จะสุขหรือทุกข์ ไม่ใช่อยู่ที่คนอื่นทำ แต่อยู่ที่เราเลือก
Group Blog
 
All blogs
 
Vietnam Day 3 - Halou , Tam Coc

28 พฤศจิกายน 2009
Day 3 Halou , Tam Coc

  Day trip ของวันนี้จะไป ฮาลองบก (Tam Coc) อยู่ที่เมือง Ninh Binh อยู่ห่างจากฮานอยไปทางใต้ประมาณ 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถตู้ราว 2 ชั่วโมง
  วันนี้มารอที่โรงแรมประมาณ 8 โมง ยังไม่มีทีท่าว่ารถจะมา เลยออกไปเดินเล่นแถวๆโรงแรม สักพักเดินกลับมา ปรากฎว่ารถมารออยู่แล้ว โอ้ วันนี้รถมาเร็วซะด้วย ฉันก็นึกว่าจะมาสายเหมือนเมื่อวานอีก

  อาจเป็นเพราะ วันนี้เป็นคนละบริษัททัวร์กับเมื่อวาน แล้ววันนี้นักท่องเที่ยวน้อยกว่าเมื่อวานเยอะเลย ก็มีกลุ่มเรา 4 คน แล้วก็พวกแขกอีก 4 คน พอดีอยู่โรงแรมเดียวกัน บนรถก็มีฝรั่งอีก 2 คน รับพวกเราแล้วก็ถือว่าครบสำหรับทริปนี้
  รถวิ่งมาสักพัก ยังอยู่ในเมืองอยู่เลย ไกด์บอกขอเวลาสัก 10 นาที คนขับรถขอเอารถไปจัดการอะไรสักอย่าง ก็ปล่อยให้ลงตรงริมถนน ฉันเมียงมองไปมา ก็เห็นธนาคาร อือมไปแลกเงินดีกว่า

  เข้าไปในธนาคาร เจ้าหน้าที่เห็นฉัน รีบร้องโวยวายอะไรสักอย่าง ฉันบอกจะมาแลกเงิน เขาก็เขียนตัวหนังสือเป็นสัญลักษณ์เงิน ดอลลาร์ กับ ยูโร มาให้ ฉันหยิบออกมา 20 ดอลลาร์นั่นแหละถึงจะรับไปจัดการ
  สงสัยเห็นหน้าฉันนึกว่าจะเอาเงินหยวนมาแลกหรือไง

  แลกกับที่ธนาคารนี้ได้อัตราดีกว่าแลกที่โรงแรม น่าจะแลกมาตั้งแต่ที่สนามบินนะเนี่ย
  ได้เวลา รถก็มารับ

  วันนี้ไกด์คนนี้ อธิบายเรื่องราวต่างๆ คุยมากกว่าคนเมื่อวานเยอะ ไล่ตั้งแต่ความหมายของชื่อเวียตนาม เล่าไปเรื่อย ให้ลูกทัวร์แต่ละคนแนะนำตัวกันด้วย ฉันก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง กำลังเคลิ้มๆจะหลับ รถก็วิ่งมากลางทาง จอดให้พักซะแล้ว
  ที่นี่จะเป็นร้านเล็กๆ มีขายกาแฟเวียตนาม วิธีการชงกาแฟสดของเขาจะมีถ้วยชงเป็นถ้วยๆ ภายในถ้วยมีตัวกรองเสร็จสรรพ ด้านล่างมีรูให้กาแฟออกมา วางบนแก้วกาแฟพอดี ฉันเห็นแล้วก็ว่าดูเข้าท่าดี

เครื่องชงกาแฟ

  สั่งมา 1 แก้ว ใส่นมด้วยก็สนนราคา 18,000 ดอง แต่ชอบที่ชงกาแฟอันนี้แหะ ว่าจะหาซื้อกลับไปเมืองไทยซะหน่อย
  เดินทางต่อไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงแล้ว ช่วงเช้านี้ไกด์พาไปเที่ยววัดเก่า 2 วัดใกล้ๆกัน อยู่ที่เมือง Halou ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่า

ทางเข้าวัด

  วัดแรกสร้างขึ้นให้กษัตริย์ King Ly Thai To ราชวงศ์ Ly ในปี 1010 และวัดที่สองสร้างขึ้นให้พระมเหสี
  วัดแห่งนี้ดูศิลปะคล้ายจีน แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว มีเอกลักษณ์ของตนเอง บรรยากาศดีมากเพราะรายรอบด้วยหุบเขา นักท่องเที่ยวมีพอสมควรแต่ไม่มาก วันที่ไปนี้ มีนักกีฬาของเวียดนามมาไหว้พระด้วย คงจะขอพรก่อนแข่งขันละมั้ง

