เรื่องราวผู้หญิงกับการเดินทางด้วยหัวใจ 2 ล้อ (มอเตอร์ไซด์) รวมถึงการท่องไปในโลกกว้างด้วยวิธีการอื่นๆ คลอเคล้าด้วยคนตรีไพเราะหลากหลายรูปแบบ เรามาผจญภัยด้วยกันนะคะ

ขี่หนูดี...เอ่วเหนือ จุดหมาย ณ ปาย [ตอนที่ 1]

หลังจากถอย Dtracker ไม่นาน ประกอบกับการได้ไปอมรมขับขี่เบื้องต้น เกิดอาการร้อนวิชาบวกกับความอยากเที่ยว คิดว่าจะไปขี่ที่ไหนดี คุยๆกับเพื่อน Biker ใน Hi5 ตอนนั้นได้ความว่าจะมี Bike week ที่เชียงใหม่ อืม...น่าสนใจ คิดอยู่หลายตลบ เพราะจริงๆแล้วก็จัดว่าเป็นการไปเที่ยวคนเดียว ไม่ได้รู้จักใครอยู่ก่อนแล้วจริงๆ มีเพียงเพื่อนที่รู้จักกันทาง Internet แต่ก็มานั่งคิด... "เอาน่า อายุปูนนี้แล้ว ไฉนจะไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้ฟะ ทีฝรั่งมังค่าหอบเป้มาเที่ยวบ้านเราคนเดียวออกครึดไปหมด ถ้าไปแล้วไม่เจอคนที่นัดไว้ก็ไม่เป็นไรหรอกน่า กะอีแค่ขี่รถเที่ยว เมืองไทยก็บ้านเราแท้ๆ" แต่จะให้ขี่ไปจากกรุงเทพก็ดูจะเหมือนไปหน่อย เพราะรถ CC ค่อนข้างเล็ก แค่ 250cc กับความเร็วสูงสุดที่ 120 km/h กว่าจะถึงเชียงใหม่...ตายก่อนแน่ ก็เลยกะว่าจะเอาขึ้นรถไฟไปสตาร์ทที่เชียงใหม่ ว่าแล้วก็มุ่งหน้าสู่สถานนีรถไฟหัวลำโพงเพื่อจองตั๋ว วันที่จะไปคือคืนวันที่ 4 ธค.51 ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวทำให้ได้ตั๋วชั้นสาม "เอาก็เอา...นั่งชั้นสามจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ตายแน่ๆฉัน"

แล้วก็มาถึงวันที่ 4 ธค.วันนี้ก็ดันยุ่ง ทำงานกว่าจะเลิกปาเข้าไปหกโมงเย็น กระเป๋ายังไม่ได้แพ็คเลย ตายแน่!! กว่าจะออกจากบ้านก็ปาเข้าไปทุ่มครึ่ง บึ่งรถไปร้านรถมอเตอร์ไซด์ ไปเปลี่ยนท่อไอเสียเป็นท่อสูตรซะหน่อย ก่อนเอาไปซิ่งเหนือ กว่าจะเปลี่ยนท่อเสร็จสามทุ่มครึ่ง รถไฟออกสี่ทุ่ม บึ่งไปถึงหัวลำโพงสี่ทุ่มเป๊ะ วันนี้รถไฟเจ้ากรรมก็ดันออกตรงเวลา ตีธงเขียวพอดิบพอดี

ทำไงละทีนี้...ขี่รถตามไปขึ้นที่สถานีดอนเมือง ยังมีเรื่องให้ใจหายใจคว่ำอีก...ดันไม่ได้เอาก๊อปปี้เล่มมา ตอนแรกนายสถานีจะไม่ยอมให้นำรถขึ้นไป ต้องอ้อนวอนกันอยู่นานทีเดียว ถึงยอมในที่สุด ตอนที่เขาเอารถขึ้นโบกี้สัมภาระ เจ้าหน้าที่ให้เราปลดสัมภาระออกจากรถให้หมด เอาละครับ...ทีนี้ก็พะรุงพะรังกันเลยทีเดียว

หน้าตาใบรับรถ ราคาคิดตามน้ำหนักบวกค่ายกเรียบร้อย


ขึ้นมาถึง...โอ้แม่เจ้า คนแบบว่าแน่นมากๆ ทำไมมีคนยืนด้วย แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าของเรามีเบอร์ที่นั่ง ยังไงก็ต้องได้นั่ง ที่นั่งเราก็อยู่มันซะกลางตู้ กว่าจะฝ่าผู้คนไปถึงที่นั่งได้ก็เล่นเอาลิ้นห้อย ร้อนมากๆ เป็นครั้งแรกที่ขึ้นรถไฟชั้นสามแล้วนั่งยาวขนาดนี้ เชียงใหม่เชียวนะ ของก็เยอะ หมวกกันน็อคกับเสื้อแจ็คเก็ต ไม่กล้าวางกลัวหาย เลยต้องกอดนั่งหลับมันไปทั้งคืน -_-" มาตื่นอีกทีราวแปดโมงกว่า เพราะรู้สึกว่ารถไฟมันกระตุกๆ แล้วก็หยุด เป็นเรื่องประจำของรถไฟภาคเหนือคือหัวจักรเสีย

ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ แม่คนนี้...ยอมลำบาก เพื่อให้ลูกตัวน้อยหลับสบายที่สุด


บรรยากาศยามเช้า


จุดที่รถไปจอดเสีย...ตอนแรกอ่านว่าปางป่วย ดูอีกทีปางป๋วยต่างหาก ^_^


เพราะสภาพภูมิประเทศทางเหนือที่เป็นภูเขา ทำให้ รฟท.อันเก่าแก่ของเราเสียเสมอๆ


รถไฟมีกำหนดการถึงเชียงใหม่บ่ายโมง แต่กว่าจะถึงก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมง กรรมยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อถึง...ก็จะกดโทรศัพท์หา Biker สาวชาวเชียงใหม่ที่เราจะแวะทำความรู้จัก (เพื่อนคนนี้มีเพื่อนอีกคนแนะนำให้รู้จักอีกที แต่โลกกลมมาก กลายเป็นว่าเราเคยรู้จักกันใน Hi5 เมื่อนานมาแล้ว)โทรศัพท์เจ้ากรรมดันแบตหมด เอาไงดีละทีเนี่ย ... เพื่อนคนนี้บอกว่าร้านขายรถมอเตอร์ไซด์ของเขาอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไป (ไม่เกิน 1 km) ก็เลยลองขี่มั่วๆไป ตาก็มองหาร้านขายโทรศัพท์ว่าจะเข้าไปขอชาร์ทโทรศัพท์ซักแป๊ปนึง ขณะที่ขี่ๆอยู่ก็มีผู้หญิงคนนึงวิ่งตามอยู่บนฟุตบาท พลางตบมือ แล้วก็ตะโกนเรียกชื่อ เป็นอันว่าได้เจอกันในที่สุด ตอนแรกก็กะจะแค่แวะทัก แต่ Biker สาวที่น่ารักคนนี้ไม่ยอมให้ไปนอนโรงแรม ลากเราไปนอนที่บ้าน แล้วกลายเป็นคนที่พาเที่ยวไปในที่สุด

แม้จะได้นอนน้อย แต่ก็ยังกระฉับกระเฉง ประมาณว่าตื่นเต้น ก็เลยชวนกันไปขี่ขึ้นดอยสุเทพเป็นการซ้อมมือ เพราะขี่ที่กรุงเทพไม่มีโค้งหรือเขาให้ลองขี่เลย แต่ขึ้นไปถึงก็ห้าโมงกว่าแล้ว เลยไม่ได้ขึ้นไปต่อ เดินขึ้นไปสักการะพระธาตุ...หอบแฮ่กๆเลย ลงมาถึงก็มืดพอดี

วิวเมืองเชียงใหม่ มองจากดอยสุเทพ


วันที่สองตกลงใจจะขึ้นดอยอินทนนท์ ตอนแรกนัดกับเพื่อน(ในHi5)อีกคนว่าจะขึ้นดอยด้วยกัน แต่กลุ่มนี้เขาออกตัวว่าเป็นรถแรง ขอขึ้นสายๆหน่อย แต่เพื่อนสาวบอกว่าขึ้นแต่เช้าดีกว่า ซึ่งเราก็เห็นด้วย แถมยังไปเกณฑ์เพื่อนมาขี่เที่ยวด้วยอีกเพียบเลย ^_^ น่ารักที่สุด เราเลยตัดสินใจออกกันตั้งแต่เจ็ดโมง แต่กว่าจะไปถึงตีนดอยอินทนนท์ กว่าจะรวมพลก็ปาเข้าไปเก้าโมงกว่าแน่ะ แต่ก็ยังถือว่าเช้าอยู่ แต่แค่นี้ก็เริ่มจะมีรถแล้ว ถ้ารถเยอะขี่ไม่สนุกแน่ๆ ขณะขี่ขึ้นไปยังมีหมอกลงให้เห็น ทางสวย อากาศดี

โฉมหน้า Biker สาวชาวเชียงใหม่ที่น่ารักและใจดีสุดๆ คนนี้ใช่เลย


รุมหนูดีกันใหญ่...ไม่มีใครสนเจ้าของเลย


ก๊วนลูกผสม มีรถทุกรูปแบบ


ชอบมาก พี่สาวคนนี้ เท่ห์สุดๆ


ขึ้นมาถึงยอดดอย ประมาณสิบโมงกว่า


ผู้คนเริ่มพลุกพล่าน รถยนต์แทบจะหาที่จอดไม่ได้


บรรยากาศบนยอดดอย


หมอกยามสาย


กับรถคู่ใจ


เหล่าพลพรรคก๊วนมอเตอร์ไซด์


โทรไปหาอีกก๊วนที่นัดไว้ตอนแรก สิบโมงเพิ่งมาถึงตีนดอย ได้เราก็ขึ้นมาตั้งนานแล้ว กลุ่มที่ขึ้นมากับเราจะลงแล้วไปเที่ยวพระธาตุ เราเลยตัดสินใจลงไปรอที่พระธาตุเลยดีกว่า ระหว่างทาง...มี BB ขี่สวนขึ้นสวนลงพอสมควร

