เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 
เท็นเดย์อิน เนปาล. กรุงเทพ กาฐมาณฑุ

Ten Days in Nepal หรือ เท็นเดย์อินเนปาล เป็นเรื่องราวการเดินทางของคน 4 คนที่ไปด้วยกัน มีจุดประสงค์ในการไปในครั้งนี้เพื่อ ถ่ายรูป เป็นหลัก ส่วนเรื่องเที่ยวนั้นเป็นรองหรือเป็นผลพลอยได้ในการไปครั้งนี้

พี่ชาลี (เจ้านายเก่า ที่มีใจรักการถ่ายภาพและเป็นผู้ที่สอนผมภ่ายถาพ) ชวนผมไปถ่ายภาพ ผมก็ตอบทันที "ได้ครับ แล้วพี่จะไปไหนละ" พี่ชาลีตอบ "ไปเนปาล" ผมสะดุ้งนิดหน่อย "ไปเนปาลเลยหรือพี่ ได้เลยผมไปด้วย แต่ว่าพี่จะไปยังไง" พี่ชาลี "ไปกับทัวร์หรือจะไปกันเอง ถ้าไปเองไปได้ไหม" ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า "ได้ครับ ไปกันเองดีกว่าเพราะว่าได้ดังใจ อยากถ่ายอะไรก็ได้ถ่าย อยากถ่ายอยู่นานแค่ไหนก็ได้" คุยกันไปมาตกลงไปเอง พี่ชาลีจึงให้ผมทำโปรแกรมทันที ผมส่งโปรแกรมให้พีชาลีดู "OK เอาตามนี้แหละ" ไปวันที่ 1-10 พ.ค. 2552 รวมเวลา 10 วันเต็มๆ โปรแกรมพร้อม จองตั๋วเครื่องบินพร้อม ข้อมูลยังไม่ค่อยพร้อม(เพราะผมต้องเตรียมตัวไปเที่ยวแชงกรีลา จึงไม่ค่อยมีเวลาหาข้อมูล)

กลับจากไปเยือนดินแดนในฝัน แชงกรีลา ตั้งแต่วันที่ 9-17 เมษายน รวมเวลาก็ 9 วันเต็ม กลับมาถึงก็ต้องเตรียมตัวเช็คความพร้อมต่างๆ เพื่อเตรียมเดินทางไปเนปาลในวันที่ 1-10 พ.ค. นับวันที่กลับมาจากแชงกรีลาจนถึงวันที่ต้องเดินทางไปเนปาลก็เหลือเวลาอีก 13วัน ซึ่งเป็นเวลาไม่มาก เรื่องข้อมูลต่างๆ ของเนปาลก็หาไว้ก่อนหน้าที่จะไปแชงกรีลาแล้วแต่ไม่มาก กลับมาจึงต้องหารายละเอียดที่ยังขาดอยู่นิดหน่อย แต่ด้วยความมั่นใจว่าไปเที่ยวเนปาลไม่ยากจึงไม่ได้หนักใจเรื่องการเดินทางในเนปาลและสถานที่จะไปถ่ายรูปต่างๆ สิ่งที่ต้องมีเพียงไปขอวีซ่าที่สถานฑูตเนปาล สุขุมวิทซอย 71 ค่าขอไม่เกิน 15 วันคนละ 25$US และติดต่อโรงแรมที่พัก และหาข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อยเท่านั้น

วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 เวลาประมาณ 8.30 น. พวกเราทั้ง 4 คนมี พี่ชาลี ทอย ผม อร พร้อมกันที่เคาร์เตอร์เช็คอินการบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ พวกเราไป TG319 เวลา 10.35 น. ราคาตั๋วที่พวกเราจองไป 19,000 บาท(รวมทุกอย่างแล้วแต่ไม่มีโปรฯ) วันนี้เป็นวันแรงงาน ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว แต่กลับผู้โดยสารหรือคนเดินทางน้อย เช็คอินสบายๆ พวกเราจองที่นั่งทางอินเตอร์เน็ตด้านขวาของเครื่องบิน เพื่อดูความสวยงามของเทือกเขาหิมาลัย แต่ในที่สุดพวกเราก็ไม่ได้เห็นเพราะว่าหมอกหนามากๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ไกลๆ


เครื่องบินใช้เวลาบินจากกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ชั่วโมง เวลาที่ประเทศเนปาลจะช้ากว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง 15 นาที ผู้โดยสารเกือบเต็มลำมีหลายชาติมาก บ่ายโมงเวลาเนปาลพวกเราก็ถึง สนามบินตรีภูวัน แห่งหุบเขากาฐมาณฑุ หรือ Kathmandu Valley เมืองหลวงของประเทศเนปาล สนามบินที่นี่ไม่มีหลุมจอด จอดที่ลานจอดแล้วมีรถบันไดมาเทียบเครื่องบินให้เราเดินลง แล้วเดินเข้ามาภายในอาคารซึ่งเป็นอาคารเล็กๆ ไม่ใหญ่


ผู้โดยสารต้องเดินเข้าไปภายในตัวอาคารเพื่อทำการผ่าน ตม. จะมีช่องสำหรับใครที่ขอวีซ่ามาแล้ว และช่องของการขอ Visa On Arrival การขอวีซ่าที่นี่ก็ใช้รูป 1 ใบพร้อมกับคำขอเข้าประเทศ และ เงิน 30$US สำหรับ 15วัน แต่พวกเราทั้ง 4 ขอวีซ่ามาจากประเทศไทยแล้วจึงเข้าช่องตรวจ ตม. ปรกติ ใช้เวลาไม่นานไม่ถึง 10 นาที พวกเราก็ผ่าน ตม. ไปรับกระเป๋าเดินเข็นรถออกไปยังหน้าทางออก เจอผู้คนชาวเนปาลเยอะมากๆ มารอเรียกลูกค้าใครจะไปแท็กซี่ ก่อนมาที่นี่ข้อมูลบอกว่า นายหน้าแท็กซี่จะเยอะมาๆ และมีนายหน้าติดต่อที่พักเยอะมากๆ วุ่นวายไปหมด บางครั้งนายหน้าเหล่านี้จะขึ้นรถแท็กซี่ของเราไปด้วยเพื่อเสนอขายโรงแรม ห้องพัก ทัวร์ต่างๆ มีอย่างนี้ด้วย คงไม่ได้กินเราแน่ๆ

