วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 8 ดิ้นรนสู่จุดอับ

“แฮ่ก ๆ ๆ หมูย่าง 5 ไม้ครับ”

เสียงร้องสั่งอาหารของตี๋น้อยที่วิ่งหลบซอกแซกไปตามตัวเมืองดังขึ้นอย่างเหนื่อยหอบ เพราะแผนที่เมืองนี้อยู่ในหัวของเขาทำให้ซอกแซกมาซื้อของได้ทั้ง ๆ ที่ถูกตามล่า

จากนั้นเขาก็แอบหลบตามตรอกซอกซอยเพื่อกลับห้องสมุดในทางลัดที่เหล่านักเรียนจากโรงเรียนจอมฟ้าที่ตามหาเขาอย่างพลิกแผ่นดินไม่มีวันนึกถึงอย่างเด็ดขาด แต่ทางลับนี้ก็ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยอย่างที่สุด

“เพราะเอ็งนั่นแหละ ยังมาทำหน้าเป็นอยู่อีก ไอ้พวกนั้นเลยนึกว่าข้าเป็น จา พนม ดีนะมันไม่มาวิ่งไล่เหมือนในหนังองค์บาก ไม่งั้น ข้ากับเอ็งสงสัยได้นอนจมบาทามันแน่ ๆ”

ตี๋น้อยพูดหยอกเจ้าพุดเดิ้ลน้อย พลางมุดลอดช่องหมาลอด ซึ่งอยู่ในซอย และทะลุออกมาห้องสมุดได้ราวกับมายากล

“มาแล้ว นึกแล้วว่าต้องมาทางนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้นดักทางตี๋น้อย ทำให้เขาสะดุ้ง แต่พอมองเห็นพูดก็หัวเราะ

“คุณลุง กับเสี่ยวหมวยมาได้ไงครับ แล้วรู้ได้ไงว่าผมจะมาโผล่ตรงนี้”

“ก็เห็นไปกับคุณหนู คิดว่าคุณหนูคงนำทางให้มาโผล่ตรงนี้ ใช่ไหมคะ คุณหนู”

เสี่ยวหมวยหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะพูดหยอกตี๋น้อย ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้ง เพราะทางนี้มันเป็นทางหมาลอด

“แม้แต่หาญซิ่นยังยอมมุดหว่างขาอันธพาล ก่อนที่จะได้เป็นขุนพลผู้พิชิต ทำไมเจ้าสัวอย่างผมจะยอมมุดช่องหมาลอด ก่อนที่จะกอบกู้แผ่นดินไม่ได้”

ตี๋น้อยตอบอย่างฉะฉาน หน้าไม่แดง ลมหายใจไม่ถี่ ทำให้คนที่จะแซวต้องอึ่งกิมกี่ ส่วนตี๋น้อยก็ล้วงหมูย่างมาเลี้ยงเจ้าคุณหนู หน้าตาเฉย ก่อนที่จะเอ่ยกับคุณลุงบรรณารักษ์ว่า

“คุณลุงรับเจ้าคุณหนูคืนเถอะครับ คำที่ผมแนะนำมันใช้การได้ เพียงแต่มันต้องมีวิธีการใช้นิดหน่อย คุณลุงไม่ถามวิธีใช้เอง ผมก็นึกว่าเข้าใจ เลยไม่บอก”

“แล้วใช้อย่างไงละคร๊าบบบ ท่านเจ้าสัว”

บรรณารักษ์รุ่นเก๋าส่ายหน้ากับท่าทางของตี๋น้อยที่ทำเป็นอมภูมิไว้ ปล่อยให้เขาต้องรับกรรมจากสาว ๆ หนุ่ม ๆ และแต๋ว ๆ ทั้งหลายจนเหลือจะทน แต่ต้องยอมทนเอ่ยปากถามวิธีการใช้งานคุณหนู เพราะคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์จากเจ้าพุดเดิ้ลน้อยตัวนี้

