เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 

แบกเป้เที่ยวปักกิ่ง..เทียนอันเหมิน, วังต้องห้าม

เช้าวันที่ 29 ธค. 2551 เป็นวันที่ 2 ของการเดินทางของเรา เราตื่นกัน 7 โมงเช้า เตรียมตัวเพื่อออกไปเที่ยว เทียนอันเหมิน กับ พระราชวังต้องห้าม (กู้กง) ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกัน เราออกจาก Hostel เวลาประมาณ 8.00 น. เดินมาขึ้นรถไฟฟ้า subway ตอนเช้าๆ เวลาเร่งด่วนของกรุงปักกิ่ง ผู้คนเต็มรถไฟแน่นมาก บางครั้งไม่สามารถขึ้นรถไฟได้เลย นั่งมาลงที่สถานี Tiananmendong (เทียนอันเหมินตง) ค่ารถไฟฟ้าที่ปักกิ่งถูกมาก ไม่ว่าจะนั่งไปไหน นั่งรถไฟกี่ต่อก็ 2 หยวนเท่านั้น บ้านเราน่าจะเป็นแบบนี้บ้างนะ แล้วออกทางออก Exit A

เดินขึ้นมาจากสถานีฯ ก็เจอป้ายรถเมล์ฯ ที่นี่ก็จะมีป้ายบอกว่ามีรถเมล์สายอะไรผ่านบ้าง แล้วต้องยื่นรอให้ตรงกับเลขที่เขียนไว้กับพื้น เพราะรถเมล์จะจอดตรงกับเลขที่เขียนไว้กับพื้น ผู้คนยื่นเข้าแถวตรงกับเลขสายที่จะขึ้น


เดินออกจากทางออกแล้วเดินไม่ไกลประมาณ 300 เมตรก็จะเจอ ประตูเทียนอันเหมิน ประตูถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1417 สมัยราชวงค์หมิง เพื่อใช้ในพระราชพิธีใหญ่ๆ เช่น พิธีจักรพรรดิ์ขึ้นครองราชย์


ประตูเทียนอันเหมินนี้ ประธานเหมาเจ๋อตุง ใช้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ค.ศ. 1949 บนประตูนี้ จึงถือวันนี้เป็นวันชาติจีนด้วย มีรูปขนาดใหญ่ของเหมาเจ๋อตุงติดอยู่ที่ประตู มาถึงแล้วก็ขอถ่ายรูปด้วยสักหน่อย


ด้านหน้าของประตูจะมีทหารยืนประจำอยู่หลายคน ยืนตัวตรงเป๊ะ (สงสัยยืนเฝ้าไม่ให้ใครขโมยรูปท่านประธานเหมาฯ)


ประธานเหมาเจ๋อตุง ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญยิ่งของชาวจีนได้รับการยกย่อง ที่ปฏิวัติประเทศจีนให้เป็นระบบคอมมิวนิสต์ มาแล้วก็ต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก


ไม่ยอมน้อยหน้ากันต้องขอถ่ายเดียวบ้าง


ถ่ายเดียวไม่พอต้องขอถ่ายคู่ด้วย(ใช้ขาตั้งกล้องถ่าย) อากาศของเช้าวันนี้ 2 องศาC หนาวมากแต่ลมไม่แรง


ถ่ายรูปอยู่ด้านหน้าได้ไม่นานก็ต้องเข้าไปเที่ยวด้านในแล้ว ถ้าสายกว่านี้เดี๋ยวแดดจะแรงกว่าจะถ่ายรูปไม่สวย ประตูทางเข้าเดินเข้าไปเลย จะมีเจ้าหน้าที่ยืนรอตรวจอะไรไม่รู้ และรอบอกให้เดินผ่านตรงบริเวณนี้เร็วๆ


เมื่อผ่านเข้ามาแล้วก็จะมาเจอประตูใหญ่อีกประตู เป็นประตูแห่งความโชคดี เราไม่รอช้ารีบเดินลอดไป


เดินลอดประตูแห่งความโชคดีแล้วก็จะมาเจอร้านค้าต่างๆ ที่ขายของที่ระลึก และหมวกกันหนาว เราก็ได้แต่ยืนดูไม่ได้ซื้ออะไร


