วรรณกรรมของหมื่นลี้
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 6 เหตุเกิด เพราะคุณหนู

“คุณลุงครับ”

ตี๋น้อยซึ่งกำลังจะออฟไลน์ จึงเข้ามาเพื่อจะลาคุณลุงบรรณารักษ์ ที่กำลังนั่งบนเก้าอี้สองขาเอนไปข้างหลัง สายตาทอดมองนิยาย “8 เทพอสูรมังกรฟ้า” วรรณกรรมชิ้นเยี่ยมของกิมย้ง อย่างไม่ได้สนใจกับรอบ ๆ ตัว ทำให้คนที่ต้องการที่จะมาลาต้องเก้อ

“คุณลุงคร๊าบบบ”

เงียบ....................

“คุณลุงคร๊าบบบ !!!”

โครม !!! โอ๊ย !!!

“ขอโทษคร๊าบบบ” ตี๋น้อยต้องรีบกุลีกุจอไปช่วยคุณลุงบรรณารักษ์ทั้งคนทั้งเก้าอี้หล่นลงไปกองอยู่กับพื้น

“กำลังทำอะไรอยู่ครับ” ตี๋น้อยยิ้มเล็กน้อยที่เห็นท่าทีทุลักทุเลของคุณลุง พลางก้มหัวขอโทษ

“แหม.....กำลังเพลินอยู่พอดี ตวนอื้อกำลังโดนบักอ้วงเช็งมัด แล้วใช้ม้าลากวิ่งผ่านลำธารพอดี พระเอกก็เจ็บ คนอ่านก็ระบมกันพอดี” คุณลุงบรรณารักษ์ แฟนพันธุ์แท้กิมย้งหัวเราะขำตัวเอง

“วิธีการอ่านของเจ้าสัวนี่ไม่ดีเลยนะครับ” หัวเราะเสร็จก็มาโทษคนสอนทักษะการอ่าน

“ทำไมละครับ” ตี๋น้อยพาซื่อ ทำหน้าซื่อ ๆ ถาม

“ก็เวลาใช้แล้วมันเหมือนกับถูกหนังสือดูดกลืนวิญญาณเข้าไป ใครทำอะไรรอบ ๆ ตัวก็มองไม่เห็นแล้ว แบบนี้โดนไล่ออกแน่ ๆ” คุณลุงพูดทีเล่นทีจริง

“ผมแนะนำวิธีแก้ให้ไหมครับ รับรองว่าได้ผล ไม่มีใครรู้ว่าคุณลุงมัวแต่อ่านหนังสือ”

“วิธีอะไรหรอ แนะนำหน่อย” บรรณารักษ์หนุ่มใหญ่กระดี๋กระด๋า ทำราวกับกำลังแอบทำเรื่องที่เป็นลับจนไม่อยากให้ใครรู้

“หาสุนัขพุดเดิ้ลตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ มาเลี้ยงสักตัว แล้วหัดให้มันเฝ้าเคาเตอร์ให้ และถ้าฝึกเก่ง ๆ นะ คนไหนต้องการความช่วยเหลือ มันก็ยังสังเกตออกได้ เพราะพันธุ์พุดเดิ้ลได้รับการวิจัยมาแล้วว่า สมองดีเยี่ยมที่สุด และฉลาดที่สุด ถ้ารู้จักสอน”

คำแนะนำของตี๋น้อยทำให้บรรณารักษ์รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้ว่า แปลกตรงไหน จนกระทั่งตี๋น้อยลากลับ และเขาได้ทำตามวิธีที่ตี๋น้อยแนะนำ


“ต๊ายตาย.....น่ารักจังเลยนะตัวเอง หวัดดีสิ น่าร๊ากกก”

เสียงอุทานดังมาจากกลุ่มผู้ที่ไม่ประสงค์จะใช้เพศตัวเอง ซึ่งกำลังจะเข้ามาใช้บริการในห้องสมุดก็ได้ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันไปยกใหญ่กว่าจะเข้าไปในห้องสมุดได้

“ว๊าย.....น่ารักจัง ดูสิ ทำตาแป๋ว แถมเรียบร้อยม๊ากกก ดูสิ รู้จักทักทายคนเข้าคนออกด้วย”

คราวนี้กลุ่มวัยรุ่นสาว ๆ ก็เข้ามาเล่นกับ “คุณหนู” สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลของคุณลุงบรรณารักษ์จนเจ้าของไม่เป็นอันได้อ่านนิยายแม้แต่นิดเดียว