“วางไว้ใต้โต๊ะสิครับ ไม่มีใครเห็น และพอมีคนมา คุณหนูก็จะรู้เอง เพราะหูของสุนัขไวกว่าหูของสัตว์เกือบทุกชนิดในโลก” ตี๋น้อยเฉลยง่าย ๆ ทำให้คนฟังต้องทุบมือดังปัง

“แค่นี้เองหรอ โด่...แล้วไม่บอก ปล่อยให้งงตั้งนาน” ตี๋น้อยได้ฟังก็อมยิ้ม พลางหันไปถามเสี่ยวหมวยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“แล้วเสี่ยวหมวยมาได้อย่างไรครับ ไม่ทำงานแล้วหรอ”

“เลิกงานแล้วคะ พอดีได้ข่าวว่ามีกลุ่มคนจากโรงเรียนจอมฟ้ากำลังตามหาเจ้าสัวอยู่ เลยมาเตือนไว้”

“หา...พวกนี้มันกัดไม่ปล่อยเลยหรอ นึกว่าจะแล้ว ๆ กันไปซะอีก”

“กลุ่มโรงเรียนจอมฟ้าเป็นกลุ่มที่สร้างสมอิทธิพลอยู่ในเกาะแห่งนี้ พวกมันหลายคนมีก๊กใหญ่หนุนหลังอยู่ ทำให้ไม่เกรงกลัวใคร และมีคติอยู่เพียงว่า ถ้าไม่ใช่ลูกน้องก็ต้องเป็นศัตรู”

“หมายความว่า พวกมันจะสกัดผู้เล่นใหม่ ๆ ไม่ให้สร้างก๊กแข่งกับพวกมัน นอกจากนั้นแล้ว ยังสามารถได้คนที่โดดเด่นเข้ามาร่วมกลุ่มมากขึ้นด้วย ใช่ไหมครับ”

“นี่แหละคือจุดประสงค์หลักของพวกมัน พอมีก๊กหนึ่งทำ ก็มีก๊กอื่น ๆ ทำตามด้วย แม้จะดูเหมือนว่าเกาะฝึกฝนปราศจากการแทรกแซงของก๊กใหญ่ ๆ แต่ที่จริงแล้ว ผู้ที่สามารถเข้าไปเรียนที่โรงเรียนจอมฟ้าได้นั้น ล้วนแล้วแต่มาจากก๊กใหญ่ ๆ หรือรู้จักกับก๊กใหญ่ ๆ ทั้งสิ้น” คุณลุงบรรณารักษ์กล่าวขึ้น ทำให้ตี๋น้อยนิ่งคิด

“ถ้าอย่างนั้น พวกมันก็ต้องรู้ว่า ผมอยู่ในห้องสมุดนี่นะสิ”

“พวกมันไม่รู้หรอกว่าเจ้าสัวอยู่ที่นี่ แต่คนที่ไม่เข้าโรงเรียนจะมีจุดให้ไปไม่มาก และหนึ่งในนั้นก็คือ ห้องสมุด พวกมันจึงส่งคนมาคุมที่นี่” เสี่ยวหมวยพูดขึ้น

“แย่จัง พึ่งอ่านหนังสือได้ไม่ถึงพันเล่มเลย แล้วจะทำไงดี” เขาเริ่มใช้ความคิดอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองคนก็ปล่อยให้เขาได้ใช้ความคิดเพื่อเอาตัวรอด และพัฒนาตัวเองให้ได้

“ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องใช้เวลานี้ไปกับการฝึกฝนตัวเองให้มากขึ้น และคงจะอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้เช่นกัน เพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ๆ”

“แล้วเจ้าสัวจะไปที่ไหนคะ” เสี่ยวหมวยพูดขึ้นด้วยความห่วงใยคนที่พึ่งเข้ามาในเกมนี้ แต่ถูกกลุ่มอิทธิพลในเกมตามล่าอย่างหมายเอาชีวิต

