วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 26 ปล้นค่ายกองพันปีศาจ

“วิธีการรบนั้น มีแค่ทางตรง และทางอ้อม แต่การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนระหว่างวิธีทางตรง และทางอ้อม จะก่อให้เกิดกลยุทธ์ที่มากมายหาที่สุดไม่ได้ ดุจดังเหยี่ยวที่โฉบเหยื่อได้ในจังหวะที่เหมาะสม ดังนั้น พลังของผู้เจนศึกก็จะเคลื่อนไหวในจังหวะที่เหมาะสม ดุจดังคันธนูที่น้าวสายเต็มที่ และปล่อยออกในจังหวะที่เหมาะสม” ซุนวู


แเกร๊ง....................ฉั๊วะ...........................

เสียงการต่อสู้กันดังจากในกระโจมที่หน่วยล่าสังหารเข้าไป ไม่นาน ร่างของนักฆ่าเหล่านั้นก็กระเด็นออกมาจากในกระโจมในสภาพที่ไร้ลมหายใจ ทำให้กองกำลังของหน่วยล่าสังหารประสบกับความเสียหายทันที

“ถอยออกมาเร็ว พวกมันใส่ชุดเกราะนอน”

หลิวมู่ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยล่าสังหารสั่งการขึ้น ทำให้เหล่านักฆ่าที่เหลือเพียงไม่กี่สิบคน จากจำนวนเป็นร้อย ได้ถอยออกมารวมตัวกันนอกกระโจมทันที

ตูม....................พรึบ..............................

ตี๋น้อยสั่งการให้ยิงหินเผาไฟไปที่กระโจมใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งกองบัญชาการทันที ทำให้แสงไฟลูกพรึบขึ้นมาทันที

เฟี้ยว........................แกร๊ง.........................

เหล่านักรบปีศาจได้โผล่หน้าออกมาจากกระโจมเพื่อที่จะรุกไล่เหล่านักฆ่าที่ถอยออกมา แต่ก็ต้องควงหอกออกต้านรับธนูที่ยิงมารอบด้าน

โครม..............................

เสียงประตูทั้งด้านหน้า และด้านหลังได้เปิดออก และเหล่าทหารของตี๋น้อยได้รุกไล่เข้ามาทั้งสองด้านทันที เพื่อตีขนาบกับทหารบนกำแพง

ย๊าก..................ฉั๊วะ................................

โล่ประหลาดของกลุ่มโล่เหล็ก ที่มี 16 นงคราญเป็นผู้นำได้เริ่มเปิดตัวอย่างสวยงาม เพราะกลยุทธ์เฉพาะตัวของโล่คู่นับว่าแข็งแกร่ง และเหี้ยมโหดยิ่งนัก

ควับ..........................ตูม.......................................

นักรบปีศาจผู้หนึ่งใช้หอกแทงเข้าไปหวังจะทะลวงเข้าสู่ร่างเจินเจิน แต่มือขวาของเจินเจินใช้โล่ตบกดหอกลงดิน และกลิ้งตัวหมุนไปบนหอก และใช้โล่ในมือซ้ายอัดเข้ากับร่างของนักรบผู้นั้น ทำให้คมหนามบนโล่แทงเข้าสู่ร่างกายของนักรบปีศาจ และเจินเจินก็กรีดลงมาด้านล่าง ทำให้นักรบผู้นั้นร้องเสียงโหยหวนก่อนที่จะตาย

อ๊าก.....................อ๊าก...................................

เสียงร้องโหยหวนของนักรบปีศาจผู้ที่ไม่เคยมีความรู้สึกเจ็บปวด ไม่เคยร้อง ไม่เคยหิว และไม่เคยแพ้ใคร มาในวันนี้ ความรู้สึกต่าง ๆ ที่พวกมันไม่เคยได้รับ บัดนี้ได้รับมาครบหมดแล้ว และที่ด้านหลังของหน่วยเกราะเหล็ก สองหนุ่มดาบง้าว ได้อาละวาดฟาดฟันเหล่านักรบปีศาจที่ยังสับสนอลหม่านอยู่จนล้มตายกันไปเป็นจำนวนมาก

เคว้ง.....................เคว้ง.........................

