คือ...ส่วนผสมของความรัก รอยยิ้ม และความสุข....ที่ทำด้วยใจ
Born To Be & Try To Be...

สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามมิให้ผู้ใดนำ "ข้อความ" และ "รูปภาพ" ไปเผยแพร่ในที่สาธารณชนโดยมิได้รับอนุญาต...

Bambie
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Enjoy every moment of life...

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Bambie's blog to your web]
Links
 

 

WhitChoc GreenTea .....เค้กไวท์ชอคโกแลตมูสชาเขียว



ส่วนผสม

แป้งเค้ก 100 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 3 ฟอง
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
เอสพี 2 ช้อนชา
นมข้นจืด 50 กรัม
เนยสดละลาย 50 กรัม
ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
สีเขียวแอปเปิ้ลอีก 3-4 หยด

วิธีทำ
1.ร่อนแป้ง ผงชาเขียว และผงฟูเข้าด้วยกัน พักไว้
2.ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย เกลือป่น เอสพี จนขึ้นฟูขาว ประมาณ 7-10 นาที
3.พอตีไข่ให้ขึ้นฟูดีแล้ว ให้ตีตัดฟองด้วยความเร็วต่ำๆ จากนั้นใส่แป้งสลับกับนมสด โดยเริ่มต้นที่แป้ง จบด้วยแป้ง
5.พอแป้งกระจายตัวเข้ากันดีกับไข่แล้ว จึงค่อยใส่เนยสดละลาย
6.จากนั้นนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮด์ ประมาณ 30นาที นำออกมาพักไว้ให้เย็น อาจตัดแบ่งเป็นชั้นได้ 2-3 ชั้น

*สำหรับเค้ก WhitChoc GreenTea นี้ บีสอดไส้ด้วยคัสตาร์ดชาเขียว และแต่งหน้าด้วยมูส WhiteChoc Greentea ค่ะ ตัวคัสตาร์ดบีใช้สูตรจากหนังสือขนมของคุณเศรษฐพงษ์ แต่ไม่ได้เอาติดมาด้วย เลยไม่ได้ให้สูตรไว้นะคะ

แต่จริงๆ แล้ว จะสอดไส้ด้วยมูส WhiteChoc GreenTea ตามสูตรข้างล่างนี้ไปเลยก็ได้ค่ะ แต่ควรจะเพิ่มส่วนผสมอีกนิดนะคะ เพราะสูตรข้างล่างปริมาณมากพอสำหรับแค่แต่งหน้าเค้กเท่านั้นค่ะ

ส่วนผสมมูส WhiteChoc GreenTea สำหรับแต่งหน้าเค้ก 2 ปอนด์ 1 ก้อน

วิปปิ้งครีม 350 กรัม
White chocolate 70 กรัม + นมสด 1/4 ถ้วย + ผงชาเขียว 1 ช้อนชา + สีเขียวแอปเปิ้ล 4 หยด

ให้ค่อยๆ ตุ๋น/ละลายชอคโกแลต ผงชาเขียว สีเขียว และนมสดจนเข้ากันดี พักไว้จนเย็นตัว แล้วเอามาผสมกับวิปปิ้งครีมที่ตีจนขึ้นฟูดีแล้ว ค่อยๆ ตะล่อมจนเข้ากันดี แล้วเอามาใช้แต่งหน้าเค้กได้เลย

Note: สูตรเค้กนี้บีดัดแปลงมาจากเค้กกาแฟเจนัวของครัวไกลกังวลค่ะ ถ้าหากตีส่วนผสมได้ที่แล้ว เนื้อเค้กที่ได้จะขึ้นฟู และนุ่มดีค่ะ




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2549 12:17:37 น.
Counter : 1260 Pageviews.  