ด้านหน้าวัด


ภายในวัด


ครั้งหนึ่ง ที่นี่คือพระราชวัง

    :
  หลังจากชมวัดมา 2 วัดแล้ว ไกด์ก็บอกว่า จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกเราจะนั่งรถตู้ไป ส่วนกลุ่มที่สอง จะขี่จักรยานประมาณ 20 นาที ไปเจอกันที่ร้านอาหาร กินข้าวกลางวันกัน
  ฉันก็งงว่า ทำไมเราไม่ขี่จักรยานกัน สอบถามก็ได้ความว่า ไม่ได้ซื้อทัวร์รวมขี่จักรยานตั้งแต่ต้น ฉันก็ว่า อยากขี่บ้างอ่ะ ไหนๆก็มาแล้ว ต้องเที่ยว ต้องลองอ่ะ

  ก็เลยตัดสินใจ ไม่เป็นไร เพื่อนๆ 3 คนนั่งรถตู้ไปรอก่อนละกัน ฉันจะขี่จักรยานไปพร้อมๆกับไกด์และก็เพื่อนร่วมทัวร์คนอื่นๆ
  ไกด์มาบอกว่า ฉันต้องเสียค่าเช่าจักรยานเพิ่มอีก 5 ดอลลาร์ (โอ้โห170 บาท เลยหรือเนี่ย) เขาบอกว่าคนอื่นที่เหลือซื้อ trip มาในราคาสูงกว่ากลุ่มเรา ก็เอาไงดี แฮนด์จักรยานก็อยู่ในมือแล้วเนี่ย

ขี่จักรยานชมชนบทกัน

  สุดท้ายก็ตกลงน่ะ เพื่อนๆถามว่า ok แน่นะไม่เปลี่ยนใจเหรอ เดี๋ยวขี่ไปกลางทางไม่ไหวนะ แต่แหม ฉันก็ว่า ตัวเองก็ออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานมาสม่ำเสมอ คนอื่นเขาขี่กันได้ เราก็ต้องขี่ได้
    :
  ระหว่างทางที่ขี่จักรยานมา ผ่านท้องทุ่ง ทุ่งนา หุบเขา ลอดอุโมงค์ ก็เป็นบรรยากาศที่ดีอีกแบบหนึ่ง ว่าก็ว่าเหอะ ไม่ค่อยได้มีโอกาสมาขี่จักรยานท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้หรอก ไม่ว่าจะเมืองไทยหรือเมืองนอก
  พวกนักท่องเที่ยว แขก กับฝรั่ง เขาสลับกันถ่ายรูปไปมา ว๊าไม่ได้เอากล้องติดมาด้วยซิ แต่ถึงเอามา ก็คงถ่ายลำบากแหะ

  ตอนแรกก็ขี่บนท้องถนน พอสักพัก ก็เริ่มตัดเข้าซอยเล็กๆ แล้วล่ะ ทางนี้แน่นอนว่ารถตู้ไม่ได้เข้ามาแน่นอน
  ผ่านบ้านเรือน แทบชนบท ฉันว่าคล้ายๆหูต่งของเมืองจีนเลยแหะ ตลอดทางเจอเด็กๆ เขาจะ say hello พร้อมกับโบกไม้โบกมือให้นักท่องเที่ยวตลอด

  ฉันขี่จักรยานมานับว่าไกลมาก อาจเพราะไม่ได้ขี่เร็วด้วย นานเหมือนกันแหะ พลังงานก็เริ่มหมด เลยเที่ยงมานานพอสมควร ยังไม่ถึงซะที
  แสงแดดช่วงบ่ายๆก็เริ่มแรงขึ้น ขี่ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเริ่มเข้าเมือง แล้วก็เจอแล้วร้านอาหาร เพื่อนๆรออยู่ โบกมือเรียกทักทาย

  อาหารเที่ยงเป็นบุฟเฟต์ เพื่อนๆกินกันไปแล้ว ฉันเดินเข้าไปจะไปตักอาหาร ไปเจอคนไทย 2-3 คนที่มาเที่ยวเหมือนกัน ก็มาทักทายประมาณว่า นี่ขี่จักรยานมาเหรอ โอ้โห เก่งจัง
  ก็ยังงงๆ แต่ก็ ok ทักทายสักหน่อย ระยะทางทั้งหมดนี้ 12.5 กม. ก็พอสมควร แต่มันไม่ใช่ 20 นาทีอย่างที่ไกด์บอกซะหน่อย
  เหนื่อยๆหิวๆ แต่กลับกินข้าวเที่ยงได้ไม่เยอะ อาหารไม่ค่อยโดนซะเท่าไร