เพราะของพวกเราผมได้จองที่พักไว้แล้วและมีบริการรับที่สนามบินด้วย (บริการรับอย่างเดียวนะครับไม่มีส่ง) ผมจึงเดินหาดูป้ายชื่อโรงแรมที่พัก นั้นงัยเจอแล้ว Kathmandu Guest House เราเห็นป้ายก็จะเดินตามคนมารับ จู่ๆ มีคนมาช่วยผมเข็นรถกระเป๋า ผมก็คิดว่าเป็นคนของโรงแรม "โอ๊ะโรงแรมนี้บริการดีจริง" ที่ไหนได้พอเข็นรถกับยกกระเป๋าเสร็จ มาขอตังส์ ผมตกใจเขาขอคนละ 10$US มากัน 2 คน แต่ผมให้แค่คนละ 50รูปี เท่านั้น ผมได้แต่คิดในใจโดนตั้งแต่ยังไม่ออกจากสนามบินเลยเรา พวกเราออกจากสนามบินนั่งรถตู้ของโรงแรม มีทั้งหมด 8 คนรวมพวกเรา นั่งประมาณ 20 นาทีก็ถึง ย่านทาเมล ประตูทางเข้าทางเข้าโรงแรม


ผมจองที่พักไว้แล้วที่ Kathmandu Guset house จองผ่านเว็ป //www.khghotels.com เป็นเว็ปของโรงแรม เป็นโรงแรมแห่งแรกในย่านทาเมล ฝรั่งส่วนมากชอบพักที่นี่ ห้องมีหลายระดับราคาตั้งแต่ คืนละ 15-60$US พวกเราพักราคาห้องละ 30$US ไม่ถูกไม่แพง ภายในจะมีสวนย่อมไว้นั่งเล่น ตัวอาคารจะดูออกแนวเก่าๆ เป็นโรงแรมที่ทำเลดีมากอยู่ใจกลางย่านทาเมล


เช็ดอินได้ห้องแล้ว เก็บกระเป๋าเรียบร้อย พวกเราก็เริ่มออกเดินสำรวจย่านทาเมลกันเลย โดยมีจุดมุ่งหมายปายทางอยู่ที่ Kathmandu Durbar Square ซึ่งเป็นพระราชวังเก่าแก่ของเมืองนี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากย่านทาเมล เดินเล่นๆ ไปก็ได้ ย่านทาเมลคล้ายตรอกข้าวสารบ้านเรา พวกเราเดินออกมาหน้าโรงแรม ก็จะเจอกับกองทัพนายหน้ามาเสนอขายสารพัด พวกเราไม่สนใจได้แต่เดินหนี


2 ข้างทางถนนจะเป็นร้านขายของต่างโดยเฉพาะร้านขายอุปกรณ์แท็กกิ้ง The Norht face เยอะมากๆ ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ วางขายกันมาก


ย่านทาเมล นี้ถือว่าเป็นย่านสำคัญของนักท่องเที่ยว ส่วนมากจะมาพักกันที่นี่ก่อนที่จะต่อไปยังเมืองต่างๆ ของเนปาล เพราะที่มี่มีบริการทัวร์ทุกรูปแบบ รวมถึงทัวร์ไปตามประเทศรอบๆ เนปาลด้วยเช่น ภูฎาน ทิเบต อินเดีย สิกขิม ฯลฯ


2 ข้างทางเดินไปยัง durbar Square จะมีร้านค้าตลอด คนใส่หมวกคือพี่ชาลีเดินนำหน้า


เดินไปเรื่อยๆ ตามทางเจออะไรน่าสนใจก็แวะถ่ายรูปไปด้วย พ่อค้าชาวเนปาลขายน้ำผลไม้คั่นสดๆ มีผลไม้หลากหลายชนิด น่าตายิ้มแย้มเลยขอถ่ายรูปพ่อค้ายิ้มรับ หนวดงาม ไม่ได้ช่วยซื้อเพราะกลัวท้องเสียดูได้จากการถือแก้วก็รู้


เมืองกาฐมาณฑุ กำลังเริ่มมีการพัฒนาด้านถนนหนทางต่างๆ ไปทางไหนก็มักจะเจอการก่อสร้างตลอดไม่ว่าจะเป็นถนน ท่อระบายน้ำดังเช่นในรูป ฝุ่นจึงคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ พวกเราก็ได้เตรียมผ้าปิดจมูกกันฝุ่นไปด้วย แนะนำท่านที่จะไปเที่ยวเนปาลควรมีผ้าปิดจมูกเพราะฝุ่นเยอะมากๆๆ


ร้านค้าบางร้านก็ยังคงมีลักษณะของความเก่าแก่หลงเหลืออยู่อย่างเช่นร้านขายชา ร้านนี้ ใบชาเนปาล ก็นับเป็นสิ้นค้าขึ้นชื่อหรือมีชื่อเสียงอีกอย่างของเนปาล แต่ผมไม่ได้ลองชิมดูว่าจะเป็นอย่างไร


เดินออกจากย่านทาเมลไม่ไกลก็จะเจอสถูป อยู่ทางขวามือเลยแวะถ่ายรูป สถูปมีลักษณะคล้ายกับ สยุมภูวนาถสถูป แต่เล็กกว่าเท่านั้น บริเวณนี้จะวัดธิเบตอยู่ด้วย


ถ่ายรูปบริเวณสถูปได้ไม่นานพวกเราก็เดินต่อไปเจอหนุ่มขายแตงโม ยืนคู่กับรถจักรยานที่บรรทุกแตงโมมาขาย รถขายผลไม้ที่เมืองนี้ส่วนมากจะเป็นรถจักรยานแล้วทำตะแกงขึ้นมาใส่ผลไม้ต่างๆ แล้วปั่นไปขาย


