เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 
พม่า. ไหว้พระทำบุญ ตอน.2 พระธาตุฯ-หงสาวดี

พม่า. ไหว้พระทำบุญ ตอน2 พระธาตุอินแขวน - เมืองหงสาวดี พวกเรายังอยู่ในวันที่ 2 ของการเดินทางท่องเที่ยวในพม่า ซึ่งตรงกับวันที่ 16 สิงหาคม 2553 พวกเราเดินออกมาจากวันมาถึงที่ถอดรองเท้าไว้ ตามธรรมเนียมก็ต้องจ่ายรวมครับ 1000จ๊าดสำหรับพวกเรา จะมีคนมานั่งรอเก็บเงินไม่รู้ว่าเอาเข้าวัดหรือเข้ากระเป๋าคนเก็บเงิน เดินออกมาหน้าวัดก็จะเจอพระมายืนรอใส่บาตร มีทั้งพระ เณร แม่ชี หลายรูปครับ สวนมากจะเป็นการใส่บาตรด้วยเงินพม่า ตามกำลังศรัทธา


เวลาประมาณ 6.30น. พวกเรากลับเข้าโรงแรมอาบน้ำ เก็บข้าวของต่างเพื่อเตรียมเช็คเอาร์ ราคาค่าห้องได้รวมอาหารเช้าไว้แล้ว อาหารเช้ามื้อนี้จึงเป็นชุดอาหารเช้าจากโรงแรม มีให้เลือก 2 อย่าง คืิอ 1.ข้าวผัดหมู ไข่เจียว ชาหรือกาแฟ 2.โจ๊ก ไข่เจีบว ชาหรือกาแฟ ต้องเลือกชุดใดชุดหนึ่งครับ ใช้เวลากับอาหารเช้าได้ไม่นานพวกเราทั้ง 8 คนก็ได้เริ่มเดินออกจากโรงแรมเพื่อเดินลงเขา ส่วนสัมภาระต่างๆ ก็จ้างลูกหาบคนเดิมเป็นคนแบกให้เรา เค้าดีมากมารอพวกเราที่บริเวณโรงแรม พร้อมกับเฝ้ากระเป๋าให้พวกเราอย่างดีในขณะที่พวกเรากินอาหารเช้า จากนั้นเค้าก็จัดเรียงกระเป๋าเข้ากับหาบพร้อมกับเอาผ้าใบกันฝนปิดอย่างดี ได้เวลาพวกเราก็เดินลงเขาโดยเดินตามถนนคอนกรีตตลอด ขาลงเดินลงไม่เหนื่อยเหมือนขาขึ้น แต่จะปวดหัวเข่าเพราะเวลาเดินลงเขาน้ำหนักตัวจะตกลงที่หัวเข่า ดังนั้นต้องระวังเรื่องปวดหัวเข่า ใช้เวลาเดินลงประมาณ 30 นาทีก็ถึง ที่จอดรถขนหมู


พวกเรามาถึงท่ารถประมาณ 8.00 น. จะมีรถหกล้อมาจอดรออยู่แล้ว มีคนนั่งอยู่บนรถประมาณ 25 คนเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 9คน ฝรั่งอีก 6คน นอกนั้นเป็นชาวบ้านพม่า พวกเราขึ้นรถไปอีก 8คน รวมแล้ว 33คน พวกเรานั่งได้ไม่ถึง 10นาที ชาวมาเลเซียเริ่มจะโวยวายให้รถออก รวมทั้งฝรั่ง เพราะพวกเค้ารอมานานชั่วโมงกว่าๆ แล้ว แต่คนพม่าที่คุมรถไม่สนใจอ้างอย่างเดียวว่าคนไม่เต็มจำนวนรถออกไม่ได้ สักพักมีชาวพม่าขึ้นมาอีก 4คน ทำให้บนรถเริ่มจะไม่มีที่นั่ง ชาวมาเลเซียเริ่มโวยอีก แต่คนคุมรถอ้างคนไม่เต็มทั้งที่ไม่มีที่นั่งแล้ว ผ่านไป 30นาทีแล้วสำหรับพวกเราทั้ง 8คนที่นั่งอยู่บนรถขนหมู ชาวมาเลเซียกับฝรั่งยอมจ่ายส่วนที่เหลืออีก พวกเราลำคาญก็เลยยอมจ่ายจากค่ารถคนละ 1500 เป็นคนละ 2000จ๊าด คนคุมรถมันยิ้มทันที ผมรู้แล้วที่มันไม่ออกเพราะมันต้องการเงินส่วนเกิน เพราะมันเก็บเงินเราทั้งรถได้เกิน 80000จ๊าด มันก็เอาเงิน 80000จ๊าด ไปตีตั๋วเหมาทั้งคัน ส่วนเกินหรือส่วนที่เหลือมันยึดหมด ผมคิดอยู่แล้วผมว่าจะชวนชาวมาเลเซีย และฝรั่งไปซื้อตั๋วเหมารถ แล้วไปเอารถคันอื่นไม่เอารถมันเพื่อแกล้งมัน หมั่นไส้มันมาก สรุปพวกเราอยู่บนรถ 1 ชั่วโมงพอดี พอรถออกชาวมาเลเซียปรบไม้ปรบมือกันใหญ่ หน้าตารถหกล้อ หรือพวกเราเรียกว่า รถขนหมู ใครไปเที่ยวที่พรธาตุฯ จะได้ลิ้มรสแน่นอน 5555555


