::พลังขจัดสิ่งอัปมงคล::
Group Blog
 
All blogs
 
ประวัติพระแม่กาลี

พระแม่กาลี หรือ กากิลา (काली, Kālī, แปลว่า หญิงดำ) เป็นปางหนึ่งของพระอุมาเทวี ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีกายสีดำสนิท มีลักษณะดุร้าย มี ๑๐ พระกร ถืออาวุธร้ายอยู่ในพระกรทั้งสิบนั้น แลบลิ้นยาวถึงทรวงอก ที่ริมฝีปากมีเลือดไหลหยดเป็นทางยาว เครื่องประดับเป็นหัวกระโหลก มีงูใหญ่ร้อยคาดองค์ดั่งสังวาลย์
การบูชาพระแม่กาลี ต้องใช้เลือดบริสุทธิ์ ในอดีตมีการใช้หญิงพรหมจารีย์ไปบูชายัญด้วยเลือดจากลำคอ แต่เมื่ออังกฤษเข้าปกครองอินเดีย ได้สั่งห้ามการฆ่าคนเพื่อบูชายัญ ปัจจุบันนี้การบูชาพระแม่กาลีใช้เลือดแพะแทน



ความเป็นมาอย่างย่อ
....................พระแม่กาลีนี้ได้แบ่งภาคจากการบำเพ็ญตบะของพระอุมาเทวี โดยทรงมีจุดประสงค์เพื่อปราบอสูร

ตนหนึ่ง นามว่า อสูรทารุณ อสูรทารุณนี้แม้ว่าจะถูกฆ่าก็ไม่มีวันตาย เมื่อเลือดตกลงพื้นเมื่อใดก็จะทวีขึ้นเรื่อยไป

ไม่หมดสิ้น ความที่คิดว่ามีอิทธิฤทธิ์มากมายฆ่าไม่ตายจึงทำให้อสูรทารุณเกิดหลงผิดคิดว่ามีอำนาจขนาดนี้แล้วครอง

โลกทั้งสามเลยดีกว่า เมื่อเป็นดังนี้แล้วเหล่าเทวดา จึงต้องนำเรื่องเข้าเฝ้าพระศิวะ เพื่อหาทางปราบอสูรทารุณ เหล่า

เทวดาทั้งหลายเมื่อได้ฟังสรรพคุณของอสูรก็ไม่มีใครกล้าอาสาไปสู้รบเลย จนที่สุดจะทนองค์พระศรีมหาอุมาเทวี

เทพสตรีแห่งสวรรค์ได้มีความประสงค์ที่จะออกปราบอสูรร้าย ซึ่งพระองค์ได้ขอพรต่อองค์พระศิวะผู้เป็นเจ้า เพื่อให้

ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แล้วจึงเสด็จเพื่อบำเพ็ญตบะทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ให้มีฤทธิ์อำนาจปราบอสูรร้ายได้

ซึ่งไม่นานพระแม่กาลีก็ได้เผชิญหน้ากับอสูรทารุณ และด้วยฤทธิ์อำนาจของทั้ง 2 ฝ่าย การต่อสู้ที่ยาวนานจึงเกิดขึ้น

พระแม่กาลีคิดกลอุบายเพื่อเอาชัยชนะในครั้งนี้ให้ได้ โดยการตัดหัวอสูรพร้อมทั้งทรงดูดกินเลือดอสูรก่อนที่เลือดจะ

ตกลงสู่พื้น เมื่อกินจนกระทั่งหมดสิ้นแล้วรูปกายของพระแม่กาลีถึงกับพุงกางด้วยความอิ่ม ในมือนั้นถือหัวของอสูรที่

ตัดร้อยเป็นพวงไว้จนที่สุดของที่สุด อสูรตนนั้นจึงสิ้นฤทธิ์ลงเพราะไม่มีหยดเลือดหยดลงพื้นแล้วจึงสิ้นสุดลง


....................ด้วยความดีพระทัยในการได้รับชัยชนะในครั้งนี้ พระแม่กาลีจึงทรงเต้นรำอย่างสำราญฤทัยที่สุด จน

ลืมพระองค์ไป ทรงยกเท้าขึ้นสูงหมายจะกระทืบลงบนพื้นโลก แล้วพระศิวะจึงทรงตระหนักได้ว่าพระแม่กาลีที่รูปกาย

น่าเกลียดนั้นแท้จริงแล้วก็คือพระศรีมหาอุมาเทวี พระมเหสีแห่งพระองค์นั้นเอง เมื่อเป็นดังนี้พระแม่กาลีก็ย่อมก็ต้อง

ทรงเกรงใจ และจดจำพระองค์ได้บ้างเป็นแน่ พระศิวะจึงเสด็จไปพบพระแม่กาลีและทรงลงไปนอนขวางพื้นโลกไว้

ในขณะที่พระแม่กาลีกำลังดีใจจะกระทืบเท้าลง ก็ต้องชะงัก เมื่อมองเห็นพระศิวะผู้สวามีลงไปนอนขวางอยู่

พระแม่กาลีทรงมีความเกรงใจต่อพระศิวะผู้เป็นสวามีอย่างที่สุด จึงไม่กล้ากระทืบลงพระอุระ และหยุด

การกระทำนั้นลง เหล่าเทวดาทั้งหลายทั้งมวลจึงยกย่องพระศิวะและแม่กาลี พากันศรัทธาในพระองค์ยิ่งขึ้น



บทสวดคาถาบูชาพระแม่กาลี

โอม เจ มาตา กี (แม่อุมา) 3 จบ
โอม เจ มาตา กาลี (แม่กาลี) 3 จบ
โอม สตี เยมาตา กาลี (แม่กาลี) 3 จบ
โอม ศรี ทรุคา เจ นะ มะ ฮา (แม่ทุรคา) 3 จบ
โอม หรีม ครีม ทูม ทุรคา ชัยนมัส 3 จบ

บทสรรเสริญพระแม่กาลี

โอม กาลิกาแย วิทัมเห ศมะศานวาสินยา
ธิมหิ ตันโน โหรา ปรโจหยาต
โอม ตักริม ตักริม ตักริม หู หู หริม หริม
แภ ภัทรกาลีน แภ น หริม หริม
หนู หู ตักริม ตักริม สวาหา
โอม สรวะ กาลราตริกามินี คะเณสวแย นมัช
โอม แยภวนี มาตามหากาลี นมัช



เทวาลัยพระแม่กาลี(Kaali Mandir) แห่งนี้เป็นศิลปะเบงกอลสมัยกลาง เลียนแบบกระท่อมที่มุงด้วยแฝกสมัยโบราณของอินเดีย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่างจากทั่วไปที่เป็นจำลองแบบภูเขาไกรลาส ฐานเทวาลัยยาวด้านละ 75ฟุต สูง 90 ฟุต




เทวรูปพระแม่กาลี


Create Date : 17 มิถุนายน 2551
Last Update : 30 ธันวาคม 2551 14:49:48 น. 1 comments
Counter : 14306 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้รู้พระประวัติปางนี้อย่างละเอียดค่ะ


โดย: little bear june วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:21:25:58 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

booz-zaa
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add booz-zaa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.