Group Blog
 
All blogs
 

คำอธิบายเกี่ยวกับบุพเพสันนิวาส, เนื้อคู่, คู่ครอง, คู่กรรม และเหตุที่ผิดหวังในความรัก



บทความนี้ช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องบุพเพสันนิวาส และทำให้เราเข้าใจคำว่า "คู่" ในแบบต่าง ๆ คิดว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทุก ๆ คนค่ะ

@@@@@@@@@@


เหตุแห่งความรัก


โดยคุณอังคาร

เหตุแห่งความรัก

ปุถุชนผู้ยังละกิเลสไม่ได้ เกิดมาก็ย่อมต้องมีความรักทั้งหญิงและชาย พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุที่ทำให้หญิงชายรู้สึกรักกันไว้ใน สาเกตชาดก พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ดังนี้

“ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้พอเห็นกันเข้าก็เฉย ๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส ”

“ ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกัน ในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ ”

เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ประการ คือน้ำและเปือกตม ฉะนั้น ”

จึงจะเห็นว่าการที่หญิงชายมารักกัน ชอบกัน และอาจได้อยู่ร่วมกันนั้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่มีปัจจัยมาจาก ๒ ประการดังที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุให้รู้ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยที่เกี่ยวเนื่องกับความรัก คู่ครอง เนื้อคู่ ฯลฯ อีกมากมาย

คู่

บุพเพสันนิวาส คือ การได้เคยอยู่ร่วมกันในอดีตชาติ จนส่งผลให้ได้มาเป็นคู่ครองกันในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดว่าเคยอยู่ร่วมกันเป็นสามีภรรยาเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วบุพเพสันนิวาสหมายถึงการที่อาจจะได้อยู่ร่วมกันในฐานะอื่นก็ได้ เช่น พี่กับน้อง พ่อกับลูก แม่กับลูก เพื่อครูกับศิษย์ นายกับบ่าว เป็นต้น การที่มีบุพเพสันนิวาสร่วมกันนี้เมื่อเกิดมาร่วมกัน ก็มักจะสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันมา ทำอะไรตามกัน มีความเห็นสอดคล้องกัน ทำให้อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข

เนื้อคู่ คือ หญิงและชายที่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นสามีภรรยากันมาก่อนในอดีตชาติ

คู่ครอง คือ หญิงและชายที่ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นสามีภรรยากันในชาติปัจจุบัน

คู่กรรม คือ หญิงและชายที่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยา แต่มักไม่มีความสุข เนื่องจากการมาอยู่ร่วมกันนั้นเกิดจากวิบากของกรรมที่ทำร่วมกันหรือวิบากกรรมที่มีต่อกันมาส่งผล เช่น อาจเคยทำบาปร่วมกัน หรือเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนเป็นต้น

คู่บารมี คือ เนื้อคู่ที่ได้ติดตามกันมา ส่งเสริมกันและกันในทางที่ดี ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยาร่วมกันนับชาติไม่ถ้วน และจะติดตามกันต่อไปจนกว่าจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ มักใช้คำนี้กับพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีกับเนื้อคู่ลำดับ ๑ ที่จะได้เป็นคู่ครองกับในชาติสุดท้าย

เหตุแห่งการได้อยู่ร่วมกัน

ดังที่พระพุทธองค์ได้แสดงเหตุที่หญิงชายได้รักและได้เป็นสามีภรรยากันนั้นมี ๒ ปัจจัย คือ

• การได้อยู่ร่วมกันในกาลก่อน

• การได้เกื้อหนุนกันในชาติปัจจุบัน

เนื่องจากวัฎสงสารยาวไกลจนหาจุดเริ่มต้นและที่สุดไม่ได้ หญิงชายแต่ละคนจึงมีเนื้อคู่มากมายเป็นแสนคน แต่ละชาติที่เกิดมาก็อาจได้พบเจอเนื้อคู่ได้หลาย ๆ คนพร้อมกัน หรืออาจไม่ได้เจอเนื้อคู่เลยสักคนก็เป็นได้ กรณีที่ไม่เจอเนื้อคู่เลยนั้น หญิงชายนั้นก็อาจมีคู่ได้กับบุคคลใกล้ชิดที่ได้เกื้อหนุนกันในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อได้เป็นคู่กันในปัจจุบันแล้วหญิงชายนั้นก็จะได้เป็นเนื้อคู่กันต่อไป

