ขออำนาจพุทธธรรมสงฆ์ โพธิสัตว์ จักรพรรดิ์ จงบันดาลบารมีท่าน บุญข้า ให้แก่ผู้ต้องการตลอดไป
 

ปัญหาในการนั่งสมาธิ (สติปัฏฐาน4)ปวดขา จะดูกาย หรือ เวทนา

ได้ทุกวิธี ตามความถนัด ครับ
แต่ถ้าจะให้ดี ควรเป็นไปตามลำดับ
อธิบายได้ดังนี้

ขั้นแรก ดูกาย

ดูลมหายใจ เข้าออก
พอมีอะไรมากระทบ ก็กำหนด รู้ ๆแล้วก็วาง
เช่น ความปวด เป็นเวทนา
กำหนดรู้ว่ามันปวด แล้วก็วาง
เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ไม่ต้องสนใจ
ดูลมหายใจต่อไป
ลมหายใจ จะเบาลงๆ
จนหายไป
เมื่อสติรู้ต่อเนื่องจนตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว
จะเห็นกายในกาย คือ

เห็นจิต ที่อยู่ในกายเรานี่เอง

ขั้นที่สอง ดูความรู้สึก(เวทนา)

ดูความรู้สึก คือ สุข ทุกข์ เฉยๆ ที่เกิดขึ้น
แต่ดูเฉยๆ ไม่ต้องเอาจิตไปจ่อ
เช่น ดูความปวดขา ไปเรื่อยๆ
จะค่อยๆ เห็นความปวดนั้น อยู่ที่กาย
แต่ใจเราไม่ได้ปวดไปด้วย
เมื่อสติรู้ต่อเนื่องจนตั้งมั่นเป็นสมาธิ
จะเห็นเวทนาในเวทนา คือ

เห็นความรู้สึกทางใจ ที่ซ้อนอยู่ในความรู้สึกทางกาย

ขั้นที่สาม ดูจิต

เมื่อเห็นเวทนา คือความรู้สึกที่เกิดในใจมาแล้ว
เอาใจคือผู้รู้ ดูจิต คือ สิ่งที่เกิดขึ้นทางใจต่างๆ
ดูไปเรื่อยๆ
ก็จะเริ่มเห็นว่า ความรู้สึก(เวทนา)นั้นไม่ใช่เรา
ความจำ(สัญญา) นั้นก็ไม่ใช่เรา
ความคิดต่างๆ นั้นก็ไม่ใช่เรา
เมื่อดูจนถึงที่สุด
ก็จะเห็นจิตในจิต คือ

เห็นจิตที่ส่งออกไปรู้อารมณ์ จากใจ คือผู้รู้ นั่นเอง

ขั้นสุดท้าย เห็นธรรม

การรู้ธรรมที่เกิดขึ้นตามสภาพความเป็นจริง
ถ้าสติไม่ต่อเนื่องเป็นสมาธิก่อน
จะเห็นธรรมได้ยาก
นอกจากนึกเอา ตามความรู้ที่ได้อ่านได้ยินมา

ดังนั้นจะเห็นธรรมจริงๆได้
ต้องผ่านขั้นที่3คือ เห็นจิตในจิตมาก่อน
เมื่อแยกความรู้สึก ความจำ ความคิด ออกจากใจได้
ใจจะเป็นอิสระ มองเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง
โดยไม่หลงไป กับ ความรู้สึก ความจำ ความคิด
เห็นธรรมต่างๆ เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
เป็นธรรมในธรรม คือ

เห็นธรรมะที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาตินั่นเอง

เป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวัน แต่ไม่เห็นตามความเป็นจริงเลยสักวัน




 

Create Date : 25 มกราคม 2549    
Last Update : 25 มกราคม 2549 21:21:37 น.
Counter : 805 Pageviews.  

