยาน) ของอาทิพุทธะไม่ได้ผ่านการบำเพ็ญเพียรในโลกมนุษย์ พุทธะเหล่านี้ประทับบนสวรรค์ ในสภาวะกายทิพย์ มีเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่มองเห็นได้
4.พระพุทธเจ้าอื่นๆ เช่น พระสัทธรรมวิทยาตถาคต พระไภษัชยคุรุทั้ง 7 พระสหัสประภาราชาศานติสถิตยตตถาคต

ขอขอบคุณ.....//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2


Create Date : 07 มกราคม 2551
Last Update : 19 มีนาคม 2553 21:53:02 น. 4 comments
Counter : 617 Pageviews.  

 

ชอบอ่านเรื่องของพระพุทธเจ้า....


โดย: Sweet evil วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:19:23:48 น.  

 
ยิ่งใหญ่กว่านักปรัญญาทั้งหมดด้วย
ทั้งข้อวัตรการปฎิบัติ คำสอน แนวทางสู่ความสำเร็จในชิวิต แค่มงคลชีวิตก็เกินพอแล้ว



โดย: perm IP: 222.123.73.203 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:14:48:10 น.  

 
ยิ่งใหญ่กว่านักปรัญญาทั้งหมดด้วย
ทั้งข้อวัตรการปฎิบัติ คำสอน แนวทางสู่ความสำเร็จในชิวิต แค่มงคลชีวิตก็เกินพอแล้ว



โดย: perm IP: 222.123.73.203 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:14:48:40 น.  

 
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส


โดย: นักบวช IP: 203.144.180.65 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:22:01:35 น.  

ตติตา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ผู้รักชีวิตอิสระ
[Add ตติตา's blog to your web]