ลำดับของเนื้อคู่

เพราะเหตุที่แต่ละคนมีเนื้อคู่จำนวนมากมาย จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าแล้วใครกันเล่าที่สมควรจะได้อยู่เป็นคู่ครองกันมากที่สุด และจะมีวิธีการเลือกอย่างไร แม้จะมีเนื้อคู่จำนวนมากมาย แต่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เมื่ออยู่ร่วมกันแล้วมีความสุขที่สุด เมื่อพบหน้ากันแล้วไม่อาจตัดใจรักให้ขาดจากกันได้ บุคคลนี้คือเนื้อคู่ที่ได้อยู่ร่วมกันมามากที่สุดเป็นแสนเป็นล้านชาติ เป็นเนื้อคู่ลำดับที่ ๑

กฎแห่งกรรมจะจัดสรรการมีคู่ไว้ให้เราเรียบร้อย คือ หากเรามีเนื้อคู่เกิดมาพร้อมกัน ใจเราจะเป็นผู้เลือกเนื้อคู่ลำดับต้นเสมอ เมื่อเลือกแล้วคู่ลำดับอื่นเขาจะหลีกทางและไปหาคู่ของเขาต่อไป แต่กฎแห่งกรรมอีกเช่นกัน ที่บางชาติ กลับทำให้คู่ลำดับต้น ๆ ได้มาพบกันทีหลังหลังจากที่อีกฝ่ายได้เลือกคู่ครองไปแล้วซึ่งแม้จะได้พบกันทีหลัง แต่เพราะเป็นคู่ลำดับต้น จิตใจของทั้งคู่ก็จะร้อนรนทนไม่ไหว จึงต้องรักกันอีกครั้งซึ่งความรักครั้งนี้ต้องหัก ต้องบังคับฝืนใจกันอย่างเต็มกำลัง กล่าวกันว่าแม้พระภิกษุผู้มั่นคงในศีล เมื่อได้เจอเนื้อคู่ลำดับต้น ๆ ยังทนไม่ได้ ต้องสึกหาลาเพศมาอยู่กับเนื้อคู่ของตนจนได้

เหตุที่เนื้อคู่ลำดับต้นมาเกิดในชาติภพเดียวกัน แต่กลับไม่สมกันนั้น มีเหตุเดียว คือ กรรมพลัดพรากได้มาส่งผลเป็นวิบากแก่ทั้งคู่อย่างร้ายแรง หากกรรมนั้นใกล้จะหมดผลเขาทั้งสองก็อาจได้เป็นคู่ครองกันในชาตินั้น แต่หากกรรมนั้นยังรุนแรงอยู่ทั้งสองก็ต้องทนทุกข์ทรมานชดใช้กรรมนั้นให้หมด แล้วจึงจะได้มีวาสนาอยู่ร่วมกันในชาติต่อ ๆ ไป

เหตุที่อกหักผิดหวังในความรัก

นอกจากการผิดหวังจากเนื้อคู่ลำดับต้น ๆ ซึ่งเกิดจากกรรมพลัดพรากแล้ว บางครั้งคนเราก็อาจต้องผิดหวังในความรัก โดยมีเหตุมาจากกรรมทั้งสิ้น คืออยู่กับคู่ครองไม่มีความสุข ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำหรือมีปัญหาให้ทุกข์ใจตลอด เหตุที่เป็นดังนี้ แสดงว่าคู่ครองนั้นไม่ใช่เนื้อคู่ลำดับที่ ๑-๕ เนื่องจากกรรมจากการเป็นคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรมส่งผลให้ไม่ได้พบเนื้อคู่ลำดับต้น ๆ

หรืออาจเป็นเพราะทั้งสองไม่ใช่เนื้อคู่กัน แต่ทั้งคู่เป็นศัตรูคู่อาฆาต ได้เคยผูกใจเจ็บกันมา ชาตินี้จึงต้องมาแก้แค้นกันเอง และแรงอาฆาตได้ผลักดันให้ทั้งสองมาอยู่ร่วมกัน และแก้แค้นกันเองตามแรงอาฆาตนั้น

หรือบางคนรักเขาข้างเดียว อกหักบ่อยครั้ง โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจด้วยเลย เหตุนี้เกิดขึ้นเนื่องจากอดีตชาติเคยอาฆาตเขาไว้ แต่เขาไม่ได้อาฆาตตอบและไม่ได้ถือโกรธด้วย ชาตินี้จึงต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเขาอยู่เพียงฝ่ายเดียว อย่างนี้ไม่ได้เป็นเนื้อคู่ เป็นเพียงคู่กรรมเท่านั้น

ทำอย่างไรจึงจะได้อยู่ร่วมกัน

เมื่อความรักหวานชื่น คู่ครองทั้งหลายย่อมต้องอยากเกิดมาเป็นเนื้อคู่กันอีก ซึ่งผลกรรมก็ได้จัดสรรการเกิดมาเป็นคู่ครองกันอีกตามที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่นอกจากการรอให้กรรมเป็นตัวจัดสรรแล้ว เรายังสามารถเลือกที่จะได้พบและอยู่เป็นคู่ครองกับเนื้อคู่ของเราได้ในอนาคต โดยการอธิษฐาน แต่แม้จะมีอธิษฐานร่วมกัน สุดท้ายการได้อยู่ร่วมกันก็ยังต้องขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรมอยู่ดี

การอธิษฐานนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษคือ ในด้านประโยชน์ ทำให้เนื้อคู่ทั้งสองมีโอกาสกลับมาเป็นคู่ครองกันในชาติต่อ ๆไป ได้ง่าย แต่ในแง่ของโทษ บางครั้งก็ทำให้การใช้ชีวิตไม่เป็นปกติสุข เช่น หากเนื้อคู่ที่อธิษฐานกันไว้ไม่ได้มาเกิด หรือมาเ กิดแล้วแต่ยังไม่ได้พบกัน ฝ่ายที่รออยู่จะไม่สามารถมีคู่ได้ จิตใจไม่รักใคร หรือแม้จะได้พบเนื้อคู่ลำดับต้น ๆ แต่ก็มีเหตุให้ไม่สมหวังทุกครั้งไป เนื่องจากแรงอธิษฐานนั้นฉุดรั้งไว้ หรือบางครั้งจิตใจมีสังหรณ์อยู่เสมอว่ารอคอยใครอยู่ ทั้งที่ไม่รู้ว่ารอคอยใคร

การแก้ปัญหาเรื่องอธิษฐาน

หากแน่ใจว่าเนื้อคู่ที่อธิษฐานกันไว้คงไม่ได้พบเจอกันแน่แล้ว หรืออยากจะปล่อยวางเพื่อมีโอกาสได้ตัดสินใจกับเนื้อคู่ลำดับอื่น สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงอธิษฐานขออนุญาตเนื้อคู่ว่า ขอละคำอธิษฐานนั้น ขอให้ชีวิตได้พบเนื้อคู่ที่สมกัน และได้ใช้ชีวิตคู่อย่างปกติและมีความสุข

คู่บารมี

สุดท้ายคือเรื่องของคู่บารมี เป็นคู่สำคัญ เป็นคู่ที่ยาวนาน เพราะต้องร่วมกันสร้างบารมีขณะที่ฝ่ายหนึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเนื้อคู่ที่จะเคียงข้างกันไป การเป็นพระโพธิสัตว์นั้นต้องการกำลังใจที่เข้มแข็ง มั่นคง และเสียสละความสุขทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของสัตว์โลก พระโพธิสัตว์นั้นต้องใช้เวลายาวนานมากในการสร้างบุญบารมีกว่าที่จะสามารถตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึง ๒๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป และอย่างช้าก็เนิ่นนานจนถึง ๘๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัปเลยทีเดียว

คนที่ตั้งใจเป็นคู่บารมีจึงต้องมีความเสียสละและเด็ดเดี่ยวไม่แพ้กันบุคคลผู้ปรารถนาเป็นคู่บารมีนั้น จะเป็นผู้ที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากที่สุดได้เป็นคู่ครองกันมากที่สุด และเป็นเนื้อคู่ลำดับ ๑ อย่างเที่ยงแท้

การเป็นคู่บารมีนั้นลำบากมากยิ่งนัก เพราะคนเป็นคู่บารมีนั้นจะต้องพบกับสิ่งต่อไปนี้ คือ ต้องเกิดเป็นผู้หญิง ไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย ต้องช่วยพระโพธิสัตว์ทำงานอย่างเต็มกำลัง ในบางชาติอาจต้องร่วมสร้างบารมีกับพระโพธิสัตว์ เช่น ต้องสละชีวิตร่วมกัน ต้องถูกบริจาคลูก หรือตัวเองเพื่อเสริมบารมีให้พระโพธิสัตว์ เป็นต้น ตราบใดที่พระโพธิสัตว์ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า คู่บารมีนั้นก็ยังไม่มีโอกาสบรรลุโลกุตรธรรมได้

-------------------กัลยาณธรรม

บทความจาก

ธรรมะเดลิเวอรี่

//www.dhammadelivery.com

ที่มา //www.dhammajak.net/dhamma/33.html





 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 4:45:37 น.
Counter : 1942 Pageviews.  

