Lime Squares with Pistachio Cracker Crust
เมื่อเช้านี้ลูกสนเข้าไปดูเวบของ Martha ค่ะ หาสูตรขนมไปเรื่อยๆ จนมาเจอสูตรพายมะนาวสี่เหลี่ยมอันนี้ อ่านสูตรแล้วรู้สึกว่าพิเศษตรงที่เค้าใส่พิสทาชิโอบดลงไปในส่วนครัสท์ด้วย น่าจะอร่อย แล้วน้องสาวลูกสนก็ชอบกินถั่วพิสทาชิโออยู่แล้ว คงจะชอบขนมชิ้นนี้เหมือนกัน ฮิฮิ จะได้มีคนช่วยกินค่ะส่วนผสมของขนมชนิดนี้ไม่มีอะไรหายากเลยค่ะ ยกเว้นพิสทาชิโอ ลูกสนซื้อเอาที่ห้าง ตรงที่ขายถั่วอบแห้งเป็นถุงๆให้เคี้ยวเล่นน่ะค่ะ ซึ่งถ้าใครหาไม่ได้ ลูกสนว่าใส่มะม่วงหิมพานต์ลงไปแทนก็อร่อยเหมือนกันค่ะ สูตรที่ลูกสนทำวันนี้เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากต้นฉบับนะคะ ทำออกมาแล้วรสชาติหวานเปรี้ยวเข้มข้นแล้วก็เนื้อเนียนมาก สูตรนี้สอบผ่านเลยล่ะ มาดูกันนะคะว่าทำยังไงส่วนผสมส่วนผสมครัสท์1. แครกเกอร์บดละเอียด 1 ถ้วยตวง(ลูกสนใช้ Ritz ทั้งห่อเลยค่ะ เอามาบดเอง)2. ถั่วพิสทาชิโอ 2/3 ถ้วยตวง นำไปบดหยาบๆ(ลูกสนใช้แค่ 1/3 ถ้วยตวงค่ะเพราะซื้อมาไม่พอ)3. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง(ลูกสนใส่แค่ 1 ช้อนโต๊ะค่ะ)4. เนยจืด 4 ช้อนโต๊ะ นำไปละลาย5. ผิวมะนาวขูด 1 ช้อนโต๊ะ(ลูกสนใส่ผิวเลมอนขูดแทนค่ะ)ส่วนผสมไส้1. ไข่แดง 2 ใบ2. นมข้นหวาน 1 กระป๋อง(ลูกสนใส่ไม่หมดค่ะ เหลือไว้ประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ)3. น้ำมะนาวคั้นสด 1/2 ถ้วยตวง(ลูกสนใส่น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย + น้ำเลมอน 1/4 ถ้วยค่ะ)4. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชาสูตรนี้ใช้พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 8*8 นิ้ว และอุณหภูมิในการอบ 175C(350F) ค่ะ อุ่นเตาไว้ก่อนด้วยนะคะ เราจะอบ 2 ครั้งโดยครั้งแรกอบครัสท์ และครั้งที่สองอบไส้ค่ะวิธีทำ1. เริ่มจากการทำฐาน โดยนำแครกเกอร์บดผสมกับถั่วบด น้ำตาล และผิวมะนาวขูดในชามใบใหญ่ๆ จากนั้นใส่เนยละลายลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันค่ะ2. ทาเนยที่ก้นและด้านข้างของพิมพ์ นำกระดาษไขปูไปบนพิมพ์โดยให้มีชายกระดาษเหลือออกมาข้างละ 2 นิ้ว จากนั้นกรุพิมพ์ด้วยส่วนผสมในข้อ 1 กรุข้างๆพิมพ์ให้สูงประมาณ 1 นิ้วด้วยค่ะ ใช้ถ้วยตวงช่วยกดเวลากรุครัสท์จะทำให้สะดวกมากขึ้น จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุ่นไว้แล้วเป็นเวลา10 นาที แล้วเอาออกมาวางพักจนเย็นสนิทค่ะ3. ทำไส้พาย โดยตีไข่กับนมข้นหวานให้เข้ากันดี ใส่กลิ่นวานิลลาลงไปผสม ตามด้วยน้ำมะนาวทั้งหมด แล้วใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันจนส่วนผสมเนียน