Welcome to my blog
4 วัน 3 คืน หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกแห่งอาณาจักรล้านช้าง (ตอนที่ 4: เที่ยววังเก่าหลวงพระบาง)

 
สถานที่ท่องเที่ยว : หอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง, Laos
พิกัด GPS : 19° 53' 31.86" N 102° 8' 7.67" E

ในตอนที่แล้ว ผมได้พาไปชมวัดทั่วเมืองหลวงพระบางกันไปแล้ว ในตอนนี้เราจะเปลี่ยนบรรยากาศมาชมพระราชวังกันบ้าง

ก่อนหน้าที่ลาวจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ลาวมีการปกครองแบบราชอาณาจักร และมีประมุขของรัฐ ที่เรียกว่า เจ้ามหาชีวิต มาโดยตลอด

ตั้งแต่ช่วงปี 1904 เป็นต้นมา เจ้ามหาชีวิตของลาวจะประทับที่ พระราชวังหลวงพระบาง ซึ่งผมจะมารีวิวที่นี่ในบล็อกนี้ครับ

วันที่สาม

หอพิพิธภัณฑ์ หรือ อดีตพระราชวังหลวงพระบาง (Royal Palace Museum) ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางขึ้นพระธาตุพูสีซึ่งเราเพิ่งจะเที่ยวมาเมื่อวานนี้

ด้านหน้าของพระราชวัง เราจะเจอกับ หอพระบาง ก่อน จะสังเกตว่าหอแห่งนี้เป็นสไตล์สิมแบบหลวงพระบางครับ

น่าเสียดายที่ข้างในไม่ให้ถ่ายรูป ผมจึงถ่ายรูป องค์พระบาง มาไม่ได้ เลยขอเอารูปจากเน็ตมาให้ดูละกัน (แต่คิดว่า รูปนี้น่าจะเป็นองค์จำลองนะครับ)

ตำนานเกี่ยวกับพระบาง

ตามตำนานกล่าวว่าพระบางถูกสร้างขึ้นที่ กรุงลังกา จากนั้นก็ถูกอัญเชิญมาไว้ที่เขมร ก่อนที่ พระเจ้าฟ้างุ้ม จะอัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองหลวงพระบางแห่งนี้ และก็ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานยังกรุงเวียงจันทน์ในเวลาต่อมา

ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สยามกับล้านช้างเกิดสงครามระหว่างกัน หลังสยามได้รับชัยชนะ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ต่อมาคือ รัชกาลที่หนึ่ง) ได้อัญเชิญพระบางมาประดิษฐานที่กรุงธนบุรีพร้อมกับ พระแก้วมรกต แต่ภายหลังได้ทรงคืนพระบางไปหลังการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่สาม สยามก็อัญเชิญพระบางลงมาประดิษฐานที่กรุงเทพอีกครั้ง (หลังสงครามเจ้าอนุวงศ์) แต่หลังจากเกิดเหตุภัยแล้งหลายปี ผู้คนในกรุงเทพจึงลือกันว่า สาเหตุเกิดจากการที่พระบางกับพระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ที่เมืองเดียวกัน (มีเรื่องเล่าว่า พระทั้งสององค์ไม่ถูกกัน) ทำให้พระบางจึงถูกอัญเชิญกลับไปที่ประเทศลาวจนถึงทุกวันนี้

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เชื่อว่าพระบางองค์จริงถูกพรรคคอมมิวนิสต์ย้ายไปประดิษฐานที่กรุงเวียงจันทน์อยู่ช่วงหนึ่ง ภายใต้การคุ้มครองอย่างแน่นหนา จนเมื่อหอพระบางสร้างเสร็จ พระบางองค์จริงก็ถูกย้ายกลับสู่เมืองหลวงพระบางอีกครั้ง

ฝั่งตรงข้ามหอพระบาง จะเป็น อนุสาวรีย์ของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ครับ

เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์

เป็นพระโอรสของ พระเจ้าสักรินทรฤทธิ์ (เจ้าคำสุก) เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง ในปี พ..2447 และหลังจากลาวได้รับเอกราชก็เสด็จขึ้นครองราชย์ในฐานะ พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรลาว

พระราชกรณียกิจที่สำคัญในรัชสมัยของพระองค์คือ ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกของลาว ที่เขียนโดยคนลาว ในปี พ..2490

เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์สวรรคตในปี พ..2502 พระโอรสของพระองค์จึงได้ขึ้นครองราชย์ต่อมาเป็น เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของราชอาณาจักรลาว

หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง

ในอดีตที่นี่คือ พระราชวังหลวงพระบาง ถูกสร้างขึ้นในปี 1904 เป็นศิลปะแบบล้านช้างผสมโคโลเนียล ออกแบบโดยสถาปนิกฝรั่งเศส

เนื่องจากด้านในไม่สามารถถ่ายรูปได้ (ต้องฝากของทั้งหมดไว้ที่ล็อคเกอร์เก็บของด้านนอก) ผมจึงขอบรรยายให้ฟังนะครับว่า มีอะไรบ้าง

(1) ห้องรับแขกเจ้ามหาชีวิต

เป็นห้องให้คณะทูตานุทูตมาเข้าเฝ้าเพื่อปรึกษาราชการ และถวายสาส์นตราตั้ง ภายในจะมีรูปหล่อเจ้ามหาชีวิต 3 พระองค์ที่หล่อมาจากฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีงานไม้แกะสลักกลองสัมฤทธิ์โบราณ ส่วนผนังจะบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวลาวหลวงพระบาง และประเพณีต่างๆ

(2) ท้องพระโรงหน้า

ใช้ประกอบพิธีสำคัญต่างๆ รวมทั้งถูกใช้เตรียมสำหรับพิธีบรมราชาภิเษก สำหรับเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา (แต่พิธีก็ถูกยกเลิก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง)

(3) ห้องรับแขกพระมเหสี

มี 2 ส่วนคือ ห้องสำหรับเก็บและจัดแสดงของขวัญที่ได้จากประเทศต่างๆส่งมาถวายเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา (รวมทั้งของขวัญจากประเทศไทย) ส่วนอีกห้องแสดงภาพวาดสีน้ำมันของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระราชินีคำผุย และเจ้าชายมกุฎราชกุมารวงศ์สว่าง

(4) ห้องโถงใหญ่

ใช้จัดแสดงราชบัลลังก์ไม้แกะสลักหุ้มทองและแหย่งช้างที่ เจ้าอนุวงศ์ แห่งอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ ส่งมาถวาย เจ้ามันธาตุราช แห่งอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง เพื่อชักชวนให้ร่วมสงครามกับสยามในสมัยรัชกาลที่สาม

(5) เขตพระราชฐาน

เป็นห้องบรรทมของเจ้ามหาชีวิตพระมเหสี เชื้อพระวงศ์ รวมทั้งห้องเสวย ห้องพักผ่อนและห้องจัดแสดงสมบัติส่วนพระองค์

(6) ห้องแสดงรถพระที่นั่ง

จัดแสดงรถพระที่นั่งโบราณและราชรถสำหรับขบวนแห่พระบาง

ค่าใช้จ่าย: 30,000 กีบ (120 บาท)

เวลาเยี่ยมชม: เปิดทุกวันยกเว้นวันอังคาร (8.00-11.30 และ 13.30-16.00)

โดยภาพรวมผมว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ๆน่าสนใจ ถ้าใครมาเที่ยวที่หลวงพระบาง ผมว่าก็ควรหาเวลามาเยี่ยมชมให้ได้นะครับ จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ประเทศเพื่อนบ้านไปด้วย

สำหรับรีวิวในตอนนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ ในตอนหน้าเราจะเปลี่ยนแนวไปเที่ยวน้ำตกกันบ้าง เรื่องราวจะเป็นยังไง ฝากติดตามด้วยนะครับ

ตอนอื่นๆ

ตอนที่ 1: เตรียมตัวเที่ยวหลวงพระบาง

ตอนที่ 2: ช็อปปิ้งที่ตลาดมืด

ตอนที่ 3: วิถีพุทธแห่งหลวงพระบาง

ตอนที่ 4: เที่ยววังเก่าหลวงพระบาง

ตอนที่ 5: เที่ยวน้ำตกตาดกวางสี

ตอนที่ 6: นั่งเรือเที่ยวถ้ำติ่ง




Create Date : 27 มกราคม 2561
Last Update : 17 มิถุนายน 2566 21:53:58 น. 0 comments
Counter : 2808 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.