เรื่องเล่าน่าคิด...หมาไล่งับเนื้อ


หมาไล่งับเนื้อ


มีเรื่องเล่าว่า..มีพระองค์หนึ่งชอบทำอะไรแปลกๆ

วันหนึ่งพวกกรุงเทพฯ เอากฐินไปทอดที่วัด จัดงานกันใหญ่โต มีหนัง มีลิเก มีดนตรี ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน ก่อนทอดกฐิน ผู้คนมารวมกันเต็มศาลา

หลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา บอกให้ไปเอาเนื้อจากโรงครัวมาก้อนหนึ่ง แล้วเอาเชือกมาด้วย

หลวงพ่อจัดการเอาเนื้อผูกติดกับหลังหมา ผูกเสร็จก็ปล่อยหมา หมาเห็นเนื้ออยู่บนหลัง ก็ไล่งับ พอหัวโดดงับ ตัวก็ขยับหนี เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง ( เหมือนครูฝึกสั่งโดดกัดหู -*- ) ยิ่งโดดงับเร็ว ก้อนเนื้อก็หนีเร็ว โดดไม่หยุด เนื้อก็หนีไม่หยุด น่าสงสารหมามาก หมาโดดอยู่นาน งับเนื้อเท่าไรก็ไม่เข้าปากซักกะที

ผู้คนบนศาลาพากันหัวเราะชอบใจ หัวเราะเยาะหมาว่าทำไมมันถึงโง่หยั่งงี้ ไล่งับจะกินเนื้อที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทันตลอดชีวิต หลวงพ่อมองดูด้วยความสนุกสนาน จำหนำใจแล้วก็แก้เชือกออกจากหลังหมา แล้วหันมาพูดกับญาติโยมว่า

"มนุษย์เรามีความรู้สึกว่าตัวเองพร่อง ตัวเองยังไม่เต็ม เราอยากสวย อยากทันสมัย ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด ทันสมัยที่สุดใส่ ดีใจได้เดือนเดียว มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว สวยกว่า อินเทรนกว่า อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ซื้อเสร็จสามเดือนรุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด สองเดือนต่อมา มีรุ่นใหม่กว่าออกมา ของเราตกรุ่น ซื้อรถยนต์ทันสมัยที่สุดแพงมาก ขับได้หกเดือนมีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว ทันสมัยกว่า แพงกว่า ของเรากลายเป็นเชย

เราต้องก้มหน้าก้มตา ทำงานทั้งวันทั้งคืน หาเงินมาเพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ มือถือ ใหม่ คอมพิวเตอร์ใหม่ รถยนต์คันใหม่ เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น

ปัจจุบันเรากำลังไล่งับ ความทันสมัย เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน ทั้งที่รู้ว่า
ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิตก็ไม่มีทางตามทัน น่าสงสารมั้ยโยม"


คนเต็มศาลาเมื่อกี้หัวเราะครึกครื้น ด่าว่าหมามันโง่ ตอนนี้เงียบสนิท เหมือนไม่มี
คนอยู่ ไม่รู้ว่ากำลังสงสารหมา หรือกำลังทบทวนความโง่ตัวเอง

ที่มา - แก้วไดอารี่





 

Create Date : 06 มกราคม 2551    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 4:52:24 น.
Counter : 384 Pageviews.  

พยานบุญ-พยานบาปที่สำนักท่านพระยายมราช


เรื่องที่นำมาเล่านี้นำมาจากหนังสือ "ตายแล้วไปไหน" ที่คุณคณิตพร บุณยเกียรติ (เปี๊ยก) และคณะได้รวบรวมและจัดทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๔

หนังสือเล่มนี้แบ่งเนื้อหาออกเป็นตอน ๆ มีความยาวหลายร้อยหน้า เรื่อง "พยานบุญ-พยานบาปที่สำนักท่านพระยายมราช" เป็นเรื่องที่ ๗๖ อยู่ในภาคที่ ๔ : ตายจากความเป็นมนุษย์แล้วไปเกิดบนสวรรค์