ส่วน 2 คนในรูปไม่ใช่พ่อค้าขายกล้องชาวนาปาลี หรือนักท่องเที่ยวชาติไหน แต่เป็นชาติไทยเรานี่เอง คนใส่หมวกคือพี่ชาลี คนเสื้อขาวคือทอย ทั้งคู่คือผู้ที่รักการถ่ายรูป และสมาชิกผู้ร่วมทริปเรานั้นเอง ใช้กล้อง Canon 5D ทั้งคู่แต่คนละ Mark ไม่รู้กำลังปรึกษาอะไร หรือว่ากำลังดูสาวเนปาล


เดินต่อไปอีกหน่อยก็เจอไม่รู้ว่าใช่ตลาดหรือเปล่า เพราะมีการเอาของมาว่างขายเต็มไปหมด


เห็นแม่ค้าขายพวงมาลับชาวนาปาลี มีผมสีแดงก็เลยถ่ายรูปมาให้ดู


เดินต่อไปอีกก็เห็นวัดฯ ซึ่งอยู่ในบริเวณ Durbar Square แสดงว่าพวกเราเดินมาใกล้จะถึงแล้ว


ด้านหน้าบริเวณทางเข้านี้จะมีการขายของที่วางกับพื้นเยอะไปหมด ของที่ขายก็จะเป็นพวกเสื้อผ้า ผ้าต่างๆ รองเท้า ฯลฯ แต่ที่สะดุดตาผมที่สุดก็คือ รถขายขนมอะไรก็ไม่รู้ มีแหม่มฝรั่งมายืนซื้อ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนดูว่าเป็นอะไร แล้วทำอย่างไร กินแบบไหน สรุปก็คือ เอาก้อนเหลืองๆ น่าจะเป็นแป้งทอด เอามาบดบี้ๆ ในจานด้วยมือดำๆ ใส่เครื่องปรุง ที่วางอยู่ในรถ แล้วราดด้วยน้ำเหลืองๆ ในกระทะ แล้วคลุกเคล้าอีกทีด้วยมือ เหมือนการทำยำในบ้านเราแต่ที่เนปาลทุกอย่างใช้มือคนขายทำหมด ไม่ได้ใช้ช้อนสังเกตุได้จากมือคนขาย เสร็จแล้วส่งให้แหม่ม ส่วนแหม่มก็ใช้มือหยิบกิน แล้วหันมายิ้มให้ผมแล้วชวนผมลองกินดู มีหรือครับคนอย่างผมจะกล้ากิน (โธ่คิดว่าจะแน่กิน) ได้แต่บอกว่า "โนแท็งกิ้ว"


การเข้าไปเที่ยวในบริเวณ Kathmandu Durbar Square นั้นต้องเสียค่าเข้าคนละ 300รูปี โดบซื้อตั๋วได้จากป้อมขายตั๋วหน้าทางเข้า ผมได้แจ้งคนขายตั๋วว่า ผมจะมาเที่ยวอีกวันหลังต้องทำอย่างไร คนขายตั๋วจึงแจ้งให้ผมเอาตั๋วที่ซื้อวันนี้ไปแจ้งที่บริเวณออฟฟิตที่อยู่ด้านใน ให้ออกตั๋วใบใหม่ให้สำหรับมาเทียวในวันต่อๆ ไป ถ้าเราไม่ขอถ้าเรามาเที่ยวอีกก็จะต้องซื้อตั๋วเข้าใหม่อีกครั้ง อย่าลืมนะครับใครที่ต้องการจะเข้าไปเที่ยวหลายๆ ครั้งต้องไปขอตั๋วใหม่ พวกเราเดินเข้าไปได้นิดเดียวก็เจอกับ Holy Man หรือนักบวชศาสนาฮินดู ผู้ที่คอยรับใช้พระศิวะ แต่ไม่ใช่ของแท้นะครับพวกนี้จะแต่งตัวให้เหมือนเพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป แล้วเรียกเก็บเงินกับนักท่องเที่ยว พวกเราถ่ายเสร็จเขาขอคนละ 100รูปี แต่ผมให้เรากันแค่ 100 รูปี แต่มารู้ตอนหลังๆ ว่าให้แค่ 20รูปีก็ได้


ภายในบริเวณจะเป็นอาคารพระราชวังเก่าๆ ซึ่งไม่มีกษัตรีย์ประทับอยู่ เพราะประเทศเนปาลไม่มีสถาบันกษัตรีย์แล้วในปัจจุบัน มีรูปปั่น เจ้าแม่กาลี เป็นที่นับถือของชาวฮินดูให้กราบไหว้ เป็นรูปปั่นที่ใหญ่มาก


เจ้าแม่กาลี คือปางหนึ่งของพระอุมาเทวี ในศาสนาพราหม์ และ ฮินดู เป็นปางที่ไปปราบอสู ปีศาจ ในมือถือหัวอสูที่ปราบได้ แล้วตัดแขนมาคล้องเอว แล้วเต้นรำ กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จน3โลกสะเทือน เหล่าเทพพากันปรึกษาพระศิวะให้หาทางหยุดเจ้าแม่กาลี เพื่อไม่ให้โลกแตกก่อน พระศิวะจึงเนรมิตกายตนเองอยู่ใต้เท้าเจ้าแม่กาลี เจ้าแม่กาลีก้มลงมอง เห็นสามีตนเองนอนอยู่ใต้เท้า เลย"แลบลิ้น"ออกมาด้วยความอาย มีประชาชนมากราบไหว้ไม่ขาดสาย คนที่ไหว้เสร็จก็จะเอานิ้วลูบสีแดงที่พุงเจ้าแม่กาลี แล้วนำมาแตะหน้าผากตัวเองเป็นจุดสีแดง