ตี๋น้อยนึกถึงการปะทะกันที่ผ่านมา ทำให้เขารู้ว่า จุดอ่อนของเขาคือ การที่เขาไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่ากับบรรดานักสู้ที่แท้จริง ซึ่งถ้าหากเขาไม่อาจโค่นคู่ต่อสู้ลงได้ในเวลาไม่นาน ก็จะส่งผลเสียต่อเขาอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องสร้างกองทัพขึ้นมา จะทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ได้ในทุก ๆ สมรภูมิ ทำให้เขาคิดแผนการขึ้นมาทันทีว่า

“ผมจะไปอยู่ในป่า แม้ว่าจะเป็นที่ ๆ อันตราย แต่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ สามารถฝึกฝนตัวเองได้ดี และเป็นที่ ๆ ไม่มีใครนึกถึงด้วย”

“อืม.....ยอมเข้าสู่จุดอับเหมือนดักแด้ เพื่อพลิกฟื้นคืนสู่ชีวิตใหม่ที่แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเดิมสินะ” คุณลุงบรรณารักษ์เอ่ยขึ้น ทำให้ตี๋น้อยพยักหน้ายอมรับ

“ถ้าอย่างนั้นจะต้องมีเครื่องมือในการดำรงชีวิตในป่าด้วยสินะ เอาอย่างนี้ เดี่ยวลุงให้ยืม” กล่าวจบก็ล้วงเข็มขัดออกมาจากกระเป๋ามิติ ก่อนที่จะยื่นให้กับตี๋น้อย

“หา....คุณลุงให้เข็มขัดจอมปราชญ์เลยหรอคะ” เสี่ยวหมวยตกใจในสิ่งที่ลุงพันมอบให้

“ของเก่าที่ลุงเคยใช้ลุยมาตอนที่เข้ามาเล่นใหม่ ๆ นะ แต่ตอนนี้มันหมดไฟแล้ว สู้หนุ่ม ๆ เขาไม่ได้ แล้วอีกอย่าง ลุงชอบอ่านหนังสือมากกว่า ตี๋น้อยเอาของลุงไปใช้เถอะ คงไม่รังเกียจว่าเป็นของเก่านะ”

“ใครจะไปกล้าคิดอย่างนั้นละครับ ของที่คุณลุงให้นี่ต้องเป็นของดีแน่ ๆ ไม่อย่างนั้น คุณลุงคงไม่รอดชีวิตมาได้หรอก จริงไหมครับ” ตี๋น้อยแซว ทำให้คุณลุง และเสี่ยวหมวยหัวเราะ

“แล้วรู้คุณสมบัติของเข็มขัดจอมปราชญ์ กับวิธีใช้หรือยังละ” นัยน์ตากลมโตหวานซึ้งนั้นมองดูตี๋น้อยยิ้ม ๆ ทำให้คุณถูกมองต้องหลบตาวูบ ก่อนจะพูดขึ้นว่า

“กำลังรอรับฟังอยู่ครับ” เขาโค้งคำนับราวกับกำลังรอคอยฟังเสียงจากเจ้าหญิง ทำให้ลุงพันต้องกระแอมดังลั่น

“อะไรติดคอคะ คุณลุง ให้เสี่ยวหมวยหาอะไรมาล้วงออกให้ไหมคะ”

“ไม่ต้องก็ได้ ไปล้วงให้เจ้าสัวเถอะ หุ หุ หุ” ลุงพันหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่เสี่ยวหมวยหน้าแดงจัด เพราะคำพูดของลุงพัน ลุงพันจึงหันไปอธิบายกับตี๋น้อยว่า

“หนังสือที่อยู่ในห้องสมุดทั้งหมด รวมทั้งในห้องลับทั้ง 5 ห้องนั้น อยู่ในเข็มขัดทั้งหมดแล้ว นอกจากนั้น ยังมีช่องใส่อาวุธได้อีก 10 ช่อง ที่ช่องเล็ก ๆ ข้างเข็มขัดทั้งสองข้าง”