***************


เรื่องที่ ๗๖
พยานบุญ-พยานบาปที่สำนักท่านพระยายมราช


“..วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ เวลา ๑๐.๓๐น. ทำกรรมฐานเรื่อยมาแต่ตอนเช้า คิดจะไปไหว้พระจึงออกจากร่างกาย พบท่านย่า(แม่) และท่านพรรณวดี คุยกับท่านเล็กน้อย ท่านลุงพุฒิ(พระยายมราช) มา นุ่งโสร่งมีผ้าขาวม้าคาดพุง ท่านบอกว่า “เวลาพอมีไปที่สำนักงานท่านก่อนดีกว่า” จึงหันไปชวนท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ และเทวดาบริวารของท่าน จากนั้นท่านลุงนำหน้าพวกเราเดินตาม เมื่อเข้าเขตสำนักงานท่านพระยายมราช เห็นคนยืนเป็นกลุ่มๆ รูปไม่สวย ผิวดำ หน้าไม่สบาย มีด้วยกัน ๑๑ หมู่ แต่ละหมู่มีจำนวนมากนับเป็นพันๆ หมู่หนึ่งๆ ก็มีเจ้าหน้าที่รูปร่างใหญ่กว่าพวกนั้นมาก สูงกว่ามาก ยืนถืออาวุธคุมอยู่หมู่ละ ๑ คน จึงเฉียดเข้าไปดูถามท่านลุงว่า “พวกนี้เป็นใคร” ท่านบอกว่า “พวกนี้รอการสอบสวน ถ้านึกถึงบุญได้ก็ไปสวรรค์ นึกถึงบุญไม่ได้ก็ไปนรก แต่ละกลุ่มมีบาปไม่เหมือนกัน มีกรรมบถ ๑๐ เป็นหลัก” ดังนี้คือ

๑) กลุ่มนี้หนักในทางละเมิดศีลข้อที่ ๑ ฆ่าสัตว์

๒) กลุ่มนี้หนักในทางลักทรัพย์

๓) กลุ่มนี้หนักในทางเจ้าชู้

๔) กลุ่มนี้หนักในทางมุสาวาท

๕) กลุ่มนี้หนักในทางดื่มสุราเมรัย

๖) กลุ่มนี้หนักในทางกล่าวคำหยาบ

๗) กลุ่มนี้หนักในทางนินทา

๘) กลุ่มนี้หนักในทางคิดอยากได้ทรัพย์คนอื่น (อยากโกง)

๙) กลุ่มนี้หนักในทางอยากทำร้ายผู้อื่น

๑๐) กลุ่มนี้ไม่เชื่อพระธรรมวินัย ไร้เหตุผล

พวกนี้ทั้ง ๑๑ กลุ่มมีหวังลงนรก ยากที่จะเป็นอิสระ เพราะพยานมาคอยพร้อมแล้ว

พยานบาป

ท่านลุงชวนเดินไปผ่านอาคารสอบสวนไปทางทิศตะวันออก มองเห็นไก่ เป็ด หมู วัว ควาย และสัตว์ต่างๆ ที่มนุษย์กิน อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ มีไก่นับเป็นแสน เป็ดนับเป็นแสนเหมือนกัน หมู วัว ควาย ก็เป็นแสนเหมือนกัน ถามว่า “มารวมกันทำไมมากมายอย่างนี้” พวกนั้นตอบว่า “มาเป็นพยานให้พระยายมราช เมื่อท่านเรียกผู้ฆ่าสัตว์มาสอบสวน พวกนี้ก็จะเข้าไปรายงานว่าคนนี้ฆ่า จับให้เชือดหรือสั่งฆ่า เป็นต้น”

เป็นอันว่าวันนี้เป็นวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๓๑ เป็นวันไหว้สารทของชาวจีนพอดี เลยทำให้คิดว่าสารทจีนทั่วโลกต้องฆ่าสัตว์นับล้านตัว

พยานบุญ

เมื่อเดินเลยไปอีก ก็มีคน มีสัตว์อีกจำนวนมาก แต่ไม่มากเท่าพยานบาป พวกนี้มาเป็นพยานบุญที่เขาเคยช่วยเหลือไว้ เมื่อพระยายมราชถามถึงบุญที่เขาทำ ถ้าเขานึกไม่ออก พวกนี้ก็จะเข้าไปรายงานว่าเขาเคยช่วยชีวิตไว้ เมื่อท่านพระยายมราชรับฟังแล้ว ก็จะให้ไปสวรรค์ก่อน ชมมาถึงแค่นี้ใกล้เวลาจะเพลจึงกลับ


ดังนั้นขอให้ระลึกไว้เสมอว่า จะทำดีหรือทำชั่ว มีพยานคอยเราอยู่แล้วที่สำนักท่านพระยายมราช..”