บริเวณ Durbar square ไม่เล็กไม่ใหญ่เดินได้เรื่อยๆ พวกเราก็ถ่ายรูปกันไปตามอัธยาศัยของแต่ละคน ถ่ายแบบรั่วๆ ถ้าเจออะไรที่ถูกใจ ภายในนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึกอยู่บ้างแต่พวกเราก็ไม่ได้สนใจสอบถามเรื่องของราคา


ไม่ใช่มีเฉพาะร้านขายของเท่านั้น ยังมีการนำของต่างๆ เข้ามาขายหลายวิธี มีทั้งรถเข็น หาบเร่ แต่ชาวนาปาลีท่านนี้วางขายที่พื้นเลย เขาขายผลไม้อะไรสักอย่างลูกแดงๆ เล็กๆ


Durbar Square ที่นี่ถูกขึ้นให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979 ประกอบไปด้วยวัดและพระราชวังที่เก่าแก่เป็นพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์ และประกอบพิธีต่างๆ ในบริเวณนี้มักจะมีชาวนาปาลีมานั่งเล่นกันเพราะเข้าฟรีไม่ต้องเสียเงินค่าเข้า


อีกมุมของบริเวณจตุรัส durbar square


ชาวนาปาลีจำนวนมากจับกลุ่มเล่นอะไรไม่รู้คล้ายการเล่นไฮโลบ้านเรา โยนลูกเต้า 2 ลูก แต่ไม่รู้ว่าเขาเล่นพนันกันหรือไม่เพราะว่าไม่เห็นมาเงินมาเกี่ยวข้อง เล่นกันหลายกลุ่มมากๆ เป็นที่นิยมเล่นกันในเนปาล


หน้าต่างทองคำ ด้านนอกของวังกุมารี มีเทศกาลงานสำคัญกุมารีจะมายืนที่ช่องประตูทองคำ ส่วนด้านล่างของประตูจะเป็นทางเข้าไปสู่ด้านในของวังกุมารี


กุมารี คือ เทพธิดาผู้มีชีวิตจริงของชาวเนปาล ที่เชื่อว่าเป็นเทวีทาเลจูมาจุติเกิด มาจากการสรรหาจากเด็กหญิงจากวรรณะล่าง และเป็นที่เคารพของผู้นับถือศาสนาฮินดู จนกระทั่งเทวีทาเลจูมาออกจากร่าง ซึ่งจะนับเมื่อเด็กหญิงผู้นั้นมีประจำเดือน หรือได้รับบาดแผลจนมีเลือดออกจากร่างกายเป็นจำนวนมาก ส่วนประวัติความเป็นมาของกุมารีก็คือ กษัตริย์เนปาล องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์มัลละ ขณะที่พระองค์กำลังเล่นทอยลูกเต๋า (บางแห่งก็ว่าสะบ้า) กับ เทวีทาเลจู เทพผู้ปกป้องรักษาราชวงศ์ของพระองค์ วาบหนึ่งในความนึกคิด พระองค์ทรงหลงใหลในความงดงามของ เทวีทาเลจู มาก และทรงคิดว่านางงามกว่ามเหสีของพระองค์เสียอีก ขณะเดียวกัน เทวีทาเลจู ก็อ่านความคิดนั้นออก จึงยุติการเล่นทอย ลูกเต๋าทันที นางตำหนิพระองค์ และประกาศว่า ต่อไปนี้ถ้าพระองค์จะพูดคุยกับนางอีก ก็จะไม่อยู่ในร่างของ เทวีทาเลจู ให้ทรงเห็น แต่นางจะเป็น เด็กหญิงจากวรรณะล่าง และพระองค์จะต้องออกจากพระราชวังไปสักการะนาง ซึ่งอยู่ในร่างของเด็กหญิงจากวรรณะล่างเท่านั้น

ด้านในของวังกุมารี เวลาประมาณ 10.00 น. ของทุกวัน กุมารี จะมาโผล่ที่หน้าต่างบานตรงกลางให้เห็น แต่ห้ามถ่ายรูป ในวันแรกที่เราไปไม่ได้เห็นกุมารี แต่ในวันที่เราไปใหม่อีกครั้งได้เห็นกุมารีด้วย มีความเชื่อว่าถ้าใครได้เห็นกุมารีจะมีความโชคดี


ภายในจตุรัส Durbar Square จะมีลานขายของที่ระลึก เป็นสินค้าประเภทพื้นเมือง ราคาไม่ถูกไม่แพงเท่าที่ผมสอบถามราคา


สินค้าส่วนมาที่มาวางขายจะคล้ายๆ กันทุกร้าน


เดินถ่ายรูปกันนานพอสมควร ประกอบกับเป็นเวลาใกล้จะ 6 โมงเย็นแล้วกลัวจะมืดค่ำเสียก่อนพวกเราจึงกลับโรงแรมที่พักย่านทาเมลโดยวิธีเดินกลับ ใช้เส้นทางเดิมที่พวกเราเดินมา แต่คราวนี้จะผ่านย่านที่เป็นแหล่งช๊อปปิ้งของทันสมัย และการเดินทางของคนเนปาลนิยมใช้มอเตอร์ไชค์มาก สะดวกรวดเร็ว


มื้อเย็นในวันแรกพวกเราฝากท้องไว้กับโรงแรมที่พวกเราพัก หลังอาหารเย็นพวกเราก็เข้านอนกัน แต่ที่ประเทศเนปาลจะเปิดไฟเป็นเวลานะครับ โรงแรมที่เราพักจะเปิดไฟฟ้าให้เราได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น แอร์ พัดลม ทีวี ปลั๊กไฟต่างๆ เวลา 20.30 น. ครับ เป็นแบบนี้ทั้งประเทศ บางครั้งนอนๆ ดูทีวีอยู่ดีๆ กำลังเข้าได้เข้าเข็มไฟเกิดดับเอาสะเดื้อๆ เซ็งเลย เอ้หรือว่าเขาเร่งให้เรานอนเร็วๆ 5555



โปรแกรมของพวกเราในวันแรกที่ประเทศเนปาลก็เสร็จสิ้นด้วยดี เรื่องราวของประเทศเนปาลเพิ่งจะเริ่มต้น ยังมีเรื่องราวที่ตลกๆ แปลกๆ อีกมากมายเล่าสู่กันฟัง ส่วนโปรแกรมของพวกเราในวันพรุ่งนี้ ก็คือ พวกเราต้องเดินทางไปยังเมือง โพคารา ซึ่งเป็นเมืองต้นทางของการเทรกกิ้งทั้งหลาย ตามไปดูว่าพวกเราจะไปเทรกกิ้งกันที่ไหน หรือจะไปถ่ายรูปกันที่ไหน



Create Date : 09 มิถุนายน 2552
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 10:45:24 น. 15 comments
Counter : 9829 Pageviews.