จอดเรียงราย


เอ็ค...สุดฤทธิ์


คู่นี้ไม่มีกลัวกล้อง


พระมหาธาตุนภเมทนีดล


พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ


 

จนสิบเอ็ดโมงกว่า ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกกลุ่มจะขึ้นมาถึง ไหนๆก็นัดกันแล้ว เลยตกลงรออยู่ โดยกลุ่มแรกกลับลงไปก่อน รออยู่นาน ก็เลยขี่ลงไป กะว่าถ้าเจอขี่สวนมาค่อยขี่กลับขึ้นมาอีกที แต่ด้วยความหิว จึงไปแวะที่จุดพักกลางทาง มีเรื่องให้น่าตื่นเต้นอีกครั้ง มีโทรศัพท์จากธนาคารโทรเข้ามาบอกว่าคุณทำบัตรเครดิตหาย งงดิ...ตั้งแต่มาที่เชียงใหม่ยังไม่ได้ใช้บัตรเลย แล้วไปตกตรงไหนเนี่ย เปิดกระเป๋าคาดเอว...โอว โน!!! กระเป๋าเงินหายไปแล้ว ปรากฏว่ามีคนเก็บได้ แล้วเขาโทรไปยังธนาคารให้หาทางติดต่อเรา สุดท้ายก็นัดเจอกันในบริเวณนั้นเพื่อที่จะคืนให้ ถ้าหายนี่แย่แน่ๆ จะเอาตังค์ที่ไหนเที่ยวละทีนี้ 555 กว่ากลุ่มที่สองที่นัดเจอจะขึ้นมาถึงก็เที่ยงพอดี ก๊วนนี้มาทั้งหมด 19คัน ตัดสินใจไปกินข้าวกันที่โครงการหลวง จะไปกินปลาเทร้าซ์กัน แต่ปรากฏกว่าตัวเล็กมาก สงสัยคนคงจะมากินเยอะ เลยโตไม่ทัน เลยมีวลีเด็ดว่า "ปลาเทร้าซ์เท่าปลาทู" คนก็เยอะ อาหารก็ช้า ช่วงเทศกาล ไม่แนะนำอย่างยิ่งเลยค่ะ



รูปทางเข้าและหน้าโครงการหลวง


โฉมหน้าก๊วนนักซิ่ง ณ เชียงใหม่ ก๊วนนี้เค้ามีแต่ของแรงๆ


คืนวันที่ 6 ธ.ค. 51 ก็ได้เข้าไปเที่ยวในงาน Bike week มีรถมาร่วมงานมากมาย แต่ HD จะอภิสิทธิ์หน่อย เพราะเค้าเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ ตัวเองไม่ชอบชอปเปอร์ แต่ตัวในรูปล่างนี้เป็นข้อยกเว้น สวยจริง Sportster 1200 ตัวนี้



หลังจากกลับจากงานไบค์วีคก็ได้โทรนัดกับเพื่อนอีกกลุ่มนึง ที่ตกลงว่าเราจะขอแปะขึ้นปายด้วยคน โดยกลุ่มนี้เป็นอีกกลุ่มที่ขี่มาจากกรุงเทพเลย นัดแนะกันว่าพรุ่งนี้เจอกันแปดโมงเช้าที่สตาร์บัค ถนนนิมานนรดี กว่าจะมากันก็ปาเข้าไปเก้าโมงเช้า มาสองคันเป็น BMW ทั้งคู่ รถเราเลยเหมือนรถเด็กเล่นไปเลย คันเล็กกว่าตั้งเยอะ ที่เหลืออีกเจ็ดคันยังไม่ฟื้นจากฤทธิ์น้ำเมา(ทริปนี้เป็นทริปที่แรดมาก เพราะแปะเขาไปทั่ว ตอนนี้ก็สามกลุ่มแล้ว)

มุ่งหน้าไปทางแม่ริม เพื่อขึ้นปาย


สามคันนี้เอง...


ขึ้นถึงปายราวๆ เกือบเที่ยง ทางสนุกมาก โค้งเป็นโค้งแคบๆ และสั้น ดังนั้นหนูดีเลยกินซะ แบบว่าจ่อคันหน้าตลอด แต่ไม่แซงเพราะรู้ว่าไงทางตรงก็สู้ไม่ได้ กดดันอยู่ข้างหลังสนุกกว่าเป็นไหนๆ ถึงปุ๊บ...พี่ๆกลุ่มนี้เค้าจองที่พักไว้แล้ว แต่เราอุตส่าห์เอาเต้นท์มา ก็แหม...ซื้อใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ จะไม่ใช้ได้ไง ต้องหาที่กางให้ได้ ตอนแรกพี่เค้าก็คุยกับทางรีสอร์ทว่าจะขอให้เรากางเต็นท์ แต่ทางรีสอร์ทไม่ยอม เราก็ไม่ง้อ ระหว่างนี้มีโทรศัพท์เพื่อนพี่กลุ่มนี้เข้ามาว่า มีหนึ่งคันในก๊วนประสบอุบัติเหตุ กระดูกหักสามแห่ง แต่ลำตัวกับหัวไม่เป็นไร ทำให้ที่เหลือทั้งหมดไม่มีใครตามมา เป็นอันว่ารีสอร์ทที่จองก็เหลือ เราก็ไม่เอาอยู่ดี จึงขอแยกตัวไปหาที่กางเต๊นท์ แล้วกลับมารวมตัวกันอีกทีตอนบ่ายโมงเพื่อกินข้าว

