|
|
ตรวจศีล ตรวจใจ - ดูกาย ดูจิต
ตรวจศีล ตรวจใจ เหมือนไดอารี่ประจำวัน
บางที วันๆ เราทำอะไรไปบ้าง
ผ่านไปทั้งวันแล้ว เราก็ยังระเริงสนุกสนาน
ไม่รู้จักตัวเองเลยว่า วันนี้ ความดีของเราเติมเต็มแค่ไหนแล้ว
ความชั่วของเราเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร
เราก็จะหลงประมาทไปกับชีวิต
หยุดหาเวลาสักห้าหรือสิบนาทีก่อนเข้านอนสักหน่อยดีไหม?
ทำจิตให้ว่างสงบ หยุดนึกหยุดคิด
แล้วทบทวนตัวเองว่า วันนี้เราทำอะไรไปบ้าง
ศีลของเราพร่องที่ตรงไหน
เราขาดสติที่เวลาใด
พรุ่งนี้ อาจจะพบเหตุการณ์เดิมๆ แต่เราจะทรงสติได้มากยิ่งกว่าเดิม
สำรวมระวังกว่าเดิม เพราะวันนี้เราเคยพลั้งพลาดมาแล้ว
พี่คะ .... เวลาหนูงานยุ่งมากๆ เหมือนไม่ได้ปฏิบัติเลยค่ะ
น้องคนหนึ่ง เธอปรึกษาแดดเช้าเรื่องการปฏิบัติธรรม
"เวลาหนูงานยุ่งมากๆ เหมือนๆ ไม่ได้ปฏิบัติ"
แดดเช้าเงียบ เหมือนไม่สนใจ
สักพัก สิบนาทีผ่านไป
เธอก็พูดขึ้นอีก ท่าทางร้อนรน
"พี่คะ ... เวลาหนูงานยุ่งมากๆ เหมือนไม่ได้ปฏิบัติเลยค่ะ"
แดดเช้าก็ยังนิ่ง
ดูจิตของเธอเงียบๆ เหมือนเธออยากได้คำตอบ
เธออยากจะปฏิบัติได้ดีๆ
เธออยากจะทำให้ยิ่งๆ ขึ้น
เธอกังวลว่า เธอปฏิบัติธรรมไม่ได้ตลอดเวลา
"เดี๋ยวนะ พี่กำลังคิดอยู่ว่า จะตอบหนูว่ายังไงดี"
เงียบไปสักพักหนึ่ง ....
แดดเช้าคิดได้ว่า ควรบอกเธอให้เธอปฏิบัติอย่างสบาย
ไม่ต้องติดความทะยานอยากของตัวเอง
"เหมือนไม่ได้ปฏิบัติ ก็ให้รู้ว่า ไม่ได้ปฏิบัติ แล้วดูว่า ช่วงไหนเราไม่ได้ทำบ้าง เราก็ดูไว้ แล้วคิดว่า ทำไมช่วงนั้นเราจึงไม่ได้ทำนะ ช่วงไหนเราทำได้ดีบ้าง ก็ดูไว้ ช่วงไหนสติเราไม่ค่อยอยู่กับกายกับจิตบ้าง ก็ดูไว้ แล้วทบทวนเสมอๆ พอถึงสถานการณ์เดิมๆ นั่นอีก เราก็จะสำรวมระวังมากขึ้น สมาธิของเราที่ทรงไว้ไม่ได้ ก็จะทรงไว้จนได้ เพราะเราใคร่ครวญตรวจสอบเสมอๆ ว่า เราควรหาอุบายทำอย่างไร ถ้าเราทำไม่ได้"
เหมือนๆ น้องเขาจะเข้าใจ
การสารภาพบาป ทำให้เราสำรวมระวังความผิดของตัวเองได้
เวลาเราทำไม่ดี เราต้องสำนึกผิด
การสำนึกผิด เป็นการทำให้เรายอมรับตัวเองได้ว่า เราเป็นผู้มีทั้งความดีและความไม่ดี
พระสงฆ์ทำผิดพระวินัย ก็ต้องมีการปลงอาบัติ
พวกเราก็เหมือนกัน เวลาเราประมาทเลินเล่อ เราทำผิดพลาด เราต้องยอมรับและสารภาพความจริงนั้นไว้
อย่าได้ปิดบังอำพราง
ความจริง ก็คือ ความจริง
เรายอมรับความจริงอย่างแกล้วกล้า ทำให้เราเป็นผู้มีใจเปิดเผย มีความสง่าผ่าเผย
ไม่โกหกหลอกลวง ไม่มารยาสาไถย
ไม่โอ้อวดคุณงามความดีที่ไม่มีในตน
เราจะสามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้อย่างดี
หลวงปู่มักจะชอบใจเวลาที่แดดเช้าพูดถึงความผิดบาปของตัวเอง
พูดถึงกิเลสของตัวเอง
เพราะนั่นเท่ากับว่า แดดเช้าพร้อมที่จะทำให้กิเลสตัวนั้นเบาบางลงได้แล้ว
ถ้าเราไม่ดูกิเลสของตัวเราอย่างนิ่งสงบ
กิเลสก็จะกำเริบ
ถ้าเรายิ่งปกปิดกิเลสของเรา เพราะคิดว่า เป็นของเรา
เรารักกิเลสของเรา เราหวงกิเลสของเรา
กิเลสของเราก็จะไม่จางหายไปหรอก
เราไม่ควรหวงความชั่วของเราเองเลยนะคะ
ศีล เป็นสะพานไปสู่การสิ้นทุกข์
เมื่อก่อนแดดเช้าไม่เคยเข้าใจเลยว่า ศีล จะเป็นฐานของสมาธิได้อย่างไร
แดดเช้าเข้าใจแต่ว่า ศีล ถ้าบริสุทธิ์แล้ว สมาธิจะเจริญได้มาก เพราะจิตใจสบาย
แต่ยิ่งสมาธิเจริญขึ้นๆ แดดเช้ายิ่งเข้าใจว่า ศีลมีอะไรที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น