ตี๋น้อยตะลึงกับคุณสมบัติของเข็มขัดจอมปราชญ์ เพราะนอกจากจะทำให้เขาสะดวกในการพกพาอาวุธแล้ว ยังทำให้เขาสามารถมีเวลาศึกษาหาความรู้ได้ราวกับมีห้องสมุดติดตัวไปตลอดเวลา

“จริงหรอคะ ของเสี่ยวหมวยไม่เห็นมีหนังสือในห้องลับเลย มีแต่หนังสือในห้องสมุดธรรมดาเอง”

เสี่ยวหมวยรีบเอ่ยถามขึ้น เพราะว่า เข็มขัดจอมปราชญ์เป็นสิ่งที่หาซื้อได้ทั่วไป แต่ต้องจ่ายเป็นราคาเงินจริง ซึ่งจะแพงกว่าค่าเล่าเรียนในโรงเรียนจอมฟ้าถึง 10 เท่าทีเดียว ทำให้เป็นของหายาก และมีใช้เฉพาะก๊กใหญ่ ๆ และคนที่มีเงินหนา ๆ เท่านั้น

“เจ้าสัวเขาผ่านเควสลับของห้องสมุด ทำให้เข็มขัดสามารถปลดผนึกความสามารถออกมาได้” ลุงพันเอ่ยขึ้น ทำให้เสี่ยวหมวยพยักหน้าเข้าใจ

“อ๋อ....อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าสิ มันมีความลับซ่อนอยู่นี่เอง”

“คราวนี้มาดูอาวุธบ้าง สีสันต์ของอาวุธอาจจะไม่จ๊าบสะใจวัยรุ่นเท่าไร แต่ประสิทธิภาพมันนับว่าเยี่ยมติดอันดับของเกมนี้ทีเดียว” บรรณารักษ์ที่ต้องตาตี๋น้อยพูดขึ้น ก่อนที่จะให้ตี๋น้อยหยิบขึ้นมาดูทีละอย่าง ซึ่งก็มี.....

หอกไม้กางเขนสีดำทั้งใบหอก และด้าม น้ำหนักจะมากอยู่สักหน่อยหนึ่ง ทำให้ตี๋น้อยต้องเกร็งกำลังแขนพอสมควรจึงรั้งมันมาตั้งตรงได้

“นี่คือหอกกางเขนดำ ใบหอกทั้งสามด้านนั้นคมกริบ จนสามารถตัดเหล็กได้ดุจตัดหยวก ด้ามหอกเป็นแก่นไม้อย่างดี น้ำหนักนั้นสมดุลกับใบหอก ทำให้ใช้งานคล่องแคล่ว และหลากหลายกว่าหอกธรรมดา” ลุงพันบรรยายสรรพคุณของมัน ทำให้ตี๋น้อยมองอย่างชื่นชม ก่อนที่จะเก็บเข้าเข็มขัด

จากนั้นก็เป็นดาบสองเล่ม ตัวดาบค่อนข้างหนา และหนักกว่าปกติ สันหนาคมเรียวบาง ส่วนปลายโค้งอย่างสมส่วน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็ว และความแรงให้กับการโจมตีได้เป็นอย่างดี แม้ว่าสีของดาบจะเป็นสีดำทั้งเล่ม แต่ประกายความคมของดาบส่องประกายสีเขียวเรืองรอง

“ดาบคู่นิลกาฬ ตัดเหล็กดุจตัดหยวก และยังเสริมอำนาจวาสนาให้กับผู้ครอบครองด้วย”

ลุงพันเอ่ยคุณสมบัติของดาบอย่างละเอียด เพราะคุณสมบัติของอาวุธ และสิ่งของต่าง ๆ ในเกมนี้ไม่มีบ่งบอกไว้ ต้องสอบถามจากผู้รู้ หรือดูข้อมูลจากในห้องสมุดเท่านั้น

จากนั้นก็จะเป็นมีดสั้นสีดำ และธนูสีดำ รวมทั้งลูกธนูแถมให้อีกห้าพันดอก ทำให้ตี๋น้อยก้มลงกราบขอบคุณคุณลุงพันที่พึ่งรู้จักกันไม่นานเท่าไร แต่สิ่งที่มอบให้นับได้ว่า สามารถตัดสินโชคชะตาในเกมนี้ได้ทีเดียว