ที่พักกางเต็นท์ที่หาได้...บ้านไม้คนเมือง
ชื่อช่างเหมาะกับเราแท้ๆ เพราะเดินทางมาจากเมือง


หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ราวสามโมง เราตัดสินใจจะไปปางมะผ้ากัน ระยะทางราว 40KM แต่ขี่ไปถึงจุดชมวิวกิ่วลมก็ราวๆสี่โมงกว่าแล้ว ถามชาวบ้านดู บอกว่าถ้ำลอดและแถวปางมะผ้าจะปิดราวๆ ห้าโมง ซึ่งกว่าจะขี่ไปถึงก็คงราวๆนั้น จึงตัดสินใจนั่งเล่นที่นี่กันแทน เพราะไม่อยากกลับแบบมืดๆ ฉันเคยมาแถวนี้แล้วหนึ่งครั้งเมื่อสองปีก่อน เพียงแค่สองปี อะไรๆก็เปลี่ยนไปมาก ความรเจริญที่เข้ามา ทำให้ภาพแห่งวิถีชีวิตแบบดิบๆ เดิมๆหายไป สำหรับฉันที่เป็นคนเมืองก็อยากเห็นภาพเหล่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ อาจเป็นสิ่งที่คนท้องถิ่นเหล่านี้ต้องการก็เป็นได้

เพิงไม้ขายของ ที่กลายเป็นคอนกรีตอย่างดี



จุดชมวิว...ดอยกิ่วลม


ของที่ชาวบ้าน ซึ่งเป็นชาวเขานำมาขาย เป็นงานหัตกรรมแบบหยาบๆ ที่คล้ายกันมาก
ซะจนคิดว่าซื้อมาขายมากกว่าทำเอง เพราะมันเหมือนกันหมด



อากาศดีๆแบบนี้ ขอซะหน่อย เรื่องที่ขาดไม่ได้


กลับมาถึงที่พักประมาณหกโมงเย็น แยกย้ายกันไปอาบน้ำ นัดแนะกันไปเดินถนนคนเดิน คืนนี้ที่ปายมีเทศกาลหนัง แต่ยังไม่รู้ว่าจะดูหรือเปล่า เพราะไม่รู้โปรแกรมหนังเลย ใจไม่อยากดูเพราะขี่รถมาเหนื่อยๆทั้งวัย อยากร่ำสุรามากกว่า (ยอมรับว่าเป็นสุภาพสตรีขี้เมา เอิ้กๆ)

ติดตามต่อตอนที่สองนะคะ ไม่งั้นมันจะยาวมากๆ เลย




 

Create Date : 25 เมษายน 2552    
Last Update : 6 กันยายน 2564 1:39:03 น.
Counter : 2095 Pageviews.  

ร่ำลา...หนูดี สองล้อคู่ใจคันแรกของชีวิต

วันนี้ (10 เม.ย. 52) หนูดี มอเตอร์ไซด์คันแรก (ที่ใหญ่กว่าหรือเท่ากับ 250cc.) ^_^ ในชีวิต ก็ได้จากอกไปแล้ว เพราะหนูดีไม่อาจตอบโจทย์ในการขี่ได้ทั้งหมด และการตัดสินใจที่มีในการซื้อรถคันที่สอง คือรถสไตล์ทัวร์ริ่ง ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับหนูดี จึงทำให้ต้องตัดใจขายไป (ก่อนที่ราคาจะตกมากกว่านี้) เลยขอลงรูปหนูดีแบบแต่งเต็มยศไว้ซะหน่อยเป็นที่ระลึก



ด้านหน้า พร้อมคนขี่...เทห์สุดๆ อิอิ ติดไฟ Xenon คู่ เพิ่มทัศนวิสัยยามค่ำคืน




ด้านขวา โลโกประจำตัว...Play Girl และท่อแต่ง Delta




ด้านซ้าย ถังน้ำมันน้อย Touratech และ Paniar DIY สุดเจ๋ง




ด้านซ้ายชัดๆ อีกซักรูป




ด้านหลัง ทะเบียนสวยๆ ที่ไปจองเองกับมือ



เพราะไม่ค่อยได้ขี่ไปไหนไกลๆ เลยไม่ค่อยมีรูปอวดโฉมซักเท่าไหร่ ตอนนี้หนูดีก็ได้ไปอยู่ในมือเจ้าของใหม่แล้ว คงจะไปถ่ายรูปไม่ได้แล้ว จะว่าเสียดายก็เสียดาย แต่ถ้าเก็บไว้แล้วไม่ค่อยได้ขี่ ก็สงสารหนูดีเหมือนกัน...เหงาแย่เลย

Bye Bye หนูดี...