เมื่อทุกอย่างที่ไม่เคยสัมผัสได้สัมผัสมาหมดแล้ว ทำให้เกิดความรักตัวกลัวตายเป็นครั้งแรกของการเป็นนักรบปีศาจ ทำให้พวกมันต่างพากันถอยร่นจนแทบจะแตกแถว

“พวกเจ้าทำอะไร ห้ามถอยแม้แต่ก้าวเดียว”

เสียงของจูสือว่านตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง หวังว่าจะทำให้เหล่านักรบได้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง แต่ทว่า หัวใจที่กระหายเลือดของพวกเขาได้มอดดับลงแล้ว เมื่อความกระหายเลือดไม่เหลือ ความเคารพ และเชื่อฟังในตัวของขุนพลก็จางหายไป หลงเหลือไว้แต่ความกลัวตาย ทำให้จูสือว่านคลั่งแค้นจนตวัดหอกออกทิ่มแทงใส่ทหารของตนเอง

แกร้ง................แกร้ง.........................

ปรากฏดาบใหญ่ และง้าวใหญ่ประสานกันต้านทานหอกของจูสือว่านได้ทัน ทำให้นักรบผู้นั้นรีบหลบออกจากบริเวณนั้น แต่จูสือว่านเขม็งมองสองคนที่เคยเป็นเชลยของเขาอย่างเครียดแค้น

“งานนี้ขอเจินเจินด้วยนะ อยากจะสู้มานานแล้วกับขุนพลอันดับหนึ่งของแผ่นดิน”

ร่างของผู้นำหน่วยโล่เหล็กมีคราบเลือดกระจายเต็ม แต่ไม่ใช่เลือดของเขา เป็นเลือดของศัตรู ทำให้ร่างของเจินเจินราวกับเทพเจ้ากระหายเลือด


ในด้านอื่น ๆ ของค่าย เหล่าทหารที่ถูกปิดล้อมได้หมดทางสู้ ทำให้ยอมจำนน แต่ก่อนที่จะยอมจำนน ก็มีการสู้รบกันอย่างดุเดือด ซึ่งถ้าไม่ได้หน่วยโล่เหล็ก และพลธนูที่อยู่รอบกำแพงคอยยิงสนับสนุน ทหารฝ่ายของตี๋น้อยคงจะมีคนตายอีกมาก เพราะฝีมือของฝ่ายกองพันปีศาจนับว่าเป็นที่หนึ่งสมคำร่ำลือจริง ๆ
แต่ทว่า นายพลซ้าย นายพลขวา และทหารจำนวนหนึ่งได้ทะลวงฝ่าวงล้อมหนีไปได้ ทำให้ตี๋น้อยต้องรีบเผด็จศึก เพราะแผนการที่วางไว้ว่าจะเผด็จศึกที่นี่แบบเงียบ ๆ เพื่อยกทัพไปยึดเมืองแบบไม่ให้รู้ตัวคงจะไม่ได้แล้ว


เคว้ง.......................เกร๊ง.................................

การ ต่อสู้ระหว่างขุนพลปีศาจ กับสองหนุ่ม หนึ่งไม่ระบุเพศ กำลังเข้มข้น จนกระทั่งเจินเจินโดนด้ามหอกตวัดไปที่ขา ทำให้เสียหลัก และสองหนุ่มโดนถูกรุกไล่จนมือปั่นป่วน ทำให้จูสือว่านที่มองสถานการณ์ออกรีบถอยห่าง ก่อนที่จะเกิดการรุมอีกครั้ง

“ข้าต้องการประลองกับขุนพลฝ่ายท่าน ไม่ใช่พวกท่าน”