 
เกาะปีกเครื่องบิน ตามจขบ.ไปเที่ยวเนปาลด้วยค่ะ


โดย: kongfai IP: 71.163.37.8 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:0:29:28 น.  

 
ชอบบล็อคนี้มากค่ะ ติดตามมาโดยตลอดค่ะ


โดย: flymom IP: 97.127.15.24 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:0:49:13 น.  

 
ขอขอบคุณที่เล่าเรื่องด้วยภาษากล้องให้ฉันรู้จักความระมัดระวังในการถ่ายรูปในย่านทาเมล และเพิ่งรู้เรื่องปัญหาที่ชาร์จแบตกล้องทิ้งไว้ทั้งคืนเดียวไม่ทันไฟดับตามเวลาที่คุณบอกไว้ตรงนี้ ฉันจะจดจำไว้เป็นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าค่ะ


โดย: Oiltrips IP: 125.24.53.57 วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:0:58:00 น.  

 
kongfai;
- อย่าเกาะปีกครื่องบินครับอัตรายมาก นั่งไปด้วยกันครับปลอดภัย มีอาหารเสริฟด้วย

flymoon;
- ขอบคุณมากๆ ครับสำหรับคำชม และเป็นแฟนประจำบล๊อก ก็อยากจะนำเรื่องราวดีๆ สนุกๆ แปลกๆ มาเล่าสู่กันฟัง แถมด้วยรูปทั้งสวยและไม่สวยมาให้ชมประกอบการเล่าเรื่อง ติดตามเรื่อยๆ นะครับ

Oiltrips;
- การถ่ายรูปที่เนปาลมีหลากหลายรูปแบบมาก คน วิว โบราณสถาน พิธีกรรมต่างๆ ข้อควรระวังก็แตกต่างกันไปโดยเฉพาะการถ่ายคนหรือแคดดิต สิ่งที่ต้องมีในตอนถ่ายก็คือเรื่องของเงินหรือของที่ต้องให้กับคนที่เราถ่าย เอาไว้เล่าใฟังเรื่อยๆ ในแต่ละตอน
- เรื่องของไฟฟ้าที่เนปาลเป็นอะไรที่เอาแน่นอนไม่ได้ เราควรเตรียมถ่านกล้องไปมากกว่า 1 ก้อนครับ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชมบล๊อกของเรา ขอบคุณมากครับ


โดย: taotao_s วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:11:25:50 น.  

 
พี่เต่าเปลี่ยนเป็น 5D Mark ไหนเนี้ย
รอดูภาพภูเขาสวยๆ อยู่นะครับ


โดย: num IP: 58.8.61.169 วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:9:51:05 น.  

 
num;
- พี่ใช้ mark I ยังไม่มีเงินใช้ mark II
- ช่วงที่พี่ไปกันฟ้าไม่ค่อยเปิด ภูเขายังไม่ถูกใจ เอาไว้เจอตั๋วถูกๆ จะไปใหม่


โดย: taotao_s วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:20:42:15 น.  

 
ขออนุญาตแอด นะคะ รูปก็สวย คำบรรยายก็น่าอ่านมากค่ะ

เอ แต่ว่าคนเนปาลี แถบที่เราอยู่ทำไม หน้าตา ไท้ ไท (หน้าเหมือนคนไทยเลยค่ะ) แต่พวกที่หน้าตาออกแขก ๆ จะเป็นอินเดียหมดเลย อยู่ที่การ์ต้าอะค่ะ แล้วคนเนปาล มาขายแรงงานเยอะมาก รู้แต่ว่าพวกนี้จะผิวขาวเหลืองเหมือนคนไทยอ่ะค่ะ อ้อ ถ้าผิวคล้ำก็มีแต่จะหน้ายังออกเอเชียอยู่ (แต่ผิวคล้ำ)

อยู่ในแพลนเหมือนกันค่ะ เนปาลเนี่ย


โดย: Freedom of Life วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:2:34:03 น.  

 
Freedom of Life;]
- ใช่ครับผมว่าคนเนปาลไม่ค่อยดำมากเหมือนคนอินเดีย ผู้หญิงสวยผู้ชายก็คม ผิวเหมือนคนไทย
- ลองไปเที่ยวดูครับ เนปาลมีอะไรน่าเที่ยวเยอะมาก
- ชอบคุณมากๆ ครับสำหรับคำชม


โดย: taotao_s วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:39:44 น.  

 
คอยติดตามต่อนะคะ


โดย: ป้าปากน้ำ IP: 110.164.1.27 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:48:42 น.  

 
ป้าปากน้ำ;
- ครับช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่งครับ เลยไม่ค่อยมีเวลาทำต่อ ถ้าว่างจะรีบทำต่อให้เสร็จเลยครับ

ขอบคุณมากครับที่ติดตาม


โดย: taotao_s วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:02:45 น.  

 
อยากอ่าน กำลังจะไปอินเดีย รออยู่นะคะ


โดย: Mother J IP: 10.9.0.128, 203.144.224.162 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:52:45 น.  