 

Create Date : 11 เมษายน 2552    
Last Update : 1 กันยายน 2552 14:30:14 น.
Counter : 1212 Pageviews.  

ควบสองล้อ...ฝ่าสายฝน มุ่งหน้าสู่พัทยา

ทริปนี้จัดเป็นทริปอำลาหนูดี...ก่อนที่เราต้องจากกัน

เริ่มต้นด้วยมีพี่สาวใจดีคนหนึ่งให้ยืม Er-6n มาลอง แถมใจดีมาก จอดอยู่ที่บ้านจะเดือนแล้ว ยังไม่มีเวลาว่างตรงกันซักที ก็เลยนัดกับเพื่อนสาวสุดเลิฟ(คนเดิม)
"เฮ้ย...ไปขี่รถเล่นกัน" ฉันชวน
เพื่อนตอบ "กำลังอยากอยู่พอดี จัดมาเลยเพื่อน ไปไหนไปกัน"
ฉันตอบ... ในคิดแบบลิงโลด "งั้นไปเขาใหญ่ละกัน ขอบิดมันมันส์ ยาวๆ ซะหน่อย โอ...ป่าว ขึ้นทางปราจีน ลงทางปากช่องนะ"
เพื่อนสาวพยักหน้า "ได้เลย..."

เช้าวันเสาร์ที่ 4 เมย. 52 เพื่อนสาวโทรปลุกแต่เช้า ตามคำขอร้องเมื่อคืน ตรงตามสั่งเป๊ะ งัวเงียด้วยความขี้เกียจ...อาบน้ำอาบท่า จนเพื่อนมาถึงประมาณเกือบเก้าโมง พร้อมๆกับใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย "แกๆ ไปที่ๆมันใกล้กว่านี้ได้ป่าววะ กลัวไม่ไหวอ่ะ นะๆๆๆ"
เราก็เลยเซ็งเล็กน้อย...นึกๆ เอาไงดี ไปไหนดีวะ ที่ๆมีเขาให้เล่น พร้อมกับกางแผนที่ เสียงเพื่อนยังสำทับมาอีกว่า "ถ้าไปไกลๆ แล้วฉันขับไม่ไหว จะกลับไงลองนึกดูเองนะแก" ฉันตอบ "เออ รู้แล้ว ไม่ไปก็ไม่ไป ไม่ต้องย้ำ มีแต่เขาเขียวอ่ะ ไปป่าวล่ะ" เพื่อนตอบ "เอานี่ละ...เขาๆเหมือนกัน น่าจะมีอะไรที่สวยๆให้ขี่มั่งล่ะ" สุดท้ายจุดหมายปลายทางกลายเป็นเขาเขียวไปซะงั้น

ออกเดินทางได้ สองคันสองคนกับพาหนะคู่ใจในทริปนี้คือ D-tracker และ Er-6n ขอเรียกว่าหนูดีและน้องส้มละกัน (ปล.อย่าดูวันที่ในภาพนะคะ ลืมเซ็ทกล้องน่ะ)


จากเขาใหญ่กลายเป็นเขาเขียว ขี่ไปถึงราวๆ 11 นาฬิกา ถึงช้าเพราะขี่กันไปแบบไม่เร่งรีบ (ไม่ได้แตะเกิน 130 เลย เพราะเพื่อนซี้ไม่ขี่เร็ว บอกว่าอันตราย ก็ต้องชะลอคอยเป็นระยะๆ) คิดว่าเหมือนสวนสัตว์เชียงใหม่ที่แบบว่าเดินไกลและก็ขึ้นๆลงๆเนินเขา แต่คิดผิดถนัด นอกจากไม่มีทางชันแล้ว ยังเต็มไปด้วยเด็กๆที่มาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์อีก ...เอาเถอะ ไม่ได้มาสวนสัตว์มานาน ก็ดีเหมือนกัน คุณเพื่อนขี่ไปโลด ไอ้เราก็คอยชะเง้อดูนู่นดูนี่ ที่น่ารักเห็นจะเป็นคู่แฟนที่จูงมือกันมาขับรถกอล์ฟชมสวนสัตว์ เป็นอะไรที่ไม่เคยคิดว่าคู่หนุ่มสาวทำ (แบบว่าไม่เคยอยู่ในหัวเราเลย มาถ่ายรูปสัตว์ก็ว่าไป) แต่นี่ไม่ใช่ ก็แปลกแต่น่ารักดี ไหนๆก็ไหนๆ ก็จะเป็นทริปสุดท้ายกับหนูดีด้วยแล้ว เลยคิดจะเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย ก็เลยกลายเป็นผลัดกันขี่ผลัดกันถ่ายรูปซะอย่างนั้น ฮา.... มีรูปเพียบเลยทริปนี้ อิอิ


หน้าดำปี๋...ไม่รู้เลยว่าใครขี่









แก๊กท่าถ่ายรูปกันซะฉ่ำปอด จริงๆแล้วยังมีอีกเพียบเลย -_-'

ทริปนี้ใช้กล้องเพื่อน ของตัวเองก็เอาไปแต่ดันลืมใส่ SD card ซะนี่ เอาแบตไปตั้งสองก้อน


