สุภารัตถะ บล็อก
Group Blog
 
All Blogs
 

<< . . ว่ า ม ะ . . >>




...…สมัยเรียนปรัชญาตอนอยู่มหาวิทยาลัย จะต้องสอบด้วยการเขียนแสดงความคิดเห็นกันล้วนๆ ความที่เป็นคนความจำเสื่อมมาแต่เด็ก ทำให้ตอบอะไรไปตามความเข้าใจที่มีล้วนๆ เช่นกัน

คือถ้าจำใครมาก็แบบว่ากรองมาเป็นความเข้าใจไปแล้ว ดีไม่ดีก็จำคนที่ถ่ายทอดมาไม่ได้หรอก สิ่งที่จำได้จะผ่านกระบวนการการยอมรับในตัวเองโดยเชิงวิเคราะห์เหตุผลของตัวเอง และดันจำแต่ส่วนที่แปลงเป็นสัญญาณที่เข้าใจเองไปเรียบร้อยเฉพาะตัว

แต่ก็ถือว่ามีมาตรฐานในความคิดเหมือนกัน เพราะอาจารย์ที่สอน พึงพอใจกับคำตอบจนให้เต็มทุกครั้ง แต่หักลบคะแนนส่วนหนึ่งไปด้วยเหตุผลที่คำตอบควรจะต้องอ้างอิงถึงคำพูดจากบุคคล(ที่ดังอ่ะนะ) ซึ่งเป็นต้นทฤษฎีนั้นมา อ้าว..!!!

จนมาอ่านหนังสือเล่มนึง เจ้าพระยาฯ อะไร ก็จำชื่อท่านไม่ได้ ท่านไม่อ้างอิงใครเลย เวลาแสดงเชิงอรรถก็ใส่ชื่อตัวเองเสียสิ้น ท่านว่า ก็คิดเองทำไมต้องไปอ้างใครด้วยเล่า

ก็จริงล่ะว่าโดยความจำ อาจจะเป็นความจำซึ่งจำมาจากใครก็ได้ เพราะมนุษย์เราก็รู้ด้วยความจำกันอยู่แล้ว อะไรที่คิดขึ้น ก็ล้วนมีรากเหง้ามาจากความจดจำทั้งเก่าและใหม่ทั้งนั้น สิ่งที่จะอยากจะบอกในตอนนี้ ก็ใช่ซิ แล้วมันจำเป็นไหม ถ้าใครคนนึงจะพูดอะไร โดยไม่อ้างคนดังคนอื่นมาเป็นแบล็คอัพ

เราจะเห็นงานเขียนจำนวนมาก น่าเชื่อถือด้วยการอ้างอิงจากถ้อยอมตะของใครต่อใคร ทั้งที่ส่วนลึกอ้างถูกผิดอย่างไรเราก็อาจไม่รู้ ยิ่งนอกจากเขาจะอ้างอิงโน่นนี่มากมาย ตัวเขายังมีฐานการศึกษาสูงจบนอก มีความคิดก้าวหน้า ซึ่งอาจจะล้าหลังสำหรับฝรั่งตาน้ำข้าวที่เขาไปจดจำมาก็ได้

แม้ในนักบวช ก็เห็นบ่อยๆ ว่าพวกเก่งจำปริยัติ รู้หมดรู้สิ้น ใครถามอะไรตอบได้ แต่ก็หาใช่ทำได้

แต่ทำไมเราถึงนับถือคนที่มีความจำซึ่งต้องอ้างอิง แค่คำพูดง่ายๆ มีเหตุผลของใครก็ได้ มันไม่สามารถทำให้เราเข้าใจและยอมรับได้งั้นหรือ???

มันสมองมันต้องอยู่ที่ความรู้ที่ถูกกำหนดด้วยความสูงต่ำทางสังคม กระดาษใบนึง แล้วก็ประสบการณ์นอกตัวที่เรียกว่าชุบตัวหรือเปล่า?? คนที่ไม่มีประสบการณ์อะไร ใช่ว่าจะต้องโง่..

ในขณะที่เราวิ่งตามคนที่เราคิดว่าเขาเจ๋ง เขาเก่ง เขารอบรู้ มีรสนิยมเลอเลิศประเสริฐศรี แต่คนเหล่านั้นกลับวิ่งหาพระบ้านนอกรูปนึง ซึ่งไม่รู้โลกอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้หรอกวิทยาการคืออะไร โลกมันไปถึงไหน?? ว่ามะ…






 

Create Date : 15 เมษายน 2548    
Last Update : 16 เมษายน 2548 0:03:44 น.
Counter : 903 Pageviews.  

