BlogGang.com : : tarn_9life - Hongkong ที่รัก...

อยู่คนเดียวระวังจิต...อยู่กับมิตรระวังวาจา...

# ชีพจรลงเท้า #

Hongkong ที่รัก...

ครั้งแรกของเราที่มีโอกาสได้ไปต่างประเทศ ( ไม่นับพม่า ลาว ลังกาวี หรือที่อื่นๆตามรอยตะเข็บชายแดนของไทย ) จำไม่ได้ละว่าทำไมตอนแรกถึงเลือกไปฮ่องกง อาจจะเป็นเพราะมันใกล้ และค่าตั๋วไม่แพง เมื่อเทียบกับเกาหลีหรือญี่ปุ่น...

หลังจากที่เราแต่งงานและเริ่มทำธุรกิจเล็กๆเป็นของตนเอง เราก็ไม่ค่อยได้ไปไหนกันเลย คุณสามีที่น่ารักก็เลยอยากพาไปพักผ่อนและแอบไปสวีทกันบ้างตามประสา เราเลยเลือกไปช่วงปีใหม่ของปี 49 ( ครบรอบแต่งงาน 2 ปี พอดิบพอดี )

เราเช็คตั๋วกันจ้าละหวั่น เพราะเตรียมตัวกันล่วงหน้าแค่ 2 อาทิตย์ ( ความรู้สึกช้าไปนิด เพิ่งคิดได้ว่าอยากจะไป ) กว่าจะได้ตั๋วต้องลุ้นแทบแย่ คิดว่าคงจะอดซะแล้ว ได้ตั๋ว TG มาแบบเฉียดฉิว ก่อนเดินทางแค่ไม่กี่วัน เราออกเดินทางกันวันที่ 28 ธ.ค. 48 จากภูเก็ต - กท. - ฮ่องกง ถึงฮ่องกง ประมาณบ่ายๆ

บรรยากาศภายในเครื่อง TG วันนี้ flight เต็ม เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว

ถึงแล้ว สนามบิน Chek Lap Kok แวะเอาแผนที่ + information ต่างๆก่อนค่า

ขอซักรูปกับ Louis Vuitton ใบโต

จากนั้นก็เดินทางไปโรงแรม เราจองที่ Majestic Hotel , Jordan Rd. ไว้ 2 คืน นอกนั้นกะว่าไปหาเอาดาบหน้า ช่างกล้าซะจิงๆ

กับช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้ คิดแค่ว่า นั่นมัน ฮ่องกงนะ ยังไง๊ ยังไงก็ต้องมีที่นอนล่ะน่า อิอิ มั่นใจม๊ากกกกก

ห้องที่ Majestic Hotel เปิดประตูเข้าไปก็ตกใจเล็กน้อย เนื่องจากแคบมากๆ แต่อย่างอื่นก็โอเค สมกับราคา ทำใจไว้แล้วว่าฮ่องกงเป็นประเทศที่มีที่ดินจำกัดและราคาแพงมั่กๆ

จากนั้นเราก็เริ่มลุยกันทันที ตอนมาถึงฝนก็ตกเล็กน้อยเลยทำให้อากาศหนาวพอสมควร อุณหภูมิวันนี้ประมาณ 16 องศา อิอิ ตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะที่บ้านเรามันร้อนซะ ไม่ได้สัมผัสร๊อกกก อากาศแบบเนี๊ยะ

บรรยากาศแถวๆหน้าโรงแรม

เดินไปเรื่อยๆจนเริ่มหิวละ เลยสั่งข้าวมากิน มื้อแรกที่ฮ่องกงค่ะ หน้าตาแบบนี้

เช้าวันใหม่ 29 ธ.ค. 48

เราก็เริ่มออกลุยตามสถานที่ต่างๆ โดยมีไกด์บุ๊ค 1 เล่ม ที่เตรียมมาจากเมืองไทย เราเลือกไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่ Repluse Bay ก่อน โดยนั่งรถไฟใต้ดิน ( MTR ) ไปลงที่ Central Station แล้วต่อรถเมล์ไปอีกทีนึง