อยู่ติดกับร้านขายของจะมีทหารที่ประจำอยู่ในนี้ฝึกซ้อมการเดินแถว ขอถ่ายรูปหน่อยก็แล้วกัน


เดินออกจากการดูทหารฝึกฯ ไม่ไกลก็จะเป็นประตูทางเข้า พระราชวังต้องห้าม ซึ่งเป็นชื่อที่คนไทยชอบเรียก ส่วนคนจีนจะเรียกว่า กู้กง ส่วนชาวตะวันตกจะเรียกว่า The Forbidden Cityมีความหมายเดียวกันคือ พระราชวังหลวงอันยื่งใหญ่ เป็นที่ประทับของจักรพรรดิถึง 24 พระองค์ ล้อมด้วยกำแพงสีแดงสูง เป็นเขตต้องห้ามของบุคลธรรมดาเข้า ยกเว้นแต่ได้รับอนุญาติจากจักรพรรดิและ ข้าราชการบริพาลต่างๆเท่านั้นจึงมีสิทธิ์เข้า วันนี้มีทัวร์และนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ สังเกตุจากธงสีต่างๆ นั้นหมายถึงกรุ๊ปทัวร์


ในการเข้าชมพระราชวังต้องเสียค่าเข้าช่วงที่เราไปคนละ 40 หยวนเพราะเป็นช่วงโลว์ ถ้าเป็นช่วงไฮว์จะเสียคนละ 60 หยวน สามาถซื้อบัตรได้ที่ด้านข้างทั้ง 2 ด้านของประตูทางเข้า


ได้บัตรแล้วเราก็ไปที่ด้านข้างประตู้ทางเข้าเพื่อไปเช่าเครื่องบรรยายนำเที่ยวมีหลายภาษา เราเลือกเป็นภาษาไทยราคาค่าเช่า 40 หยวนต่อเครื่อง มัดจำอีกเครื่องละ 100 หยวน วิธีใช้ไม่ยากเมื่อเราเดินไปถึงจุดที่มีในแผนที่เครื่องจะกระพริบไฟบอกตำแหน่งพร้อมกับบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ให้เราทราบ ข้อควรระวังก็คือ เมื่อผ่านจุดนั้นแล้ว เราจะกลับมาฟังอีกไม่ได้เพราะเครื่องจะบรรยายครั้งเดียว


เมื่อเช่าเครื่องบรรยายเสร็จเราก็เดินลอดประตูทางเข้าที่มีการเก็บค่าผ่านประตู ก็จะมาเจอลานกว้างๆ มองออกไปไกลจะเป็น ประตูไท่เหอเหมิน ซึ่งเป็นประตูใหญ่อยู่ตรงกลาง และเป็นประตูสุดท้ายที่จะเข้าสู่พระราชวังชั้นใน


ด้านหน้าของประตูไท่เหอเหมินจะมีสิงห์โตสำริดคู่เฝ้าประตู ความเชื่อที่ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ตัวด้านซ้ายคือตัวเมียเหยียบลูกตัวน้อย แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของจักรรพรรดิ ส่วนตัวขวาคือตัวผู้


ด้านขวาเป็นตัวผู้เหยียบลูกบอล แสดงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิ เราไปถึงก็กราบไหว้ทั้ง 2 ตัว ที่อยู่หน้าประตูนี้ มีคนบอกว่าถ้ามาปักกิ่งต้องไปไหว้ สิงห์ที่นี่ กิเลนที่วังฤดูร้อน และ สิงห์ที่วัดลามะ แล้วจะทำให้โชคดี ทำมาค้าขายดี


เดินผ่านประตูไท่เหอเหมินเข้ามาก็จะมาพบกับความยิ่งใหญ่ของตัว พระที่นั่งไท่เหอ เป็นพระที่นั่งที่มีความสำคัญที่สุด และ ใหญ่ที่สุดในพระราชวังนี้ มีความสูงเท่ากับตึก 12 ชั้น เราเจอกรุ๊ปทัวร์ของคนไทยด้านในหลายกรุ๊ปด้วยกัน สังเกตุได้ง่ายๆ ว่ามาจากไทยเพราะธงนำเที่ยวจะเป็นธงชาติไทย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องใช้ธงชาติไทย