Blueberry Milk Cake .....เค้กนมสดบลูเบอรี่



ส่วนผสม

1. แป้งเค้ก 100 กรัม
2. ผงฟู 3/4 ช้อนชา
3. น้ำตาลทราย 120 กรัม
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
5. น้ำ 40 กรัม
6. นมข้นจืด 30 กรัม
7. ไข่ไก่ 3 ฟอง (บีใช้เบอร์ 2)
8. เนยสดละลาย รสเค็ม 70 กรัม
9. SP 10 กรัม
10. กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา (บีใช้กลิ่นนมเนย 1/2 ช้อนชาแทนกลิ่นส้มค่ะ)

วิธีทำ
1. ร่อนแป้งกับผงฟู พักไว้
2. วอร์มเตา เราต้องการอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสค่ะ
3. ตัดกระดาษไขรองก้นพิมพ์เค้ก ไม่ต้องทาไขมันใด ๆ ทั้งสิ้น
4. ใช้เครื่องตีไข่กับหัวตีรูปตะกร้อ ใส่น้ำตาลทราย เกลือ ไข่ไก่ และน้ำลงไป และเอา SP ปาดที่หัวตะกร้อ ตีให้น้ำตาลละลาย (บีตีนานประมาณ 7 นาทีค่ะ จนกระทั่งส่วนผสมขึ้นฟู ขาว ข้น และอยู่ตัวดีเลยค่ะ)
5. ใส่แป้งลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที ใช้พายยางช่วยให้เข้ากันได้ค่ะ (สังเกตได้ว่า ถ้าส่วนผสมไข่อยู่ตัวแล้ว เวลาเทแป้งลงไป แป้งจะไม่จมค่ะ จะลอยๆ อยู่บนส่วนผสม ซึ่งจะต้องผสมส่วนผสมให้ดี แต่อย่านานค่ะ หลังจากตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาทีแล้วบีก็ปิดเครื่องแล้วใช้พายยางค่อยๆ ตะล่อมและปาดอ่างตามวิธีการเลยค่ะ)
6. ปาดอ่าง เปลี่ยนเป็นตีด้วยความเร็วปานกลาง 5 นาที เพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู และข้นเหนียว (ขั้นนี้ บีทำแล้วสงสัยมากเลยค่ะว่า ตีตั้ง 5 นาที เค้กจะเหนียวไม๊น๊า แต่ว่าผลออกมาดีมากเลยค่ะ ขึ้นฟู ข้นเชียวค่ะ)
7. ปาดอ่าง ตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที แล้วใส่นมข้นจืดที่ใส่กลิ่นนมเนยไว้แล้ว ตามด้วยเนยสดละลาย (หลังจากที่บีเปลี่ยนความเร็วต่ำแล้ว บีก็ค่อยๆ เทนมข้นจืดลงไปเป็นสายเลยค่ะ แล้วใช้เวลาตีประมาณ 1 นาที แล้วจึงค่อยๆ เทเนยละลายเป็นสายลงไปเช่นกันค่ะ)
8. ปาดอ่างเบา ๆ อีกครั้ง และตีด้วยความเร็วต่ำจนเนื้อเค้กเนียน ไม่มีฟองอากาศ นำส่วนผสมออกมาเทใส่พิมพ์
9. เคาะก้นพิมพ์เบา ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศครั้งสุดท้าย แล้วเอาใส่เตาเลยค่ะ อบด้วยไฟล่างอย่างเดียวอุณหภูมิ 180 องศา ใช้เวลาอบ 25-30 นาที (บีใช้เวลาประมาณ 35 นาทีค่ะ)
10. สังเกตว่าหน้าเค้กจะนูนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 20-25 นาที ไม่ต้องตกใจค่ะ 5 นาทีสุดท้ายของการอบให้เปลี่ยนไฟในการอบเป็นไฟบนอย่างเดียว แล้วลดอุณหภูมิของเตาให้เหลือ 150 องศา หน้าเค้กจะเริ่มยุบลง
11. เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว นำออกจากเตาทันที กระแทกพิมพ์ 1 ครั้งบนโต๊ะ เพื่อให้โครงสร้างเค้กอยู่ตัว (บีวางพักไว้ประมาณ 20 นาที ขอบเค้กเริ่มร่อนออกจากพิมพ์ค่ะ ก็ใช้มีดบางๆ ค่อยเทปาดไปรอบๆ พิมพ์ เพื่อไม่ให้เนื้อขนมติดพิมพ์ และเวลาเคาะออกจากพิมพ์เนื้อเค้กจะด้านข้างจะไม่ขาดค่ะ)