 
"เข้ามาตอบในนี้แล้วกันนะค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องกลับไปหลายๆรอบที่บล๊อคเก่าๆ "
ที่เวียดนามโรงแรมที่ผมพัก เค้าจะขายทัวร์ต่างๆ ให้ผม บอกราคามาแพงกว่าที่ผมรู้ข้อมูลมาแห่งละ 20 US หวังฟันเราหัวแบะ แต่ผมไม่เอาและบอกว่าราคาที่รู้มา ถูกกว่านี้มาก เค้าก็บอกอีกว่าทัวร์แบบนั้นไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ อาหารไม่ดี รถไม่ดี สรุปผมบอกว่าผมจะซื้อราคานี้ถ้าขายได้ก็ขาย อยู่ๆเค้าตกลงเฉยเลย พอไปทุกอย่างผมก็ว่า OK เล่าเรื่องเวียดนามให้ฟังเล่นๆ ลองดูในบล๊อกของผมก็ได้ตอน good mornig Vietnam

"นั้นหนะซิค่ะ เท่าที่ได้อ่านข้อมูลจากรีวิวของหลายๆคนในพันทิพแล้ว ทำให้ไม่อยากไปเวียตนามเลย หากโชคดีไม่เจอการโก่งราคา เราก็จะเกิดความประทับใจ แต่หากเราเจอ เราก็หมดสนุก เสียความรู้สึก คอยแต่ระวังว่าวันนี้ วันพรุ่งนี้จะต้องเจออะไรอีก
ในความคิดเห็นส่วนตัว เราคิดว่าการที่คนที่นั้นเป็นอย่างนั้น ว่ากันตั้งแต่แม่ค้าตามแผงลอย อันนี้โดยเฉพาะตามเมืองท่องเที่ยว อาจมาจาก
1 .ขาดการสนับสนุนจากทางรัฐบาล และทางรัฐบาลไม่ได้เข้ามาดูแล และวางแผนในเรื่องการท่องเที่ยว
2.ผู้ประกอบการ และคนที่นั้นไม่ได้คิดถึงอนาคต
3.ยังเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา
อื่นๆอีกคิดไม่ออกค่ะ

อันที่จริงเวียตนามมีหลายๆสถานที่ที่ได้รับการยกระดับเป็นมรดกโลก แต่การพัฒนายังไปไม่ถึง เมืองไทยก็มี หรืออาจจะมีมากกว่า แต่ไม่ได้รับการยกระดับเป็นมรดกโลก ฉะนั้น เราเลือกที่จะเที่ยวเมืองไทยดีกว่า เวียตนาม "

-เรื่องผ้าห่มตอบกลับไปให้แล้วนะครับ ขอบคุณค่ะ
- ลองจอนที่ผมซื้อมียี่ห้อใส่กล่องอย่างดี ผ้าหนา 2 ชั้น ถ้าเป็นลอนจอนบางๆ สีครีม จะถูกครับ

"ใช่แล้วค่ะ ที่เราซื้อ เราได้สีครีมอย่างบางมา 1 ชุด และสีดำแต่หนากว่าสีครีมนะค่ะ เป็นผ้าสักหลาดชั้นเดียวค่ะ เจอลมก็เอาไม่อยู่เหมือนกันค่ะ เราเลยต้องใส่ 3 ชั้นอ่ะค่ะ
-ถุงน่องเต็มตัวอย่างหนา ตามด้วยลองจอน และกางเกงยีน
บางครั้งแถมถุงเท้าอีกนะค่ะ ขนาดรองเท้ามีบุด้วยขนสักหลาดแล้ว นิ้วเท้าของเรายังไม่รู้สึกอุ่นเลยอ่ะค่ะ เรามีความรู้สึกว่าส่วนเท้าของเรามีความรู้สึกหนาวกว่าส่วนอื่นๆค่ะ "

- เสื้อโค๊ทขนเป็ดที่ซีตัน มีเยอะมากกกก แฟนผมอยากจะซื้อมาก แต่ติดที่ว่า เป้ไม่พอจะใส่ของกลับ สวยๆ ทั้งนั้น
"อย่างนี้ก็ต้องเผื่อพื้นที่ไว้สำหรับอุปกรณ์เสื้อหนาวที่จะซื้อใหม่ที่โน้น โดยไม่ต้องเอาเสื้อผ้าไปเยอะ เพราะว่าอากาศหนาวๆ ไม่มีเหงื่อ เสื้อผ้าไม่เหม็น ใส่ซ่ำๆหลายวัน เสื้อหนาวก็ใส่ติดตัวไปตัวเดียว แล้วไปหาซื้อเอาที่โน้น "

- อยู่ถึงสก๊อตแลนด์เลยหรอกครับ คิดว่าอยู่เมืองไทย ยังไปมหาลัยเรียนหนังสืออยู่หรอครับ อ้อเป็นแม่บ้านคิดว่าเป็นนักศึกษา
"อายุมากแล้วค่ะ แต่ที่ยังไปวิทยาลัยก็เพราะไม่ได้ทำงาน มีเวลาว่างมาก คุณสามีเลยให้หาอะไรทำ เราก็เลยไปเรียนภาษาอังกฤษ แค่อาทิตย์ละ 2 วัน มันจะเป็นแกรมม่า ที่เรียนที่เมืองไทยในชั้นมัธยมต้น+ปลาย+มหาวิทยาลัยนั้นหละค่ะ เพียงแต่อันนี้เป็นภาคภาษาอังกฤษเท่านั้น เหมือนกับเป็นการทบทวนบทเรียนในอดีต"

เป็นครั้งแรกของเราทั้ง 2 ที่ได้สัมผัสอากาศหนาวสุดๆ ทนแทบไม่ได้ -1 ถึง 3 องศาC มันทรมานดีแท้
"นั้นเลยค่ะ เจออากาศติดลบมาแล้ว เรายังไม่เคยเจออากาศติดลบเลยค่ะ ผ่านสบายมากหากมาเที่ยวแถบยุโรป
แต่หากมาเที่ยวช่วงฤดูร้อนของที่นี่ ช่วงเดือน มิถุนา กรกฎา สิงหา คุณทั้ง 2 ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศอีกแบบหนึ่งนะค่ะ
แต่ฤดูร้อนของที่นี่ ถึงแม้จะมีแดดแรงยังไง ก็ยังมีลมอยู่ดี ฉะนั้นให้ติดเสื้อหนาวมาด้วยค่ะ ไม่ต้องมีหมวก และถุงมือก็ได้ และหมวก และแว่นสำหรับกันแดดด้วนค่ะ เพราะแสงแดดในช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว จะอยู่ตรงระดับสายตา รบกวนเวลาขับรถค่ะ ถามว่าแดดร้อนมั๊ย ไม่ร้อยจัดหากไม่ได้อาบแดด แต่ติดครีมกันแดดมาด้วยก็ดี เพราะกันรังสีอุลตร้าในวันแดดแรงค่ะ