เย็นทั่วหล้าปีใหม่ไทย



ตรุษสากลไปแล้ว ตรุษจีนไปแล้ว
แล้วก็ตรุษไทยเสียที.. ทุกปี.. ที่ 13 เมษายน





อวยพรผู้ใหญ่ รดน้ำดำหัว เย็นทั่วหล้าฟ้าไทย


คำว่า "สงกรานต์" มาจากภาษาสันสฤกตว่า สํ-กรานต แปลว่า ก้าวขี้น ย่างขึ้น หรือก้าวขึ้น การย้ายที่ เคลื่อนที่ คือพระอาทิตย์ย่างขึ้น สู่ราศีใหม่ หมายถึงวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตกอยู่ในวันที่ ๑๓,๑๔,๑๕ เมษายนทุกปี แต่วันสงกรานต์นั้นคือ วันที่ ๑๓ เมษายน เรียกว่า วันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนา วันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศก

สงกรานต์ ที่แปลว่า "ก้าวขึ้น" "ย่างขึ้น" นั้นหมายถึง การที่ดวงอาทิตย์ ขึ้นสู่ราศีใหม่

มหาสงกรานต์ แปลว่า ก้าวขึ้นหรือย่างขึ้นครั้งใหญ่ หมายถึงสงกรานต์ปี คือปีใหม่อย่างเดียว กล่าวคือสงกรานต์หมายถึง ได้ทั้งสงกรานต์เดือนและสงกรานต์ปี แต่มหาสงกรานต์ หมายถึง สงกรานต์ปีอย่างเดียว

วันเนา แปลว่า "วันอยู่" คำว่า "เนา" แปลว่า "อยู่" หมายความว่าเป็นวันถัดจากวันมหาสงกรานต์มา ๑ วัน

วันเถลิงศก แปลว่า "วันขึ้นศก" เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ การที่เปลี่ยนวันขึ้นศกใหม่มาเป็นวันที่ ๓ ถัดจากวันมหาสงกรานต์ ก็เพื่อให้หมดปัญหาว่า การย่างขึ้นสู่จุดเดิม

วันสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ซึ่งกษัตริย์สิงหศแห่งพม่า ทรงตั้งขึ้นเมื่อปีกุนวันอาทิตย์ พ.ศ. ๑๑๘๑ โดยกำหนดเอาดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษได้ ๑ องศา ประกอบกับไทยเราเคยนิยมใช้จุลศักราช สงกรานต์จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยอีกด้วย ในปีแรกที่กำหนดเผอิญเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่วันที่ ๑๓ เมษายนทุกปี แต่เมื่อเป็นประเพณี ก็จำเป็นต้องเอาวันนั้นทุกปี

(ตัดต่อมาจากเว็บอะไรไม่รู้เกี่ยวกับเทศกาล)




 

Create Date : 13 เมษายน 2548    
Last Update : 13 เมษายน 2548 12:07:31 น.
Counter : 1867 Pageviews.  

ลองแปะเพลงแบบซ่อน


......ก็อปมาจากบล๊อกคุณรำเพย คงได้นะ...
......หง่า..เพลงมาๆ หายๆ
......แบบนี่แมวก็งง หมายังเบื่อเลย..



............ปรากฏว่า แขกมาเยี่ยมได้ยิน
..........เจ้าของบล๊อกไม่ได้ยิน ....ง่า.........





.....เย้ ได้ยินแล้ว...ต่อๆ......










อีกแป๊บจะมาเอาเสียงออกนะนู๋นัท






 

Create Date : 06 เมษายน 2548    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2548 22:05:52 น.
Counter : 1016 Pageviews.  

คลอดแล้ว ผมคนปรกติ

* สองอาชีพ ที่ไม่เคยมีอยู่ในสมองตั้งแต่เกิดมา คือขายหนังสือ กับเขียนหนังสือ
แต่จู่ๆ เพื่อนก็มาชวนไปขายหนังสือ ทำให้เห็นความยากลำบากของร้านขายหนังสืออย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ เปิดแผงขายหนังสือเอนเตอร์เทนจะขายง่ายกว่าเยอะ จึงต้องปิดร้านโดยดุษฎี คือดีใจที่ปิด
จากนั้น ก็ไม่ได้สนใจเรื่องเขียนหนังสืออยู่ดี เพราะความที่เป็นคนไม่ช่างจำ ไม่สนใจข้อมูลทุกชนิด วิชาที่ว่าด้วยความจำสมัยเรียนหนังสือ ก็สอบตกหมด