นี่ล่ะค่ะ จากวิธีการทำเค้กที่อ่านอย่างระมัดระวังมากขึ้น ก็เลยได้เค้กที่สวย และเนื้อดีมากๆ เลย ไม่มีเป็นไตเลยสักนิดเดียวค่ะ

บีเอามาสไลด์ 3 ชิ้น แล้วสอดไส้ด้วยการปาดด้วยครีมสด + บลูเบอรี่ ทุกชั้นค่ะ จนกระทั่งถึงชั้นบนก็แต่งหน้าเค้กดังภาพค่ะ

สูตรครีมสดก็ไม่มีอะไรมาก บีใช้วิปปิ้งครีม 500 ml. ตีกับน้ำตายทรายป่น 50 กรัม (ประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ) จนขึ้นฟูแค่นั้นเองค่ะ ส่วนบลูเบอรี่ก็ซื้ออย่างกระป๋องสำเร็จมาใช้ได้เลยค่ะ

Note: สูตรเค้กสปองค์นี้ บีเอามาจากพี่แหม่ม Tiara นะคะ สูตรนี้เป็นสูตรในตำนาน ที่ดีและอร่อยมากๆ เลยค่ะ ขอขอบคุณพี่แหม่มเจ้าของสูตรอร่อยนี้ด้วยค่ะ




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2549 17:31:14 น.
Counter : 1590 Pageviews.  

Marble Pound Cake .....เค้กลายหินอ่อน



ส่วนผสม (2 ปอนด์)

เนยสด (เค็ม) 150 กรัม
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา (บีขอลดลงเหลือแค่ 1/4 ช้อนชาค่ะ)
น้ำตาลทรายป่น 170 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง (เบอร์ 2)
แป้งเค้ก 170 กรัม
ผงฟู 2 ช้อนชา
วนิลา 2 ช้อนชา
นมสด(จืด) 100 กรัม
ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ (ละลายในน้ำอุ่น 1 ช้อนโต๊ะ)

วิธีทำ

1. ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือ 3 รอบ
2. ตีเนยด้วยความเร็วต่ำ ไล่ไปเรื่อยๆ ถึงความเร็วสูง จนเนียน (ห้ามตีจนเหลวนะ ให้เนยเนียนแต่ยังเย็นอยู่)
3. ค่อยๆ ใส่น้ำตาลป่นลงไป ตีด้วยความเร็วสูง ใส่น้ำตาลป่นไปเรื่อยๆ ตีไปเรื่อยๆ
4. เมื่อผสมน้ำตาลหมดแล้ว จะได้ครีมฟูเบา
5. เริ่มใส่ไข่ลงไป (ใช้เทคนิคการตีไข่เหมือนตีไข่เจียวก่อนครับ แล้วค่อยๆ เทลงไปเป็นสายเล็กๆ ทีละนิด เพื่อให้ได้เนื้อเค้กเนียน) เทลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่เปิดเครื่องตีด้วยความเร็วสูงเช่นเดิม
6. ค่อยๆ ผสมไข่ลงไปจนหมด จะได้ส่วนผสมเนียน ช่วงนี้ให้วอร์มเตาอบไว้ได้เลย โดยใช้อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส
7. นำส่วนผสมแป้งที่พักไว้ ใส่ลงไป โดยแบ่งใส่ 3 รอบ แล้วกวนด้วยตะกร้อมือหรือตะล่อมด้วยพายยาง ค่อยๆ ทำอย่างเบามือ แล้วจึงใส่นมสดลงไป สลับกับแป้ง คือแบ่งใส่นมสด ให้ได้ 3 รอบ กวนให้นมสดเข้ากันกับส่วนผสม แล้วจึงค่อยเติมแป้งลงไป ทำซ้ำสลับกันไปเรื่อยๆ
8. เตรียมถาดฟอยล์ โดยไม่ต้องทาไขมันหรือกรุกระดาษไข แต่หากใช้พิมพ์เค้ก ให้ทาเนยขาวไว้ด้านในพิมพ์ แล้วกรุกระดาษไขด้านใน ทั้งด้านล่างและด้านข้างของพิมพ์
9. แบ่งส่วนผสมออกมาส่วนหนึ่ง ผสมกับส่วนผสมโกโก้ที่เตรียมเอาไว้ เพื่อใช้ทำลายหินอ่อน
10. เทส่วนผสมสีขาวลงไปในพิมพ์ราวๆ 1 ใน 3 ของพิมพ์ แล้วเทส่วนผสมโกโก้ลงไป แล้วตามด้วยส่วนผสมสีขาวอีกครั้ง ให้ได้ส่วยผสมราวๆ 2/3 ของพิมพ์ เสร็จแล้วใช้ตะเกียบวนส่วนผสมเป็นเลข 8 สัก 2-3 รอบ
11. อบไฟล่างเป็นเวลาราวๆ 50-55 นาที ขึ้นอยู่กับเตาอบ หากมีไฟบนก็สามารถเปิดใช้ ไฟบนไฟล่าง ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เพื่อทำให้หน้าขนมมีสีสวยได้ หากไม่ชำนาญในการใช้เตาอบ ให้ทำการเช็คสุกเมื่ออบไปแล้วราวๆ 40 นาที (หากยังไม่สุก ทำการเช็คสุกซ้ำอีกทุกๆ 5 นาที) โดยใช้ไม้จิ้มฟัน แทงลงตรงศูนย์กลางของเค้ก แล้วยกขึ้นมาดู ถ้าไม่มีเค้กเหลวๆ ติดออกมา ก็แสดงว่าสุกแล้ว นำออกจากเตาได้เลย