ชอบมาก หลักกิโลที่ศูนย์ เห็นเป็นต้องเข้าไปเก็บซักภาพ


ด้วยความที่คนในสวนสัตว์เยอะมาก เราจึงตัดสินใจจะไปกินข้าวที่พัทยา กะจะไปเยี่ยมร้านประจำที่เช่ารถด้วย เพราะตั้งแต่มีข่าวกวาดๆรถนี่ก็เป็นห่วงอยู่ เด๋วจะไม่มีรถให้เช่า...(ซะงั้น ห่วงจริงๆนะ) แต่ขี่ออกไปได้ซักพัก เห็นฝนเจ้ากรรมกำลังตกอยู่ข้างหน้าโน่น เลยแวะหาร้านแถวนั้น โชคดีที่มี เกือบบ่ายโมงแล้ว เลยตัดสินใจกินข้าวกันที่นี่แหละ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ




ขณะจอดหลบฝน...มีรถขายของมาร่วมแจม จอดหลบฝนเต็มเลย



บรรยากาศ...ฟ้า...ฝน...คน ก็ เปียกอ่ะดิ


จริงๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ขี่รถท่ามกลางสายฝน แต่ก็ไม่ได้หนักมาก พอฝนซาก็ถกกันว่าเอาไงดี แต่อีกแค่ 20 โลก็ถึงพัทยาแล้ว เอ้า...อย่าให้พลาดอีก จัดไป...ก็ไปพัทยาซิคะคุณ ถึงพัทยาราวสองโมงด้วยสภาพเปียกพอชื้นๆไม่ถึงกับแฉะ แวะไปทักทายร้านเช่ารถสมความตั้งใจ ไหนๆมาถึงทะเลทั้งที ก็แวะพักตรูดริมทะเลซักนิด


ฝนตกพรำๆตลอด แต่ยังไงก็เป็นทะเล


นั่งอยู่จนสามโมงสี่โมงเย็น โยกย้ายไปบางแสน ตอนแรกกะแค่ขี่รถเล่นชมหาดแค่นั้น แต่เผอิญไปขี่ขึ้นเขาสามมุข ก็เลยติดลมถ่ายรูปเล่นอีกซักหน่อย มีลิงเต็มเลย แต่ที่นี่นิสัยค่อนข้างน่ารัก




ทางสวยๆ แต่สั้น(มากๆ)





จุดชมวิว กับ วิวสวยๆ



เพื่อนรักสุดเลิฟ





แหลมแท่น


จากเขาสามมุก ขี่ลงมาร้านขายยำเจ้าประจำที่เพื่อนแนะนำมาชวนชิม บอกว่าพาใครมาก็ติดใจทั้งนั้น ถึงร้านอารมณ์เอกเขนกก็มาเกาะหนึบ จากที่ตั้งใจจะเข้ากรุงเทพเลย ไม่อยากให้มืด ก็อดใจไม่อยู่ นั่งกินซีฟูดกันซะเลย (ยำร้านอร่อยจริงๆ อยู่ตรงสามแยกเลียบหาด แยกเข้าแหลมแท่นนั่นแหละ แต่จำชื่อร้านไม่ได้...) ทริปนี้ได้มาในจุดที่ไม่ได้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเขาเขียว เขาสามมุข หรือบางแสน

เพราะบางแสนทะเลไม่สวย ทำให้ไม่ได้สนใจเลย แต่วันนี้...รู้สึกว่าบางแสนช่างอบอุ่น บรรยากาศอบอวลไปด้วยไอรักจากครอบครัวต่างๆมากมายบริเวณริมหาด ได้เห็นความน่ารักของที่เล่นอยู่เด็กๆริมชายหาด (แต่ถ้าคนมากกว่านี้ อาจจะกลายเป็นร้อนจนละลายก็เป็นได้) เป็นความพลุกพล่านแบบน่ารักไปอีกแบบ เพลินตาดีเหมือนกัน





ขากลับสลับกัน จากขี่ Er-6n กลับมาควบหนูดีของเราเหมือนเดิม เพราะความที่หนูดีรถเบา ก็เลยร่อนไปร่อนมา...มันส์ไปอีกแบบ แต่น้องส้ม (Er-6n) เป็นเครื่องสองสูบที่มีความสั่นสะเทือนสูง จนจัดว่าสูงมาก เพราะขี่แป๊บๆก็จะรู้สึกมือชาตลอด เหมือนตอนขี่ BMW R1200GS ซึ่งตัวหลังนี่ขึ้นชื่อว่าสั่นมาก เพราะขี่รถตัวอื่นๆไม่เคยมือชา มีแต่น้องส้มกับพี่ BMW นี่ล่ะ แถมความเป็นรถเปลือย (Nake bike) ด้วยแล้ว ลมซิครับท่าน...ปะทะตัวเต็มๆ อัดได้ 190 ก็แทบจะปลิวตกรถ เรียกว่าเมื่อไหร่ที่อยากบิดก็ต้องเตรียมตัวหนีบถังกันดีๆ ไม่งั้นอาจจะร่วงไปโดยไม่รู้ตัว เห็นว่าบิดหมดปลอกได้ 215 ซึ่งก็ถือว่าดีมากๆแล้วสำหรับรถราคานี้

กว่าจะกลับถึงบ้านปาเข้าไปสามทุ่มกว่า ตามเดิม...คุณเพื่อนเขาช้าๆ แต่ปลอดภัย จบทริปอำลาหนูดีด้วยความสุขและประทับใจ

เราคงไม่ได้ร่วมทริปกันอีกแล้วนะ...หนูดีจ๋า




 

Create Date : 09 เมษายน 2552    
Last Update : 11 เมษายน 2552 3:03:18 น.
Counter : 1479 Pageviews.  