ขนาดว่าดูตามหนังสือเป็นอย่างดี พวกเราก็ยังลงผิดป้ายจนได้

ทำให้ต้องเดินต่อไปเป็นกิโลกว่าจะถึง มองเห็นเจ้าแม่กวนอิมอยู่ข้างหน้าลิบๆ แต่ก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน ดีนะเนี่ยที่เป็นหน้าหนาว อากาศก็เลยไม่เลวร้ายเท่าไหร่ และทางที่เดินไปก็มีวิวที่สวยมากๆ เป็นทางเดินเล็กๆขนานไปกับหาด แถวนั้่นคงเป็นย่านที่คนมีอันจะกินอยู่ เพราะเห็นมีแต่บ้านหลังใหญ่ๆ รถยนต์ราคาแพงๆทั้งนั้น

หลังจากไหว้พระเสร็จ ท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วน เลยต้องหาอะไรรองท้องกันซะหน่อย ลูกชิ้นเจ้านี้ หลายๆคนบอกว่าต้องลองกินดูให้ได้ ไหนๆมาทั้งทีก็อย่ากระนั้นเลย อิอิอิ

อร่อยยย สมคำร่ำลือจริงๆ

จากนั้น พอเริ่มมีแรง เราก็ลุยกันต่อ ...

SHoPPiNG... SHoPPiNG... AND... SHoPPiNG...

โปรดสังเกต... เครื่องแต่งกายเริ่มเปลี่ยน... อิอิอิ ซื้อแล้วก็ใส่มันซะเลยยยย

วันที่สาม 30 ธ.ค. 48

วันนี้ตามโปรแกรม เราก็เน้นไหว้พระอีกเช่นเคย ที่แรกที่เราเลือกไปก็คือ
สำนักชีชิหลิน ( ChiLin Nunnery ) สำนักชีแห่งนี้เป็นศาสนสถานที่เป็นสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง การเดินทางก็แค่นั่ง MTR มาลงที่สถานี Dimond Hill แล้วเดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึง

ตอนแรกที่อ่านในไกด์บุ๊คก็นึกไม่ค่อยออกว่าจะมีหน้าตายังไง แต่ก็เอาเหอะเค้าบอกว่าสวย เราก็ต้องไปให้ได้เห็นกับตา...

ก้าวแรกที่เข้าไปถึง เราก็อึ้งเล็กน้อย... คิดไม่ผิดที่มา บอกได้คำเดียวว่า สวยมากกกกกก...

ความวิจิตรตระการตาของที่นี่ ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของหนังจีนย้อนยุค หรืออีกทีนึงก็ดูเหมือนกำลังอยู่ที่ญี่ปุ่นซะมากกว่า...

ได้เวลาอันสมควร พวกเราก็ต้องร่ำลาสำนักชีชิหลินแห่งนี้ เพื่อจะไปที่อื่นต่อ...

สถานที่ถัดมาที่เราจะไปก็คือ วัดWong Tai Sin ซึ่งเป็นวัดลัทธิเต๋าอันขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของฮ่องกงเลยทีเดียว เรานั่ง MTR อีกตามเคย เพราะสะดวก รวดเร็ว แถมสถานีที่ลงก็คือ สถานี Wong Tai Sin ชื่อเดียวกันกับวัด ยังไงก็ไม่มีทางหลงแน่ๆ

มาถึงหน้าวัด เราก็จัดการซื้อธูปเทียน เพื่อเตรียมเข้าไปสักการะข้างใน ราคาประมาณ 10 เหรียญฮ่องกง ที่นี่คนขายธูปเทียนหลายคนพูดไทยได้ด้วย คงเป็นเพราะมีคนไทยมาเที่ยวกันเยอะแน่ๆ

พอซื้อเสร็จ เราก็เข้าไปข้างในวัดกันทันที ก็อาศัยไหว้ๆตามเค้าไปนั่นแหละ เค้าทำอะไรก่อนหลัง เราก็มั่วๆทำตามเค้าเอา

