ไปดูหมอ บอกเกิดเป็นคนไทยมาก่อน ให้ทำบุญบ่อยๆ แต่สงสัยบุญไม่น่าซื้อขายกันได้ ทุกอย่าง อยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมครับ หมอดู หมอทรง จะจริงหรือไม่ ไม่ขอวิจารณ์ แต่อยากให้เชื่อว่า ทำได้ย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ปัจจุบัน เป็นผลของอดีต แต่อนาคต เป็นผลของปัจจุบัน รวมทั้งอดีต แล้วแต่ อันใดมีกำลังมากกว่า ตั้งใจทำความดี ให้เต็มที่ในปัจจุบัน จะแก้ไข กรรมในอดีตได้ ตามกำลัง ตอบคำถามที่ว่า 1."ทำไมเกิดแต่ในประเทศไทย" อันนี้ ผมตอบเฉพาะที่ว่า ถ้าเกิดชาติก่อนในไทย ชาตินี้ทำไมเกิดในไทย ไม่ได้บอกว่าจริงหรือไม่ ก็เพราะจิตมีความยึดติดในสถานที่ใด ก็จะผูกพันธ์กับที่นั้น ก็จะทำให้เวลาจิตละจากร่างเดิม ถ้าไม่ไปเกิดในภูมิอื่นๆ ก็จะมาเกิดในสถานที่ๆเดิมๆ ได้กลับมาเกี่ยวข้องกับผู้คนเดิมๆ แต่คนละกาย คนละเวลาเท่านั้นเอง คนเราเกิดตาย นับประมาณไม่ได้ กระดูกกองเป็นภูเขาเลากา หาต้น หาปลายไม่ได้ ตราบใดยังไม่หลุดพ้น ก็ยังไม่สิ้นสุดการเวียนว่านตายเกิด 2. "การบูชาพระ" นั้นเป็นการปฏิบัติบูชา ผู้บูชา ย่อมได้รับการบูชาตอบ เป็นการนอบน้อม รำลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ ย่อมได้อานิสงฆ์ตามกำลังใจของเราแน่ๆครับ 3."ไปถวายวัดพร้อมถวายสังฆทาน ซึ่งเราก็ทำ แต่ก็สงสัยอีกค่ะ ว่าหากเรามีกำลังซื้อก็ซื้อเยอะๆ ไปถวายวัดบ่อยๆ จะไม่เหมือนเป็นการซื้อบุญหรือคะ" บุญกุศล เกิดแต่ใจครับ ไม่ได้สำคัญที่จำนวนเงิน พระท่าน ทิ้งสมบัติ ทิ้งทุกอย่างไป เพื่อแสวงหาโมกขธรรม อาศัยบิณฑบาทเลี้ยงชีวิต ปัจจัย4ก็ได้จากญาติโยมถวายเท่านั้น ดังนั้น การถวายปัจจัย4 ให้พระ จึงมีความสำคัญมาก พระพุทธเจ้า ท่านจึงสอนว่า(ย่อ) ทำทานกับผู้มีศีล มีผลมากกว่าผู้ไม่มีศีล ทำทานกับพระ(ศีล227) มีผลมากกว่าผู้มีศีล ทำทานกับพระอรหันต์ มีผลมากกว่าพระ ทำทานกับพระพุทธเจ้า มีผลมากกว่าพระอรหันต์ ทำทานกับสังฆทาน มีผลมากกว่าพระพุทธเจ้า ทำทานในวิหารทาน มีผลมากกว่าสังฆทาน อภัยทาน มีผลมากกว่าวิหารทาน ถ้าเราคิดว่าซื้อบุญ ก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่ถ้าเราคิดว่าทำทานเฉพาะพระที่เราชอบ ก็ได้มากกว่าหน่อย แต่ถ้าทำสังฆทาน คือถวายสงฆ์โดยรวม เพื่อรักษาพระศาสนา นั่นได้มากจริงๆ เรามีกำลังซื้อเยอะๆ แสดงว่าเราได้ผลบุญจากการทำทานมาก่อน จึงได้มีเงินไว้ทำทานเยอะ เราซื้อไปบ่อยๆ แสดงว่า เราทำกรรมดีในปัจจุบันเป็นประจำ ซึ่งจะส่งผลในอนาคต เราสงสัยว่าจะเป็นการซื้อบุญหรือไม่ แสดงว่าเรามีความสงสัยในบุญที่ได้ทำไป ทำให้ผลบุญลดกำลังลงนะครับ คนมีมาก ก็ทำมาก ก็ได้มาก(ตามเจตนาในใจ ที่สละเงินที่มีเพื่อทำบุญ ไม่ใช่ตัวเงิน) คนดีมาก ก็ทำบ่อย ก็ได้บ่อย คนทั้งทำมาก และทำบ่อย ก็ย่อมได้มาก และบ่อยด้วย พิจารณาดูครับ   Create Date : 17 มกราคม 2549     Last Update : 17 มกราคม 2549 3:20:01 น. Counter : 575 Pageviews.   1 comment Share Tweet