Long Way Down



เสียงแว่วมาจากคนใกล้ตัว
ดู Long Way Down รึยัง
ตอนนั้นเพิ่งกลับมาขี่รถมอเตอร์ไซด์ใหม่ๆ
เราส่ายหน้า...มันคือรายการไรวะ?
"อืม...อะไรอ่ะ ไม่รู้จัก"
"โหย...ไม่รู้จักได้ไง เชยยยยมาก
อ่ะเอานี่ไปดูซะ แล้วจะชอบ"



หลังจากกลับมาขี่ครั้งใหม่
ก็หาข้อมูลไปเรื่อย...เพื่อดูรถที่เหมาะสมกับตัวเอง
และก็พยายามลองขี่ให้ได้มากที่สุด
สุดท้ายก็จะได้คำตอบเป็นส่วนใหญ่ว่า
"สุดท้ายก็ต้องจบที่ BMW"
เกาหัวแกรกๆ ทำไมต้องจบที่ BMW ด้วยนะ?
ไม่จริงมั๊ง...ค้านในใจ
ก็ได้ยินว่าจุกจิก ค่าดูแลค่าซ่อมแพงจะตาย
ไม่เชื่อ...



จนมีโอกาสได้ลองขี่ BMW R1200GS หนึ่งทริป
ได้ขี่ขึ้น-ลงเขา และ ทางลูกรัง
ได้ไปขี่ในทริปอื่นที่ไกลและยาวขึ้น
ซึ่งในหนึ่งทริปเราอาจต้องสัมผัสกับรูปแบบถนนที่หลากหลาย
(ในขณะที่เพื่อนร่วมทริปขี่ BMW แต่เราไม่ได้ขี่)
ยอมรับว่าสมรรถนะรถมันเยี่ยมจริงๆ
(โดยเฉพาะท่านั่งที่ไม่ก้มจนเกินไป เหมาะแต่ผู้สูงวัยวุฒิและทุนทรัพทย์)
ถ้าเป็น Touring ต้องยกให้ BMW เขาล่ะ
แต่เสียอยู่อย่าง...ไม่ชอบไอ้ถังปี้บเหล็กใส่ของข้างๆเลย
เหมือนถังส่งบะหมี่จะตาย...

เสียงจากคนใกล้ตัวแว่วมา (อีกรอบ)
"ดูยัง...เห็นป่าว ต้อง BMW เท่านั้น
และก็ต้องมีปี้ปแบบนี้ด้วย
ต้องเป็นของ Touratech เท่านั้น ถึงจะเท่ห์"
"...................."
ฉันก็ยังส่ายหน้าเหมือนเดิม...เท่ห์ตรงไหนวะ? (คิดแต่ไม่ได้พูด)

วันนี้...ฉันได้ดู Long Way Down (หลายรอบ) แล้ว
เป็น series บันทึกการเดินทาง
ของ Ewan McGregor และ Charley Boorman
ระยะทางกว่า 15,000 mile
จาก John O'Groats ประเทศอังกฤษ ผ่านทวีปแอฟริกาไปยัง Cape Town
ภาพการเดินทางผ่านประเทศที่ยังมีสงคราม ทุ่งหญ้าสะวันนา และป่าอะเมซอน



การเดินทางครั้งนี้มีทีมงาน Back up เดินทางไปด้วยตลอดและมี Sponsor อีกเพียบ (น้ำหน้าอย่างเราจะไปหาได้ที่ไหนเนี่ย)

สุดท้าย...ฉันเริ่มชอบปี้ปของ Touratech ขึ้นมาแล้ว
เพราะเทียบกับแบบอื่นๆ มันแข็งแรงสุดจริงๆนั่นแหละ
ไม่ได้ชอบเพราะรูปทรงมันซะหน่อย
เพราะไงฉันก็ยังเห็นว่ามันเหมือนปี้บส่งก๋วยเตี๋ยวอยู่ดี
"เห็นมั๊ย...ชอบมันเข้าแล้วละซิ" เสียงคนใกล้ตัวกับความปลื้มที่ไม่เลือนหาย
ฉันคิดว่า...ถ้าจะเที่ยวแบบทัวร์ริ่ง
สุดท้าย...ก็คงต้องจบที่ BMW จริงๆ อย่างที่เขาบอกกัน

นี่เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ว่าแล้วอยากขี่รถเที่ยวอีกซะแล้วซิ



อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Long Way Down เต็มๆได้ที่นี่
Official site Long way down.com
BBC - Long way down/




 

Create Date : 02 เมษายน 2552    
Last Update : 4 มิถุนายน 2552 1:34:01 น.
Counter : 1490 Pageviews.  