ถ่ายคู่กับความยิ่งใหญ่ของพระที่นั่งไท่เหอ ทั้งใหญ่ทั้งกว้าง อลังการจริงๆ ครับ


ชายคาของพระที่นั่งไท่เหอเป็นตำหนักเดียวที่มีลูกชายมังกรมากถึง 10 ตัวส่วนตำหนักอื่นๆ จะมีมากน้อยตามความสำคัญของพระที่นั่ง เป็นสัญลักษณ์ของความสำคัญและศักดิ์ศรีของแต่ละพระที่นั่ง


พระที่นั่งภายในพระที่นั่งไท่เหอ เป็นพระที่นั่งสูงสุดในพระราชวังต้องห้ามนี้ เป็นบัลลังไม้จันทร์แกะสลัก ใช้สำหรับพราะราชพิธีสำคัญๆ ต่างๆ


หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ


ด้านข้างทั้ง 2 ของพระที่นั่งไท่เหอ จะมีอ่างทองคำสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างๆ 2 อ่าง เราก็สังเกตุว่ามีเอาไว้ทำไม สรุปก็คือเอาไว้ใส่น้ำเพื่อดับไฟเมื่อเกิดเพลิงไหม้



ตอนนี้ขอจบแค่พระที่นั่งที่มีความสำคัญที่สุดในพระราชวังตัองห้าม คือ พระที่นั่งไท่เหอ ตอนหน้าเราคงยังอยู่เที่ยวที่นี่ ถึงแม้ว่าอากาศหนาวมาก เราจะพาไปชมตำหนักอื่นๆ และเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายใน พระราชวังต้องห้าม นี้





 

Create Date : 10 มกราคม 2552    
Last Update : 11 มกราคม 2552 21:12:48 น.
Counter : 5415 Pageviews.  

แบกเป้เที่ยวปักกิ่ง..สุวรรณภูมิ-ปักกิ่ง

หลังพลาดจากการได้ไปเที่ยวแชงกรีล่า-ลี่เจียง สาเหตุมาจากเจ้าของประเทศปิดสนามบิน ทำให้พวกเราต้องอดไปเที่ยวทั้งทีเตรียมตัวกันมาเป็นเดือนๆ ทำให้เสียอารมณ์และความรู้สึกมากๆ กับคนกลุ่มนี้ คุณจะประท้วงก็ประท้วงกันไป ทำไมต้องทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องด้วยต้องเดือดร้อนด้วย เอาสมองส่วนไหนคิดที่ปิดสนามบิน (ขอบ่นหน่อย)

แต่ด้วยใจรักการเที่ยวก็เลยไม่ยอม ประกอบกับช่วงปีใหม่เรามีวันหยุดยาวหลายวัน ถ้าเราลางานวันที่ 29,30 ธ.ค. เราก็จะได้วันหยุดตั้งแต่วันที่ 27-4 มกราคม 2552 รวม 9 วัน 8 คืน คุยกันไปกันมาตัดสินใจแล้ว OK เราแบกเป้ไปเที่ยวปักกิ่งกันดีกว่า Beijing เลยติดต่อเอเจนซี่ สอบถามเรื่องตั๋วเครื่องบินไปปักกิ่ง 2 ที่ สอบถามไป 2 เอเจนซี่ได้รับคำตอบว่าตั๋วเต็ม แต่เราไม่ลดละความพยายามโทรไปเอเจนซี่ที่ 3 คือ Thaifly ได้รับคำตอบว่า "พอดีมีลูกค้าแคนเซิลไป 2ที่นั่งพอดีค่ะ สนใจหรือเปล่าค่ะ" มีหรืออย่างเราจะไม่สนใจถามกลับไปว่า ตั๋วมีวันที่เท่าไร และ ราคาเท่าไร "ตั๋วไปวันที่ 28 ธ.ค. กลับวันที่ 4 ม.ค. ราคาคนละ 17,200 บาทรวมทุกอย่างแล้วค่ะ" เราตอบตกลงทันที จัดแจงโอนตังส์เรียบร้อยเพราะกลัวไม่ได้ตั๋ว