ไม่เหลือลิ่มของไข่แดงค่ะ4. เทไส้ลงบนครัสท์ที่เย็นแล้ว นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 175C เหมือนเดิม เป็นเวลา 15 นาทีแล้วนำออกมาวางพักข้างนอกให้เย็น อย่าเพิ่งไปแตะตัวขนมตอนนี้นะคะเพราะว่ามันยังไม่เซ็ตตัว ให้นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา แช่ประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วถึงเอาออกมาตัดทานได้ค่ะ เวลาจะเอาขนมออกจากพิมพ์ให้ค่อยๆขยับแต่ละด้านให้หลุดจากขอบพิมพ์นะคะ ต้องใช้ความระวังหน่อยนึง ไม่งั้นขนมจะเสียรูปทรงได้ค่ะมาแบ่งกันทานนะคะ หลังจากแช่ไป 2 ชั่วโมงแล้วเนื้อขนมนุ่มเนียน ละลายได้ในปากเลยค่ะ รสชาติเปรี้ยวหวานกลืนกันลงตัว เคี้ยวไปบางคำเจอชิ้นถั่วพิสทาชิโอกรุบๆด้วยค่ะ สูตรเค้าดีจริงๆสำหรับคนที่อยากทำสูตรนี้ลูกสนแนะนำว่าให้ใส่ถั่วเต็มที่ตามที่สูตรบอกเลยนะคะ น่าจะทำให้ครัสท์กรุบกรอบเข้มข้นมากขึ้น ส่วนใครหาเลมอนไม่ได้ก็ใส่น้ำมะนาวไป 1/2 ถ้วยตามสูตรได้เลยค่ะ รสชาติน่าจะจี๊ดจ๊าดไม่เบาเลย ขอให้เพื่อนๆทุกคนอร่อยแบบเปรี้ยวๆหวานๆกับพายมะนาวนะคะ
คุกกี้ไวท์ช็อคโกแลตแมคคาเดเมีย
เมื่อวันก่อนคุยกับน้องสาวว่าจะทำคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ แต่น้องสาวบอกว่าทำไวท์ช็อคสิ ชั้นอยากกินไวท์ช็อคแมคคาเดเมียมากกว่าแบบธรรมดา ก็เลยได้มาเป็นคุกกี้หน้าตาแบบที่เห็นล่ะค่ะ ที่จริงลูกสนเคยทำคุกกี้ไวท์ช็อคไปครั้งนึงแล้ว ตอนนั้นทำสูตรของพี่แพท-งาขาวค่ะ สูตรนั้นทำแล้วที่บ้านกินกันหมดไวมาก จำได้ว่าน้องสาวลูกสนกินไป 8 ชิ้นได้แน่ะ เพราะว่าเค้าชอบ บอกว่ากินเพลินดี ฮิฮิ ลูกสนต้องขอบคุณพี่แพทด้วยนะคะที่เป็นแรงบันดาลใจให้ลองทำคุกกี้ชนิดนี้ขึ้นมา ลงทุนซื้อแมคคาเดเมียมาทำโดยเฉพาะเลย จนตอนนี้ใช้หมดถุงไปแล้วค่ะ ใครที่อยากดูสูตรของพี่แพทไปดูได้ตามลิงค์ข้างล่างเลยค่ะ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=joo&month=02-2007&date=23&group=5&gblog=1สูตรของพี่แพทจะใส่แต่น้ำตาลทรายแดง แต่สูตรที่ลูกสนทำวันนี้เค้าใส่น้ำตาลทรายขาวด้วยค่ะ ลูกสนเลยลองดู อยากรู้ว่ามันต่างกันยังไง สูตรนี้ลูกสนปรับลดน้ำตาลลงมาแล้ว คิดว่าหวานกำลังดีเลยค่ะ มาดูสูตรกันเลยนะคะส่วนผสม1. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 1/4 ถ้วยตวง2. เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา3. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา4. เนย 1/2 ถ้วยตวง ทิ้งไว้ให้นุ่ม(นุ่มคือกดแล้วมีรอยบุ๋ม แต่ไม่เหลวนะคะ)5. น้ำตาลทรายแดง 5 ช้อนโต๊ะ6. น้ำตาลทรายขาว 3 ช้อนโต๊ะ7. ไข่ไก่ 1 ใบ8. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา9. กลิ่นอัลมอนด์ 2 หยดเล็กๆ(ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)10. ไวท์ช็อคโกแลตสับ 1/2 ถ้วยตวง11. ถั่วแมคคาเดเมีย 1/2 ถ้วยตวง(อบให้หอมๆก่อนเอามาทำด้วยนะคะ)อุ่นเตาไว้ที่อุณหภูมิ 175 C(350 F) ปูกระดาษไขไว้ที่ถาดอบโดยไม่ต้องทาไขมันเตรียมไว้ด้วยค่ะวิธีทำ1. ร่อนแป้ง เบคกิ้งโซดาและเกลือเข้าด้วยกันแล้วพักไว้ก่อน จากนั้นตีเนยกับน้ำตาลทั้งสองชนิดจนเป็นครีม แล้วใส่ไข่ กลิ่นวานิลลาและกลิ่นอัลมอนด์ลงไปตีผสมด้วย จนไม่เหลือไข่เป็นลิ่มๆ2. ทยอยใส่แป้งลงไปผสมจนไม่เหลือแป้งเป็นเม็ดๆ จากนั้นใส่ไวท์ช็อคและแมคคาเดเมียลงไป ใช้พายยางผสมให้เข้ากับส่วนแป้งเบาๆ3. หยอดคุกกี้ก้อนละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะพูนๆลงบนถาดอบ อบในเตาที่อุ่นไว้แล้วเป็นเวลา 10-12 นาที อบเสร็จให้เอามาวางพักบนตะแกรง ถึงตอนนี้จะกินร้อนๆเลย หรือปล่อยให้เย็นแล้วค่อยกินก็ตามแต่ชอบแล้วล่ะค่ะตอนทำคุกกี้อันนี้เสร็จแล้วให้น้องสาวกิน เค้าบอกว่ารสชาติเหมือนสูตรพี่แพทเลยค่ะ ลูกสนก็ว่าเหมือนค่ะ(จะชมว่าสูตรตัวเองอร่อยเหมือนของพี่เค้าล่ะซิ ฮิฮิ) แต่จะต่างกันนิดนึงตรงที่ขอบๆของคุกกี้จะมีความกรอบนิดๆค่ะ สูตรนี้ทำออกมาได้ 24 ชิ้นนะคะ แต่ลูกสนทำเล็กบ้างใหญ่บ้าง เลยออกมาได้ 20 ชิ้นทำเมื่อวาน วันนี้หมดเกลี้ยงแล้วค่ะ บ้านนี้ชอบกินคุกกี้กันมากจริงๆ ทำกินเองประหยัดกว่าไปซื้อของ Mrs.Fields ตั้งเยอะนะคะ ฮิฮิ อันนั้นขายชิ้นละตั้งแพงแน่ะ วันหลังลองหาสูตร Mrs.Fields มาทำมั่งดีกว่าเนอะ เผื่อขายได้กับเค้ามั่ง เอิ๊กๆๆสำหรับวันนี้ก็ขอให้เพื่อนๆทุกคนได้อร่อยกับคุกกี้หวานมันชิ้นนี้ ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาชมมาเป็นกำลังใจให้มากๆเลยนะคะ
บลูแบร์รี่บาร์
มากินขนมหวานๆเปรี้ยวๆกันนะคะวันนี้ พอดีลูกสนซื้อบลูแบร์รี่แช่แข็งมาเก็บไว้ตั้งแต่เดือนก่อนโน้นนนน.....ว่าจะทำเจ้าขนมในวันนี้ล่ะค่ะ แต่ตอนนั้นไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ วันนี้ปิดเทอมแล้ว ก็เลยลงมือทำซะเลย สูตรที่ทำนี้ได้มาจากการท่องเวบไซต์ค่ะ ฮิฮิ ลูกสนทำขนมโดยใช้สูตรจากเวบไซต์มากกว่าสูตรจากหนังสืออีกค่ะ เวบที่ไปเอาสูตรมาคือ Allrecipes.com เข้าไปดูเวบนี้ตั้งแต่อยู่ ม.4 ตอนที่ยังไม่ค่อยรู้ศัพท์แสงภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับการทำอาหารเลย อ่านจนมาถึงตอนนี้ก็เกือบ 6 ปีแล้วค่ะ เป็นเวบไซต์การทำอาหารสุดโปรดของลูกสนเลย เพราะว่าเค้าจะมี review ให้อ่านด้วย ว่าคนที่ลองทำสูตรนั้นๆไปแล้วแนะนำว่าควรจะเพิ่มเติมอะไร ทำยังไงให้อร่อยขึ้น เราก็ปรับไปตามที่เค้าแนะนำไว้ล่ะค่ะ อร่อยกว่าเดิมจริงๆด้วยนะ โม้มาเยอะเลย แหะแหะ มาเริ่มทำกันเลยดีกว่าค่ะส่วนผสม1. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 3 ถ้วยตวง2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง3. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา4. ผงฟู 1 ช้อนชา5. ผงอบเชย(cinnamon) 1 หยิบมือ6. ไข่ไก่ตีพอแตก 1 ใบ7. เนยเค็ม 1 ถ้วยตวง ตัดเป็นก้อนเล็กๆ8. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชาทั้งหมดนี้เป็นส่วนผสม crust กับ crumb นะคะ โดยเราจะแบ่งครึ่งนึงไปทำครัสท์ อีกครึ่งไปทำครัมพ์ค่ะ โดยส่วนที่ทำครัสท์เราจะใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่างจากตรงครัมพ์ค่ะตามสูตรให้ใช้พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 9*13 นิ้ว แต่วันนี้ลูกสนทำแค่ครึ่งสูตร เลยใช้พิมพ์ขนาด 8*8 นิ้วแทนค่ะ เตรียมพิมพ์โดนทาเนยที่ก้นพิมพ์นะคะ แล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 190 องศาC ค่ะนำแป้ง น้ำตาลทราย ผงอบเชย ผงฟูและเกลือป่นใส่ชามผสมแล้วคนให้เข้ากันค่ะ จากนั้นเทไข่พร้อมกับใส่เนยที่ตัดเอาไว้เป็นก้อนเล็กๆลงไป ใช้มีดหรือว่า pastry cutter ตัดเนยให้เป็นชิ้นเล็กๆจนสามารถผสมกับแป้งได้ จากนั้นแบ่งโดว์มาครึ่งนึง ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วเอาไปกรุพิมพ์ค่ะ ลูกสนกรุด้วยมือเลย แหะแหะ กรุเสร็จแล้วเอาพิมพ์และโดว์ที่เหลืออีกครึ่งเข้าแช่เย็นรอไว้ก่อนนะคะจากนั้นมาทำตัว filling กันค่ะ ส่วนผสมมีตามนี้เลย1. บลูแบร์รี่สด 4 ถ้วยตวง(ลูกสนใช้แบบแช่แข็งแทนเนื่องจากแบบสดแพงค่ะ)2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง(ใครไม่ชอบทานเปรี้ยวเพิ่มน้ำตาลอีก 2 ช้อนโต๊ะได้ค่ะ)3. แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะนำส่วนผสมทั้งหมดคลุกให้เข้ากันในชามผสม จากนั้นเทลงไปบนครัสท์ที่เราเตรียมไว้ค่ะ จากนั้นเอาโดว์ที่เหลือมาบิๆให้เป็นครัมพ์ โรยลงไปบนบลูแบร์รี่ ตรงนี้ลูกสนทำไม่ค่อยดีค่ะ มันเลยเป็นชิ้นค่อนข้างใหญ่เอาขนมเข้าอบเป็นเวลา 45 นาทีค่ะ ตอนขนมใกล้สุกนี่กลิ่นหอมเนยมากค่ะ ทำเอาท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด พออบเสร็จพักไว้ให้เย็นสนิทแล้วค่อยตัดนะคะ แต่ว่าลูกสนอยากกิน เลยตัดตอนที่มันยังอุ่นๆเลยค่ะ จับมาโพสท์ท่ายอดฮิตของขนมชนิดบาร์ค่ะ เรียงกันเป็นชั้นเลย ทานกับนมก็เข้าท่าเหมือนกันนะคะ ตอนกัดคำแรกนี่ลูกสนตกใจค่ะ ทำไมมันเปรี้ยวจัง