เช่นเดินลงครับ การนั่งรถลงเขาจะใช้เวลาน้อยกว่าขึ้นเขา แต่ไม่เวี้ยงซ้ายทีขวาที เพราะว่าคนขับๆ ลงเขาได้นิ่มนวลมากๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ถึง คินปุ่นแคมป์ ที่เดิมที่พวกเราขึ้นรถหกล้อขาไปเมื่อวานนี้ ผมนัดรถมารอรับตอน 9 โมงเช้าแต่พวกเรามาช้าหน่อยจึงเห็นรถตู้ที่พวกเราเช่าจอดรอรับอยู่แล้ว คนขับรถเค้าจอดรออยู่ที่นี่อยู่แล้วตั้งแต่เมื่อวาน เก็บข้าวของต่างๆ ขึ้นรถตู้ พวกเราไม่ต้องลำบากเพราะลูกหาบเรามาส่งถึงรถตู้ ค่าแบกกระเป๋าผมก็จ่ายเท่าเดิม 10000จ๊าด ผมทิปให้เค้าอีก 3000จ๊าด ชอบในความมีน้ำใจของเค้า ตอนไปเที่ยววัดเค้าก็เอาไฟฉายมาช่วยส่องทาง ทั้งตอนค่ำ และ ตอนเช้า รอดูแลพวกเราเป็นอย่างดี เค้าหมายเลข 53 นะครับ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะครับ ผมคุยกับเค้าด้วยภาษากาย

รถตู้ออกจากคินปุ่นแคมป์เพื่อมุ่งหน้ากลับมายังเมือง Bago หรือ เมืองหงสาวดี เพราะมีวัด สถานที่สำคัญๆ อีกหลายแห่งที่ขามาพวกเราไม่ได้แวะเที่ยว ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสถานที่แรกที่พวกเราแวะก็คือ เจดีย์ชเวมอดอร์ เมืองหงสาวดี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของประเทศพม่า และเป็นมหาบูชาสถาน แห่งที่ 2 ที่พวกเรามากราบไหว้


การเที่ยวสถานที่ต่างๆ ทั้งหมดในเมืองหงสาวดี จะต้องเสียค่าเข้าคนละ 10$US ซื้อบัตรครั้งเดียวสามารถเข้าได้ทุกสถานที่ในเมืองนี้ แต่ต้องเก็บใบจ่ายเงินไว้เพื่อไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่แต่ละสถานที่ดู เพื่อยืนยันว่าเราได้เสียเงินแล้ว อย่าลืมนะครับ ส่วนค่าเอากล้องเข้าไปถ่ายเสียอีก 300จ๊าด

ส่วนความสำคัญหรือประวัติของ เจดีย์ชเวมอดอร์ เมืองหงสาวดี หรือที่เราเรียกกันว่า พระธาตุมุเตา เป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุรวม 2 เส้น มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี เป็นที่เคารพสักการะของทั้งกษัตริย์ มอญ พม่า และไทย เช่น พระเจ้าราชาธิราชของมอญ พระเจ้าบุเรงนองของพม่า และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทย เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี พระเจดีย์องค์นี้ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า นอกจากนี้มหาเจดีย์ชเวมอดอ ยังเคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ. 2473 ได้ทำให้เจดีย์องค์นี้ พวกเขาได้ทำการสร้างเจดีย์ชเวมอดอขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต (ตอนแรกที่สร้างสูง 70 ฟุต) นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไหว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน
สำหรับความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเจดีย์ชเวมอดอก็คือ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญอย่างเด่นชัด คือมีฉัตรแบบเรียบๆและมีองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรียว ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก้ ภายในเป็นอิฐกลวง แตกต่างจากเจดีย์ชเวดากองที่เป็นเจดีย์แบบพม่า(อย่างชัดเจน)
ปลียอดของเจดีย์องค์นี้หักพังลงมา แต่ว่าด้วยความศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อ


พวกเรามาพม่าเพื่อมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาแล้วก็ต้องจุดธูปเที่ยนเพื่อกราบไหว้


