มากกว่าสาวน้อยเวทย์มนต์
ถ้าให้เขียนหัวข้อ "การ์ตูนในความทรงจำ" สำหรับชาวโอตาคุแล้ว ตอนเดียวคงไม่พอ A4 4 หน้าก็คงไม่จบ
ฉันเกิดและโตมาในยุค90's ด้วยการเสพการ์ตูนในสื่อต่างๆมากที่สุดเท่าที่จะหาได้ ในยุคที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต การนั่งรอการ์ตูนทางช่อง 9 วันเสาร์อาทิตย์ หรือช่อง 7 และ ช่อง 3 ตอนเช้าๆ คือความบันเทิงที่โคตรจะฟิน เราไม่มีทางรู้เลยว่ามังงะหรืออนิเมะที่เราซื้ออ่านหรือตามดู จะมีโอกาสได้ดูไปถึงตอนจบรึเปล่า บางทีมันก็หายไปเสียเฉยๆ บางทีมันก็กลับมาหลังจากหายไป 2-3ปี
ยุคที่ฉันโตมาเป็นยุคเฟื่องของสาวน้อยเวทย์มนต์ ระดับตำนานคงหนีไม่พ้น เซเลอร์มูน และยังมีขบวนสาวน้อยเวทย์มนต์ต่างๆที่ฉันก็จำชื่อไม่ได้มากมาย แม้ว่าตอนนั้นฉันจะเป็นเด็กหญิงโอตาคุ แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบเหล่าเกิร์ลพาวเวอร์พวกนั้น ฉันกลับเป็นแฟนตัวยงของดราก้อนบอล ตั้งแต่สมัยภาคแรกที่โกคูยังมีหางและตามเก็บดราก้อนบอลด้วยความลำบากลำบน หรือจะเป็นเซนต์เซย่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันเข้าสู่โลกโอตาคุ
ดังนั้น ฉันและโลกสาวน้อยเวทย์มนต์ดูจะห่างไกลกันมาก ทว่า ถ้าคุณเกิดในยุค 90's ยุคที่ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก การได้มีโอกาสดูการ์ตูนแต่ละเรื่องมันไม่ได้หาได้ง่า่ยๆ ถึงไม่ชอบแค่ไหน แต่ถ้ามันคือการ์ตูน ฉันก็แทบจะพุ่งตัวไปติดขอบจอทีวีทันที
ช่อง 9 การ์ตูนได้นำสาวน้อยเวทย์มนต์คนใหม่ ชื่อ ซากุระจังมาฉาย ในวันที่ฉันเรียนอยู๋ป.5 หรือ ป.ุ6 นั่นคือการเจอกันครั้งแรกของฉันกับซากุระจัง ความประทับใจแรกน่ะหรอ ไม่มีเลย ก็แค่การ์ตูนทั่วๆไปที่ต้องทำมิชชั่น (เก็บการ์ด) ให้ครบ เพื่อไปต่อสู้กับ Last boss ฉันไม่ได้จดจำหรือสนใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่ จนได้มาดูอีกครั้งเมื่อเคเบิลทีวี (UBC ชื่อในสมัยนั้น) นำมาฉายในช่องการ์ตูน ช่องที่เหมือนสวรรค์ของฉันในเวลานั้น เพราะมีการ์ตูน 24 ชม. และมั่นใจได้ว่าจะได้ดูจนถึงตอนจบ
ฉันได้ดูซากุระจังอีกครั้ง ตั้งแต่ตอนแรก จนถึงตอนจบของซ๊ซั่น 2 เปลี่ยนจากโครวการ์ดเป็นซากุระการ์ด และเปลี่ยนจากการ์ตูนนอกสายตา มาสู่การ์ตูนที่รักที่สุดในดวงใจ
"มันมีอะไรที่มากกว่าการเก็บการ์ด" นี่คือประโยคที่ฉันใช้บอกทุกคนเสมอ ที่ต่างถามฉันด้วยใบหน้างงงวยว่าการ์ตูนเรื่องนี้มันมีอะไรดีขนาดนั้นเชียว
ไดโจบุ It's all right ไม่เป็นไรหรอก คือคาถาเพียงหนึ่งเดียวที่มีพลังมากที่สุดในเรื่องนี้ มันไม่ใช่เวทย์มนต์ใดๆที่ปล่อยลำแสงสาดกันวิ๊งๆ หรือพลังเว่อร์วังจากไพ่ใบไหน แต่มันคือหนึ่งประโยคที่สร้างความมั่นใจ หนึ่งประโยคที่ตัวละครต่างๆพากันบอกซากุระเมื่อเจอสถานการณ์ที่ยากจะรับมือ หรือเมื่อตัวละครอื่นๆตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากเย็น