เรามีเวลาทั้งหมด 8 วัน 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 28 ธค - 4 มค หลังจากได้ตั๋วแล้วเราก็หาข้อมูลในการไปเที่ยว และวางโปรแกรมเที่ยว ปักกิ่ง 6วัน ฮาร์บิ้น 2 วัน ได้โปรแกรมเที่ยวแล้วก็จองโรงแรมที่ปักกิ่งผ่าน Hostelworld.com และทำ VISA ที่สถานฑูตจีนไว้แล้ว ทุกอย่างพร้อมตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงวันที่ 28 ธค จะได้ไปเที่ยวเสียที

เช้าวันที่ 28 ธค 2551 เราออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เช้าเพื่อไปรอเช็คอินที่เคาร์เตอร์ของการบินไทย ถึงเคาร์เตอร์แล้วรู้สึกตกใจนิดหน่อยทำไมผู้โดยสารมาเช็คอินน้อยจัง


เช็คอินเสร็จเรียบร้อยเราก็ไปทำการผ่าน ตม. ยังพอมีเวลาเดินเล่นนิดหน่อยดูของดิวตี้ฟรี เดินไปยัง Gate C8 อยู่ไกลเหมือนกัน


เครื่องบิน Airbus A340-600 ที่จะพาเราไปสู่ปักกิ่งมาจอดรอแล้ว เครื่องบินลำนี้ชื่อ "เพชรบุรี"


ได้เวลา 10.50 น. เครื่องบินก็พาเรามุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง บนเครื่องมีอาหารแจกด้วย กินเสร็จแล้วก็มีจอให้ ดูหนัง เล่นเกมส์ ก็เพลินดี ไม่งั้นคงเบื่อน่าดูเพราะใช้เวลาเดินทางตั้ง 5 ชั่วโมง และเป็นครั้งแรกของเรา 2 คนที่นั่งเครื่องบินนานที่สุด


ใช้เวลาบินเกือบๆ 5 ชั่วโมงก็ถึงสนามบิน Beijing capital international airport การบินไทยจะจอดที่ Terminal3 เราผ่าน ตม. ของจีนไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็ต้องนั่งรถไฟฟ้าเพื่อไปรับกระเป๋า ไปต้องกลัวว่าจะหลงหรือไปไม่ถูกเพราะว่ามีป้ายบอกตลอด หลังจากได้เป้เรียบร้อยแล้ว จุดมุ่งหมายต่อไปของเราก็คือ สถานีรถไฟฟ้า Airport Express เพื่อนั่งเข้าเมือง เป้ของเราทั้ง 2 ในการเที่ยวในครั้งนี้ เป้ของอรนี้มีความจุ 40+10 ลิตร ยี่ห้อ Deuter


มาดูเป้ของผมบ้างความจุ 75+10 ลิตร เป็นของ Deuter เหมือนกัน


มาดูด้านหลัง ไม่รู้ขนอะไรมากันหนักหนาเต็มเป้ไปหมด ดูๆแล้วเหมือนบ้าหอบฟ้าง


เรามายืนถ่ายรูปกันหน้าทางเข้าสถานีรถไฟฟ้า Airport Express ซึ่งอยู่ที่ Terminal 3


นั่งเข้าเมืองค่าโดยสารคนละ 25 หยวน เราขึ้นที่ Terminal 3 รถไฟฟ้าจะออกจาก Terminal 3 แล้วไปรับคนที่ Terminal 2,1 เสร็จถึงจะเข้าเมืองจอดเพียง 2 สถานีเท่านั้น สถานีแรกคือ Sanyuanqiao (ซานหยวนเฉียว) และ จอดสถานีสุดท้ายที่ Dongzhimen (ตงซื่อเหมิน) บรรยากาศภายในรถไฟฟ้า