วันนี้คนค่อนข้างเยอะ คงเพราะเป็นช่วงปีใหม่ ผู้คนจึงพากันมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

เซียมซีที่เสี่ยงได้ เราก็ต้องนำไปให้เค้าดูให้ เนื่องจากอ่านภาษาจีนไม่ออก

ในรูป แม่หมอกำลังแปลเป็นภาษาอังกฤษให้และทำนายเพิ่มให้อีกนิดหน่อย ไม่ได้แปลให้ฟรีๆนะคะ จำไม่ได้แล้วค่ะว่าจ่ายไปเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเค้าจะทำนายให้อีกนิดหน่อย แต่ถ้าต้องการรู้มากกว่านี้ก็ต้องจ่ายเพิ่ม อิอิ ส่วนเรา ขอ บายยย..ค่ะ

ไปถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆวัดดีกว่าเยอะ...

ตกกลางคืน เราเลือกไป The Peak จุดชมวิวที่สูงและสวยที่สุดของเกาะฮ่องกง พอไปถึงเราก็แทบถอดใจ... เนื่องจากเห็นผู้คนพากันต่อคิวยาวววววสุดๆ ตายละหวา... เมื่อไหร่จะถึงคิวเรานะ

จริงๆแล้วการขึ้นไปยังด้านบน The Peak สามารถขึ้นไปได้อีกทางคือ ทางรถ เค้าจะมีรถเมล์ขึ้นไปจนถึงจุดชมวิวเลย แต่...ไหนๆมาแล้ว ก็ต้องไปทางรถ Tram หรือรถรางให้ได้ มันจะได้ฟิวส์ ระหว่างรอเราก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ ปรากฏว่า... แบตฯหมด!!!

ซวยจริงๆ... ทำไงดี เราก็เลยสอดส่ายสายตาดูตามร้านขายของที่ระลึกข้างทาง เผื่อจะมีทางเลือกอื่น จนเจอกล้องถ่ายรูปแบบกระดาษใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เอาก็เอาวะ ทางเลือกสุดท้าย ยังไงก็ยังดีกว่าไม่มีรูปกลับไป

ตกลงเลยต้องซื้อกล้องกระดาษมาแบบเซ็งสุดๆ

( พอกลับมาถึงเมืองไทยรีบเอาไปล้างทันที ด้วยความหวังอันริบหรี่ รูปที่ออกมาก็ริบหรี่จริงๆนั่นแหละ คือ มืดดดดด มากกก มองเห็นแค่เป็นเงาๆแถมไม่รู้อีกต่างหาก ว่าเงาใคร... เซ็งสุดๆเลย T__T )

** จำไว้เลยนะ The Peak ชั้นจะต้องมาใหม่ให้ได้ !!!

วันที่สี่ 31 ธ.ค.48
วันนี้เราตื่นกันสายหน่อย โปรแกรมวันนี้เน้นสบายๆไม่เร่งรีบเนื่องจากเก็บแรงไว้ Count down ส่งท้ายปีเก่ากันคืนนี้
ก็เลยเดินเล่น โต๋เต๋กันแถวๆโรงแรม เดินตามห้างโน่นนี่ไปเรื่อยๆเนื่องจากฮ่องกงเค้ามีห้างเยอะมั่กๆ เดินทั้งวันจนขาลากก็ยังไม่ทั่ว
จนเย็นๆก็เริ่มมีสีสันและกลิ่นอายของบรรยากาศการ Count down เราก็เริ่มตื่นเต้นไปตามกระแส

เราก็เดินกันเรื่อยๆ ไปจนถึง Harbour City จนรู้สึกว่าคนเริ่มมากขึ้นทุกทีจนเริ่มจะเบียดกันละ ซักพักเราสองคนก็เลยต้องเดินไหลไปตามฝูงชน คือ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะเดินไปไหนกัน แต่เราไม่สามารถแทรกตัวออกมาจากตรงนั้นได้เลย มันเป็นเหมือนคลื่นมหาชนก็ว่าได้ คนด้านหลังเค้าก็ดันมาเรื่อยๆ เราก็เลยต้องเดินไปด้านหน้าแบบไม่รู้ว่าไปสิ้นสุดตรงไหน

