จะสุขหรือทุกข์ ไม่ใช่อยู่ที่คนอื่นทำ แต่อยู่ที่เราเลือก
Group Blog
 
All blogs
 

Day 15 : ทำตามเป้าหมายหรือทำตามความฝัน

15-Mar-09

  ได้ดูโฆษณามือถือชิ้นหนึ่งของค่าย AIS (ค่ายคู่แข่งซะด้วย) theme ของโฆษณาทำนองว่า ไม่ว่าคุณจะมี life style แบบไหนก็เลือกในสิ่งที่ชอบในแบบตัวคุณได้ ก็จะมีการจับคู่ของสองสิ่ง อย่างเช่น ชอบแบบ surprise หรือแบบประทับใจ, ชอบสะดวกหรือสบาย มีการจับคู่ของคู่หนึ่งที่ชอบมาก คือ ทำตามเป้าหมายหรือทำตามความฝัน โดยใช้ภาพสื่อคือ ผู้ชายใส่สูทอยู่ที่ทำงาน กับผู้ชายอีกคนแต่งตัวแบบนักท่องเที่ยว

 ชีวิตเราจะดีแค่ไหนนะ ถ้าได้ทำทั้งสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ถ้าความฝันของเราเป็นเป้าหมายในชีวิตของเราด้วย

 แต่ถ้าไม่ได้ทั้งสองอย่างล่ะ จะเลือกอันไหนดี ????




 

Create Date : 17 มีนาคม 2552    
Last Update : 17 มีนาคม 2552 22:41:53 น.
Counter : 768 Pageviews.  

Day 14 : มหาบัณฑิต

14-Mar-09


  เมื่อวันก่อนตอนที่กำลังยืดผมอยู่ที่ร้าน Art Hair อยู่นั้น ได้ยินช่างทำผมคุยกับลูกค้าเรื่อง การศึกษาของลูกหลาน ทำนองว่า ตอนนี้จบปริญญาตรีแล้ว ก็ให้เรียนต่อปริญญาโทไปเลย เพราะถึงจบปริญญาตรีมาตอนนี้ก็หางานทำยากเหลือเกิน สมัยนี้ ป.ตรี(ปริญญาตรี) ดูแทบจะไม่มีความหมาย ใครๆก็ต่อป.โท ทั้งนั้น

  ฟังแล้วสะท้อนใจยังไงบอกไม่ถูก ถ้าเป็นสมัยเมื่อเรายังเรียนประถม มัธยมอยู่ละก็ การเรียนจบปริญญาตรีเนี่ย ถือว่าสุดยอดแล้วล่ะ แม้ว่าจะไม่ใช่สูงสุดก็ตาม แบบว่า เรียนจบได้รับปริญญา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งที่น่าพอใจแล้ว

  สารภาพตามตรงว่า หลังจากเรียนจบป.ตรีแล้วก็ไม่คิดว่าจะเรียนต่ออีก แบบว่า ทำงานไปเรื่อยๆแล้วกัน อยากให้ทางบ้านสบายบ้าง ในหัวสมองเลยไม่ได้คิดว่าจะเรียนต่ออะไรอีก

  เพื่อนๆหลายคนเรียนต่อตั้งแต่จบป.ตรีกันเลย ส่วนใหญ่จะไปเรียนต่อที่เมืองนอกกัน มากสุดก็เป็นอเมริกา ไปเองบ้าง ได้ทุนไปบ้าง ก็มีบ้างที่เรียนต่อที่เมืองไทย AIT, CU หลายคนเรียนจบ doctor กันเลยก็มี

  เราเองความคิดเรื่องนี้มีขึ้นหลังจากที่ทำงานไป 2-3 ปี ยอมรับนะว่า สภาพแวดล้อมมีส่วนหล่อหลอมตัวเรา ก็เพราะรอบข้างในตอนนั้น มีแต่คนที่คิดจะไปเรียนต่อทั้งนั้น ส่วนใหญ่ไปเรียนต่อต่างประเทศกันซะด้วย ทุกๆวันก็จะมีการพูดคุยเรื่องการไปเรียนต่อ เช่น สอบ TOEFL , หา University, apply , หาทุน สารพัดสารพัน จนต้องมาคิดว่า เอ..ขนาดรุ่นน้องยังหาความก้าวหน้าในชีวิตกันขนาดนี้ สงสัยเราต้องเรียนบ้างแล้ว