สวดชินปัญชรก่อนนอน คุ้มครองได้ไม๊ การสวดมนต์ ทำให้จิตรวมสงบลงเป็นสมาธิ เกิดกุศลกรรม คือ ข่มกิเลสไว้ จิตสะอาดขึ้น ตามกำลัง เกิดอานิสงฆ์ด้วยตัวสมาธิเอง ส่วน คาถาจะศักสิทธิ์มากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิด้วย ไม่นับ บารมีของผู้แต่ง หรือ ครูบาอาจารย์ที่เป็นเจ้าของคาถา หรือสิ่งที่อ้างถึงในคาถา เช่น พระพุทธเจ้า หรือ เทพใดๆ กรณีคาถาชินปัญชร เป็นคาถาที่ศักสิทธิ์มาก เพราะ เป็นคาถาของสมเด็จโต ซึ่ง เป็นพระโพธิสัตว์ ดังนั้น บารมีของท่านที่บำเพ็ญมามาก จึงทำให้คาถามีอานุภาพมาก ยังไม่นับ การเอ่ยอ้างถึงพระพุทธเจ้า28พระองค์ พระอรหันต์ ตลอดจนพระสูตรต่างๆ ทำให้กำลังของคาถามีมากยิ่งขึ้น ถ้ารวมกับกำลังสมาธิของผู้สวด ก็จะทำให้มีผลมากขึ้นไปอีก พ่อผม สวดจน ได้พระสมเด็จ มากมาย แค่มองไปในพระที่อยู่บนแผง ก็รู้ได้ว่าองค์ไหนใช่ ท่านสวดมาก บวกกับ กำลังจิตแก่กล้า ทำให้มีผลมากมายหลายอย่างจริงๆ รอดจากอุบัติเหตุแรงๆหลายครั้ง ศัตรูทำอะไรไม่ได้ แพ้พ่ายไปตามลำดับ ปาฏิหาริย์ต่างๆ นอกจากคาถา บารมีของสิ่งศักสิทธิ์แล้ว สำคัญ คือ ศีล ธรรม ของผู้นั้น ด้วย ตลอดจน กรรมที่สร้างมา ว่าเคยทำกรรมหนักมามากไหม ถ้าทำกรรมชั่วมาหนักมาก ก็ต้องอาศัยกรรมดีที่หนักกว่า จึงจะบีบให้กรรมชั่ว ส่งผล ได้ไม่ถนัด หรือ ส่งผลได้น้อยลง อย่างที่คุณสวดแล้ว เกิดอาการขนลุกวาบๆ น่าจะเป็นอาการของปีติ ซึ่งแสดงว่ามีสมาธิมาก พอที่จะเกิดปีติได้ ทำให้คาถาศักสิทธิ์ได้ เท่าที่ควรจะเป็น แต่อยู่ภายใต้กรรมของเราเช่นกัน อยากแนะนำให้เพิ่ม รักษาศีล5 ให้แน่วแน่ ทุกอย่างจะดีขึ้นไปอีก คาถาจะได้ผลไหม พระจะคุ้มครองไม๊ ก็ตรงนี้แหละ คนดี พระย่อมคุ้มครอง ก็ด้วยผลกรรมดีที่เราทำนั่นเองเป็นเหตุ   Create Date : 17 มกราคม 2549     Last Update : 17 มกราคม 2549 3:17:23 น. Counter : 597 Pageviews.   0 comment Share Tweet

นั่งสมาธิ ดูลมหายใจ แล้วง่วง ปวดหัว ไม่เห็นยุบพองเลย ง่วง เพราะ สติน้อยไป ปวดหัว เพราะ จดจ่อ มากเกินไป ไม่เห็นยุบพอง เพราะ ตามปัจจุบันไม่ทัน ลอง รู้ แบบ สบายๆ ครับ เป็น ผู้ดู เหมือนดูทีวี แต่เป็นดูร่างกายขยับแทน สติ มันจะมีเองตามธรรมชาติ รู้ให้ทัน กับที่มันเกิด ทันเมื่อไหร่ ก็เป็นปัจจุบันเมื่อนั้น แต่รู้แล้วให้วาง ทันที เพราะมันเป็นอดีตไปแล้ว ไม่ต้องคิดหน้า คิดหลัง เมื่อรู้ทันปัจจุบัน จริงๆ มันจะมีสติ เป็นสมาธิของมันเอง มีวิธี สองวิธี เลือกดู 1.โฟกัสที่จุดหนึ่ง จุดใด แล้วดูจุดนั้นเป็นหลัก เช่น:- รู้ที่ปลายจมูก ดูลมที่มากระทบจุดปลายจมูกอย่างเดียว 2.