|
Review RD-700SX
ห่างหายไปนานสำหรับวิชานี้ครับ ที่จริงมีโอกาสเล่นเจ้า RD700SX มาหลายอาทิตย์แล้ว แต่เพิ่งมีเวลามารวบรวมเนื้อหาครับ ตัวนี้เป็นกลุ่มที่ Roland เรียกว่า Stage piano ซึ่งการใช้งานจะเหมาะกับการเล่นสดหรือในสตูดิโอเพื่อใช้เป็น controller มากกว่ามาตั้งเล่นตามบ้านครับ ซึ่งรูปลักษณ์การออกแบบก็ไม่ได้อ่อนข้อบรรดารุ่นพี่อย่าง RD500 , RD 600 หรือ RD 700 ที่สร้างชื่อมาก่อนเลย
รูปร่างภายนอก Roland ออกแบบรุ่น RD ได้คล้ายๆกันครับ ในรุ่น RD 700SX นี่ผมจะชอบด้านข้างเป็นพิเศษ คือจะทำเป็นขอบหยักขึ้นด้านข้าง เพื่อช่วยในการยกหรือเคลื่อนย้าย แบบเดียวกับใน Fantom series ตัวถังทั้งหมดเป็นโลหะยกเว้นด้านล่างครับ สีด้านหน้าดูอาจจมีปัญหาเล็กน้อยเพราะเป็นสีดำพ่นเคลือบบนผิวอลูมิเนียมสีบรอนซ์ ซึ่งถ้าเกิดการขูดขีดเล็กน้อยจะเห็นสีขาวเด่นออกมาเลยทีเดียว ความหนักตัวนี้ไม่เป็นรองใครเลยครับ แต่ถ้าเทียบกับคีย์บอร์ด 88 คีย์แล้วถือว่าไม่หนักเกินไปครับ
การจัดวาง
รูปร่างของการจัดวางตำแหน่งของ Roland ยังคงแบบเดิมครับ ไม่มี modulation wheel แยกกับ pitchbend เหมือนเคย มีแต่ joystick แบบครึ่งท่อน ด้านซ้ายของจอ LCD จะเป็นภาค volume , parametric EQ , sound control (stereo limiter) , ภาคควบคุม effects reverb, chorus และ multi FX และเป็นปุ่มควบคุม arppegiator และ backup rhythm และมี slider ควบคุม zones ต่างๆของ คีย์บอร์ดทั้ง upper และ lower รวมทั้ง switch local control on/off ครับ จอ LCD เป็นจอขนาดเล็กๆครับ ซึ่งที่จริงแล้ว Roland น่าจะปรับขนาดของจอเพิ่มขึ้นกว่านี้ครับ เพราะขนาดจอเล็กมากเมื่อเทียบกับข้อมูลที่ต้องดู หรืออย่างน้อยท้เป็นหน้าจอยาวๆแบบในรุ่น XP ก็ยังดี เพราะเวลาตั้งค่าหรือตั้งเสียงนี่ต้อง scroll ไปมาอยู่หลายๆรอบเลยครับ โดยเฉพาะเวลาเราใช้งานกับเสียงที่ซับซ้อนหลายๆ layers และมี arppegiator หรือ backing track ร่วมด้วย
ด้านขวาของจอ LCD จะมีปุ่ม inc, dec, และ cursor navigators แบบ 4 ทิศทางครับ และมีปุ่มที่ใช้เลือก categories ของเสียงโดยหลักๆเช่น acoustic piano, electric piano, clav/mallet, strings. Pad, organ, guitar/bass, brass/winds, voices/synth, rhythm/GM2 ซึ่งสามารถเข้าไปเลือกเสียงหลักๆแต่ละ categories ได้ทันที ด้านบนจะเป็นปุ่ม one-touch button ซึ่งมีประโยชน์มากครับ ปุ่มนี้จะมีให้เลือกเป็น A. Piano กับ E. Piano โดยจะ hardwire กับเสียงหลักๆเช่น A.Piano ก็จะมีให้เลือกคือ Superior Grand กับ X Ultimate ส่วน Electric Piano ก็จะเป็น SX E.Piano1 กับอะไรอีกสักตัวนี่แหละครับ ปุ่มนี้เหมาะสำหรับเวลาที่เราเล่นอะไรใน RD 700SX ไปเรื่อยๆจนต้องกลับมาเล่นเสียงเปียโนเหมือนเดิม ไม่ต้องวนกลับเข้า menu เดิมๆอยู่ คุณสามารถกดปุ่มนี้ได้เลยครับ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นปุ่มเลือกการทำงานของ layer ต่างๆของ Keyboard ทั้ง 4 layer ครับ คือ upper1,2 , Lower 1,2 ด้านหลังของเครื่องน่าสนใจมากทีเดียวครับ อย่างแรกเลยก็คือ port แบบ XLR ใน main output และก็มี port แบบ unbalanced มาด้วยกัน ซึ่งเหมาะมากเวลาต่อเข้ากับ mixer ทั่วๆไปไม่ต้องผ่าน DI box และที่เพิ่มความรู้สึกของการเป็น controller ก็คือ MIDI out เพิ่มออกมาอีก 1 port และมี USB port โดยที่ RD 700 SX จะมี internal memory ในตัว 1 MB สำหรับโหลด SMF (standard midi file) มาใช้กับ GM2 module ในตัวครับ ซึ่งถ้าเทียบกับเพลงทั่วไปก็น่าจะประมาณ 20-30 เพลง ครับ ก็พอเหมาะสำหรับงานประจำวันหนึ่ง และที่ขาดไม่ได้คือ SRX-expansion slot ซึ่งมีมาให้ 2 slots จริงๆแล้ว expansion board ของ Roland นี่ไม่ถูกนะครับ ตัวนึงก็หมื่นกว่าบาท ล้วถ้าเทียบกับ sound จาก CD ROM ที่มีจำหน่ายทั่วไปนี่ expansion board แพงกว่ากันเยอะครับ แต่ที่ผมมองก็คือ ตัว expansion board ให้ความสะดวกในการเลือกเสียงที่เราต้องการ โดยไม่ต้องเสียเวลา load หรือโปรแกรมเพิ่มเติม เราสามารถเลือกใช้เสียงจาก expansion board ได้ทันทีเหมือนเป็น bank หนึ่งในเครื่องเลยทีเดียว ในส่วนของ foot controller Roland ก็ไม่ได้ตัดลดลง แต่ให้มาถึงสามครับ สามารถพ่วงได้ทั้ง continuous controller หรือ switching ก็ได้ ของ RD 700SX จะมี parameter ที่สามารถใช้ foot switch กำหนด tap tempo ได้ครับ นับว่าสะดวกมากๆ
การใช้งาน ตรงนี้มีรายละเอียดมากพอควรครับ เริ่มต้นจากพื้นฐานของ synth engine ก่อนเลย ใน RD 700 เดิมนี่ใช้ engine แบบเดียวกันกับ XV-series ครับ ความจุของ ROM เสียง ประมาณ 64 MB หรือถ้าเป็นความจุจริงน่าจะเพียงครึ่งหนึ่ง ส่วน RD 700 SX ใช้ engine ที่มีใน Fantom-X ครับ ตัดในส่วนของ M-FX ออกไปเหลือแค่ 2 M-FX และ Chorus กับ Reverb และเพิ่มในส่วนของ parametric EQ ที่สามารถเลือก boost frequency ได้ (sweep) และ stereo compressor ซึ่งช่วยในการเล่นสดมากครับ ถ้าเทียบกับ graphic EQ แล้วผมรู้สึกว่า parametric EQ ช่วยมากกว่าในกรณีของการปรับเสียงเปียโนให้เข้ากับสถานที่แต่ละที่ โดยในส่วนของ mid frequency สามารถปรับ sweep ได้กว้างถึงช่วง 20 Hz ปละไปได้สุดถึง 15 KHz และปรับที่ Q ได้ สามารถทำ filter แบบ Hi-pass, lo-pass หรือ Band pass/ reject ได้ครับ เสียงของ RD 700SX เป็นอะไรที่มีคนสนใจมากครับ เพราะ Roland โปรโมทเสียงของตัวนี้ไว้เยอะทีเดียว ขอเน้นที่ตัวเสียง acoustic piano ก่อนนะครับ เสียง acoustic piano หลักๆมีหลายตัวครับ แต่ที่เป็น high-light เลยก็คือ Superior grand ซึ่งเป็น Steinway Grand Model D sampling และ X-Ultimate grand ซึ่งเป็น Yamaha Grand Model C และเป็นเสียงที่มีอยู่ใน Fantom X ถ้าพูดถึงคุณภาพของเสียงทั้งสองเสียงนี้ต้องถือได้ว่าทำได้ดีทีเดียวครับ Roland เน้นที่การ sampling note ทุกๆตัว ทั้ง 88 คีย์ ที่ความละเอียดของ velocity 3-4 ระดับ ซึ่งเปียโนไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติระดับนี้ก็มีแต่ใน Clavinova CLP-900 series ของ Yamaha และ Korg OASYS เท่านั้นครับ และราคาสูงกว่า RD 700SX หลายเท่า เสียง Superior