"ไม่เป็นไรหรอก" จะต้องผ่านไปได้ คือ คาถาเรียกกำลังใจ คือความมั่นใจ คิดบวก พร้อมสู้ ถ้าเราเชื่อมั่นทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้
นี่คือเวทย์มนต์ที่แท้จริงของการ์ตูนเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องมีไพ่ มีคทา ไม่ต้องร่ายเวทย์ แต่เด็กทุกคนที่ได้ดูก็สามารถเป็นสาวน้อยเวทย์มนต์ด้วยตัวเองได้ ซากุระจังไม่ได้สร้างความเพ้อฝัน เหมือนโดราเอมอน ที่เมื่อดูแล้วต้องอยากมีประตูไปที่ไหนก็ได้ อยากมีขนมปังช่วยจำ คอปเตอร์ไม้ไผ่ หรือแม้กระทั่งอยากได้โดราเอมอนทั้งตัว แต่ซากุระจังบอกถึงคาถาที่ใช้ได้จริง ไม่ว่าใครก็ต่างมีเวทย์มนต์และเป็นสาวน้อยเวทย์มนต์ได้ทั้งสิ้้น
ไม่เพียงแค่นั้น ความอ่อนโยนของซากุระ ความห่วงใยใส่ใจผู้อื่นของทุกตัวละครในเรื่อง ยังทำให้ฉันในขณะที่เป็นเด็กได้รู้สึกว่า เด็กคนนี้เป็นคนดีจัง เป็นต้นแบบของเด็กดีในอุดมคติของฉันในเวลานั้น ซากุระที่พยายามด้วยตัวเองในทุกอย่างทั้งงานบ้านงานเรือน การเรียน กีฬา หรือแม้แต่การเก็บไพ่ ซากุระไม่ใช่คนเทพแต่พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างตั้งใจเต็มที่ เป็นสาวน้อยเวทย์มนต์ที่พึ่งพลังของตัวเองอย่างแท้จริง
ในตอนท้าย เมื่อซากุระเจอกับ Last boss แล้วต้องเลือก จะเห็นว่าสำหรับซากุระจังแล้ว คนรอบข้างที่สำคัญนั้นมีค่ามากกว่าเวทย์มนต์หรือพลังใดๆ แม้จะมีพลังที่สูงส่ง แม้จะไปยืนบนจุดสูงสุด หากปราศจากผู้คนรอบข้างที่สำคัญก็ไม่มีความหมายใดๆ การที่เรามีชีวิตที่มีความสุขได้ในตอนนี้ เพราะการเกื้อหนุนของผู้คนที่สำคัญที่อยู่รอบข้างเรา
ซากุระจังมักจะใจดีกับทุกตัวละคร แม้แต่ตัวร้ายในเรื่อง จึงไม่มีทางได้เห็นซากุระจังสาดเวทย์มนต์ทำร้ายใครให้แพ้ยับเยิน เพราะถ้าต้องเลือกทำร้ายคนอื่น ซากุระจังย่อมเลือกที่จะให้ตัวเองรับผลนั้นแทน นี่คือความอ่อนโยนมากๆของตัวการ์ตูนตัวนี้ ที่ป้าClamp ได้เนรมิตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การ์ตูนเรื่องนี้สำหรับฉัน มันจึงเกินกว่าการเป็นสาวน้อยเวทย์มนต์ การจับไพ่เป็นแค่น้ำจิ้มที่ไว้ประกอบฉากมากๆ แต่เนื้อในนั้นมีข้อความที่สอนเด็กๆ หรือแม้แต่คนแก่อย่างฉันไว้มากมาย จึงบอกได้แค่ว่า "อย่าโดนหน้าปกแบ๊วๆหลอก"
เพราะซากุระจังคือการ์ตูนที่ฉันชอบ หลายสิ่งจึงได้อิทธิพลจากการ์ตูนเรื่องนี้ แม้ฉันจะแก่แล้ว แต่ฉันยังคงยึดเวทย์มนต์ของซากุระที่บอกว่า ...จะต้องไม่เป็นไรแน่นอน...
และคาถานี้ก็ขอส่งไปยังเหล่าเด็กในวันนั้น ที่ตอนนี้ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ และพบว่า "โลกผู้ใหญ่นี่มันบัดซบจริงๆ มีเรื่องวุ่นให้ได้ปวดหัวได้ทุกวัน" แต่ไม่ต้องห่วง เพราะ Everything will be alright.
Create Date : 15 มกราคม 2560 |
| |
|
Last Update : 15 มกราคม 2560 16:58:25 น. |
| |
Counter : 617 Pageviews. |
| |
|
|