น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
"คงที่" ได้ แม้ในกองไฟร้อนๆ

สรรเสริญ ติเตียน - กองไฟในกองทุกข์
แดดเช้าเคยรู้สึกว่า เราอยู่ในสังคม เหมือนเราอยู่บนกองไฟ
เพราะถ้าเราทำอะไรลงไป
มีบทบาทอะไรก็ตาม
เราต้อง "คงที่" ที่กาย ที่จิต ให้ได้

ถ้าเราไม่คงที่ที่กายที่จิต
เราก็จะต้องเต้นเร่าๆ ไปกับ คำสรรเสริญ และ คำติเตียน

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ อาการของจิตที่ไหวกระเพื่อม
ฟู - แฟบ ไปตามอารมณ์ ชอบใจ - ไม่ชอบใจ ที่ไหวมากระทบเรา

ได้รับคำติเตียน ไม่โกรธ ยังง่ายกว่า .... แต่มีคนสรรเสริญแล้วไม่ยิ้ม นี่ยากนัก
เวลาถูกใครติเตียน บางครั้งเราฟังแล้วไม่โกรธได้
ถ้าคำติเตียนนั้น แรงๆ เราก็อดทนฟังเฉยๆ ได้

แต่เวลาถูกคนสรรเสริญนี่สิ...
อดที่จะไหวกระเพื่อมไม่ได้เลย
มันฟู มันพอง
รู้สึกหลงใหลไปกับคำสรรเสริญนั้นๆ
"ฉันเป็นคนดี"
"เขายอมรับฉัน"
"ใครๆ ก็ชมว่า ฉันเก่ง"
"ฉันเก่งที่สุด ดีที่สุด"
"ฉันเก่งกว่าคนนั้นด้วย คนนั้นยังไม่มีคนชมเลย"
"โอ้ว ... ดีใจจัง เขาชมฉัน"
"ฉันสำเร็จแล้ว"

คำสรรเสริญนี่ .... อันตรายเสียจริง!!!
ทำให้เราหลงติดในยศ ในตำแหน่ง ในตัวตน
ทำให้เราติดดี อยากเด่นอยากดังมากยิ่งขึ้น

คนเรา เมาฝัน หลงสรรเสริญ
ใครๆ ก็อยากให้คนชม...
แดดเช้าก็เคยบ้าคำชม

แดดเช้า อยากให้มีคนชมแดดเช้า
อยากฟังคนสรรเสริญว่า แดดเช้าเก่ง
แดดเช้าทำได้
อยากมีกำลังใจเยอะๆ
อยากเด่น อยากดัง
อยากดี อยากให้คนสนใจ
นั่นแหละ แดดเช้าหมดทุกอย่างเลย

พอทำอะไรดีๆ ขึ้นมาสักอย่าง
แดดเช้าก็จะเริ่มอวด
และก็จะทำให้คนสนใจ
เพื่อจะได้มีคนชมแดดเช้า
และจิตใจก็ฟูๆๆๆ

พอไม่ได้รับคำชมสมใจ
แดดเช้าก็น้อยใจ คิดไปสารพัดสารพัน

หลวงปู่ไม่เคยสรรเสริญแดดเช้าสักที
แดดเช้าอยากให้ท่านสรรเสริญแดดเช้า
ทำทุกวิถีทาง....

แดดเช้าทำอะไรดีๆ แดดเช้าต้องวิ่งโร่ไปเล่าให้หลวงปู่ฟัง
แดดเช้าพยายามทำดี เพื่อจะให้ท่านสรรเสริญ
แต่ท่านกลับนิ่ง ....

วันหนึ่ง ....
ท่านติเตียนแดดเช้าหนักมาก
แดดเช้าน้อยใจ

แดดเช้าร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
น้อยใจ ... จะไม่ไปหาหลวงปู่อีกแล้ว
จะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น

กองไฟกองนี้ ถ้าไม่คงที่พอ ก็จะวอดวาย
อย่างที่บอกว่า คำติเตียนน่ะ .... มีโทษไม่เท่าคำสรรเสริญหรอก

พอได้คำสรรเสริญมา เราไม่คงที่ ที่กาย ที่จิต
เราก็จะเต้นๆ ไปตามอารมณ์บ้า

เราดีใจ แล้วเราก็พองฟู
เราก็ยึดอยู่ที่ความดีงามของเรา
ที่เกิดจากปากของคนอื่น

แล้วเราก็ติดคำสรรเสริญนั้นๆ
พอใครไม่สรรเสริญเรา
เราก็อ้างอิงว่า คนนั้นคนนี้ยังบอกว่า เราดี

เราก็จะเจ็บใจ ผูกใจโกรธคนที่ไม่สรรเสริญเรา
เราจะรอฟังแต่ลมปากหวานๆ ที่ลอยมากระทบจิตเรา
เป็นอารมณ์แช่มชื่น เบิกบาน ภาคภูมิ
ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ....