ฝันเล็กๆ ที่ไม่เล็ก ของผู้หญิง...ที่อยากขี่มอเตอร์ไซด์ "รอบโลก"

เราทุกคนต่างมีฝันที่แตกต่างกันไป และมักมีมากกว่าหนึ่งความฝัน
บางฝันทำได้สำเร็จ บางฝันเราปล่อยให้มันเป็นเพียงความเพ้อฝัน
มีอยู่หนึ่งฝัน สำหรับฉันที่อยากจะทำให้ได้
นั่นคือการเที่ยวรอบโลก
แต่จะไปด้วยวิธีไหน...ยังไม่รู้
เมื่อเติบโตขึ้นตามวัย
ฝันนี้ของฉัน...ถูกเก็บใส่กล่องล็อคกุญแจไว้อย่างหนาแน่น

จนกระทั่งวันนี้
ฉันได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
ปั่นข้ามฝัน....2000 วันรอบโลก
เป็นบันทึกการเดินทางตลอด 5 ปี 11 เดือน
ของ "วรรณ" กับ "หมู" สองสามีภรรยา
ผู้ซึ่งมีฝันอันยิ่งใหญ่ที่คนน้อยคู่นักจะทำได้
กับการเดินทางกว่า 40,000 กม.
ด้วย"การปั่นจักรยาน"
ใน 6 ทวีป 43 ประเทศทั่วโลก
ผ่านเรื่องราวต่างๆ ทั้งดีและร้ายมากมาย
ฝ่าฟันปัญหาจนบรรลุเป้าหมายในที่สุด
พระเจ้าจอร์ด มันสุดยอดมาก



หนังสือชุดนี้ เป็นหนังสือที่ทำให้กลับมาตั้งใจหนังสืออีกครั้ง
เรื่องราวที่เล่าผ่านตัวอักษรนั้นน้อยนิดนัก...เมื่อเทียบกับระยะเวลา
การท่องเที่ยวของสองหนุ่ม-สาวคู่นี้ นับว่าคุ้มค่ามากกับสิ่งที่ได้มา
การได้เห็นโลกในมุมที่นักท่องเที่ยวในแบบอื่นไม่มีโอกาสได้ได้สัมผัส
ประสบการณ์เหล่านี้ที่ประเมินค่ามิได้
ระยะเวลาเกือบ 6 ปี กับเงินประมาณ 3 ล้านบาท

สิ่งแรกที่รู้สึกเมื่ออ่านจบแล้ววางหนังสือลง
อิจฉา...มาก

ถ้าได้ลองอ่านจะเห็นว่าเป็นการท่องเที่ยวโดยใช้เงินคนอื่นอย่างแท้จริง
แต่ถ้าลองคิดกลับกันว่า...เค้าสองคนใช้ความอดทนใจ แรงกายและเวลาแลกมา
อาจไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชาวต่างชาติที่ทำแบบนี้
เพราะเค้าเป็นคู่แรกของคนไทย...
ถึงแม้จะไม่ใช่คนแรก แต่ก็นับว่าเป็นคนกลุ่มแรกๆที่ลุกขึ้นมาเดินตามฝัน

ความคิดและการกระทำที่ถ่ายทอด
ได้ส่งผ่านแรงกระตุ้นมาสู่ฉันอย่างเต็มเปี่ยม
ทำให้ความคิดในหัวหมุนติ้ว...
อา...ฉันอยากทำบ้าง
อยากเดินทางรอบโลกด้วยสองล้อ แต่ขอติดเครื่อง(ยนต์)ซักหน่อย

ไม่รู้ว่าฉันจะได้ก้าวเดินไปตามทางฝันทางนี้ไหม
แต่อย่างน้อย...มันก็ทำให้ฉันมีความหวัง
มันอาจจะไม่สำเร็จ
...เพราะฉันอาจจะมีเงินไม่มากพอ
...เพราะฉันอาจจะไม่แข็งแรงพอ
...เพราะฉันหาคู่หูไม่ได้ (ไม่กล้าไปคนเดียว...จริงๆนะ)
หรือ...เพราะน้ำอาจจะท่วมโลกมิดซะก่อนในวันที่ฉันจะพร้อม

เอาเถอะ...ซักวัน ฉันจะขี่มอเตอร์ไซ์รอบโลกให้ได้
คอยดู
ฉันอาจจะเป็นหญิงไทยคนแรกก็เป็นได้

ว่าแล้ว...ไปทำงาน ปั๊มเงินก่อนนะค่ะ




 

Create Date : 02 เมษายน 2552    
Last Update : 2 เมษายน 2552 2:21:23 น.
Counter : 1166 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

blue passion
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




มีหัวใจไว้เดินทาง ค้นหาความหมายของชีวิต เพื่อเติมเต็มให้กับคำถามที่เกิดขึ้นมากมายระหว่างการเติบโต วิธีการในการเดินทางมีมากมาย แต่ ณ วันนี้ ขอเลือกสองล้อเป็นพาหนะในการนำพาไปสู่จุดหมายปลายทาง

Site Meter

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add blue passion's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.