จูสือว่านที่ถือดีในฝีมือประกาศก้อง ทำให้เหล่าทหารกองพันปีศาจต้องเผลอตัวกระชับอาวุธเพื่อที่จะเข้าร่วมรบตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ทัพ แม้ว่าจะมีเหล่าทหารของตี๋น้อยก็คุมเชิงไว้ก็ตาม แต่ว่า เหล่าทหารของตี๋น้อยนั้นก็ไม่ได้โจมตีแต่อย่างใด เพราะถือเป็นมารยาทในกลางศึกในการขอรบระหว่างขุนพลทั้งสองฝ่าย

“ถ้าเป็นท่าน ในขณะที่ขุนพลอีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในวงล้อม และเสียเปรียบ ท่านจะยอมประลองด้วยไหม” ตี๋น้อยที่ถือหอกกางเขนดำ เดินมายังบริเวณ ทำให้ทหารเดินหลบให้เขาเป็นทางแยกไปสู่ขุนพลปีศาจที่อยู่กลางวง

“ถ้าเป็นข้า ข้าจะไม่ประลองด้วยอย่างเด็ดขาด”

จูสือว่านกล่าวอย่างจริงจัง เพราะนี่เป็นการรบ ไม่ใช่การประลอง ถ้าคิดตามยุทธพิชัยสงครามแล้ว นอกจากฝ่ายตรงกันข้ามจะขอประลองในขณะที่กองทัพกำลังเผชิญหน้ากันเท่านั้น ไม่ใช่ในสภาพแบบนี้ เพราะในสภาพแบบนี้ชนะไปก็ไร้ประโยชน์อันใด แต่ถ้าแพ้ก็จะสูญเสียชีวิตอย่างไร้ประโยชน์

“นี่แหละคือส่วนที่ข้านับถือท่าน แม้อยู่ในสภาพที่คับขันหมดทางสู้ก็ไม่ย่อท้อ แม้จะถูกล้อมไว้ดังสุนัขเถื่อน แต่ยังรักษาท่าทางดุจดั่งราชสีห์ในท่ามกลางฝูงของตนไว้ได้” ตี๋น้อยกล่าวอย่างชื่นชม ทำให้จูสือว่านเพ็งมองดูขุนพลหนุ่มน้อยข้างหน้า

“หนุ่มแน่น องอาจ ล้ำเลิศด้วยปัญญา และมีวาจาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก มิน่าละ...ท่านโจโฉจึงมุ่งมั่นที่จะกำจัดเจ้าก่อนที่จะสร้างตัวได้ แต่ข้ามีข้อเสนอให้กับเจ้า ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะมอบแว่นแคว้นหนึ่งให้กับเจ้า แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องปล่อยข้าไป” จูสือว่านเสนอผลประโยชน์ให้กับตี๋น้อยทันที

“แว่นแคว้นหนึ่งข้าหาเองได้ ไม่ต้องให้ยากกับท่าน แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าต้องการตอนนี้คือ ขุนพลที่ชาญศึก และกองทหารที่ชาญศึก” ตี๋น้อยเขม็งดูขุนพลที่ถูกร่ำลือว่าเก่งกาจดุจดังปีศาจ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่จะเดิมพันสักครั้งหนึ่ง

“ท่านไม่คิดหรือว่า เพียงแค่ท่านจับตัวข้าได้ ให้คนมาเกลี่ยกล่อม ไม่ต้องเสี่ยงอันตราย เจ้าก็อาจจะได้ในสิ่งที่เจ้าต้องการก็ได้”

“ในชีวิตลูกผู้ชายคนหนึ่ง แม้จะเต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา แต่ถ้าไม่ทำสิ่งที่ท้าทายบ้าง ชีวิตก็น่าเบื่อเกินไป อีกอย่างหนึ่ง คนอย่างท่าน ถ้าไม่อาจสยบท่านได้ ก็อย่าหวังว่าการเกลี่ยกล่อมธรรมดาจะสามารถได้ตัวท่าน ท่านว่าไหม” ตี๋น้อยกล่าวอย่างยิ้ม ๆ ทำให้จูสือว่านพยักหน้า