ผู้ใหญ่ไม่ให้ไปบวชชีพรามณ์

บวชที่แท้ คือบวชที่ใจครับ

ถ้าปรารถนาจะถือศีล8นั้น ถืออยู่บ้านก็ได้ครับ

สมาทาน หน้าหิ้งพระ หรือ รูปพระก็ได้

ตั้งใจรักษาศีล โดยอาศัยเจตนาเป็นหลัก

ศีลนั้น เรารักษาเมื่อใด
ศีล ก็รักษาเราเมื่อนั้น

ไปอยู่วัดได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ รักษาที่ใจครับ
อยู่ที่ไหน ก็ตาม ถ้าใจไม่เป็นศีล ศีลก็ไม่อยู่กับเรา
แต่ถ้าใจเป็นศีล อยู่ที่ไหน ก็เป็นศีล

ดังนั้น ออกจากศีล8เมื่อใด
รักษาศีล5 ให้เป็นปกติ แล้วชีวิตจะดีขึ้นจริงๆ
โดยไม่ต้องอาศับฤกษ์ยามดีที่ไหน
พระพุทธเจ้าสอนว่า
เมื่อใด คิดดี ทำดี เมื่อนั้นฤกษ์ดี ยามดี สว่างดี รุ่งดี

ดูวิธีอาราธนาและข้อปฏิบัติจากกระทู้ที่ผมเคยตอบไว้ ที่หัวข้อ การอาราธณาศีล8 และคำอธิบาย การปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง

ส่วนการปฏิบัติธรรมนั้น
ไปหาวัดหรือสำนักปฏิบัติ ที่เราชอบ
เป็นแนวทางในการปฏิบัติก็ได้ครับ

เป็นที่เราเรียนกรรมฐาน หรือวิปัสสนาจากท่าน
แล้วค่อยมาปฏิบัติเองที่บ้าน
มีอะไรสงสัย ค่อยไปถาม

แนะนำในกรุงเทพ หลวงพ่อวิริยังค์ ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น
วัดธรรมมงคล สุขุมวิท101ครับ

การไปอยู่วัดได้ก็ดี เพราะสงบ
แต่พอกลับมาก็เหมือนเดิม
สภาพแวดล้อมเดิมๆ

ดังนั้น อยู่กับปัจจุบัน
เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง

มีสติอยู่กับกาย เช่น ลมหายใจ
เราจะเกิดสมาธิเอง

รู้สึกตัว อยู่เป็นประจำ
เราจะมีสัมปขัญยะ
แล้วจะเห็นทุกอย่างตามที่เป็นจริงๆ
โดยไม่ต้องไปหาที่ไหนเลย

ค้นหาแต่ที่จิตใจเราเท่านันพอ




 

Create Date : 19 มกราคม 2549    
Last Update : 25 มกราคม 2549 20:47:13 น.
Counter : 637 Pageviews.  

ซื้อซีดีเถื่อนผิดศีลข้ออทินาทานไหม

พระพุทธเจ้ากล่าวว่า เจตนานั้นแลเป็นกรรม

เจตนาในใจไม่คิดที่จะทำผิดศีลในขณะนั้น
ศีลย่อมบริสุทธิ์

แต่กรรมนั้นซับซ้อนมาก

พิจารณาอย่างนี้ดูครับ

เราไม่มีเจตนาฆ่าสัตว์
แต่เดินเหยียบสัตว์ตาย

ไม่มีเจตนาจะขโมย
แต่คนคิดว่าขโมย

ไม่มีเจตนาจะผิดลูก ผิดเมีย
แต่โดนข่มขืน

ไม่มีเจตนาโกหก แต่เค้าเข้าใจผิด

คนชงเหล้าเอาที่คีบคนเหล้าอีกแก้ว
แต่มาหยิบน้ำแข็งให้แก้วโค๊กเรา
แก้วเราเลยมีเหล้าผสม

วิเคราะห์

สัตว์นั้นเคยฆ่าชีวิตสัตว์อื่นมาก่อน
ผลกรรมก็ทำให้เราเดินเหยียบสัตว์นั้น
โดยที่เราไม่รู้ตัว
กรรมของสัตว์นั้น ส่งผลให้ได้รับผลกรรมพอดี
แม้เราไม่ได้ฆ่าสัตว์มาก็ตาม แต่เป็นเหมือนเครื่องมือของกรรม