แต่ก็มาเขียนหนังสือด้วยความทรมานเหมือนกัน เพราะหนังสือที่มีเป็นข้อมูลที่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจชีวิต เรื่องที่เขียน ก็เลยจะดูต่างกับชาวบ้านอยู่พอสมควร จนต้องปรับตัวสองครั้งแล้ว ถ้าจะเขียนอะไรที่ต้องการข้อมูลขึ้นมา ก็ลำบากเอาเรื่อง
เรื่องที่เขียนชุดแรก ยังไม่ได้ตีพิมพ์ ส่วนรวมเรื่องๆ นี้ กลับพิมพ์ออกมาก่อน ด้วยความอนุเคราะห์ จากบอกอ สำนักพิมพ์นวนิยายบางกอก ทันงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่จัดขึ้นที่หอประชุมแห่งชาติสิริกิติ์คราวนี้ด้วย.. คือวันที่ 25 มีนาคม - 6 เมษายน 48

น่าแปลก.. เรื่องที่ออกสู่สาธารณชนก่อน กลับเป็นเรื่องนี้ ผมคนปรกติ ฟังดูแล้ว ไม่รู้จะเดาออกหรือเปล่า ว่าปรกติของผู้เขียน หมายถึงอะไร
ส่วนคำว่าว่า "ปรกติ" จริงๆ ก็คิดอยู่ว่า จะใช้คำ ปรกติ หรือ ปกติ ดี ที่สุด.. ก็ตัดสินใจใช้คำเก่ากว่าไป สองหัวคิด กับน้องที่ทำรูปเล่มให้..
ดูรายละเอียดเพิ่ม






 

Create Date : 20 มีนาคม 2548    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2548 15:30:42 น.
Counter : 1189 Pageviews.  

คิดถึงแม่ชะมัด!!!

คิ ด ถึ ง แ ม่ ช ะ มั ด ! ! !

...ในช่วงเวลาที่หาความเป็นแม่จากผู้หญิงยุคนี้ยากเข้าไปทุกที ด้วยกระแสนิยมของสังคมที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน เรียกผู้คนออกจากความสุขง่ายๆ ด้วยการสร้างความสุขเชิงวัตถุใหม่ที่ต้องแลกด้วยเงินตรา ต้องกระเสือกกระสนมีวัตถุให้มาก ความสุขถึงจะเดินทางมาหา แม้จะต้องแลกมันด้วยคุกตาราง หรือความหายนะ..

...สาวเขมรเดินทางเข้าไทย ปั๊มท้องมีลูก เพื่อให้คนมาเช่าไปขอทาน
ครอบครัวแตกสลาย เด็กๆ เร่ร่อนออกหาที่อยู่ที่ไม่คับใจ แต่เคว้งคว้างน่ากลัวสำหรับเด็กตาดำๆ
วัยรุ่นใจแตก ทำแท้งไม่ได้ ก็รอจนออกแล้วเอามาทิ้งถังขยะ
พ่อแม่เครียดเรื่องส่วนตัว แล้วทุบตีลูกจนตาย..ฯลฯ


เรื่องความรักนี้แค่สอนกัน คงทำไม่ได้ เพราะความรักอยู่ที่การถ่ายทอด ไม่ใช่แค่เพียงลมปาก เหมือนความดี ที่ไม่ใช่แค่การสั่งสอน แต่ต้องทำให้เห็น

ย้อนไปตอนที่ผู้เขียนยังเล็ก ซอกรักแร้ของแม่ เป็นที่ซุกซ่อนยามหลับใหล มันคงแก้ฝันร้ายในโลกแห่งความไม่จริง การตื่นขึ้นมาบนโลก ที่มีแม่คอยเป็นกำลังใจ ดูแล มันเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกชีวิตน้อยๆ ต้องการได้รับ เพื่อการเติบโตอย่างเข้มแข็งทางด้านหัวใจ ไม่ใช่แค่ร่างกายอย่างเดียว




 

Create Date : 16 มีนาคม 2548    
Last Update : 23 มีนาคม 2548 11:11:00 น.
Counter : 1213 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

suparatta
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร..
..ท่านนาคารชุนะ..
วิภาษวิธี..เกริ่นนำ..ตอนจบ..

๐ สมุดเยี่ยมและบ่นได้..
**ทางลัด**
๐ สารบัญทักทาย(ทั้งหมด)
๐ ชวนคุย&ฟังเพลงปี48(ทั้งหมด)
๐ นอนดูจันทร์..(ส่วนตัว)

**log in หน่อยน่า..



Google.co.th
Friends' blogs
[Add suparatta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.