  ไกด์บอกว่า ฉันจ่ายค่าเช่าจักรยานหรือยัง ฉันบอกว่ายัง แต่ขอจ่ายเป็นเงินด่องละกัน เท่าไรล่ะ เบ็ดเสร็จคำนวณออกมา 95000 ด่อง ไกด์บอก จ่ายแค่ 90000 ด่องละกัน
  คำนวณไปคำนวณมา จ่ายเงินด่องแพงกว่าเงินดอลล่าร์อีก แต่ไม่ว่ายังไง งานนี้ บริการจักรยานเช่าก็ได้กำไรไปเต็มๆ
    :
  ได้เวลาลงเรือแล้ว เรือที่นี่จะให้คนนั่ง 2 คน คนพาย 2 คน ไกด์บอกว่า ไม่จำเป็นต้องให้ทิปนะ แม้ว่าคนพายจะเรียกร้องให้ทิปด้วย แต่ถ้าใครอยากให้ ก็ให้สักเล็กน้อยก็ได้

ท่าเรือพาย


ไปล่ะนะ

  เรือที่ฉันนั่งนั้น คนพายเป็นคนปู่อายุ 71 ปี กับลูกสาวอายุ 34 ปี ดูแล้วน้ำลึกประมาณ 1 เมตรกว่าๆ ด้านล่างดูเหมือนมีสาหร่าย ตระไคร้น้ำเต็มไปหมด ฉันชวนลูกสาวคุย แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจคำถามที่ถามซักเท่าไร เลยตอบไม่ค่อยตรงคำถาม

คุณปู่นักพาย

บรรยากาศ การนั่งเรือพาย

สบายใจจริงๆ บรรยากาศดีมากๆ

  ตลอดทาง จะมีทั้งเรือที่เพิ่งพายไปพร้อมกัน บางลำก็เริ่มกลับออกมา สังเกตุเห็นบางลำเริ่มมีการขายสินค้าพวกผ้า กระเป๋า ต่างๆกันบนเรือนี่เลย บางลำมือไม่พาย ใช้เท้าพายแทน ก็ดูแปลกดีแหะ

พายเรือด้วยเท้า สุดยอด

  เรือจะล่องไปเรื่อยๆ ผ่านถ้ำทั้งหมด 3 ถ้ำ ถ้ำแรกจะสูงและกว้าง ส่วนถ้ำสุดท้าย จะสั้นๆ ภายในถ้ำจะมืดมาก ไม่มีการติดไฟให้เห็นหินงอกหินย้อย แต่หินก็เตี้ยมาก สามารถเอื้อมมือไปสัมผัสได้

  ฉันถามตัวลูกสาวว่า เดือนนี้น้ำสูงแค่นี้ แล้วเดือนอื่นๆที่น้ำสูงมากๆสามารถมาเที่ยวได้หรือไม่ แต่เธอกลับตอบไปว่า น้ำสูง 1 เมตร ถ้ำสูงสัก 2 เมตร ไปซะงั้น
  พายไปถึงสุดเส้นทาง จะเป็นบริเวณที่เรือขายสินค้าหลายลำมาจอดอยู่ ขายพวกของกิน บางลำก็ปรี่ตรงเข้ามาบอกให้ช่วยซื้อน้ำเป็นรางวัลกับคนพาย แต่ฉันว่าฉันให้ทิปตอนขากลับดีกว่า

บริเวณจุดสุดท้าย มีแม่ค้าขายของหลายอย่าง

  หยุดอยู่ที่นี่สัก 2-3 นาที ก็พายกลับ

  ขากลับฉันก็ว่าจะลองหัดพายบ้าง คือตัวลูกสาวนั่งอยู่ด้านขวาของฉัน ฉันก็เลยหยิบไม้พายมาลองพายดู พายไปเรื่อยๆเหนื่อยก็เริ่มพัก สักพัก ตัวลูกสาวบอกให้มานั่งสลับข้างกัน แหม แบบนี้ฉันจะได้ค่าแรงบ้างหรือเปล่าเนี่ย
  พายไปพายมา เริ่มปวดแขนเหมือนกันแหะ สังเกตุว่าคนที่มาทำอาชีพนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง คนแก่ ส่วนพวกผู้ชายคงไปทำอย่างอื่นแทน ก็ถือว่าเป็นอาชีพที่พอประทังชีวิตได้ ฉันว่าจะถามว่าวันหนึ่งพายกี่เที่ยว แต่คงสื่อสารกับเขาแล้วท่าทางจะเครียดแหะ

  สรุปว่า วันนี้ ฉันได้ออกกำลังกายเต็มที่ ทั้งขาทั้งแขน แถม balanced ตรงแขนทั้งสองข้างซะด้วย