แดดเช้าจึงขอย้ำแล้วย้ำอีกว่า
"กายคงที่ - จิตคงที่"
เป็นสิ่งประเสริฐสุด

เห็นรูปด้วยอาศัยตา ที่น่าพอใจหรือที่ไม่น่าพอใจ ก็มีกายคงที่ มีจิตคงที่
ได้ยินเสียงด้วยอาศัยหู ที่น่าพอใจหรือที่ไม่น่าพอใจ ก็มีกายคงที่ มีจิตคงที่
รู้กลิ่นด้วยอาศัยจมูก ที่น่าพอใจหรือที่ไม่น่าพอใจ ก็มีกายคงที่ มีจิตคงที่
รู้รสด้วยอาศัยลิ้น ที่น่าพอใจหรือที่ไม่น่าพอใจ ก็มีกายคงที่ มีจิตคงที่
รู้สิ่งถูกต้องกาย มีเย็นร้อน อ่อนแข็ง เป็นต้น ด้วยอาศัยกาย ที่น่าพอใจหรือที่ไม่น่าพอใจ ก็มีกายคงที่ มีจิตคงที่
รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ ที่น่าพอใจหรือที่ไม่น่าพอใจ ก็มีกายคงที่ มีจิตคงที่

ฮือๆๆ เราทำดีแล้ว ... เขายังไม่สรรเสริญเราอีก
แดดเช้าเป็นคนขี้น้อยใจมากๆ
เวลาทำอะไรดีๆ แล้วยังไม่มีคนเห็นคุณค่า
แหม่ ... มันเจ็บปวด

ต่อเมื่อมาปฏิบัติกรรมฐาน
เวลาอารมณ์เจ็บปวด ไหวกระเพื่อมเข้ามา
จึงต้องทรงสมาธิและสติต้องตั้งที่กายที่จิต
เพื่อที่จะเห็นอารมณ์ของตัวเอง
และเห็นจิตแท้ๆ ของตัวเองได้

เราต้องไม่หวั่นไหวกับอารมณ์แรงๆ ที่มากระทบ
แล้วเราจะรู้ชัดว่า แท้จริงแล้ว
คำสรรเสริญ คำติเตียน ก็คือ สิ่งว่างๆ เปล่าๆ

แต่เรา "บ้า" พอที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งคำสรรเสริญ
และไปให้พ้นไปจากคำติเตียนทั้งหมดทั้งสิ้น

"เราทำดีแล้วนะ เราตั้งใจทำ ทำไมไม่เห็นมีคนเข้าใจ"
เป็นเสียงที่ร้องออกมาจากข้างในทุกทีเลย

แดดเช้าก็เลยคิดว่า เราทุกข์ก็เพราะว่า เรา "อยาก"
ความ "อยาก" ตัวเดียวนี่ น่ากลัวจริงหนอ...

ข่มความยินดีไว้ ... จะสง่างาม
หลวงปู่ท่านเตือนแดดเช้าว่า ให้รู้จักข่มความยินดีไว้ จะดูดี
ท่านเคยให้แดดเช้าทำอะไรบางอย่าง
แดดเช้าทำได้ ทั้งที่สมองคิดว่า แดดเช้าไม่ได้เก่งอะไร
แต่เรารู้ไม่ได้หรอกว่า เราดีใจ เรายินดีที่เราทำได้

แต่อาการที่ออกมา ... มันน่าเกลียด
หลวงปู่ท่านบอก

ท่านบอกว่า ให้คงที่ไว้และข่มความยินดี
จะน่าเลื่อมใส และ ดูดีกว่านี้

แดดเช้าทำสมาธิยิ่งๆ ขึ้น
สติมั่นคงขึ้น และไวขึ้น

เมื่อแดดเช้ามีใครติเตียน
แดดเช้าจะนิ่งฟัง และมีสติอยู่ที่กายที่จิต
ทำสมาธิไปด้วย

เมื่อมีใครสรรเสริญแดดเช้า
แดดเช้าก็จะนิ่งฟัง มีสติอยู่ที่กายที่จิต
แล้วแดดเช้าก็ทำสมาธิไปด้วย

เวลาฟังคนสรรเสริญ...
สติของแดดเช้าอยู่ที่กาย ที่จิต
แดดเช้าเห็นอาการของจิตกระเพื่อมนิดๆ ด้วยแหละค่ะ