จนเดินได้ซักพักนึงประมาณรอบๆบริเวณนั้นซึ่งกว้างพอสมควร ผู้คนด้านหน้าก็เริ่มกระจายกันออกไป คือ คงสุดทางตรงนั้นแล้ว เราก็เลยค่อยโล่งขึ้นหน่อย เดินกลับไปตั้งต้นกันแถว Harbour City เหมือนเดิม

จนได้เวลานับถอยหลัง 10...9...8...7........3...2...1...0

Happy New Year!!!!! พร้อมกับไฟ สีสัน บริเวณรอบๆ และตึกสูงๆของเกาะฮ่องกง ร่วมนับถอยหลังไปกับเรา....

วันที่ห้า 1 ม.ค. 49

วันนี้ตื่นสายอีกตามเคย เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงห้อง มัวแต่ตื่นเต้นกับสีสันและผู้คน

เราตั้งใจไปเดินเล่นฝั่งฮ่องกง เลยนั่ง MTR ไปลงที่ Central ก่อนเลย และซอกแซกจากแถบนี้ก่อน...

จากนั้นก็ไปแถว Causeway Bay อีกย่านที่ต้องไม่พลาด เนื่องจากเป็นแหล่งที่น่าละลายทรัพย์อีกที่นึงงง ... แถมอาหารการกินก็เพียบบบบ

เริ่มหมดมุขในการกินนนนน KFC เจ้าเก่า...

ต่างที่ ต่างเมนู แต่ก็ทำให้ใครหลายคนรอดตายได้ เวลาไปต่างแดน....

Create Date : 08 กรกฎาคม 2552

Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 22:18:27 น.

9 comments

Counter : 197 Pageviews.


หลงรักฮ่องกงเหมือนกันคะ ไปกี่ครั้งก้อไม่เบื่อ

โดย: kartai (kartai chan

) วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:04:15 น.


Happy Birthday มีความสุขมากๆ นะคะ

โดย: อะตอมกลมๆ

วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:1:29:26 น.


width="480" พันธ value="//www.youtube.com/v/emYsNeaCO80?fs=1&hl=en_US"> พระราม name="allowFullScreen" Param < ฝัง src //www.youtube.com/v "= / emYsNeaCO80 ? fs = 1 & hl = en_US " type = สมัคร "/ x - shockwave - flash " allowscriptaccess =" เสมอ allowfullscreen "=" ความกว้าง "true =" สูง 480 "=" 385 " > < / object >

โดย: nuyect

วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:8:21:54 น.


value="//www.youtube.com/v/emYsNeaCO80?fs=1&hl=en_US"> พระราม name="allowFullScreen" Param < ฝัง src //www.youtube.com/v "= / emYsNeaCO80 ? fs = 1 & hl = en_US " type = สมัคร "/ x - shockwave - flash " allowscriptaccess =" เสมอ allowfullscreen "=" ความกว้าง "true =" สูง 480 "=" 385 " > < / object >>

โดย: nuyect

วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:8:22:53 น.


สุขสันต์วันเกิดครับ จะใส่เพลงให้แต่พราดๆๆ

โดย: nuyect

วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:8:25:20 น.


สุขสันต์วันเกิด จ้า พรใดที่เป็นของชาวโลก สุขใดที่ช่วงโชติของชาวสวรรค์ รักใดที่อมตะและนิรันดร์ ขอรักนั้นและพรนั้น จงเป็นของ จขบ. จ้า

โดย: หน่อยอิง

วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:9:40:11 น.


....ขอให้รวยๆนะคะ~*.. เป็นครอบครัวที่น่ารัก และคู่ที่น่ารักมากๆเลยค่ะ .. อยากไปเที่ยวม้างงงงง..