กราบไหว้เสร็จก็ต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก


ถ่ายรูปหม฿เสร็จก็มาถ่ายรูปคู่กันบ้าง คู่นี้ จก+บอร์ดน แต่งงานกันมานานหลายปีแล้ว แต่งนานสุดในจำนวน 3 คู่ที่มาด้วยกัน


ส่วนคู่นี้แต่งงานกันได้ยังไม่ได้ฉลองครบรอบ 1 ปี ประสิทธ์+ออนนี่


"ตา" เป็นหญิงคนเดียวในทริปที่ยังโสด (แต่มีแฟนแล้วไม่รู้เมื่อไรจะแต่ง)


ส่วนคนนี้ภรรยาผมเองครับ "อร" แต่งานกันได้ไม่กี่ปี


ชมรูปหน้ากล้องแล้ว มาชมเบื้องหลังการถ่ายทำกันบ้าง


ลีลานางแบบ และตากล้อง


นั่งที่พื้นเพื่อให้ได้มุมกล้องที่สวย และได้พระธาตุฯ เต็มองค์


อยู่ที่เจดีย์ชเวมอดอร์ ประมาณ 1 ชั่วโมง พวกเราก็ได้ออกจากวัด เพื่อไปกินข้าวเที่ยงกัน ออกจากประตูวัดมาประมาณ 200 เมตรจะเจอสี่แยกให้เลี้ยวขวา ตรงไปอีกประมาณ 200 เมตรจะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ เป็นร้านห้องแถวไม้ 2 คูหา จำชื่อร้านไม่ได้ครับ แต่ตรงข้ามร้านจะเป็นวิวเจดีย์ฯ ครับ


บรากาศในร้าน เป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้ พวกเราขอเมนูแต่เป็นเมนูภาษาพม่าหมดครับ (ใครจะอ่านออก) แต่พวกเราโชคดีมีชาวพม่า 1 คนพอจะพูดภาษาไทยได้ และมีพ่อครัว พูดอังกฤษได้นิดดดดเดียว พวกเราจึงสั่งอาหารไทย ไข่เจียว ไก่ทอด ผัดเปรี้ยวหวานหมู ไก่ผัดเม็ดมะม่วงใส่พริกเผา ทุกอย่างอร่อยดีครับ


กินกันอย่างอิ่มหน่ำ เต็มโต๊ะ พร้อมด้วยน้ำอัดลมจากเมืองไทย เช็คบิลออกมาทั้งหมดประมาณ 900 บาท ครับ


หน้าตาอาหาร และหน้าตาคนรอ


กินข้าวเที่ยงเสร็จพวกเราก็แวะไปเที่ยว พระราชวังบุเรงนอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร และ เจดีย์ชเวมอดอร์ กษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเมืองหงสาวดีก็เห็นจะไม่มีกษัตริย์พระองค์ไหนโดดเด่นเท่า พระเจ้าบุเรงนอง (หรือที่คนไทยรู้จักในดีจากวรรณกรรมเรื่อง“ผู้ชนะสิบทิศ”) เพราะเป็นผู้สร้างเมืองหงสาวดีให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นในปี พ.ศ. 2109 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ
ปี พ.ศ. 2142 ในสมัยพระเจ้านันทบุเรง พระราชวังบุเรงนองได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอู ทิ้งให้พระราชวังแห่งนี้รกร้างลงเป็นเวลาร่วม 3 ศตวรรษ ซึ่งพระราชวังเดิมนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และถูกจับเป็นตัวประกันอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2533 มีการค้นพบเสาและกำแพงเดิมที่ถูกฝังอยู่ในดิน รัฐบาลพม่าจึงได้ทำการขุดค้นและสร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยถอดแบบจากของเดิม ซึ่งบางส่วนได้สร้างแล้วเสร็จไป ส่วนอีกบางส่วนก็กำลังรอทุนในการก่อสร้างอยู่
โดยส่วนที่สร้างเสร็จและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมก็มี พระตำหนักที่ประทับบรรทมสีทองเหลืองอร่ามที่ดูโดดเด่นชวนมองในรูปแบบสถาปัตยกรรมพม่า และท้องพระโรงที่ใช้ออกว่าการก็ดูโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรรมพม่าสีทองเหลืองอร่ามทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งในอนาคตที่นี่จะใช้เป็นสถานที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติเมืองหงสาวดีและพระราชวังบุเรงนองอันสำคัญ ในขณะที่ปัจจุบันเป็นโถงโล่ง ๆ มีราชรถจำลอง โมเดลของพระราชวัง และบานประตูไม้สักขนาดใหญ่ของพระราชวังเดิมวางไว้ให้ชม


พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานเพราะว่าไม่ได้เข้าไปดูด้านใน เพราะห้ามถ่ายรูปพวกเราจึงไม่ได้เข้าไปชม และจากการเก็บข้อมุลก่อนมาเที่ยวด้านในไม่สวยเท่าด้านนอก