แดดเช้ายินดีอยู่ในจิต
แต่ภายนอกที่กาย คงที่เข้าไว้
นี่แหละ กรรมฐานทำให้แดดเช้ารู้จักตัวเองว่า แดดเช้ายังต้องการคำสรรเสริญ
และยินดีในคำสรรเสริญนั้น

แดดเช้ากำหนดดู ...
แดดเช้าก็เห็นชัดว่า แดดเช้าไปหลงยึดว่า คำสรรเสริญเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา
และเราก็ต้องการคำสรรเสริญนั้นๆ

ดูคำสรรเสริญ ดูตัวยึด ดูจิตตัวเอง
ก็รู้ขึ้นมาว่า ไม่มีอะไรเที่ยงสักอย่าง
เราไปคว้าเอาสิ่งเปล่าๆ ว่างๆ

อาการกระเพื่อมไหวๆ ฟูๆ พองๆ ของจิตก็หายไป
แต่ทุกครั้งที่ได้รับคำสรรเสริญ แดดเช้าก็ต้องกำหนดสติให้ทันทุกครั้ง
ไม่เช่นนั้น ก็จะหลง "บ้า" ไปกับสิ่งเปล่าๆ ว่างๆ
และหลงไปตามอารมณ์ "อยาก" ของตัวเอง

อย่าเอาคำสรรเสริญ และ ติเตียน มาเป็นยาเพิ่มกำลังใจเลย
แดดเช้าค้นพบว่า ถ้าเราทำกรรมฐานแล้ว
เราจะรู้ด้วยตัวเองว่า
สิ่งใดถูกหรือผิด
สิ่งใดดีหรือไม่ดี
สิ่งใดควรหรือไม่ควร

ไม่ได้อยู่ที่ใครจะมายกย่องเราเลย
ไม่ได้อยู่ที่ใครจะมาตำหนิเราเลย
สติของเรามั่นคง คงที่อยู่กับกาย กับจิต
เราก็จะมั่นใจในสิ่งที่เราทำ

กำลังจิต กำลังใจจะเข้มแข็งได้เมื่อเราคงที่ได้
เราทรงสมาธิและมีสติอยู่ที่กายที่จิตได้

ไม่ใช่อยู่ที่ใครจะติเตียนหรือสรรเสริญเลยสักนิด

เจตนาของผู้สรรเสริญและติเตียน
คำสรรเสริญและติเตียน ไม่ได้มีคุณค่าอย่างที่เราคิดฝัน

ผู้สรรเสริญ บางคนต้องการประโยชน์บางอย่าง
ผู้ติเตียน ก็เช่นกัน

ฉะนั้น คุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่ความจริงแท้
และอยู่ที่เรารู้ทันตามอารมณ์ของเราว่า สิ่งที่เราต้องการคืออะไร เราทำไปเพื่ออะไร

อยู่ที่จิตแท้ๆ ของเรา
ไม่ใช่อยู่ที่การปรุงแต่ง หรือ อยู่ที่อะไรเลย

ถ้าเราเข้าใจตัวเอง เรามีสติคงที่ที่จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่เป็นไป
เราก็จะเข้าถึงความจริงว่า สิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร
ไม่ใช่อยู่ที่คำประเมินค่าของใครๆ เลยสักนิดเดียว

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ จะให้คำยกย่อง หรือ ติฉิน
แต่เราต้องทำ "กายคงที่ - จิตคงที่" ให้เป็นเรื่องธรรมดาด้วย
เพื่อที่จะได้ "ทัน" ต่อสิ่งต่างๆ ภายนอกที่เรารู้ เราเห็น

เรากำลังอยู่บนกองไฟจริงๆ
เราร้อน เราต้องคงที่ ไม่กระโดดโลดเต้น
เราหนีกองไฟไม่ได้ เราดับกองไฟไม่ได้
แต่ถ้าเราคงที่ไว้ เราจะไม่ร้อน และเราจะไม่ทุกข์มาก

ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านบันทีกธรรมะของข้าพเจ้า จงประสบแต่ความสุข ความเจริญในธรรม เจริญสัมมาสติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป และเข้าถึงความเป็นจริงแห่งชีวิตในเร็ววันด้วยเทอญ สาธุๆๆ


Create Date : 02 มีนาคม 2548
Last Update : 3 มีนาคม 2548 11:43:05 น. 2 comments
Counter : 1257 Pageviews.

 
เข้ามาแสวงหาธรรมมะค่ะ :D


โดย: V-FAN IP: 61.90.80.116 วันที่: 3 มีนาคม 2548 เวลา:0:27:20 น.  

 
ดีจัง ดีจริง


โดย: zaesun (zaesun ) วันที่: 3 มีนาคม 2548 เวลา:1:31:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.