***************


ที่มา : //www.thaisquare.com/Dhamma/afterdeath/old/chapter76.htm




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 4:54:28 น.
Counter : 496 Pageviews.  

วิธีอยู่เหนือดวงชะตา (ดวงตก)


วิธีอยู่เหนือดวงชะตา (ดวงตก)


1. ถือศีล 5 ตลอดชีวิต

2. ถวายสังฆทานให้มาก ๆ (บ่อย) ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าดวงกำลังตก มีเคราะห์ ภายในสามวันต้องไม่ต่ำกว่า 7 วัด ถ้าได้ 9 วัดจะยิ่งดี ถ้าได้มากกว่านั้นจะดีเลิศ

3. ปล่อยนก ปลา เต่า หอยขม หอยโข่ง โค กระบือ ฯลฯ หรือสัตว์ที่กำลังถูกฆ่าโดยด่วน

4. ทำบุญใส่บาตรทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 รูป ได้มากยิ่งดี

5. สงเคราะห์คนชราที่เร่ร่อน ขาดคนอุปถัมเลี้ยงดู เด็กกำพร้า เด็กพิการ ผู้ด้อยโอกาสอย่างสม่ำเสมอ

6. ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายาย และผู้มีพระคุณ ให้ท่านชื่นใจ ทุกวิถีทางเท่าที่สามารถจะทำได้ เพราะพรของท่านจะให้ผลมาก

7. สวดมนต์ ท่องชินบัญชร พาหุง อุณหิส กรณีเมตยสูตร ยอดพระกัณฑ์ให้ได้

8. ให้ทานขอทาน คนยากจน คนตกยาก โดยเต็มใจ และเมตตาสงสารอย่างแท้จริง ฝึกเป็นผู้ให้จนติดเป็นนิสัย

9. มีความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ กับทุก ๆ คน ให้อภัยผู้อื่นเสมอ มองหาแต่ความผิด ความบกพร่องของตนเอง และพยายามแก้ไขจนสำเร็จ (ข้อนี้สำคัญที่สุด) เพราะคนเลวคนชั่ว จะมองหาแต่ความเลวของผู้อื่น

10. สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นเสมอ เป็นประจำ (อานิสงส์ที่เห็นได้ชัดคือ จะมีความอุดมสมบูรณ์ในเครื่องบริโภค)

11. ไม่นินทาว่าร้าย อิจฉาริษยาผู้อื่น เมื่อเขาผิดพลาด หรือได้ดีกว่าตน มองแต่ความผิดพลาดบกพร่องตนเอง และพยายามแก้ไข การกล่าวโทษว่าร้ายผู้อื่น ถึงแม้จะจริงก็ตาม เราก็จะได้รับผลตามมา ถูกตำหนิติเตียน หรือถูกกล่าวร้ายหนักยิ่งกว่าเขาหลายเท่า

12. ไม่ถือสา โกรธเคืองผู้ใด หรือผูกอาฆาตพยาบาท จองเวรใคร เพราะผู้ที่ทำให้เราโกรธ ไม่พอใจ เป็นการทำบาป ทำผิด หรือโง่อยู่แล้วที่ทำเช่นนั้น ถ้าเราโกรธตอบ แสดงว่าเราก็เลวเช่นเดียวกับเขาเช่นกัน และยิ่งเลวกว่า 2 เท่า เพราะรู้แล้วยังทำอีก ให้แผ่เมตตาหรือวางเฉย

13. พยายามทำใจให้รักเมตตา สงสารคนและสัตว์ทุก ๆ คน เพราะเขาเกิดมาก็เป็นทุกข์เช่นเดียวกับเรา คือ ทุกข์เพราะการเกิด ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย ความพลัดพรากจากของรัก ความไม่สมหวัง ในทุก ๆ สิ่งที่ปรารถนา (ได้มาแล้วย่อมเสียไป) ในที่สุด เพราะความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง อยู่กับเราชั่วขณะหนึ่ง แล้วแปรเปลี่ยนไปในที่สุด เช่นนี้ทุก ๆ สรรพสิ่งในโลกนี้

14. ทุกครั้งที่ทำความดี จะรู้สึกมีความสุขใจ อิ่มใจ สดชื่นแจ่มใส ขณะนั้นบุญกุศลเกิดเต็มเปี่ยม จงแบ่งความสุขเหล่านั้น คือผลบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร โดยการไม่ลืมอุทิศผลบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ทุก ๆ ครั้งด้วย และแถมท้ายด้วยการขออโหสิกรรมกับเขาด้วย เสร็จแล้วแผ่เมตตาอุทิศผลบุญกุศลให้กับพ่อแม่ ผู้มีพระคุณต่อเราทุก ๆ คนด้วย

จาก หนังสือพลังจิตพิชิตโรค ของ ศ.นพ.ดร.วิจิตร บุณยะโหตระ

***************


ที่มา - //www.geocities.com/skychicus/pariyat_nuedueng.html




 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 4:55:56 น.
Counter : 496 Pageviews.  