“ไม่ต้องมากมารยาทหรอก ของเหล่านี้อยู่กับข้าก็แค่ของสะสม แต่อยู่กับเจ้ามันจะสามารถเปลี่ยนแปลงแผ่นดินนี้ได้ทีเดียว”

“ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะขอตัวก่อนนะครับ ไปแล้วนะเสี่ยวหมวย เออ...คุณหนูด้วย ไปละ” ตี๋น้อยลุกขึ้นทำท่าจะมุดช่องหมาลอดจากไป แต่เสี่ยวหมวยเรียกไว้ก่อน

“อย่าพึ่งไปสิ เสี่ยวหมวยก็มีของจะให้” พูดพลางปลดกระเป๋าแบบสะพายเฉียงที่พกอยู่ออกมาให้กับตี๋น้อย

“เป็นกระเป๋ามิติ บรรจุได้ 500 ช่อง แต่ละช่องสามารถใส่ของประเภทเดียวกันได้ 100 ชิ้น ทั้งสิ่งของและอาวุธ ยกเว้นกระเป๋ามิติด้วยกันเองที่จะนับว่าเป็น 1 ช่อง”

“อืม...สะดวกดีนี่ แต่ทำไมไม่เห็นคนในเมืองนี้พกกันเลยละ” ตี๋น้อยสอบถามขึ้นอย่างสงสัย

“กระเป๋านี้ไม่มีขายหรอก เพื่อไม่ให้ระบบเสียไป แต่จะให้สำหรับคนที่ผ่านการทดสอบจากเกาะฝึกฝนแห่งนี้ เพื่อไปยังแผ่นดินใหญ่ และรับได้คนละครั้งเท่านั้น ถ้าตายแล้วสมัครเข้ามาใหม่ก็ไม่ได้รับกระเป๋า ดังนั้น หลายครั้งจึงมักจะเกิดการแย่งชิงกระเป๋ามิติกันขึ้น คนที่มีจึงมักจะปกปิดไว้ เพราะกลัวถูกแย่งชิง” เสี่ยวหมวยอธิบาย

“ตอนแรกในเกมนี้จะไม่ทำกระเป๋ามิติ และเข็มขัดจอมปราชญ์ แต่กลุ่มผู้เล่นก็ยื่นเรื่องไปว่า ถ้าจะต้องการให้ฝึกฝนการทำธุรกิจ ก็จะต้องทำให้มันสามารถใช้ได้สะดวก เพราะถ้าให้ทุกอย่างเหมือนเมื่อเกือบสองพันปีก่อน แม้ต้องใช้เวลากันทั้งชีวิตก็ไม่เสร็จสิ้น ทางผู้สร้างเกมจึงต้องใช้กฎนี้ และสร้างกระเป๋ามิติให้” ลุงพันผู้รอบรู้เรื่องในเกมจึงอธิบายย่อ ๆ ให้ฟัง ทำให้ตี๋น้อยเข้าใจถึงความสำคัญของกระเป๋าใบนี้ จึงเก็บไว้อย่างดี

“แล้วจะเอามาคืนนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ของเรามีหลายใบ นายเอาไปใช้เถอะ”

เสี่ยวหมวยบอก ทำให้ตี๋น้อยสงสัยว่า แล้วเสี่ยวหมวยไปได้มาจากไหน และสงสัยว่า เสี่ยวหมวยจะไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่นอน

“ลืมบอกไปอย่าง ของในกระเป๋ามีแต่ของที่จำเป็นในการเดินป่า อย่าลืมศึกษาดูให้ดีนะ” เสี่ยวหมวยกระซิบบอก ก่อนที่จะโบกมือลาตี๋น้อยที่มุดช่องหมาลอดลับหายไปจากสายตา


Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 15:54:45 น. 0 comments
Counter : 401 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.