“ท่าน เป็นคนละประเภทกับโจโฉ โจโฉเจ้าเล่ห์ และไม่ยอมให้ตนเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย แต่ท่าน ฉลาด และพยายามเข้าถึงจิตใจผู้อื่น แม้ว่า ในการทำอย่างนั้นจะเกิดสถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้ก็ตาม มิน่าละ แม้แต่ศัตรูของท่าน ก็ยังเคารพนับถือท่าน และยอมเข้าด้วย" จูสือว่านกล่าวอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า

"ท่านมีส่วนผสมของนักยุทธศาสตร์ชั้นเลิศ นักรบชั้นเยี่ยม และนักปกครองผู้สามารถครอบครองจิตใจคนอื่นให้จงรักภักดีได้อย่างแท้จริง ดังนั้น ข้าจะรับข้อตกลงของท่าน ถ้าท่านชนะข้าได้ ข้าจะยอมสวามิภักดิ์กับท่านด้วยความเต็มใจ”

ขุนพลปีศาจจูสือว่านกล่าวอย่างหนักแน่น ทำให้เหล่าทหารกองพันปีศาจที่ถืออาวุธรอบกายของเขา ได้กระจายกำลังออกไปอยู่ด้านหลังของเขา เพื่อคอยรับการเปลี่ยนแปลง และเฝ้ามองดูอย่างลุ้นระทึกกับการต่อสู้ครั้งนี้

“ท่านเจ้าสัว” อุ้ยต่งจิ้นที่เชี่ยวชาญทางกลยุทธต่าง ๆ เช่นกัน ได้เข้ามาใกล้ตี๋น้อย หวังจะทัดทาน

“ท่านอุ้ย สั่งการทหารให้ซ่อมแซมค่ายคูประตูกลต่าง ๆ ให้ดี และรักษาการณ์ไว้ให้เข้มแข็ง สามารถป้องกันได้ทั้งศัตรูภายนอก และภายใน จากนั้น ให้หน่วยโล่เหล็กล้อมที่นี่ไว้ ถ้าข้าเป็นอันตรายก็ให้ปล่อยท่านขุนพลจูสือว่าน และเหล่าทหารของท่านทันที”

“รับทราบคำสั่งขอรับ” อุ้ยต่งจิ้นที่เห็นแววตา และท่าทางที่จริงจังของตี๋น้อย จึงน้อมรับคำสั่ง

“เอาละ ข้าพร้อมแล้ว” ตี๋น้อยร้องบอกขุนพลจูสือว่าน ที่มองดูการสั่งงานของตี๋น้อยอย่างชื่นชม

“ท่านน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกข้า แต่ลูกของข้าไม่ได้เก่งกาจแม้เพียงครึ่งหนึ่งของท่าน ทำให้ต้องประสบกับความพ่ายแพ้จนตัวตายในการศึกครั้งแรก” จูสือว่านพึมพำออกมา ทำให้ตี๋น้อยกล่าวเบา ๆ ว่า

“ความเก่งกาจไม่ได้มาอย่างง่ายดายจริง ๆ ข้าขอคาดเดาว่า เพราะเหตุนี้ ท่านจึงมุ่งโจมตีจิตใจศัตรู และโหดเหี้ยมต่อศัตรู” ตี๋น้อยกล่าวแทงใจดำจูสือว่าน ทำให้หน้าของเขาหมองคล้ำลง แต่กลับเหี้ยมเกรียมขึ้นมาอีกในทันที

“เอาละ ได้เวลาต่อสู้กันแล้ว เชิญท่านก่อน”

ท่วงท่าการกระชับหอกตั้งท่าของจูสือว่านนับว่าไร้ซึ่งจุดอ่อนจริง ๆ และสามารถปลดปล่อยพลังกดดันศัตรูจนระย่นย่อได้ ดังนั้น ตี๋น้อยจึงผ่อนคลาย หอกแม้จะตั้งท่า แต่เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ไม่ใช่การรุก ไม่ใช่การรับ ไม่แข็ง ไม่อ่อน แต่ดุจดังถือหอกยืนคุยกับสหายก็ปาน