***เมื่อเค้กเย็นแล้วให้ปิดฝาแล้วหุ้มขอบฝาด้วยริมฟอยล์ที่เหลือให้แน่น หรือในกรณีที่ไม่มีฝาถาดฟอยล์ หรือใช้พิมพ์เค้ก ให้หุ้มเค้กทั้งถาดหรือทั้งก้อน ด้วย wrap ห่ออาหาร หรือจะใช้ฟอยล์ห่ออาหารก็ได้ หุ้มให้สนิท ไม่ให้มีช่องให้อากาศหรือน้ำเข้าได้ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นช่องฟรีสอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ตัดเค้กได้เรียบสวย

Note: สูตรเค้กลายหินอ่อนนี้ บีใช้สูตรบัตเตอร์เค้กของพี่ Jumjee ค่ะ แต่ดัดแปลงมาใส่ผงโกโก้ลงไปเล็กน้อยเพื่อทำลายเค้กเท่านั้นเองค่ะ สำหรับเตาอบของบีใช้เวลาอบเพียงแค่ 45 นาทีก็สุกแล้วค่ะ อบมาใหม่ๆ เนื้อเค้กเนียนนุ่มเบาฟูมากค่ะ แต่พอเอาเข้าตู้เย็นแล้วเนื้อเค้กจะชุ่มเนยขึ้นเนียนและแน่นขึ้นอีกด้วยค่ะ




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2549    
Last Update : 26 ตุลาคม 2549 19:43:29 น.
Counter : 6030 Pageviews.  

Peanut Butter Cookies .....คุกกี้เนยถั่ว



ส่วนผสม

เนยถั่ว ชนิดละเอียด (Peanut Butter) 1/2 ถ้วย
เนย หรือมาร์การีน 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย (เนื่องจากเนยถั่วหวานอยู่แล้ว บีคิดว่าลดน้ำตาลลงเหลือแค่ 1/4 ถ้วยก็พอค่ะ)
น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
ไข่ 1 ฟอง
วนิลลา 1/2 ช้อนชา
เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 + 1/4 ถ้วย

** บีไม่แน่ใจว่าต้นฉบับใช้เนยถั่วแบบไม่ผสมน้ำตาลรึเปล่านะคะ แต่ที่บีทำบีใช้แบบหวานค่ะ คือ ชนิดที่ทาขนมปังได้เลย ทำออกมาแล้ว คุกกี้ก็เลยหวานไปค่ะ ขอแนะนำว่าหากใช้เนยถั่วชนิดหวานเหมือนบี ควรจะลดน้ำตาลทรายลงเหลือแค่ 1/4 ถ้วยก็พอนะคะ เพราะไม่งั้นคุกกี้จะหวานเกินไป และปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไปนี้จะทำคุกกี้ไม่กรอบร่วนด้วยค่ะ