  เห็นเขาไปเรียนเมืองนอกกันหลายคน อยากไปบ้างเหมือนกัน แต่คงต้องหาทุน ทุนตัวเองไม่มี แต่ทุนส่วนใหญ่ก็ของ ก.พ. จบมาใช้คืน 2-3 เท่า สอบ TOEFL ก็ไม่ได้คะแนนอย่างที่ตั้งใจ ไปๆมาๆ ก็ได้เรียนที่เมืองไทยนี่แหละ MIS (IT in Business) ที่จุฬา

  เรียนแบบ full time ซะด้วยนะ นั่นหมายความว่า ต้องออกจากงานมาเรียนอย่างเดียว ตอนนั้นในสมองคิดแบบ digital มากเลย คือไม่ 0 ก็ 1 ถ้าเรียนก็เรียนอย่างเดียว เรียนไปทำงานไปคงทำไม่ได้ ทำได้ยาก อะไรทำนองนี้

  หลังจากเรียนไปสักประมาณ 1-2 เดือน รู้สึกว่า หลักสูตร, วิธีการคิด, กระบวนการการเรียนรู้, สังคม, เพื่อนเรียน ช่างต่างจากการเรียนในระดับ ป.ตรี ซะจริง ทำให้กลับมานึกทบทวนว่า นี่ใช่สิ่งที่ต้องการหรือเปล่า เราคิดถูกหรือเปล่าที่ทิ้งชีวิตการทำงานมาคว้าปริญญาโท หรือเราน่าจะเรียนไปทำงานไป ได้ทั้ง 2 อย่าง

  แต่เมื่อตัดสินใจทำไปแล้ว จะย้อนเวลากลับไปตอนนี้ก็ไม่ได้ สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือ มุ่งมั่นเรียนให้จบ อย่างอื่นไม่ควรคิดอีกแล้ว
  ตอนนั้นคิดว่า โอ้โห ตั้ง 2 ปีแน่ะ ช่างยาวนานเหลือเกิน

  วันนี้ 14-Mar-09 เรียนจบมาได้ 10 ปีแล้ว เวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่เสียใจกับทุกๆเรื่องที่ได้ตัดสินใจและทำไปแล้ว ถ้าวันนั้นไม่ตัดสินใจแบบนั้น วันนี้เราคงมีแค่วุฒิปริญญาตรี ในขณะที่ทุกวันนี้ แม้แต่คนจบปริญญาโท ก็ยังเดินชนกันไปมาแทบไม่มีที่เดินอยู่แล้ว




 

Create Date : 15 มีนาคม 2552    
Last Update : 15 มีนาคม 2552 10:20:07 น.
Counter : 308 Pageviews.  

Day 13 : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรจะ...

13-Mar-09


  วันนี้ตอนปิดตลาด ตลาดหุ้นไทย(SET) ปิดที่ 424.79 จุด เปลี่ยนแปลง +9.75 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายพอประมาณ หมื่นกว่าล้านบาท

  ตลาดหุ้นบ้านเราเนี่ย ช่างท้าทายทฤษฎี หลักการ concept ต่างๆของการลงทุน ที่เคยมีมาก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะใช้ กฎ ทฤษฎีใดๆ ก็ยากจะคาดเดาทิศทาง แนวโน้มไปได้

  ไม่ว่านักวิเคราะห์หลักทรัพย์มือฉมัง นักลงทุนเซียนต่างๆ ที่ว่าแน่ๆ ก็หงายหลังกันไปตามๆกัน วอร์เรน บัฟเฟต์ ก็เหอะ

  บทจะลง ก็ลง คิดว่าจะขึ้น กลับลง บางครั้ง ตลาดหุ้นทั่วโลกเขาขึ้นกันทั่วหน้า เราก็ลง เขาลงเราก็ขึ้นบ้างลงบ้าง เอาใจยากจริงๆ

  บางที พวกบักสีดา อยากมาปั่นเล่นๆ หนุกๆ SET เราก็เป๋ซะแล้ว ทั้งๆที่รายย่อย กับสถาบันของเรา รวมๆกันแล้ว มากกว่าพวกหัวแดงตั้งเยอะ

  ว่าแต่ว่า วันนี้ดัชนีขึ้น ก็ดีใจเหมือนกัน เพราะเมื่อวานซื้อกองทุน JUMBO25 ของ TMB ไปนิดหน่อย ตอนแรกกะอยู่ว่า จะปลูกถั่วงอกดีหรือเปล่า แบบว่าเมื่อวานปลูก วันนี้ตัดขาย แต่แล้วก็ไว้ก่อนน่ะ

  เฮ้อ บทเรียนเรื่องการลงทุนเนี่ย ก็ยังมีอยู่ ในชีวิต ลงทุนมาแล้วก็หลายอย่าง เล่นมาเกือบหมดล่ะ ทั้งสลากออมสิน ทองคำ หุ้น กองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ FIF RMF ขาดแต่พวก อนุพันธ์ อ้อ แต่ไม่เล่นหวยกับแชร์ นะจ๊ะ