grand เหมาะสำหรับ solo โดยเฉพาะเพลงแนว Jazz หรือ Classic เสียงจะออกทุ้มๆ หม่นๆเล็กน้อย ส่วน X-Ultimate ที่มาจาก Yamaha Grand นั้นทำได้ดีทีเดียวครับ setup ที่ผมใช้ตัวล่างเป็น Fantom X8 ตัวบนเป็น Motif 7ES เมื่อเวลาตั้งเสียง Grand piano เหมือนกัน สามารถยกมือเล่นจาก Fantom Xไปยัง Motif ES ได้โดยคนทั่วไปไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของเสียงเลยครับ (แต่ผมปรับ mastering effects ของ Fantom X เป็น High Boost แล้วนะครับ ถ้าไม่ปรับเสียงจะอึมครึมมาก) เสียงของ X-ultimate เหมาะสำหรับเพลง Pop มากครับ หรือ Ballad หวานๆ แล้วซ้อนกับเสียง Strings จะเหมาะมากทีเดียว แต่ไม่ค่อยเหมาะกับเพลงเร็ว เพราะค่อนข้างจะจมใน Mix และถึงปรับ EQ แล้วก็ตามเสียงที่ออกมาก็ไม่น่าเล่นเท่าที่ควร เสียงที่เหมาะกว่าผมว่าน่าจะเป็น So true ใน Fantom-S, X ครับ หรือเสียง 600Grand ใน RD 700SX ซึ่งเป็นเสียงที่มาจาก RD 600 ครับ เสียงจะผ่านการ compress มาระดับหนึ่งแล้ว โดยรวมแล้ว เสียงของ Ultimate grand และ Superior Grand ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยครับ และ Roland ก็ไม่ลืมที่จะรวมฮิตเสียงที่เคยสร้างชื่อก่อนหน้านี้เข้ามารวมไว้ด้วย เลยทำให้เสียงของRD 700SX มีให้เลือกกว้างขึ้น ในส่วนของ Electric piano ก็ผ่านในระดับของ Roland และเสียงรวบรวมมาได้ครบทั้ง CP-70 , Rhodes, Wurlitzer , Dyno Rhodes , FM electric piano ยังขาดแต่เสียงของ RMI ซึ่งหาได้ยากในคีย์บอร์ดปัจจุบัน เสียงอื่นๆเช่น Strings ก็ให้น้ำหนักที่ดีครับ ออกจะแน่นไปบางครั้งเวลาเอามาซ้อนกับเสียงเปียโน ซึ่งต้อง Open chord ไว้กว้างๆหน่อยครับ หรือไม่ก็เลือกใช้เสียง Synth string แทนครับ ที่ขาดไปในกลุ่มนี้คงเป็นพวกเสียง solo string กับพวก Cello หรือ Contrabass หนักๆ แต่เท่าที่มีก็เพียงพอสำหรับการเล่นทั่วๆไปแล้วครับ เพราะเสียงพวกนี้สามารถหาได้จากการ์ด Strings อยู่แล้ว ในส่วนของ Organ นั้นจะประกอบด้วยเสียง Organ แบบ samples ทั่วไปและ virtual tonewheel organ ซึ่งยืมเทคโนโลยีมาจากรุ่น VK-series เสียงส่วนใหญ่แน่นดีครับ เพร634;ะผ่าน Organ M-FX เสียง Leslie ก็สามารถใช้งานได้ระดับหนึ่ง แม้จะไม่เนี๊ยบมากนัก แต่สามารถใช้แทรกในเพลงได้ โดยไม่ต้องเพิ่มคีย์บอร์ดใหม่เข้าไป เสียงตระกูล pad จะออกเน้นไปทางแน่นๆมากกว่า บางเสียงไม่ค่อยเหมาะจะใช้เป็นเสียงซ้อนกับเปียโน เสียงตระกูล brass ก็อยู่ในระดับเทียบเท่ากับ Fantom X ครับ อาจจะไม่ค่อยเด่นนัก เช่นเดียวกับเสียงที่เหลือครับ ในแง่ของการเล่นสด Roland ทำการบ้านเจ้า RD 700SX มาดีทีเดียวครับ ทุกปุ่มสามารถใช้งานได้ง่าย แม้ไม่มีคู่มือประกอบ หรือสามารถเลือกใช้ตรงไปตรงมา เช่น transpose ก็กดปุ่มคาไว้แล้วเลือกคีย์ที่เราจะ transpose ไป หรือ split ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ฟังก์ชั่นควบคุมเสียงหรือ master keyboard ก็ตรงไปตรงมา สามารถตั้งเองได้ง่ายๆ หรือจะเจาะลึกลงไป เช่นให้ rhythm ส่งออกไปยัง sound module ตัวนี้ หรือให้ arp ควบคุมแค่บาง feature ก็สามารถทำได้เช่นกันครับ