แต่พอกินๆไปก็หายเปรี้ยวแล้วค่ะ เพราะมีส่วนครัสท์กับครัมพ์รสหวานมันมาช่วยไว้ ส่วนตัวลูกสนเองเป็นคนไม่ชอบกินเปรี้ยวอยู่แล้ว คิดว่าถ้าทำคราวหน้าจะเพิ่มน้ำตาลลงไปในบลูแบร์รี่ด้วยค่ะ ไม่รู้เพราะว่าเป็นบลูแบร์รี่แช่แข็งรึเปล่า มันเลยเปรี้ยวกว่าปกติ น้องสาวกินแล้วบอกว่าอร่อยแต่ว่าเปรี้ยวไปนิดนึง ยังไงถ้าเพื่อนๆลองทำก็เพิ่มน้ำตาลไปด้วยนะคะ ครัสท์ของขนมจะนุ่ม ตัดง่ายค่ะ ส่วนครัมพ์ก็กรอบ ได้หลายรสชาติในขนมชิ้นเดียวเลยค่ะ เพื่อนๆคนไหนหาขนมทานเล่นอยู่ ลองทำเจ้านี่ก็ได้นะคะ ใช้พวกแบร์รี่ชนิดอื่นแทนก็ได้ค่ะขอให้อร่อยๆกันทุกคนเลยนะคะ
คุกกี้เนยถั่ว
ชอบทานเนยถั่วกันมั๊ยเอ่ย?? ที่บ้านลูกสนจะมีเนยถั่วติดไว้ตลอดค่ะ ลูกสนชอบเอาเนยถั่วมากินกับคุกกี้โอริโอ้ เข้ากันดีจริงๆค่ะ รสชาติเค็มๆมันๆของเนยถั่วนี่ทำเอาบางครั้งลูกสนก็ตักมันใส่ช้อนให้พูนๆแล้วค่อยๆเอาเข้าไปละลายในปากค่ะ อร่อยยยยย วันนี้เลยลองหยิบเอาเนยถั่วมาใส่คุกกี้ดู ได้ออกมาเป็นคุกกี้รสชาติอร่อยเข้มข้น เพื่อนๆคนไหนที่ชอบเนยถั่วลองเอาไปทำดูนะคะ ส่วนผสม1. เนยจืด 1/2 ถ้วยตวง2. น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง3. เนยถั่ว 1 ถ้วยตวง( 260 กรัม)4. ไข่ไก่ 1 ฟอง5. นม 3 ช้อนโต๊ะ6. กลิ่นวานิลลา 1 1/2 ช้อนชา7. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 3/4 ถ้วยตวง8. เบคกิ้งโซดา 3/4 ช้อนชา9. เกลือ 1/2 ช้อนชามาดูพระเอกของวันนี้กันค่ะ ลูกสนชอบแบบหยาบมากกว่าแบบบดละเอียด เพราะว่ามันมีเนื้อถั่วให้เคี้ยวกรุบๆกรอบๆค่ะ แต่ถ้าใครจะใส่แบบบดละเอียดก็ไม่ว่ากันค่ะ วิธีทำอุ่นเตาอบไว้ที่ 175 องศาC จากนั้นร่อนแป้ง เบคกิ้งโซดาและเกลือเข้าด้วยกันแล้วพักส่วนผสมแป้งไว้ก่อนค่ะนำเนย น้ำตาลทรายแดงและเนยถั่วมาตีผสมให้เนียนเข้ากันดีค่ะ คอยใช้พายยางปาดขอบอ่างด้วยนะคะ วันนี้ลูกสนใช้ mixer ตีด้วยความเร็วสูงสุด ถ้าใครใช้มือก็เมื่อยหน่อยนะคะ เพราะส่วนผสมในขั้นนี้จะหนืดค่ะจากนั้นใส่ไข่ นมและกลิ่นวานิลลาลงไปค่ะ ตีผสมด้วยความเร็วต่ำจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วค่อยๆเทส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ลงไปผสม ผสมด้วยความเร็วต่ำเหมือนเดิมค่ะ เมื่อไม่เหลือแป้งเกาะกันเป็นเม็ดๆแล้วก็หยุดผสมได้เลย มาถึงตอนนี้ก็หยอดคุกกี้ลงบนกระดาษไข(ไม่ต้องทาเนย) ให้ห่างกันประมาณนิ้วครึ่งค่ะ ลูกสนหยอดก้อนนึงเส้นผ่านศูนย์กลางก็ประมาณ 1 นิ้วค่ะ แล้วเอามือเรานี่แหละ กดลงไปบนคุกกี้ให้เค้าเป็นทรงกลมแบนๆหน่อย จากนั้นเอาส้อมมากดลงบนคุกกี้เพื่อให้เป็นลายค่ะ เอาเข้าเตาอบที่อุ่นไว้เป็นเวลา 10-12 