  บทเรียนเรื่องการลงทุนเนี่ย ไว้วันหลังตอนครึ้มอกครึ้มใจ จะมาเล่าสู่กันฟัง ที่เห็นว่าลงทุนไปตั้งเยอะแยะเนี่ย ไม่ใช่ว่าจะกำไรหรอกนะ จริงๆ บวกลบคูณหารกันแล้ว ลงทุนมาหลายปี สิ่งที่ได้จริงๆคงเป็นประสบการณ์กับความรู้ซะมากกว่า คำนวณแล้วน่าจะขาดทุนด้วยซ้ำ (so sad)

  ถ้าถามว่าเสียใจหรือไม่ ขอตอบเลยว่า ไม่ ดีใจด้วยที่ได้ทำ ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ชีวิตมีสีสัน ได้รับรู้ความรู้สึก ตอนหุ้นตกเยอะๆ ดีใจตอนหุ้นขึ้น ได้รับรู้ว่าที่เขาบอกกันว่า นอนไม่หลับคืออะไร รู้ว่าอย่าไปเชื่อพวกนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หรือพวกนักวิชาการ รู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ที่สำคัญคือต้องประเมินความเสี่ยงของตัวเอง เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน การลงทุนอะไรที่เหมาะกับเรามากกว่า




 

Create Date : 14 มีนาคม 2552    
Last Update : 14 มีนาคม 2552 20:47:05 น.
Counter : 378 Pageviews.  

Day 12 : โรงงานทำผม

12-Mar-09


  เชื่อว่า แทบจะทุกคนเวลาที่จะไปทำผม ไม่ว่าเพราะต้องการตัดผม ไดร์ผม ยืด ดัด ทำสี สารพัด จะต้องไปร้านทำผม ก็มีบ้างที่อาจจะอาศัยไหว้วาน พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อน คนข้างบ้านช่วยทำให้

  ร้านทำผมส่วนใหญ่ก็มีช่างไม่กี่คน ร้านเล็กๆ ก็ 2-3 คน แต่ก็ไม่เสมอไปหรอก เพราะร้านที่วันนี้ไปทำ reborn(ยืดผม) มา ชื่อร้าน “Art Hair” เป็น สาขา 2 อยู่ตรงสยามสแควร์ ซ.7 เป็นร้าน 2 คูหา มีประมาณ 3 ชั้น มีพนักงานประมาณ 15 คน

  เมื่อก่อนเปิดดำเนินการทุกชั้น จะแยกเป็นชั้นๆไปเลย ว่าชั้นไหนทำอะไร แต่วันนี้ที่ไป กลับเปิดแค่ชั้นล่าง ชั้นเดียว ทำทุกอย่างเลย ทั้งยืด ทำสี ดัดผม สารพัด เลยค่อนข้างแออัดมาก เดินแทบจะชนกันเลย ไม่รู้ว่าคนน้อยลง หรือว่าต้องการบริหารพื้นที่ให้เต็มที่

  ก็ช่างทำผมก็ตั้ง 15 คนเข้าไปแล้ว ลูกค้าก็หมุนเวียนมาเรื่อยๆ concurrent ไม่น่าจะต่ำกว่า 20 คนนะ นั่นหมายความว่า ช่างทำผมคนหนึ่งรับลูกค้าประมาณ 1-2 คน ลูกค้ามาตอนไหน ได้ทำผมตลอดเวลา

  แต่ไม่ใช่ว่าเราจะทำผมกับช่างคนเดียวหรอก บอกแล้วไงที่นี่เหมือนโรงงานเลย จะมีแผนกสระผม ซอยผม ไดร์ผม ทำสีผม ดัดผม ใส่น้ำยายืดผม สารพัดสารพัน

  เวลาเราไปทำผม อย่างเช่น วันนี้ที่ไปยืดผมมา เขาก็จะให้เราสระผมก่อน ถ้าเก้าอี้ว่างพร้อมจะทำขั้นตอนต่อไป เราก็จะได้ทำเลย แต่ถ้ายังไม่พร้อมก็จะให้นั่งรอก่อน จังหวะนั้นถ้ามีลูกค้าใหม่เข้ามา เขาก็จะให้ไปสระผมก่อน