เราซื้อหนังสือร้าน A เข้าไป แล้วเดินไปในร้าน B
ร้าน B คิดว่าเราขโมยหนังสือจากร้านเขา
ผลกรรมอื่นๆที่เราทำมาก่อน กำลังให้ผลพอดี
เช่น เราประมาท ไม่ฝากหนังสือไว้ก่อน
เราก็จะถูกเข้าใจผิดว่า ขโมย
ผลของกรรมที่เราเก็บใบเสร็จไว้ก็ช่วยให้เข้าใจถูก
หรือผลของการรักษาศีลเอง ก็ให้ผล ให้เราได้รับความเข้าใจถูกทีหลังได้ ในที่สุด

ถ้าเรารักษาศีลแน่วแน่ มีกำลังมากพอ
เมื่อเราทำอะไรด้วยไม่มีเจตนา
ผลกระทบจากกรรมอื่นเอง ก็ส่งผลไม่ได้
เช่น คนก็จะไม่เข้าใจผิด

ฯลฯ

พระอรหันต์นั้น ท่านกระทำอะไรใดๆ ก็เป็นเพียงกริยา
ไม่มีเจตนาในการกระทำแล้ว
เหมือนกรณี คนวิจารณ์หลวงตามหาบัว
คนเข้าใจท่านผิด แต่ใจท่านไม่ผิด
เราเองซะอีกที่จะได้รับกรรม จากการวิจาร์ณท่าน

แต่ผลกรรมในอดีตก็ยังส่งผลมาถึงร่างกายได้
แบบพระโมคคัลลานะ ถูกโจรทุบตาย
เพราะเคยฆ่าพ่อแม่มาก่อน
พ่อแม่ตาบอดไม่รู้ว่าลูกทำ
ดังนั้นพ่อแม่ไม่ใช่นายเวร
แต่ผลกรรมนั้น ก็ยังมีอยู่
จึงส่งผลให้ได้รับเวทนาแบบพ่อแม่ได้รับ
โดยผ่านโจรเป็นเครื่องมือของกรรม

สรุปว่า เรารักษาศีลด้วยเจตนาเป็นหลักครับ
แต่กรรมอื่นๆ อันเกิดแต่ผลของกรรมและคนอื่นกระทำ
ย่อมส่งผลแก่เราและผู้อื่นตามสมควร

แต่ศีลนั้นย่อมบริสุทธิ์ โดยเจตนาครับ




 

Create Date : 19 มกราคม 2549    
Last Update : 19 มกราคม 2549 14:18:28 น.
Counter : 795 Pageviews.  

ทำ งัย ให้ เจ้า กรรม นาย เวร ปล่อยๆเรามั่ง เริ่มตั้งแต่พี่ชายเสียคน แม่ป่วย

แทนที่จะคิดว่าชีวิตลำบากหยั่งงี้เป็นเพราะมีผู้บงการใดๆ
แท้จริงแล้วทุกอย่าง เรานั่นเองเป็นผู้กำหนด

ชาติที่แล้วทำกรรมใดๆไว้ ถ้ายังไม่ได้รับผล ก็ต้องมารับในชาตินี้
ชาตินี้ทำกรรมใดๆไว้ ถ้ายังไม่ได้รับผล ก็ต้องมารับในชาติหน้า