รถไฟฟ้าวิ่งออกจาก Airport (หมายเลข 1) ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็มาถึงสถานี Dongzhimen (หมายเลข 2) เราลงที่สถานีนี้ แล้วนั่งรถไฟฟ้า Subway สาย 2 จากสถานี Dongzhimen ไปยังสถานี Yonghegong (ยงเหอกง) (หมายเลข 3) เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าสาย 5 ไปลงยังสถานี Dongsi (ตงซึอ) (หมายเลข 4) ลงสถานนี้แล้วก็เดินออก ทางออก Exit B แล้วเดินข้ามสะพานลอยเข้าซอยวัดมังกร ซึ่งมี KFC อยู่ปากซอย เดินต่อเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึง Happy dragon Hostel (หมายเลข 5)


เราจอง hostel ทาง hotelworld.com คืนละ 850 บาท เราจองเพียง 2 คืนเท่านั้นคือวันที่ 28,29 ธค เพราะเรามีโปรแกรมต้องไป ฮาร์บิ้น เดินทางโดยรถไฟในคืนวันที่ 30 ธค. ภายในห้องที่เราพักกัน


ในห้องมีอุปกรณ์ครบ มีแอร์ ฮีตเตอร์ น้ำอุ่น ทีวี มีกาต้มน้ำให้ด้วย สภาพภายในห้องถือว่าใหม่ ไม่เล็กไม่ใหญ่ เหมาะสมราคาดี ทำเลก็ดีใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า Subway


เก็บเป้ ข้าวของเรียบร้อยเราก็ไปสถานีรถไฟ Beijing Railway Station เพื่อไปจองตั๋วรถไฟไปฮาร์บิ้น ในคืนวันที่ 30 ธค. แต่ต้องพบกับความผิดหวังอย่างแรง ตั๋วเต็มหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 29-3 มค. เศร้าใจเลยเรา ตั้งใจจะไปเที่ยวเทศกาลหิมะ และ น้ำแข็ง ที่เมืองฮาร์บิ้น สัมผัสความหนาวติดลบ -30 C


เมื่อไม่ได้ตั๋วรถไฟก็เลยเดินเล่นที่หน้าสถานี ผู้คนเยอะมากๆ เดินไปมีคนเข้ามาถามขายโรงแรมห้องพักเต็มไปหมดเราได้แต่ตอบว่า " โยวเลอะ" มีแล้ว ไปปักกิ่งผมเอาเทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิตอลไปด้วยเพราะอยากจะรู้ว่ากี่องศา หยิบออกมาจากเป้ รอสักพักอุณหภูมิลดลงอย่างเร็วเหลือเท่าที่เห็นคือ 0.7 องศา C ภาษาชาวบ้านอย่างเราเรียกว่า 0 องศา ขอบอกว่า ปักกิ่งหนาวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตของเราทั้ง 2 คนที่สัมผัส 0 องศามีคนตื่นเต็นใหญ่ ส่วนตัวเลข 43 นั้นก็คือ ความชื่น


เจออากาศหนาวขนาดนี้แล้ว ความคิดเลยเกิด ยกเลิกการไปฮาร์บิ้นทันที เพราะ 0 องศาเรายังอยู่แทบไม่ได้ ไปเจอ -30 สงสัยตายแน่ๆ อยู่หน้าสถานีรถไฟได้ไมนานก็เดินข้ามสะพานลอยไปยังห้างที่อยู่ตรงข้ามสถานีเพื่อหลบหนาว และ หาอะไรร้อนๆ กิน เดินไปเจอบะหมี่ชามใหญ่น่ากิน ก็เลยสั่งคนละชาม อร่อยดีเหมือนกัน ชามละ 22 หยวน


กินเสร็จก็นั่งรถไฟฟ้า Subway กลับโรงแรมนอน

ผ่านไปแล้วครับวันแรกการลุยปักกิ่งของเรา 2 คน พรุ่งนี้เราจะพาไปเที่ยว ประตูเทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้าม (กู้กง) หรือที่เรียกว่า The Forbidden City ติดตามชมนะครับ




 

Create Date : 09 มกราคม 2552    
Last Update : 13 มีนาคม 2552 19:43:12 น.
Counter : 18179 Pageviews.  

1  2  3  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.