  ส่วนการทำขั้นตอนต่อไป อย่างเช่น ใส่น้ำยายืดผม, อบผม, ล้างน้ำ, เป่าผม ก็จะทำวิธีการคล้ายๆกันแบบนี้ เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีไปเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะรอนานมากนัก เพราะจำนวนช่างเยอะขนาดนี้ หมุนเวียนสลับกันได้ถ้วนทั่ว

  ร้านนี้ ถ้าไปก่อน 11 โมงเช้า จะได้ส่วนลด 15% ช่วงบ่ายจะได้ 10% เพิ่มเติมจากคูปองที่เขาแจกให้ลูกค้าตอนเข้าร้านทุกคนอยู่แล้ว เบ็ดเสร็จก็น่าจะได้ส่วนลดประมาณกว่า 50%

  ร้านนี้เขาจะใช้วิธีประชาสัมพันธ์แบบว่า ให้คูปองส่วนลดกับลูกค้าตอนเช็คบิลไว้ด้วย ก็จะลดประมาณ 48% แต่มีข้อแม้ว่า มันใช้ได้ไม่นาน ประมาณ 9 วันเท่านั้นเอง ด้วยวิธีนี้ เราอาจจะไม่ได้ใช้ ก็ต้องให้คนอื่นไปใช้

  ก็เหมือนให้ลูกค้าช่วยประชาสัมพันธ์ ช่วยหาลูกค้าเข้าร้านให้ด้วย ที่ได้รู้จักร้านนี้ และมายืดผมครั้งแรก ก็มาจากคูปองที่เพื่อนๆส่งต่อมาให้นี่แหละ




 

Create Date : 14 มีนาคม 2552    
Last Update : 14 มีนาคม 2552 20:40:34 น.
Counter : 525 Pageviews.  

Day 11 : Put more job to the smart man

11-Mar-09



  ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับการ presentation ที่แสนจะบีบคั้น
  ก็ว่าเตรียมตัวมาดีแล้วนะ ทั้งเนื้อหา รูปแบบการ presentation การจัดเวลาให้พอดีกับกำหนดไว้

  อันที่จริง จะว่าไป ก็ทำได้ดีนะ (อิอิ ให้กำลังใจตัวเองซะหน่อย) เพียงแต่ว่า...
  สิ่งที่นำเสนอในวันนี้ คณะกรรมการกลับมีความเห็นที่แตกต่าง แถมประกาศออกมากลางห้องประชุมด้วยว่า “วิธีการแบบนี้ผมไม่เห็นด้วย”

  เรื่องของเรื่องคือ algorithm ของการจ่ายงานนั้น ระบบที่นำเสนอนั้น เมื่อมี candidate ที่สามารถรับงานได้มากกว่า 1 คน เมื่อพิจารณาในปัจจัยทุกเรื่องๆ แล้วเหมือนกันหมด ระบบนี้จะใช้วิธีการสุ่มเลือกคน

  คณะกรรมการแย้งว่า ทำไมไม่พิจารณาเรื่อง ความเก่ง,ศักยภาพในการทำงาน แทนที่จะสุ่มเลือก ก็ได้ให้คำตอบไปว่า วิธีการนี้ทางทีมพัฒนาได้ทำการ brainstorm แล้วและเห็นว่า ถ้าเลือกคนโดยวิธีนั้น ก็จะมีแต่คนเก่งที่ได้รับงานนั้น หมายความว่า คนเก่งก็ทำงานมาก คนไม่เก่งก็ทำงานน้อยหรือไม่ต้องทำงานเลย

  แต่ยังไงก็ดี คณะกรรมการก็ยังยืนยันว่า algorithm ที่ทางทีมพัฒนานำเสนอไม่ถูกต้องอยู่ดี
  มันช่างน่าเศร้าสิ้นดี สิ่งที่ทีมเรานำเสนอ มาจากการ survey ของผู้ที่ทำงานจริง คนที่อยู่หน้างานมาหลายปี

  ทำให้สะท้อนใจอยู่ลึกๆ คนที่ทำงานเก่ง ไฉนต้องทำงานเยอะกว่าคนทำงานไม่เก่ง (ช่างสะท้อนชีวิตปัจจุบันที่เป็นอยู่เสียยิ่งกระไร)

  สงสัย slogan ของระบบนี้ที่ว่า

“Put the Job, To the Right Person , With the Right Skill
At the Right Time, In the Right Place”


  คงต้องเปลี่ยนเป็น
“Put more job to the smart man”
  ซะแล้ว




 

Create Date : 11 มีนาคม 2552    
Last Update : 14 มีนาคม 2552 20:31:10 น.
Counter : 339 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

susanjoan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




    ข่าวท่องเที่ยว

    ข่าวไลฟท์สไตล์

Friends' blogs
[Add susanjoan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.