“น่ารักจังครับ คุณลุงซื้อที่ไหนหรอครับ แพงไหม เนี่ยผมก็กะว่าจะซื้อไปให้มันอ้อนสาว ๆ ให้อยู่ ต้องลงทุนหน่อย ไม่งั้นคงไม่มีแฟนกับเขาแน่ ๆ” คราวนี้เป็นกลุ่มหนุ่มน้อยที่สนอกสนใจกับเจ้าคุณหนูของคุณลุงด้วยเหตุผลที่ทำให้ผู้เป็นเจ้าของต้องสะอึก

“กรรมแล้วกู หลงเชื่อเจ้าตี๋จนได้ดี ตกลงว่าซื้อมันมาเฝ้าเคาเตอร์เพื่อให้เราได้หลบมุมอ่านหนังสือ หรือซื้อมันมาเฝ้าเรา เพื่อให้เป็นจุดเด่นไม่ให้เราแอบอ่านหนังสือวะเนี่ย” เสียงพึมพำเบา ๆ ดังมาจากเคาเตอร์บรรณารักษ์

“จะไปขายคืนร้าน เจ้าของก็ไม่ยอมรับคืน จะเอาไปปล่อยทิ้งก็สงสารมัน จะไปให้คนอื่น ๆ เขาก็ไม่มีใครเอา แค่มาชมเล่นไม่มีใครคิดจริงจังกับเอ็งเลยหรอวะ นังคุณหนู” หนุ่มใหญ่แฟนหนังสือกิมยังบ่นพึมพำก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะถลำตัวลึกลงไปมากกว่านี้


“สวัสดีครับ คุณลุงพันไม่อยู่หรอครับ” เสียงเจ้าสัวเอ่ยทักทายบรรณารักษ์อย่างแปลกใจที่เข้าเกมมาอีกครั้งก็เห็นสาวใหญ่นางหนึ่งมาทำหน้าที่แทนคุณลุงพันที่เขาคุ้นเคย

“สวัสดีคะ ดิฉันโสธยา เรียกว่า พี่ยา เฉย ๆ ก็ได้คะ พี่มารับกะต่อจากคุณพัน ซึ่งเจ้าหน้าที่แต่ละคนจะรับหน้าที่กันคนละ 12 ชั่วโมงในเกม” เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์คนใหม่บอกข้อมูลให้เขารู้

“ครับ.....ผมชื่อเจ้าสัว เล่นเกมนี้แบบ 16 ชั่วโมง พัก 8 นะครับ ทำให้มีเวลามาอ่านหนังสือทุกวันได้” ตี๋น้อยแนะนำตัวเองบ้าง

“คุณชื่อเจ้าสัวหรอคะ พอดีคุณพันฝากของไว้ให้ จะรับเดี๋ยวนี้เลยไหมคะ” บรรณารักษ์รีบบอกทันทีที่ตี๋น้อยแนะนำชื่อเสร็จ

“ครับ ว่าแต่คุณลุงฝากอะไรให้ผมครับ” เขายังงง ๆ ที่จู่ ๆ ก็ได้รับของฝากจากคุณลุงบรรณารักษ์

“นี่คะ ชื่อว่า คุณหนู น่ารักมากคะ แล้วแสนรู้ด้วย”
บรรณารักษ์สาวรีบยกเจ้าพุดเดิ้ลทอยสีขาวจากใต้โต๊ะมามอบให้ตี๋น้อย

“หา...มอบหมาให้ผมเนี่ยนะ”

เจ้าตัวแปลกใจ แต่แล้วก็นึกได้ว่า ไปแกล้งลุงพันเรื่องให้หาหมามาเลี้ยงเพื่อให้เฝ้าเคาเตอร์ แล้วไม่นึกว่า แกจะกลับมาแก้ลำเขาได้เจ็บแสบขนาดนี้

“ได้หมาน่ารักมาฟรี ๆ ถึงกลับอึ้งกิมกี่ซีเช๊กฉ่ายเลยหรอคะ พันธุ์พุดเดิ้ลนี่น่ารักที่สุดแล้วนะคะ แถมยังฉลาดที่สุดด้วย ผลการวิจัยว่าอย่างนี้นะคะ” บรรณารักษ์สาวเล่นหยิบยืมคำพูดของเขามาพูดทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก นอกจากจะกล่าวขอบคุณ

“ลืมบอกไปเรื่องหนึ่งคะ คุณหนูยังไม่ได้กินข้าวเช้านะคะ ส่วนอาหารที่ชอบกินก็จะเป็นพวกไก่ย่าง หมูย่าง แล้วก็ต้องย่างแบบนุ่ม ๆ ไม่ไหม้ ไม่มีมันเยิ้ม แล้วแต่ละมื้อต้องอย่าซ้ำกันนะคะ ไม่งั้นคุณหนูเธอจะไม่ยอมทานคะ”

บรรณารักษ์บอกเรื่องราวที่น่ารู้ให้กับตี๋น้อยได้รับรู้ไว้ ราวกับจะบอกว่า ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะเขมือบแต่หมันโถแห้ง ๆ จืด ๆ แต่สำหรับพุดเดิ้ลตัวนี้ต้องกินอาหารอย่างดีนะเฟ้ยยย


แผลบ......................