1.กลางคืนยาวกว่ากลางวัน อันนี้เรามาเข้าใจตอนนี้เองว่ามันเป็นอย่างไร ที่เรียนมาเป็นแค่ตัวหนังสือ มาได้สัมผัสจริงก็ถึงบางอ้อค่ะ
ดางอาทิตย์ตื่นมาทำงานตั้งแต่ตี 4 เลิกงานอีกทีก็โน้นหละค่ะ 4 ทุ่ม ฮิฮิ ดวงอาทิตย์ทำโอทีค่ะ

2. แสงออร่า The North Light โอกาศที่ดีที่สุดในการชมแสงออร่า คือ The north of the Arctic Circle ช่วงระหว่างต้นเดือนพฤศจิกายน ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ
และพระอาทิตย์เที่ยงคืน The Midnight Sun ที่นอร์เวย์ ช่วง 14 พฤษถาคม ถึง 29 กรกฎา
อันนี้น่าไปสัมผัสนะค่ะ เรายังไม่เคยไปค่ะ

3.พระจันทร์เปลี่ยนตำเเหน่งขึ้นทางขอบฟ้าต่างกัน จะเคลื่อนตัวไปทางขาวมือ ต่างจากที่เราเห็นที่เมืองไทย และตำเหน่งกลับกันค่ะ
นึกได้แค่นี้ค่ะ "

- ใช่ครับ ใส่หมวก 2 ชั้น ถ้ารวมหมวกของเสื้อกันหนาว ก็ 3 ชั้นพอดีไม่ขาดไม่เกิน ลอกเลียนแบบได้ครับเพื่อความอบอุ่น
"ดิฉันเอาแบบนี้ค่ะ ผ้าพันคอพันขึ้นปิดปาก+จมูกเป็นอิสลามไปเลยค่ะ แต่หากมีหมวกมีบุขนสักหลาดข้างในและด้านข้างยาว เหมือนทหารจีนที่ยืนอยู่หน้าจัตุรัสเทียนอานเหมิน อันนั้นหละค่ะเอาอยู่ ดิฉันไม่มีค่ะ

อย่าลือเอายาดม มาด้วยนะค่ะ เอาไว้เวลารู้สึกแน่นจมูก ไม่ใช่อธิบายไม่ถูกค่ะ แต่มีประโยชน์มากขอบบอก "

- ถ้าไปกับทัวร์ ไปที่ปักกิ่ง จะต้องไปชมสินค้าทั้งหมด ไม่ต่ำว่า 4 ชนิด เช่น หยก ผ้าไหม บัวหิมะ แถมด้วยนวดฝ่าเท้า ครับ
อันนี้น่าเบื่อ คุณภาพก็ไม่รู้ดีตามที่ไกค์บอกหรือเปล่า ก็นะการค้า การขาย
"ตอนแรกบอกสามีว่าต้องไปกับทัวร์ เพราะถึงแม้เราจะพูดภาษาจีนได้บ้างนิดหน่อย เราก็จะเจอการโกงราคา และหากถามระยะทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ก็จะได้ระยะทางแม้วอยู่ดี
แต่พอได้อ่านรีวิวของคุณ เราเปลี่ยนใจแล้วค่ะ ไปเองดีกว่าค่ะ โรงแรมก็จองทางเว๊บไซค์เอา เลือกเอาว่าจะเอาแบบไหนเท่านั้น
แล้วก็เดินตามรอยเลยค่ะ "

- ไปเองก็สนุกครับ ผมไปกำแพงเมืองจีน แต่ไม่ได้เลยไปเที่ยวที่ สุสานราชวงค์หมิง เพราะถ้าไม่เหมารถไป หรือ ไม่ซื้อ one day trip จะไปยากมากครับ เอาไว้ไปคราวหน้าจะต้องไปเที่ยว

"อันนี้อยากไปดูเช่นกันค่ะ คงต้องอาศัยการซื้อทัวร์ที่นั้น คงเหมือนกับการเที่ยวที่นี่ เท่าที่อ่านจากรีวิวของคนในพันทิพ หากไม่มากับทัวร์ ก็ต้องขับรถไปเที่ยวตามที่ต่างๆกันเอง และต้องมีใบขับขี่สากลด้วยค่ะ แต่ที่ดีกว่าคือที่นี่ไม่มีการโ่ก่งราคา และขอแถมอีกหน่อยหนึ่ง ที่ต่างจากเมืองไทย พนักงานตามร้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ข้าวของเครื่องใช้ เขาจะไม่มาเดินตามคุณทุกฝีก้าว หรือแสดงสีหน้าไม่พอใจหากคุณไม่ซื้อของ และไม่ยัดเยียดขาย หากของที่คุณต้องการไม่มี เช่นไม่มีสีที่คุณต้องการ อันนี้เราโดนมาที่มาบุญครอง และที่ทำให้เราเห็นใจพนักงานขายของที่นี่คือ ลูกค้าบางคนรื้อแบบไม่เกรงใจคนเก็บ ของตกพื้นก็ไม่เก็บขึ้นที่เดิม ก็ไม่โดนพนักงานเขม่นค่ะ แต่เราไม่ทำนะค่ะ ช่วยเก็บอีกต่างหาก "

