น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
เล่าเรื่องคุณของพระอริยสงฆ์ - อุชุปะฏิปันโน

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ขึ้นหัวข้ออย่างนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะสวดมนต์ให้ฟังนะเจ้าคะ
แต่จะยกขึ้นมาเพื่อเป็นหลัก เป็นแนวทางในการพิจารณาบุคคลที่ควรบูชา คือ พระอริยสงฆ์ ว่าท่านจะมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

พูดถึง "พระอริยสงฆ์" แดดเช้าเคยคิดว่า คนที่เดินไปเดินมาตามท้องถนน บางทีเราก็ดูไม่ออกหรอกว่า ใครเป็นพระอริยะระดับใดแล้วบ้าง หรือใครยังเป็นปุถุชนอยู่ แต่ถ้าเป็นปุถุชนจะแยกแยะได้ง่ายกว่าพระอริยะมากเลยค่ะ

พระอริยสงฆ์ ที่ท่านสำเร็จมรรคผลตั้งแต่ระดับโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี เป็นฆราวาส ก็ใช้ชีวิตตามปกติธรรมดาอย่างเราๆ นี่แหละค่ะ เพียงแต่ "ศีล" ของท่านจะมากกว่าเราอีก

ถือว่าเป็น
สุปะฏิปันโน - ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
อุชุปะฏิปันโน - ผู้ปฏิบัติตรง
สามีปะฏิปันโน - ผู้ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์
ญายะปะฏิปันโน - ผู้ปฏิบัติสมควรแล้ว

หลวงปู่ท่านสรรเสริญว่า อุชุปะฏิปันโน เป็นคุณของพระสงฆ์ที่สำคัญที่สุด
ผู้ปฏิบัติตรง หมายถึง ผู้ปฏิบัติตามธรรมตามวินัยของพระพุทธเจ้า ไม่มีการเพิ่ม ไม่มีการแก้ไข ไม่มีการตัดทอน

ท่านบอกว่า พระพุทธเจ้าตรัสเช่นใดย่อมเป็นไปตามนั้น ผู้ใดคัดค้านคำกล่าวของพระองค์เป็นบาปลดหย่อนกันไปตามเจตนา

การเป็นผู้ปฏิบัติตรง ทำให้วินัยของศาสนาอยู่ได้ แล้วทำให้ศาสนาดำรงอยู่ได้

ปราบนิสัยดื้อของลูกด้วยการไม่พูดปด
หลวงปู่เล่าเรื่องลูกศิษย์ที่เป็นผู้พิพากษาให้ฟังบ่อยๆ เป็นการยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างเพื่อให้ใครๆ ปฏิบัติตาม

วันหนึ่ง ท่านผู้พิพากษานั่งเขียนหนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงานที่บ้าน ลูกคนหนึ่งก็ร้องว่า "จะไปหาแม่ๆ" ท่านก็นั่งเขียนหนังสืออยู่อย่างนั้นแหละ แล้วบอกว่า "เดี๋ยวพ่อเขียนหนังสือเสร็จแล้ว พ่อจะพาไป" ลูกก็ยังคงร้องว่า "จะไปหาแม่ๆๆ" อยู่ตลอดเวลา

จนท่านเขียนหนังสือจบ ท่านเก็บโต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้ว ก็บอกลูกว่า
"พ่อเขียนหนังสือเสร็จแล้ว พ่อจะพาไปหาแม่"
ลูกก็เดินตามไปเฉยๆ แล้วก็หยุดร้อง

ตั้งแต่นั้นมา ลูกไม่เคยร้องงอแงอีกเลย
แม้แต่จะไปตลาด ลูกๆ จะตามพ่อไปด้วย พ่อเพียงพูดว่า "พ่อไปตลาด ... เดี๋ยวพ่อมา" แค่นั้นแหละ ลูกๆ ก็เดินกลับบ้านกัน ไม่มีใครงอแง

การพูดความจริง ทำให้สบายเหลือเกิน
วันหนึ่ง หลวงปู่ท่านบอกแดดเช้าว่า ให้คุยกันพี่คนหนึ่งที่เขามีนิสัยหลงตัวเอง และหลงอะไรไปหลายเรื่อง ใครๆ พยายามบอกสอน พยายามตักเตือน พยายามแนะนำ ก็แก้นิสัยตรงนี้ไม่ได้สักที