วิธีทำ

1. ใส่พีนัทบัตเตอร์และเนย ลงในถ้วยผสมใบใหญ่ ใช้เครื่องตี ตีด้วยความเร็วเบอร์ 6 ประมาณ 1 นาที
2. ใส่น้ำตาลทั้งสองอย่าง ไข่และวนิลลา ตีต่อด้วยความเร็วเบอร์ 4 ประมาณ 1 นาที
3. ใส่แป้ง เบกกิ้งโซดา และเกลือ ตีด้วยความเร็วต่ำประมาณ 30 วินาที และเปลี่ยนความเร็วเป็นเบอร์ 2 ตี 30 วินาที
4. ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ขนาด 1 นิ้ว วางลงบนถาดอบ ระยะห่างประมาณ 2 นิ้ว หลังจากนั้นใช้ช้อนส่อมกดลงไปบนคุ๊กกี้ให้มีลักษณะเหมือนในรูป(criss-cross) กดลงให้หนาประมาณ 1/4 นิ้ว
5. นำไปอบด้วยไฟ 375 F ประมาณ 10-12 นาที พอขนมสุกให้รีบแซะขนมออกจากถาด วางลงบนตะแกง ปล่อยให้เย็นและเก็บใส่กล่องหรือขวดโหล

Note: สูตรคุกกี้เนยถั่วนี้ บีเอามาจากครัวชมพู่ ซึ่งคุณแพทเอามาแนะนำค่ะ เป็นคุกกี้ชนิดกรอบร่วน หวานมันค่ะ เวลาเอาขนมเข้าอบต้องระวังนิดนึง เพราะว่าใช้เวลาในการอบแต่ละถาดอาจจะไม่เท่ากัน ต้องเช็คเป็นระยะๆ ขนมจะได้ไม่ไหม้ไปซะก่อนค่ะ




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2549    
Last Update : 26 ตุลาคม 2549 19:47:07 น.
Counter : 625 Pageviews.  

Brownie Donut .....โดนัทบราวนี่



ส่วนผสม

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2/3 ถ้วยตวง
2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
3. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
4. เนยสดละลาย 1/2 ถ้วยตวง
5. ผงโกโก้ 6 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
7. ไข่ไก่ 2 ฟอง
8. นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
9. ถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่วสับหยาบ 1/2 ถ้วยตวง ( แบ่งเป็น 2 ส่วน ) ...บีใช้ถั่วอัลมอนด์ค่ะ

วิธีทำ

1. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือป่น เข้าด้วยกัน
2. ใช้ส้อมคนเนยละลาย และผงโกโก้ให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาลทราย ไข่ไก่ นมสด ท้ายสุดตะล่อมแป้ง และถั่วเม็ดมะม่วงปริมาณครึ่งหนึ่งลงคนให้เข้ากัน
3. ตักแป้งโดนัทที่ได้หยอดลงในเครื่องทำโดนัท 1 ช้อนโต๊ะ แล้วโรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก่อนอบ

*** ตามสูตรบอกว่าทำได้ประมาณ 35 ชิ้น (แต่บีทำได้แค่ 25 ชิ้นเองค่ะ ทำไมมันหายไปตั้ง 10 ชิ้นหว่า)

Note: สูตรโดนัทบราวนี่อันนี้บีเอามาจากสูตรของร้านวีรสุค่ะ เป็นหนังสือเล่มบางๆ ที่แถมมากับเครื่องทำโดนัท มีหลายสูตร แต่บีเคยลองแค่ 2 สูตรเองค่ะ เท่าที่อ่านๆ ดูบีคิดว่าสูตรนี้น่าจะใช้ได้ที่สุดแล้วค่ะ (ครั้งแรกลองทำสูตรโดนัทเค้ก แต่บีไม่ค่อยชอบค่ะ ในสูตรไม่ได้ให้ใส่วนิลา ก็เลยรู้สึกเหม็นกลิ่นคาวจากไข่)

เผื่อท่านใดมีเครื่องทำโดนัท แต่ไม่มีสูตรก็ลองเอาไปทำดูได้นะคะ




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2549    
Last Update : 24 ตุลาคม 2549 8:26:38 น.
Counter : 15011 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.