คนที่มาเกิด เป็นพ่อแม่พี่น้องเรา ล้วนเคยทำกรรมกันมาด้วยกันก่อนทั้งสิ้น

ก็ด้วยผลกรรมนี่แหละทำให้ได้มาเป็นพ่อแม่พี่น้องกัน
และต้องลำบากด้วยกัน

ทั้งหมดก็เพราะเราเองเป็นผู้กระทำกรรมทั้งดีและชั่ว
ถึงต้องมารับผลในปัจจุบัน

การแก้ปัญหาทั้งหมด ไม่ใช่จะไปบอกให้ใครเลิกทำร้ายเรา

แต่เราเองที่ต้องสร้างกรรมดีอย่างที่สุด
ทั้งทาน ศีล ภาวนา

แล้วกรรมดีนั้น จะบีบกรรมชั่วให้ๆผลไม่ถนัด
ถ้ามากพอ จะทำให้กรรมชั่วส่งผลไม่ได้เลย

นี่คือวิธีแก้เจ้ากรรมจริงๆ ซึ่งก็คือตัวเราทำเองได้เองทั้งสิ้น

แต่นายเวรนั้น
คือ คนที่เคียดแค้นเรามาก จนจองเวรกันมา

ด้วยความแค้นฝังใจมากๆ ก็เลยฝังใจ ที่จะตามแก้แค้นเราให้ได้

การแก้จริงๆ ต้องเริ่มที่แก้ในปัจจุบันก่อน
ใครที่เราเกลียดมากๆ ใครที่เค้าเกลียดเรามากๆ คนที่เป็นศัตรูกัน
ทำดีกับเค้า ขออภัยเค้า ขออโหสิอย่างจริงใจ เวรถึงจะระงับได้
ไม่งั้น ก็เจอกันอีก จองเวรกันไม่รู้จักจบสิ้น

พระพุทธเจ้า ท่านจึงยกอภัยทาน เป็นทานอันสูงสุด
ก็ด้วยเหตุนี้นี่เอง

อยากให้เค้าเลิกจองเวรเรา เราต้องเลิกจองเวรเค้าก่อน

ส่วนนายเวรที่ไม่ได้เป็นมนุษย์ อันนี้ต้องพยายามหน่อย
ทำกุศลแล้ว แผ่เมตตาให้เค้า ขออภัยเค้า แล้วขออโหสิกับเค้า ด้วยความรู้สึกจริงๆ
เทวดา ผีนี่ เค้ารู้ใจเรานะครับ

ถ้าเป็นเทวดา การแผ่เมตตาให้อาจไม่ค่อยมีผลมาก เพราะท่านสุขมากอยู่แล้ว แต่ให้ทำบ่อยๆ ประจำ ท่านอาจจะเห็นใจเอง

พวกผี ที่ยังไม่ไปเกิด อันนี้ รับได้ง่าย แต่อยู่ที่เค้าจะอภัยให้ไม๊

พวกเปรต เค้าลำบากอยู่ การช่วยเค้าด้วยบุญกุศล ก็เป็นน้ำใจอย่างดี มีสิทธิ์มากหน่อย

พวกอยู่ในนรก ส่วนใหญ่ ส่งไปไม่ถึง เพราะลำบากมาก ไม่มีเวลามาอนุโมทนา
ถ้ากรรมหนักน้อยลงค่อย มีโอกาส

พวกสัตว์ อันนี้ยาก เพราะหลง คือไม่รู้เรื่อง ยกเว้นพวกกรรมหนักน้อยลง จะรู้ได้เหมือนกัน

สรุปว่า

โบราณ ให้ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร
ก็เพื่อสร้างผลกรรมดี เพื่อบีบกรรมชั่ว
และอุทิศให้ผู้ที่เคยทำกรรมร่วมกับเรามา
ตลอดจนขออโหสิกับผู้ที่จองเวรเรา

ยังไงก็มีผลแน่ๆ ถ้าตั้งใจทำจริงๆ
อย่างน้อย ชีวิตต้องดีขึ้น

ผมอยากแนะนำ นอกจากทำดีที่สุดแล้ว
แก้กรรมที่เห็นในปัจจุบันก่อน

อภัยให้พี่ก่อน เค้าทำให้เราลำบากยังไง ก็เพราะเราเคยทำให้เค้าลำบากมาก่อน
อภัยให้พ่อแม่ เค้าลำบากเลี้ยงดูเรา เช็ดอุจจาระ ปัสสาวะให้เรา
ทำงานเลี้ยงเค้าแค่นี้ ไม่เท่าพระคุณท่านหรอก