เทวดา กับการสวดมนต์


เทวดา กับ การสวดมนต์


“หลวงพ่อครับ กระผมอยากทราบความคิดเห็นของหลวงพ่อที่มีต่อเทวดาที่เขาสวดชุมนุมเทวดานั้น จะมีจริงหรือไม่”

หลวงพ่อจรัญท่านตอบในทันทีว่า “อาตมาเชื่อ ทำไมจึงเชื่อ อาตมาจะเล่าให้ฟัง”

แต่เดิมนั้นอาตมาไม่เคยเชื่อเรื่องเทวดา เพราะอาตมาไม่เคยสัมผัสนี่ แล้วอาตมาจะไปเชื่ออย่างไร ในเมื่อแม่ชีก้อนทอง ปานเณร อายุ ๘๗ ปี มาบอกกับอาตมาว่า เทวดามาสอนสวดมนต์

แม่ชีมาเรียนกรรมฐาน อาตมาสอนให้เดินจงกรม ให้พิจารณาเห็นหนอ แต่แม่ชีเดินจงกรมแล้วไปคิดถึงเทวดา ไปเพ่งเทวดาเข้า เทวดาก็มา แกก็เก็บเงียบไว้ แต่แล้วในที่สุดแกก็เก็บไม่ไหวต้องการให้มีใครสักคนได้รับรู้เอาไว้ แกจึงมาบอกอาตมาว่า

“หลวงพ่อ ดิฉันเห็นเทวดาเจ้าค่ะ มาสอนสวดมนต์ให้ด้วยเจ้าค่ะ”

“เทวดาที่ไหนกับแม่ชีเอ๊ย อาตมาไม่เชื่อหรอก”

แต่แม่ชีก็ว่าไม่ได้โกหก อาตมาถามว่า “เทวดามาตอนไหนเล่า” แม่ชีบอกว่า

“พอดิฉันได้ยินนาฬิกาตี ๑๒ เป็นเวลาเที่ยงคืนเทวดาก็ปรากฏให้ดิฉันเห็นไม่ได้มาเปล่านะคะ มาสอนให้ดิฉันสวดมนต์บทเมตตาใหญ่ ดิฉันจึงสวดได้”

อาตมาก็บอกให้แม่ชีไปถามเทวดาว่าอยู่ที่ไหน วันรุ่งขึ้นแม่ชีก็มาเล่าให้ฟังว่า

เทวดาอยู่ที่ต้นพิกุล ต้นพิกุลที่ว่านี่ อาตมาถามผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ เช่นหลวงสมานวนกิจ อธิบดีกรมป่าไม่มาที่นี่ ในตอนที่แม่ชีเห็นเทวดา ประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงสมานฯ ว่า อายุกว่า ๑,๐๐๐ ปี เทวดาบอกแม่ชีว่า เดิมอยู่บนสวรรค์ แล้วละเมิดกฎต่อนางฟ้าจึงถูกให้ลงมาอาศัยวิมานต้นพิกุลอยู่จนกว่าจะหมดกรรม แล้วก็บอกวันเวลาเอาไว้ชัดเจน อาตมาก็จดไว้แล้วก็เป็นจริง พอถึงเวลาก็เหมือนที่เทวดาให้สังเกตสังกา

อาตมาก็ให้แม่ชีไปถามเทวดาว่า ไปชวนมนุษย์สวดมนต์ทุกบ้านหรือไม่ เพราะอาตมาเริ่มจะเชื่อ เพราะบทเมตตาใหญ่ที่แม่ชีสวดนี่ อาตมาไปหาที่ไหน ๆ ก็ไม่เจอ จนกระทั่งไปรู้ว่า สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ได้นำเอาไปต่อท้ายพุทธมนต์พุทธาภิเษก และตำรับนั้นไปตกอยู่กับ พระครูลมูล วัดสุทัศน์ฯ พระครูลมูลนี้เป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพนะ ทำสมเด็จเนื้อผงดีมากนะ มีละก็เก็บเอาไว้ให้ดีเชียว