แดดเช้าเองก็อึดอัด ความหลงของพี่เขาเยอะเหลือเกิน
"พูดกับเขายังไงดีเจ้าคะ"
"ก็พูดตามจริงนั่นแหละ"
"ถ้าพูดตามจริง ก็ต้องกระทบใจเขาแรงหน่อยนะคะ หนูลิสต์ไว้หมดแล้วค่ะว่า จะพูดความจริงอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง มีหลายคดีเหลือเกิน"
"นั่นแหละ พูดไปตามนั้นเลย"

เขาโทร.มาหาแดดเช้า แดดเช้าก็อัดเข้าไปเต็มๆ หลายประเด็น โดยไม่สนใจเลยว่า จะกระทบเขาขนาดไหน อัดเข้าไปด้วย อ่านจิตเขาด้วย แล้วก็พูดดักคอเขาไปด้วย

ตัว "มานะ" (ความถือตัว) กระเด็นออกไปบ้างนิดหน่อย

พอวางสายเขาแล้ว แดดเช้าก็โทร.ไปรายงานหลวงปู่
"หนูอัดเขาหลายกระทงเจ้าค่ะ หลวงปู่"
"ดีๆ เป็นไงบ้าง"
"แต่เวลาหนูว่าอะไรเขา หนูจะเปรียบเทียบตัวหนูให้เขาฟัง เล่าว่า หนูก็เคยเป็นแบบเขามาก่อน เคยอยากได้คำสรรเสริญ เคยอยากดีอยากเด่น เคยหลงผิดมาไม่ต่างจากเขาเลย ยกตัวอย่างตัวเองตลอดเลยค่ะ แล้วหนูก็บอกเขาว่า สมาธิเขาไม่ดีเลย ไม่นิ่งเลย เขาก็ทำนิ่งสักพัก แล้วเขาก็ถามว่า นิ่งดีหรือยัง หนูก็บอกว่า นิ่งแล้ว แต่ข้างในเขายังคิดอยู่ว่า 'พี่นิ่งได้นะน้องรุ่ง พี่จะทำให้ดู' ก็นิ่งแบบหลอกๆ น่ะค่ะ แต่ดีกว่าไม่นิ่ง

และตอนเขาจะวางสายนะคะ เขาบอกว่า เขาเที่ยวโทร.หาใครๆ ให้ตักเตือนเขา ได้อะไรเยอะเชียว แต่หนูดูจิตเขา หนูเห็นว่า ที่เขาเที่ยวโทร.หาใครๆ จิตเขาร่ำร้องว่า 'ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว ฉันโทร.หาใครๆ ใครๆ จะได้เห็นว่า ฉันดีขึ้น' เขาอยากให้คนเห็นว่า เขามีการเปลี่ยนแปลงค่ะ เขาบอกว่า ให้หนูโทรมารายงานหลวงปู่นะคะว่า ผลเป็นยังไง พี่พูดอะไรบ้าง หนูก็ตอบเขาว่า พี่ก็ยังหลงเหมือนเดิม แต่ดีขึ้นนิดเดียวเอง หนูคงโทร.ไปรายงานหลวงปู่อย่างนี้แหละค่ะ

ปากเขาก็รับฟังนะคะว่า เขาไม่ดีตรงไหน แต่ใจเขาคิดค้านตลอดเลย ปกป้องตัวเองตลอด

หนูใช้พลังจิตในการคุยกับคนนี้มากเลย หนูพูดทุกอย่างตามที่หนูเห็นนะคะ"
"ดีๆ"
"หลวงปู่เจ้าคะ หนูติเตียนเขาบ่อยๆ หนูจะบาปไหมเจ้าคะ"
"ไม่บาปหรอก พระพุทธเจ้าก็ยังติเตียนคนไม่ดีเหมือนกัน ถ้าติเตียนแล้วเขาดีขึ้น เห็นอะไรแล้วพูดความจริงออกมาน่ะเป็นสิ่งดี การพูดความจริง ทำให้สบายเหลือเกิน มันไม่มีอะไรอัดอั้นในใจ"
"แต่สิ่งที่หนูกลัวก็คือ ระหว่างที่หนูพูดไป เหมือนๆ ไปข่มเขาหรือเปล่าคะว่า หนูดีกว่าเขา หนูจึงติเตียนเขา"
"การที่เรายกตัวอย่างความไม่ดีของเราให้เขาฟัง เราไม่ได้ไปข่มเขาแล้ว กลับทำให้มานะของเราลดลง ทำให้เขาเกิดกำลังใจที่จะแก้ไขตัวเองด้วย"
"สาธุค่ะ หลวงปู่ หนูก็คิดว่า จะช่วยให้เขาคลายความหลงลงได้บ้างนะคะ .....