คุณหนูเลียมือของตี๋น้อยอย่างประจบ เพราะมันรู้ว่า ตอนนี้ตี๋น้อยเป็นเจ้านายคนใหม่ของมันแล้ว ทำให้ตี๋น้อยที่เดินดุ่ม ๆ อยู่ถนนมุ่งหน้าสู่ตลาดต้องฝืนยิ้มออกมา

“ไม่ต้องประจบมากก็ได้ ข้าไม่เอาเอ็งไปปล่อยทิ้งหรอก แต่มันมีข้อติอยู่อย่างเดียวนี่สิ เอ็งมันเลือกกิน แถมยังจะกินของดีกว่าข้าซะอีก ตกลงใครเป็นนายใครเป็นบ่าวกันแน่วะ”

ตี๋น้อยบ่นพึมพำขณะที่เดินไปหาร้านขายอาหารจำพวกหมูปิ้งในตลาด ท่ามกลางสายตาของทั้งสาว ๆ และคนที่เลือกมาเป็นสาว ๆ แทนการเป็นหนุ่ม ๆ ซึ่งมองเขาราวกับจะกลืนกิน

“กรี๊ดดด น่ารักจัง ชื่ออะไรฮ๊า ตัวเอง”

และแล้ว สุภาพสตรีจำแลงที่ตัวสูงใหญ่จนเขาอดนึกเปรียบเทียบว่าเหมือนกับฝูงกระทิง กำลังเดินมาหาเขาฝูงหนึ่ง

“เออ....ชื่อคุณหนูครับ” เขาพูดพลางยกเจ้าคุณหนูให้คุณเธอทั้งหลายได้เชยชม

“ว๊ายยย....ซื่อจังเลยตัวเอง เค้าไม่ได้หมายถึงเจ้าพุดเดิ้ล แต่เค้าหมายถึงตัวเองต่างหากละ ว่าแต่ชื่อไรหรอฮ๊าตัวเอง” คราวนี้รู้สึกจะเป็นงานช้างสำหรับตี๋น้อย แถมยังเป็นช้างน้ำเป็นฝูงอีกด้วย

“ขอโทษครับ เราไม่รู้จักกัน กรุณารักษามารยาทด้วยนะครับ” เขาพูดขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงมือไม้ที่ชักจะเกินขอบเขตของเหล่ากระทิงฝูงนี้

“ต๊ายยย.....ไม่เคยเห็นใครโกรธแล้วน่ารักขนาดนี้เลย คนนี้เค้าขอนะตัวเอง”

มีการตกลงกันในกลุ่มอีกต่างหาก ราวกับเห็นตี๋น้อยเป็นเพียงสินค้าในตลาดนัดจตุจักร ทำให้ตี๋น้อยยัดคุณหนูไว้ในอกเสื้อแบบชุดจีนของเขา พลางเอามือตบหัวของคุณหนูเบา ๆ

“อยู่นิ่ง ๆ นะลูกพ่อ เดี๋ยวพ่อจะออกกำลังสักหน่อย”

แผลบ.................

คุณหนูเลียมือของตี๋น้อยอย่างเข้าใจ ทำให้ตี๋น้อยอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

“ต๊ายยย......อดใจไม่ไหวแล้ว น่ารักเกินห้ามใจ” พร้อม ๆ กับคำพูด มือของสาวประเภทสองนางนั้นก็เฉยโอกาสจับเข้าที่เป้ากางเกงของเขาทันที

หมับ..........................ว๊าย........................

แม้เขาจะเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เขาก็ได้รับการฝึกฝนไทเก๊กตั้งแต่เด็กจากชายชราชาวจีนซึ่งมักจะมานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดประจำ จนสนิทสนมกับเขา นอกจากนั้นแล้ว เขายังอ่านหนังสือด้านกังฟู กระบี่กระบอง รวมถึงศิลปะป้องกันตัวทั้งหลายที่มีแพร่หลายกันอยู่ในสมัยนี้ด้วย ทำให้สามารถพลิกแพลงกระบวนท่าต้านรับการถูกจู่โจมได้ ดังนั้น มือที่ยื่นออกมาของอนงค์เทียมนางนั้นจึงถูกเขาจับบิดข้อมือด้วยวิชาไอคิโดจนร้องโอดโอย

“เฮ้ย....ปล่อยนะโว๊ย เอ็งไม่รู้หรือว่าพวกข้าเป็นใคร”

เมื่อมันถูกบิดมือ สุ่มเสียงก็เปลี่ยนไปทันที เสียงห้าว ทุ้ม แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ทุก ๆ คนต้องยอมสยบดังออกจากปากของคนที่เคยวี๊ดว๊ายมาก่อน ทำให้เขาตกใจ ปนประหลาดใจ จนมันสามารถสะบัดมือหลุดออกจากการคร่ากุมของเขาได้

วูบ..................