นาที แล้วแต่ว่าชอบคุกกี้แบบไหนค่ะ ถ้าอบ 10 นาทีจะได้คุกกี้แบบนุ่มๆ แต่ถ้าอบ 12 นาทีคุกกี้จะเริ่มกรอบขึ้นค่ะ พออบเสร็จแล้วให้เอาไปวางพักบนตะแกรงจนคุกกี้เย็น แล้วก็เก็บใส่ภาชนะได้เลยค่ะ วันนี้ที่ลูกสนทำอบ 12 นาทีค่ะ ถ้าทานตอนออกจากเตาใหม่ๆตรงขอบๆจะกรอบแต่ข้างในยังนุ่ม พอทิ้งให้คุกกี้เย็นเค้าก็จะกรอบทั้งชิ้นเลยค่ะ เนื้อมันเหมือนคุกกี้เดนม่าเลย(ชอบทานเดนม่าค่ะ ฮิฮิ) มะกี้ลูกสนลงไปกินมาอีกรอบ รู้สึกว่าพอทำทิ้งไว้คืนนึงแล้วคุกกี้อร่อยขึ้นค่ะ ลองจุ่มนมแล้วทานดูก็อร่อยไปอีกแบบค่ะแต่ยังไงตอนนี้เพื่อนๆมาแบ่งกันทานคนละนิดละหน่อยละกันนะคะ
พายเนยถั่ว
เอาขนมอร่อยๆแบบไม่ต้องอบมาฝากกันอีกแล้วค่ะ สำหรับใครที่ชอบทานเนยถั่วล่ะก็...ลองเอาไว้เป็นตัวเลือกดูนะคะ สูตรนี้ทำออกมาแล้วหวานมันแล้วก็หอมเนยถั่วค่ะ ลูกสนชอบทานเนยถั่วอยู่แล้วด้วย เลยลองทำดูค่ะ ฮิฮิ เมื่อก่อนชอบเอาโอริโอ้มาจิ้มเนยถั่วแล้วนั่งทาน ไม่น่าเชื่อค่ะว่าเป็นอะไรที่เข้ากันสุดๆเลย ตั้งแต่นั้นมาที่บ้านก็เลยมีเนยถั่วติดตู้เย็นประจำเลยค่ะ วันนี้ได้โอกาสเลยเอาเจ้าของโปรดมาทำเป็นของหวานซะเลย มาดูกันเลยนะคะ ^^ส่วนผสมครัสท์1. Digestive Biscuit 150 กรัม บดละเอียด2. เนยจืด 1/3 ถ้วยตวง นำไปละลายวิธีทำนำบิสกิตกับเนยละลายมาคลุกให้เข้ากันค่ะ แล้วกรุลงในพิมพ์พายขนาด 9 นิ้ว ลูกสนใช้พิมพ์พายแก้วค่ะ^^ จากนั้นเอาเข้าไปแช่ช่องฟรีซเลยค่ะ แช่ซัก 20 นาทีค่ะ แล้วเราก็หันมาทำตัว filling ต่อเลย :) นี่เป็นพายตอนแช่เสร็จแล้วค่ะ ^o^ส่วนผสมfilling1. ครีมชีส 1/2ก้อน(4 ออนซ์)2. น้ำตาลไอซิ่ง 3/4 ถ้วยตวง(ลูกสนลดน้ำตาลลง 3 ช้อนโต๊ะค่ะ)3. เนยถั่ว 1/2 ถ้วยตวง4. นมสด 1/2 ถ้วย5. วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยวิธีทำfilling1. ตีครีมชีสกับน้ำตาลไอซิ่งให้เข้าจนเนียน จากนั้นเติมเนยถั่วลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน2. ตีวิปปิ้งครีมให้ขึ้นฟู จากนั้นค่อยๆแบ่งมาตะล่อมในส่วนผสมครีมชีสจนหมด เท่านี้ filling ก็เสร็จแล้วค่ะ ^^3. จัดการเทลงพิมพ์พายเลยค่ะ แล้วก็ปาดหน้าให้เรียบๆค่ะ จากนั้นเอาเข้าช่องฟรีซซัก 4 ชั่วโมงแล้วค่อยเอามาทานนะคะ ตัดเสิร์ฟแล้วค่ะ ลูกสนเอาพายออกมาวางข้างนอกให้หายแข็งก่อนประมาณ 20 นาทีค่ะ เวลาตัดจะง่ายขึ้นหน่อย ^^ แล้วใครชอบอะไรก็หามาราดเลยค่ะ จะเป็นช็อคโกแลตซอส คาราเมลหรือว่าวิปครีมเพิ่มเข้าไปอีกก็ได้ค่ะ ลูกสนเปิดตู้เย็นไปเจอคาราเมลพอดีค่ะ ฮิฮิ เลยเอาออกมาใช้ซะเลย แล้วก็โรยถั่วลงไปอีกซักหน่อย เท่านี้ก็อร่อยแล้วค่ะ ชิ้นนี้ลูกสนยกให้ทุกๆคนเลยค่ะ แบ่งๆกันทานอร่อยนะคะ ^^