พระโสดาบัน พูดปดไม่ได้แล้ว
หลวงปู่เคยบอกว่า ผู้ที่เข้าถึงมรรคผล จะปดไม่ได้แล้ว
แดดเช้ามาใคร่ครวญดู เห็นว่า จริง

พระโสดาบัน ปฏิบัติจนถึงการรู้แจ้ง เห็นความจริงทุกอย่าง การที่พูดอะไรนอกเหนือความเป็นจริง ท่านก็คงทำไม่ได้ เพราะผิดกับสิ่งที่ท่านรู้ ที่ท่านเห็น

ฉะนั้น พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ที่เดินอยู่ตามท้องถนนปะปนกับปุถุชนทั่วไป อาการท่านจะงาม มีสง่าศักดิ์ศรีมากกว่าใครๆ เพียงแต่ท่านจะไม่บอกว่า ท่านปฏิบัติได้ในระดับใดแล้วเท่านั้นเอง เพราะบอกไปก็เกิดบาปแก่คนอื่นๆ

เกิดบาปได้อย่างไร?
ถ้าเกิดเขาไม่เชื่อ เขาก็คัดค้าน การคัดค้านเป็นการคัดค้านพระธรรมพระวินัย
ถ้าเขาเชื่อ เขาก็จะหลงงมงายในตัวคนนั้นๆ ไม่สนใจวัตรปฏิบัติ

ฉะนั้น ผู้ที่สำเร็จมรรคผลที่เดินอยู่ตามท้องถนน จึงมีอาการงาม และมีวัตรปฏิบัติที่พอจะเป็นแบบอย่างได้ แต่จะไม่มีการโอ้อวดลำพอง

มานะ (ความถือตัว) ของท่านเหล่านี้ ละไปจากท่านจะสิ้นหมดแล้ว

ม้าอาชาไนย จะพยศก็พยศออกมาให้เจ้าของเห็น
หลวงปู่ท่านเคยเล่าเรื่องม้าอาชาไนยให้ฟังว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ม้าอาชาไนยเกิดแต่มารดา แล้วถีบมารดาทิ้งไปอยู่ตามอิสระ เป็นม้าพยศ ถ้าผู้ใดนำมาฝึกก็จะได้ม้าที่ดี ม้าอาชาไนยจะพยศอย่างไรก็พยศออกมาให้เจ้าของเห็น เพื่อจะได้ฝึกได้ถูกอุบาย

พระสาวกในพระธรรมวินัยของพระพุทธองค์ก็เช่นกัน มีความผิด มีกิเลส เป็นอย่างไร ก็แสดงออกมาให้แจ้ง เพื่อจะผู้ฝึกจะได้ฝึกได้ตรงอุบาย

การพูดความจริง ทำให้แก้ไขปัญหาได้ ทำให้แก้ไขตัวเองได้ ดีกว่า การทำมายาสาไถย ปิดบังความชั่วของตน

ฉะนั้น พวกเรามาพูดความจริงกันดีกว่า...
แต่ก่อนที่จะพูดความจริงได้ทุกเรื่องนั้น ก็ต้องสำรวจจิตของตัวเองและยอมรับให้ได้เสียก่อนว่า เรามีกิเลสอะไร เราต้องการอะไร เราคิดอะไร แล้วยอมรับมันซะ ข่มมันซะ .... ปฏิบัติให้เหมาะให้ควรกับสถานการณ์ แต่ต้องยอมรับว่า เราต้องการ เราเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วยนะคะ

ไม่เช่นนั้น จะเป็นการปกป้องตัวเอง สำคัญว่า เราดีแล้ว เลิศแล้ว
แล้วก็จะหลงไปกันใหญ่
หนักๆ เข้าก็เป็นการ "ติดดี"
เอาแต่ดี ชั่วไม่เอา

แต่หลวงปู่ท่านสอนว่า
"ดีก็ไม่เอา ชั่วก็ไม่ละ"
กิเลสอะไรเกิดแต่ในจิต ก็ดูอยู่เช่นนั้น
ทำสมาธิไปแล้วดูเฉยๆ ไม่ปรุง ไม่แต่ง
เราเป็นผู้ดูเพียงธรรมดา ไม่นึกเอา ไม่นึกละ

การยอมรับความจริง การพูดความจริง นี่ดีเหลือเกิน จริงๆ ด้วยนะคะ : )


Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2548 12:09:57 น. 2 comments
Counter : 1018 Pageviews.

 
สาธุ...
คนชลบุรีเหมือนกันนะ


โดย: suparatta IP: 202.57.173.92 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:13:39:16 น.  

 
วัฒนา


โดย: สมหมาย IP: 119.42.66.53 วันที่: 24 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:23:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.