เขาถอยหลังมาตั้งหลัก พลางตั้งท่าเริ่มต้นในวิชาไทเก๊ก ซึ่งจะสามารถซ่อนเร้นการเตรียมพร้อมของเขาไม่ให้ใครสังเกตได้ว่าเขาถนัดวิชาอะไร เพื่อสร้างความได้เปรียบ และไม่ให้ศัตรูอ่านเขาได้โดยง่าย

“ไอ้น้อง เอ็งไม่รู้จักกลุ่ม 16 นงคราญแห่งเกาะฝึกฝนหรือไง”

บัดนี้เหมือนพวกมันจำแลงจากกระทิงกลายเป็นช้างป่าฝูงใหญ่ กำลังล้อมวงเข้ามาจะกินโต๊ะจีนลิง (เกี่ยวกันไหมเนี่ย)

ตี๋น้อยชำเลืองมองไปที่รอบ ๆ ตัวราวกับจะหาผู้ช่วย ก็พบเห็นความจริงว่า เหล่าผู้เล่นที่มีจำนวนมากมายในตลาดนั้น ต้องพากันมองดูเขาอยู่ห่าง ๆ ราวกับกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย ทั้ง ๆ ที่พวกมันมีแค่ 16 คนเท่านั้น ยืนยันให้เห็นว่า พวกมันเป็นแก๊งค์ที่มีชื่อเสียยยยย ตามที่มันบอกจริง ๆ

“ไม่รู้จัก” เขาตอบเสียงห้วน ๆ

“ถ้าไม่รู้จักก็ดูไว้ซะ ถ้าไม่อยากตายจนต้องเสียเงินเสียทองมากมายเพื่อกลับมาเล่นใหม่ละก็ จงมาเป็นของเล่นให้พวกข้าซะ พอพวกข้าเล่นเบื่อแล้วก็จะปล่อยเอ็งไปทันที”

พอมันพูดจบ ตี๋น้อยก็โกรธขึ้นมาทันที เพราะข้างหลังพวกมันล้วนเป็นชายหนุ่มรูปหล่อจำนวน 16 คน แต่ละคนต่างพากันยืนซึมกระทือแบบหมดอาลัยตายอยาก ทำให้เขารู้ว่า ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับมานั้น มันสุดจะทนจริง ๆ

“พวกเอ็งเคยตายไหม !!!”

นั่นคือคำถามสุดท้ายที่ตี๋น้อยถาม ก่อนที่จะตรงเข้าตะลุมบอนกับเหล่า 16 นงครวญแห่งเกาะฝึกฝนที่พากันร้องกรี๊ดกร๊าดกับคำถามประโยคนี้ของเขา

วูบ.................วูบ...................

ท่าเท้าเบญจธาตุ ผสมผสานกับการจับพลัง และการปัดป่ายย้ายพลังของไทเก๊ก ทำให้เขาสามารถต้านรับเหล่า 16 นงคราญได้ในระยะแรก ๆ แต่เขากลับหาโอกาสที่จะโจมตีไม่ได้ เพราะการลงมือของพวกมันทั้ง 16 คนสอดประสานกันเป็นอย่างดี และวิชาที่พวกมันใช้กันก็คือ มวยปล้ำ แถมเป็นมวยปล้ำแบบญี่ปุ่นที่ผสมผสานกับวิชายูนิตสูและซูโม่

ซึ่งท่วงท่าที่แทบจะทำให้เขาเสียหลักทุกครั้งก็คือการเข้าชาร์ตของวิชามวยปล้ำ เพราะพวกมันจะวิ่งเข้ามาเพื่อจะรวบตัวของเขาเพื่อจับปล้ำให้ลงไปนอนกับพื้น ซึ่งหากเขาถูกรวบตัวได้เมื่อไรก็จบเห่เมื่อนั้น เพราะวิชามวยปล้ำนั้นเป็นเอกเรื่องท่านอนปล้ำ โดยเฉพาะเมื่อถูกใช้ออกด้วยเหล่ากระทิงร่างใหญ่ยักษ์ทั้ง 16 คนที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้


Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 15:52:59 น. 0 comments
Counter : 310 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Muen Li
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Muen Li's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.