ออกจากพระราชวังบุเรงนอง พวกเราก็ไปเที่ยว พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว ซึ่งก็อยู่ในเมืองหงสาวดีเช่นกัน การเข้าชมสามารถนำบัตรที่จ่ายเงินไปแล้วมาโชว์เจ้าหน้าที่ และเสียค่าเอากล้องเข้ากล้องละ 300จ๊าด



ประวัติ เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของเมืองหงสาวดี รองจากพระมหาธาตุมุเตา และเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีความยาว 181 ฟุต สูง 50 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ พ.ศ.1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกัน เล่าขานว่าเป็นพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ขอถ่ายภาพหมู่ให้ครบทั้ง 8 คนอีกครั้ง


ด้านหลังพระองค์มีภาพวาดเล่าขานตำนานว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรัก ถึงกับพากลับเข้าวัง แต่สาวเจ้าอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชากริ้วมาก ถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงก็ขอให้นางแคล้วคลาด ปรากฏว่าเชือกขาดโดยพลัน ขณะที่รูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาถึงกับทรงหันกลับมานับถือพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพะพุทธไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติ

หลังจากที่พระเจ้าอลองพญาทรงปราบมอญราบคาบ เมืองหงสาวดีก็ถูกทิ้งร้าง พระพุทธไสยาสน์ไม่ได้รับการดูแลจนกลายเป็นกองอิฐจมอยู่ในโคกดิน จนถึงปี พ.ศ.2424 เมื่ออังกฤษสร้างทางรถไฟสายพม่า จึงขุดพบพระนอนองค์นี้ จากนั้นปี พ.ศ.2491 หลังจากพม่าได้รับเอกราช ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างจริงจัง และได้ทาสีและปิดทองลงชาดใหม่ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ถ่ายรูปหมู่เสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปเก็บรูปตามมุมที่ตัวเองชอบ


นี่ก็มุมส่วนตัวของตากล้องอย่างผม


มาชมส่วนที่เป็นพระพุทธบาทครับว่าจะสวยงามแค่ไหน ลวดลายสวยมาก และพระพุทธบาทใหญ่มาก


บริเวณด้านหน้าพระฯ จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกต่างๆ ทั้ง 2 ฝั่ง ของที่ขายมีหลากหลายมากๆ แต่ไม่รู้ว่าถูก ดี หรือไม่เพราะผมไม่ได้ตั้งใจชม หรือสอบถาม


หลังจากเดินเที่ยวชม ถ่ายรูป กราบไหว้พระฯ ที่นี่แล้ว พวกเราก็ต้องรีบเดินทางกลับย่างกุ้ง เพราะต้องการถ่ายรูป มหาเจดีย์ชเวดากอง ก่อนที่พระอาทิตย์จะตก เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม มาฝากแฟนบล๊อก

ติดตามตอนหน้านะครับว่าพวกเราจะกลับไปย่างกุ้ง และไปถ่ายรูปมหาเจดีย์ชเวดากอง ทันหรือไม่




Create Date : 26 สิงหาคม 2553
Last Update : 31 สิงหาคม 2553 13:12:11 น. 3 comments
Counter : 2440 Pageviews.

 
พี่เต่าคะ รูปสวยจังค่ะ
แฟนพี่..พี่อร หน้าตาน่ารักเหมือนเดิม มาตั้งแต่ทริบเนปาล

ดีมากๆเลยค่ะ มีประวัติสถานที่ต่างๆให้อ่านด้วย เพราะนี่ถ้าไปเที่ยว เราไม่ต้องการไกด์เลยค่ะ พูสามารถอ่านจากบล็อคพี่ แล้วจำๆไปเล่าให้ที่บ้านพูฟังได้ อิอิอิ...

รอดูรูปชเวดากองยามโพล้เพล้อยู่ค่ะ อิอิ


โดย: พู (Lady Formosa ) วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:0:21:08 น.  

 
พู;

ห้ามยอนะครับคนนี้ ยอแล้วตัวชอบลอย แต่พี่คิดว่าคงจะลอยลำบากแล้วเดี๋ยวนี้ ทริปเนปาลลอยได้สบาย แต่ทริปพม่าลอยไม่ไหวแล้ว

ก็ค้นคว้าในเน็ตครับ ก่อนไปก็ทำเป็นเรื่องราวไว้ เวลาไปถึงหรือก่อนถึงก็อ่านอีกครั้งจะได้ซึ้มซับเข้าไปอีก

เชิญชมรูป มหาเจดีย์ชเวดากอง ได้แล้วครับในตอน 3

ขอบคุณมากครับที่ติดตามบล็อกของเรา


โดย: taotao_s วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:21:45:54 น.  

 
เป็น blog พม่า และแปลภาษาพม่าได้ดีจริงๆครับ


โดย: ต้าโก่ว วันที่: 12 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:47:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.