ดู ตามภาพรวม จนเห็นทุกอย่างชัด ค่อยโฟกัสลงไป ที่จุดหนึ่ง จุดใด แล้วดูจุดนั้นเป็นหลักต่อไป เช่น:- ตามลมไปก่อน แล้วค่อยเลือกดู จุดที่เราตามลมไป ว่ามันไปที่ไหนบ้าง พอเห็นมันชัดๆ แล้วค่อยว่า คำบริกรรม ตรงจุดที่เราพอใจ เช่น ปลายจมูก ลิ้นปี่ ท้อง หรือ ท้องมีการเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างไร ดูมันไปเรื่อยๆ จะเห็นจุดสูงสุดของการพองชัด ค่อยว่าพอง เห็นจุดต่ำสุดของการยุบชัด ค่อยว่ายุบ   Create Date : 17 มกราคม 2549     Last Update : 17 มกราคม 2549 3:16:06 น. Counter : 749 Pageviews.   3 comment Share Tweet

มีพระพุทธเจ้ามาแล้วกี่องค์ แล้วทำไมไม่มีหลักฐาน พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า "... ดูกรอานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มีพรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างเล็ก ซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้าน จักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ... " พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต จูฬนีสูตร //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=5985&Z=6056&pagebreak=0 แสดงว่า ท่านรู้ว่า มีจักรวาลอื่น อีก ตั้งแต่ก่อน2549ปีที่แล้ว ก่อนเรา จะรู้ว่าโลกกลม ก่อนเรา จะรู้ว่า มีสุริยจักรวาล ก่อนเรา จะเกิด ความรู้ของพระพุทธเจ้านั้นมีมากมาย เหมือนใบไม้ในป่า แต่ที่พระองค์นำมาแสดง เป็นเพียงแค่ใบไม้กำมือเดียวเท่านั้น นับประสาอะไร กับความเข้าใจ ว่ามีพระพุทธเจ้ามาแล้วกี่องค์ ก็ขนาดจักรวาลเรายังไม่รู้ ว่าเกิดมาได้อย่างไร มีแต่ทฤษฏี นับประสาอะไรจะรู้ในสิ่งที่เกินวิสัยของปุถุชน ถ้าอยากจะรู้จริงๆ ให้ค้นหาในตน เพราะความรู้นอกตนนั้น นับประมาณมิได้เลย แต่ความรู้ในตน อย่างแท้จริง นั้นแหละ จะทำให้เข้าถึง ความรู้นอกตนได้ แต่เท่าที่อยู่ในวิสัยของเขาเท่านั้น ก็วิสัยของปุถุชน ย่อมรู้ได้ไม่เท่าพระอริยบุคคล วิสัยของพระสาวก ย่อมรู้ได้ไม่เท่าพระพุทธเจ้า   Create Date : 17 มกราคม 2549     Last Update : 17 มกราคม 2549 3:07:11 น. Counter : 5690 Pageviews.   9 comment Share Tweet

ต้องเบิกเนตรพระพุทธรูปหรือไม่ พระพุทธรูป เป็นเครื่องรำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คุณพระสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้า อันเป็นเนื้อนาบุญของโลก จะเบิกเนตรปลุกเสกหรือไม่ พระพุทธรูปก็สำเร็จเป็นพระพุทธรูป ตั้งแต่ มีจิตคิดจะสร้างแล้ว สมเด็จโตเอง ท่านก็ไหว้ พระพุทธรูปที่ยังสร้างไม่เสร็จ รูป ดังสมมติ ให้รำลึกถึงท่าน หาใช่ตัวตนท่าน มีในรูปไม่ ก็แต่เรา ยังจะหาตนได้จากที่ใด แล้วเหตุใด จึงจะหาในสากล อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แท้ๆ   Create Date : 17 มกราคม 2549     Last Update : 17 มกราคม 2549 3:00:28 น. Counter : 767 Pageviews.   0 comment Share Tweet