ศีล ทำให้กิเลสต่างๆ เบาบางลง
ความพยาบาท คิดประทุษร้ายผู้อื่น
ความโลภอยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรจะพึงได้
ราคะกำหนัดที่ไม่ได้รับการควบคุม
ความมารยาสาไถย โกหกหลอกลวง
ความประมาทเลินเล่อ มัวเมา
เพียงเท่านี้ กิเลสหนาๆ ก็จางลงไปได้มากแล้ว
โอกาสที่จะปฏิบัติเพื่อให้ถึงการสิ้นทุกข์ก็ยิ่งใกล้เข้ามา
ตรวจศีล ตรวจใจ - ทำให้สมาธิทรงกำลัง
ถ้าเราหมั่นตรวจตราตัวเองเสมอๆ
สติของเราจะอยู่ที่ตัวเราเอง และสมาธิก็จะเกิดขึ้น
เพราะเกิดความตั้งใจทบทวนการกระทำของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
เราก็จะเห็นว่า ตัวเราเองนั้น เป็นเพียงตัวละครตัวหนึ่งซึ่งมีจิตเป็นผู้บัญชาการ
เราจึงมองการแสดงของตัวละครตัวนี้ได้ในทุกคืนก่อนนอน
พอการแสดงจบลง เราก็หลับอย่างสบาย
ระหว่างการทบทวน เราไม่มี "ตัวเรา" เข้าไปเกี่ยวข้อง
สมาธิของเราจะเข้มแข็งขึ้น
เราทบทวนไปอย่างนิ่งๆ
ทบทวนเหมือนทบทวนการกระทำ
ลองทำดูสิคะ .... แล้วคุณจะเห็นว่า ชีวิตของคุณแตกต่างไปจากเดิม
โลกที่คุณมองจะมีมุมที่แปลกออกไปเป็นมุมใหม่
และการมองปัญหาของคุณจะลึกซึ้งมากขึ้น กว้างมากขึ้น
อารมณ์ต่างๆ ของคุณจะนิ่งและสงบมากขึ้น
การแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ กับ การแก้ปัญหาตามธรรม
ถ้าหมั่นตรวจศีล ตรวจใจ เราจะพบว่า เราจะแก้ปัญหาตามธรรม มากขึ้น
การแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ทำให้เกิดปัญหาซ้อนปัญหา
เพราะจะทะเลาะกันในเรื่องส่วนตัวด้วย ความอยากจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ
"ตัวเรา" จะเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้จิตใจติดข้องหมองมัว
แต่ถ้าเราแก้ปัญหาตามธรรม ปัญหาก็จะได้รับการแก้ไขถูกจุดปัญหา
ไม่มีการลุกลามไปในเรื่องอื่น
และปัญหาต่างๆ จะจบลงอย่างสงบ...
ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงเกิดปัญญาที่สว่างไสวในการตรวจสอบตัวเอง และในการมองปัญหาต่างๆ ให้เป็นไปตามธรรม เพื่อประโยชน์สุขของสังคมสืบต่อไป ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ นี้ด้วยเทอญ สาธุๆๆ
| Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2548 |
| Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2548 12:26:00 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 364 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie  ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:19:26:16 น. |
|
|
|
| โดย: พี่อิ๋ว IP: 61.91.125.133 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:8:06:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
พัทลุง Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )
เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )
..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม
หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร
สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา
ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม
จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม
หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| |
|
|