ร่างของจูสือว่านที่ไม่สูงใหญ่มากนัก แต่เมื่อตั้งท่าต่อสู้แล้ว ดูเหมือนจะสูงใหญ่กว่าความเป็นจริง ส่วนตี๋น้อยนั้นรูปร่างสูงโปร่งได้สัดส่วน แม้ว่าจะสูงกว่าจูสือว่านอยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบกับคนทั่ว ๆ ไปในแผ่นดินแล้ว ก็นับว่าสูงกว่าคนอื่นไม่มากนัก แต่ยามนี้ ร่างของตี๋น้อยราวกับจะสลายหายไปในอากาศธาตุ


“โอ๊ะ.....สุดแกร่งกร้าว ปะทะกับ สุดอ่อนหยุ่น ใครจะแพ้ใครจะชนะ ดูยากจริง ๆ” เลี่ยงเซินที่ควบคุมกองทหารหน่วยธนู ได้กล่าวขึ้นกับเอี้ยวจิ้งเจิง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“มิน่าละ เจ้าปีศาจนี่มันถึงได้ชัยชนะมาตลอด ไม่ใช่แค่กลยุทธ์อย่างเดียว ถ้าเทียบฝีมือของมันกับขุนพลท่านอื่นในแผ่นดินแล้ว คนอื่น ๆ สู้ไม่ได้จริง ๆ” เอี้ยวจิ้งเจิงกล่าวเบา ๆ พลางเอ่ยถามขึ้นว่า

“แล้วท่านว่า ท่านเจ้าสัวจะชนะไหม”

“ดูยาก ดูไม่มีจุดอ่อนช่องว่างทั้งสองคน จูสือว่านแกร่งแกร้ว เจ้าเล่ห์ และเลือดเย็น ส่วนเจ้าสัวดูอ่อนหยุ่น เงียบสงบ เต็มไปด้วยไหวพริบ และกลยุทธ์มากมาย คู่นี้คงจะต่อสู้กันยาวนานแน่ ๆ กว่าจะเอาชนะกันได้” เลี่ยงเซินตอบตามที่ตามองเห็น ทำให้เอี้ยวจิ้งเจิงพยักหน้าเข้าใจ

“ถึงว่าสิ ทำไมท่านเจ้าสัวจึงสั่งการให้รักษาป้อมค่ายไว้ดี ๆ ป้องกันทั้งศึกนอกศึกใน เพราะจะใช้เวลามากนี่เอง”


กึ่งกลางลาน ภายในป้อง ซึ่งคู่ต่อสู้ทันสองกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ จูสือว่านมองเห็นความเสียเปรียบของตนเองทันที เพราะว่า การที่จะรักษาท่วงท่าแห่งการรีดเร้นพลังคุกคามคู่ต่อสู้ กับคนที่จะรักษาท่วงท่าสบาย ๆ นั้นใช้ความพยายามแตกต่างกันมากนัก ดังนั้น เขาจึงต้องจู่โจมแล้ว มิฉะนั้น จะไม่มีโอกาสได้จู่โจมอีกต่อไป

วูบ.....................วูบ...........................

หอก ของขุนพลปีศาจนับว่าร้ายกาจสมชื่อ เน้นความไว ความพลิ้ว และความเม่นยำ ทำให้ตี๋น้อยร่ายรำหอกคุ้มครองตนเองทันที เพราะแรงของหอกคู่ต่อสู้ไม่ได้แทงมาอย่างสุด ๆ เป็นแค่การลองเชิงเพื่อหาโอกาสเท่านั้น

ท่วงท่าการร่ายรำหอกดูเหมือนเชื่องช้า แต่ไม่ว่าจูสือว่านจะแทงหอกไปถี่ยิบ และรวดเร็วแค่ไหน อีกฝ่ายก็สามารถปัดป้อง และหลบเลี่ยงได้ตลอด แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบโต้ แต่ขุนพลผู้มากประสบการณ์ก็รู้ว่า อีกฝ่ายพร้อมที่จะตอบโต้ตลอดเวลา ถ้าเขาเปิดช่องว่างให้



Create Date : 19 ตุลาคม 2554
Last Update : 19 ตุลาคม 2554 23:16:27 น. 0 comments
Counter : 333 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.