สรุปเสียที ตัว RD 700SX สามารถเป็นทั้ง stage piano, master controller และเป็นตัว input ผ่าน USB ได้ดีทีเดียวครับ การใช้งานง่าย ลูกเล่นที่จำเป็นจริงๆสำหรับการเล่นสดหรือในสตูดิโอ และเสียงเปียโนที่ไม่เป็นรองใคร ทำให้ RD-700SX ค่อนข้างโดดเด่นมาก แต่กรณีของการมาใช้เป็น solo piano อาจจะทำได้ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก ถ้าเทียบกับเสียงเปียโนที่ได้จาก Virtual synth อื่นๆ เพราะขนาดของเสียงต่างกันเป็นร้อยเท่า แต่ความสะดวก รวดเร็ว และสามารถยืดหยุ่นในการใช้งานเป็นจุดแข็งของตัวนี้ครับ
Create Date : 03 มิถุนายน 2548 |
Last Update : 3 มิถุนายน 2548 13:37:57 น. |
|
16 comments
|
Counter : 3944 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Thundermare IP: 161.200.27.207 วันที่: 3 มิถุนายน 2548 เวลา:16:15:46 น. |
|
|
|
โดย: หมอจุ๊บ IP: 203.156.38.112 วันที่: 3 มิถุนายน 2548 เวลา:20:01:33 น. |
|
|
|
โดย: หมอจุ๊บ IP: 203.156.38.112 วันที่: 3 มิถุนายน 2548 เวลา:20:02:52 น. |
|
|
|
โดย: GooG IP: 210.246.160.2 วันที่: 4 มิถุนายน 2548 เวลา:1:46:55 น. |
|
|
|
โดย: Thundermare IP: 58.10.59.155 วันที่: 4 มิถุนายน 2548 เวลา:19:54:31 น. |
|
|
|
โดย: MooG.G วันที่: 8 มิถุนายน 2548 เวลา:3:13:04 น. |
|
|
|
โดย: รัน IP: 58.10.227.17 วันที่: 24 มกราคม 2549 เวลา:0:06:10 น. |
|
|
|
โดย: เจ IP: 203.172.199.254 วันที่: 6 กันยายน 2549 เวลา:14:41:08 น. |
|
|
|
โดย: De Pianist IP: 124.120.24.93 วันที่: 19 กันยายน 2549 เวลา:2:31:32 น. |
|
|
|
โดย: โปเกมอน IP: 58.10.222.97 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:23:46 น. |
|
|
|
โดย: โปเกมอน IP: 58.10.222.10 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:02:10 น. |
|
|
|
โดย: man IP: 58.9.193.75 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:40:54 น. |
|
|
|
โดย: นุ้ย (enuiz ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:53:38 น. |
|
|
|
โดย: โทนครับ IP: 202.28.35.3 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:28:45 น. |
|
|
|
โดย: phongthepb4 IP: 125.24.224.242 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:36:20 น. |
|
|
|
โดย: Bjoey IP: 112.142.61.171 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:38:10 น. |
|
|
|
| |
|
|
เรื่องมีอยู่ว่า
เพื่อนผมเป็นประธานฝ่ายพัสดุของมหาลัยคับ แล้วมีชมรมคาทอลิกทำเรื่องมาขอซื้อเปียโนไฟฟ้า โดยที่เค้าเสนอ xv88 พร้อมขาตั้ง เก้าอี้ ลำโพง ในราคา 120000 แต่ผมลองหาข้อมูลของ xv88 แล้ว แต่ไม่พบเลย ไม่ทราบว่าคุณหมอมีข้อมูลบ้างไม้คับ
แล้วถ้าเทียบกับ พวก rd เป็นอย่างไรบ้าง
ปล. เค้าบอกมาด้วยว่า yamaha ไม่ทน (ผมก็ไม่อยากจะเชื่ออะค้บ) ไม่ทราบว่าจริง ฤ ป่าว เพราะ ดู s08 อยู่อีกรุ่น
ขอบคุณคับ