เรื่องรถเมล์ที่เมืองจีนผมว่าระบบเค้าดีมากๆ มีหลากหลายรูปแบบ เพียงแต่ว่าเราจะเจอแบบไหน จริงๆ แล้ว เราก็สามารถซื้อบัตรโดยสารที่เป็นสมาร์ทการ์ดได้นะครับ คนปักกิ่งชอบใช้มากครับ สะดวกไม่ยุ่งยาก

"เราก็อยากได้ระบบรถเมล์ของที่นี่ไปที่เมืองไทยด้วยค่ะ ไม่ต้องวิ่งตาม เพียงแต่ผ้ายรถเมล์ไม่หรูเหมือนเมืองไทยแค่นั้น อันนี้ไม่สำคัญค่ะ ป้ายหนึ่งๆก็มีหลายสายค่ะ พอรถมาใกล้ถึงคนที่จะขึ้นรถก็เข้าแถวค่ะ และไม่มีการแซงคิวนะค่ะ คนแก่มาทีหลังเรายังไม่ยอมที่จะขึ้นรถก่อนเราเลยค่ะ ถึงแม้จะบอกใ้ห้เขาขึ้นก่อนก็ตาม เขาบอกว่าเรามาก่อนต้องขึ้นก่อน อันนี้เจอมาหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจากการเข้าแถวจ่ายเงินก็ตาม
ป้านรถเมล์ในเมืองมีป้ายไฟวิ่งบอกอีกว่าอีกกี่นาที สายนี้จะถึง ตรงเวลา คนที่นี่เลยไม่ต้องเผื่อเวลาเป็นวันเหมือนกรุงเทพฯ แถมตรงบันไดจะมีระบบยกพิ้นต่ำลงมาสำหรับรถเข็น และคนสูงอายุุ มีทั้งหยอดเหรียญ และการ์ด ช่วงด้านหน้าจะมีที่วางของทั้ง 2 ด้าน และที่นั่งสำหรับคนแก่ และรถเข็นคนพิการ และเด็ก และสุนัขนำทางค่ะ คนขึ้นรถหมด ประตูปิด และเดินไปนั่งรถถึงจะออกค่ะ
แต่ไม่จอดนอกป้ายนะค่ะ ถึงแม้จะห่างจากป้ายไม่มากก็ตาม ไม่ต้องไปเคาะกระจกรถให้เปิดเลยค่ะ เห็นตัวอย่างค่ะ "

- เป็นเรื่องของธรรมชาติ สร้างสรรค์สิ่งแปลกๆ มาให้เราชม
"ใช่แล้วค่ะ"

เล่าจนนึกภาพออก น้ำลายไหลเลยครับ
"อยากบอกว่าทำอาหารไม่เก่งค่ะ ทำเป็นก็ที่ง่ายๆอ่ะค่ะ"

- จีนส่งผักไปขายไกลจังครับ
"เกาะอังกฤษมีคนจีนอาศัย 0.2 ล้านคน (สถิติปี 2001) และมีร้านอาหารตามสั่ง take away เยอะมาก ฝรั่งไม่น้อยที่นิยมกินอาหารจีน ร้านขายของเอเชียที่มีคนจีนเป็นเจ้าของก็ใช่น้อย อย่างที่นี่มี 2 ร้านค่ะ "

ใช่แล้วครับแบบนี้อุ่นดีมากๆ ซื้อที่ซีตันราคาคู่ละ 75 บาทเท่านั้น แนะนำครับ
"อย่างนี้หละค่ะที่ต้องการ "

- เสื้อขนเป็ดจะกันหนาวได้ดีมากๆ และเบาด้วยใส่แล้วจะไม่หนักเดินสบาย
แต่ก็มีข้อเสียนะครับคือไม่กันน้ำกันฝน โดนน้ำจะยุบทันที แบบยาวๆ แฟชั่นก็มีครับ ที่ปักกิ่ง ซีตันเยอะมาก ครับ
" เสื้อหนาวเท่าที่ซื้อจากที่นี่ก็มีน้ำหนักเบาค่ะ แต่หากว่าได้เสื้อหยาวที่บุด้วยขนเป็ดยิ่งดีค่ะ "


อยู่สก๊อตแลนด์ หนาวสุดๆ กี่องศาครับ
"2 ปีที่ผ่านมาเราเจออย่างหนาวสุดแค่ 7 องศา C ค่ะ ยังไม่เคยเจอคิดลบเลย ไม่เอาดีกว่า ในเมืองหิมะตกน้อยค่ะ"


โดย: ไอริน IP: 88.105.63.122 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:18:22:11 น.  

 
เห่อๆ จองพิ้นที่เกือบทั้งหน้าคนเดียวเลย
ชอบที่ึุคุณเต่าเขียนบรรยายได้ละเอียด แบบก้าวต่อก้าวเลยอ่ะค่ะ
ตัวอักษรก็ถูกใจคนอายุน้องลง ไม่ต้องเพ่งมาก ใหญ่ถูกใจฮิฮิ
แถมรูปคมชัดไม่หมดค่ะ

คุณอรนางแบบใส่หมวกสีฟ้าสลับขาวใบนี้ คุณอรถักเองแน่เลย เก่งจังค่ะ

เอาไว้ว่างๆจะเข้าไปเที่ยวทุกรายการนะค่ะ


โดย: ไอริน IP: 88.105.63.122 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:18:50:49 น.  

 
หนุกมากค่ะ ชอบๆๆๆ


โดย: vv IP: 172.16.14.162, 203.170.231.232 วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:18:15:16 น.  

 
ขอบคุณค่ะ พอดีเป็นแฟนประจำบล๊อค ค่ะ ชอบท่องเที่ยวค่ะ
แฟนก็น่่ารัก ขอให้สนุก มีทริปดีๆ มาฝากนะค๊ะ จั๊บก๊อปทริปฮ่องกงมาเก้า มาแล้วค่ะ เตรียมไปเที่ยว พ.ค 56 นี้ค่ะ


โดย: patcharin paojeen IP: 183.88.131.141 วันที่: 2 สิงหาคม 2556 เวลา:10:20:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.