อาตมาไปขอตำรับมาตรวจสอบที่วัด ท่านพระครูลมูลบอกว่าไม่ได้ๆ ตำรับนี้ของอาจารย์ อาตมาให้ใครยืมไม่ได้ อาตมาก็บอกว่าไม่ได้เอาไปเลย แต่จะเอาไปสอบทานอะไรหน่อย แล้วก็เล่าความจริงให้ท่านฟัง ท่านก็ใจอ่อนบอกว่า เอ้าเอาไปเถอะให้ยืมเจ็ดวัน แล้วเอามาส่งคืนนะ อาตมาก็เอามาเป็นตัวขอมทั้งนั้น อาตมาก็บอกแม่ชีว่า มาท่องให้อาตมาฟังหน่อย แม่ชีก็เริ่มท่อง ก็แกอายุ ๘๗ แล้วนี่นะ ก็ยานคางกว่าจะหลุดออกมาได้ตามประสาคนแก่

โยมเชื่อไหมล่ะว่า แม่ชีก้อนทอง คนนี้เป็นคนไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก ตัวขอมยิ่งไม่กระดิกใหญ่ แล้วเมตตาใหญ่ที่แกท่อง อาตมาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แกท่องด้วยความมั่นใจ อาตมาสอบกับต้นฉบับขอมของท่านพระครูลมูล ปรากฏว่าไงรู้ไหมโยม

“ตั้งแต่ตัวแรกจนตัวสุดท้ายไม่มีผิดเลย”

อาตมาถามว่าเทวดาไปชวนคนสวดมนต์ทุกบ้านหรือเปล่า เทวดาบอกกับแม่ชีมาว่า

“เปล่า บ้านไหนจัดที่บูชามีโต๊ะหมู่ มีพระพุทธรูปตั้งไว้ แล้วเจ้าของบ้านสวดมนต์ เทวดาก็มาร่วมสวดมนต์ด้วย พระพุทธรูปเหล่านั้น ที่ไม่ได้เข้าพิธีอะไร เช่ามาบูชาจากเสาชิงช้า หากเจ้าของบ้านเอามาสวดมนต์ไหว้พระทุกวันด้วยใจศรัทธา เทวดามาสวดมนต์ หนักเข้าก็เลยเข้าสิงรักษาองค์พระเอาไว้ ก็เลยศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ทำให้เกิดสิริมงคลในครัวเรือน"

หลวงพ่อพระพุทธโสธรนั้น คนกราบไหว้บูชากันมากเลยมีเทวดามารักษา ๑๖ องค์ ทำให้เกิดอภินิหารนานาประการ พระพุทธรูปสำคัญ ๆ ก็มีเทวดารักษาทั้งนั้นแหละ

เทวดาท่านว่าอย่างนั้นและเทวดาก็ว่าบ้านไหนมีพระพุทธรูปแค่ตั้งโชว์ เทวดาก็ไม่ไปสวดมนต์ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยทำวัตรสวดมนต์ เทวดาก็ไม่มา ผ่านเลยไปเลย มาไม่ลงมาสวดมนต์ คนเราก็มีเทวดารักษา คนดีมีศีลธรรม เทวดาที่เป็นบัณฑิตรักษา ถ้าคนชั่วขี้เหล้าเมายาทำชั่ว เทวดาพาลพวกมิจฉาทิฐิก็มารักษา

อาตมาถามต่อไปว่าแล้ว “เวลาพระสัคเคกาเมจะรูเป เทวดาลงมาหรือไม่”เทวดาว่า “รีบลงมา เทวดาบัณฑิตมาก่อน พอเห็นเจ้าภาพกินเหล้าเมาหงำกันในงานบุญก็เบ้หน้าแล้วกลับ เทวดาพาลก็เข้ามาแทนที่ เลยเกิดเรื่องเกิดราวตูมตามนั่นแหละ

คุณดอน เจดีย์ จาก น.ส.พ. มหัศจรรย์
เขียนจากคำบอกเล่าของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ (ครั้งยังเป็นพระครูภาวนาวิสุทธิ์)

***************

จากเว็บไซต์ //www.jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html#9





 

Create Date : 29 มิถุนายน 2550    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 4:56:44 น.
Counter : 568 Pageviews.  

1  2  3  

Sunny Shiny Day
Location :
WA United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




"โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน"

โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
Custom Search

Free Blog Content

WeatherBug
Your weather just got better.
Friends' blogs
[Add Sunny Shiny Day's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.