อภัยให้ศัตรูเรา คนที่เราเกลียด ไม่ชอบใจ
เค้าทำไม่ดีกับเรา เพราะเราเคยทำไม่ดีกับเค้ามาก่อน

อภัยให้แก่ทุกคนทั้งหลายที่ล่วงเกินเรา ทุกคนผิดพลาดกันได้

ทำอย่างนี้บ่อยๆ
ใจเราจะสบาย

พอใจเราสบาย เราค่อยไปขออภัยเค้าตรงๆ

เมื่อเค้าให้อภัยเราจริงๆแล้ว ค่อยขออโหสิกรรม

อย่างน้อยใจเราก็ไม่เป็นทุกข์
เพราะคนที่อยู่ใกล้ชิดเรา เค้าจะเห็นความดีของเรา
เค้าจะดีกับเรา

ศัตรู กลายเป็นมิตรได้จริงๆ

แล้วชีวิต จะมีความสุขแค่ไหน ถ้าเรามีแต่เพื่อน
จริงไม๊ครับ




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 17 มกราคม 2549 3:43:00 น.
Counter : 741 Pageviews.  

กรรมอะไรที่ทำให้ครอบครัวมีปัญหาแบบนี้

ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำอะไรมา
เพราะกรรมนั้นไม่ใช่แค่ชาติก่อนชาติเดียว

เอาเป็นว่า
อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุดครับ

อดีตเราเคยทำอะไร ไม่ต้องสนใจ
รู้แค่ว่า เคยทำไม่ดีมา ถึงต้องมารับผลที่ไม่ดีไง

ต่อไป ตั้งใจทำแต่ความดี ให้ยิ่งๆขึ้นไป
ทาน ศีล ภาวนา ทำให้จริงๆ
ปล่อยวางทุกอย่าง แม้แต่ความคิดว่าคนอื่นเค้าไม่ดี
ใครเค้าจะดีชั่วอย่างไร ก็เรื่องของเค้า
ใครทำใครรับ
ดูตัวเองไว้ ให้คิดดี ทำดี พอแล้ว
ถ้าเค้าแก้ได้เราก็แก้ แก้ไม่ได้ ก็ปล่อยวางบ้าง

มองดู คนอื่นเค้าลำบากกว่าเรามากมาย

ไม่ได้มีเราทุกข์อยู่คนเดียว

แต่เราจะแก้ความทุกข์ของเรา ด้วยการเปลี่ยนคนอื่นนั้นไม่ได้หรอก

เราต้องแก้ที่ตัวเราเอง

ไม่ให้ไปโกรธ ไปรำคาญเค้า

ทำอย่างนี้
แล้วชีวิตจะดีขึ้น
อย่างน้อย ใจเราก็ไม่เป็นทุกข์
เพราะความสุขที่แท้เกิดในใจเรา
เพราะเราทำให้เกิด
ไม่ได้เกิดจากที่ไหน




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 17 มกราคม 2549 3:40:48 น.
Counter : 1090 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  
 
 

Mr.เต้ย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...ดอกไม้ก็สักแต่ว่าดอกไม้

จุดมุ่งหมายของBlogนี้ คือ

ความตั้งใจที่จะเก็บรวบรวม ปัญหาต่างๆ ที่เราได้เข้าไปตอบไว้ในห้องศาสนา

เพราะคิดว่าอาจมีประโยชน์แก่ผู้สนใจ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมBlog ของเรา

เพราะแท้จริง อักษรเหล่านั้น ย่อมเลือนหายไปตามกาลเวลา หาได้คงอยู่ตลอดไปไม่

แต่ถ้าสามารถยังประโยชน์ ขณะที่อักษรนั้นยังดำรงอยู่
อย่างน้อย ก็มีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด

ด้วยความมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เท่าที่จะสามารถทำได้ จริงๆ
[Add Mr.เต้ย's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com