  ก่อนขึ้นจากเรือ ก็เลยคุยกับพี่ตุ่มว่า ให้ทิปคนละ 10,000 ดองละกัน สรุปว่า ให้พ่อลูกไป 20,000 ดอง ไปแบ่งกันเองนะจ๊ะ
  ขากลับเที่ยวนี้ ไม่ได้แวะพักที่ไหนเลย ตรงดิ่งอย่างเดียวกลับฮานอย

  วันนี้ถึงฮานอยประมาณ 6 โมงเย็นเท่านั้น ไปกินข้าวเย็นกันก่อน แล้วค่อยไปเดิน shopping ซื้อของฝากละกัน
  แถวที่พักละ work ที่สุด เดินไปเดินมามาหยุดลงที่ร้านตรงปากซอยด้านหลังของโรงแรม ตอนเช้า ร้านนี้จะขายพวกเฝอ แต่ตอนเย็นจะเป็นร้านอาหารเวียตนาม

  ดูจากเมนูแล้วก็อือม.. ร้านนี้ถ้าเป็นเมืองไทยก็แบบว่า อาหารป่าหรือเปล่า คือมี เต่า, ตะพาบน้ำ, งู, กระต่าย สารพัดสัตว์กันเลย ก็สั่งอาหารกันมาคนละจาน ฉันส่งข้าวผัด ไก่+ปลา ไม่ค่อยอร่อย มันแข็งๆ แต่ว่าระหว่างกินกันอยู่ โต๊ะข้างๆเนี่ย มีการสั่งตะพาบมาด้วย
  บ๋อยหยิบตะพาบน้ำมา แล้วก็เชือดสดๆ Oh My god ปล่อยให้เลือดไหลใส่แก้วน้ำ แล้วเขาก็เอาไปผสมกับพวกเหล้าละมั้ง แล้วก็เสริฟ์ให้ลูกค้าโต๊ะข้างๆกิน ฉันกินข้าวอยู่ ไม่ไหวแล้ว เห็นแล้วกินไม่ลงอ่ะ

  เสร็จสรรพ ไปเดิน shopping กัน
  ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าซะมากกว่า ประมาณ 70-80% แล้วก็เสื้อผ้าหนาๆซะด้วย เดินว่าจะซื้อของที่ระลึก ไปฝากซะหน่อย พี่ตุ่มได้ magnet เป็นรูปตุ๊กตาหนุ่มสาวชาวเวียดนาม 10 ตัวก็ประมาณ 40000 ดอง ส่วนฉันก็ซื้อ magnet เป็นที่ระลึกส่วนตัว

Night Market


  Night market ที่นี่บรรยากาศคล้ายคลองถมบ้านเราแหะ แต่เน้นขายเสื้อผ้า เดินเป็นเส้นทางยาวจากปากซอยไปเรื่อยๆ ตัดผ่านถนนเล็กๆในซอยทั้งหมด 3-4 ถนน ไปเจอร้านขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้วย หม้อ ต่างๆ ก็เลยว่าเข้าไปดูเผื่อจะมีขายที่ชงกาแฟ แล้วก็เจอจริงๆ มี 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ราคา 25000, 35000, 45000 ดอง แต่เป็นสแตนเลส ดูดีกว่าวันนี้ที่ไปกินที่พักกลางทาง อันนั้นจะเป็นอลูมีเนียม ก็เลยตกลงใจซื้ออันกลางมา ต่อรองได้ 30000 ดอง (ประมาณ 60 บาท)

  ไปเจอ supermarket แวะซื้อกาแฟคั่ว ยี่ห้อ TRUNG NGUYEN และก็ซื้อ instant coffee ยี่ห้อ G7 ว่าจะเอาไปฝากที่บ้าน และก็น้องๆ ที่ออฟฟิค
  สังเกตอีกอย่าง คนที่นี่น่าจะชอบกินพวกบ๊วย มะม่วงดอง พวกนี้แน่เลย มีหลายร้านขายกันแบบเป็นล่ำเป็นสัน ทำดูดี ขายเป็นแบบแพ็คเก็ตดีๆ เป็นของฝากได้เลย

ศิลปะของดอง

  แวะกินน้ำอ้อยซะหน่อย จะได้ชื่นใจ แต่เอ๊ะ ไหงน้ำอ้อยมันมีรสเปรี้ยวๆด้วยเนี่ย อ้อ น้ำอ้อยที่นี่เขาใส่ส้มจี๊ดเข้าไปด้วย รสชาดเลยออกแปลกๆไป
  วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน รู้สึกจะใช้งานกำลังขามากไปละ



Create Date : 21 ธันวาคม 2552
Last Update : 27 ธันวาคม 2552 22:07:41 น. 0 comments
Counter : 1737 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

susanjoan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




    ข่าวท่องเที่ยว

    ข่าวไลฟท์สไตล์

Friends' blogs
[Add susanjoan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.