ทำหน้าที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น อย่าให้เสียทีที่เกิดมา เป็นมนุษย์สุดประเสริฐ พบพระพุทธศาสนา.....นิพพานะ ปัจจโย โหตุ สาธุ ๆ ๆ
Group Blog
 
All Blogs
 
การทำวิปัสสนาแบบง่ายๆ.......ใครๆก็ทำได้



การทำวิปัสสนาแบบง่ายๆ.......ในชีวิตประจำวัน
ถาม-การทำวิปัสสนาแบบง่ายๆ แต่ได้ผลดี ทำอย่างไรครับ?

1)เพ่งดูที่ลิ้นปี่เรื่อยๆ เนืองๆ ดูให้เป็นปกติ ไม่ว่ายืน-เดิน-นั่ง-นอน เวลานอนก่อนหลับดีมากๆ ดูจนหลับไปเลย....หรือ

2)ดูลมหายใจเข้า-ออก ทุกอิริยาบถหลัก อิริยาบถย่อย ว่าหายใจเข้า-ออก สั้นหรือยาว เบาหรือหนัก หายไปหรือเริ่มเกิดขึ้นใหม่อีก ดูไปเรื่อยๆ ดูได้ตลอดเวลา แม้ในการทำงานต่างๆก็ดูได้.....หรือ

3)ทำงานในหน้าที่ความรับผิดชอบไปตามปกติเหมือนเช่นเคย แต่ให้ใส่"ตัวรู้"-คือ "รู้ตัวทั่วพร้อม"เข้าไปในงานที่ทำอยู่นั้นๆทุกครั้งไป ใส่ตัวรู้เข้าไปตรงๆเลยทีเดียว ให้เราเพียงรู้ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ แค่นั้นเอง แล้วเราก็ทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เท่านี้พอแล้ว.....แค่นี้ ความชั่วก็เข้ามารบกวนเราไม่ได้ เพราะเรารู้ทันมันหมดทุกท่าแล้ว.......หรือ

4)ดูท้องพองหนอ-ยุบหนอ ซึ่งเป็นวิปัสสนาล้วนๆ ผมเองใช้แบบนี้จนเป็นปกติไปแล้ว ทำได้ตลอดเวลา ไม่ว่าที่ไหน เวลาใด ยิ่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ก่อนนอน ตื่นนอนเช้ามืด ดึกๆดีมากที่สุด หายใจเข้า-ท้องพอง กำหนด พองหนอ ยาวๆตามท้องไป หายใจออก ท้องยุบ กำหนดยุบหนอ ตามท้องไป หรือสั้นๆก็เอาแค่พองยาวๆ-ยุบยาวๆ แต่ถ้าเพิ่มหนอตามไปด้วยจะดีและได้ผลมากที่สุด ไม่เชื่อต้องลองดูครับ.......




ถามหรือสงสัยว่า เอาอะไรดู เอาอะไรเพ่ง ? ก็ใช้ตาที่สาม(อุณาโลม) ตรงหน้าผาก ที่เรียกว่า"พระพุทธจักร" หรือ "ตาทิพย์"นั่นแหละดู ดูได้ทั้งหลับตา ลืมตา แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน ลองดูทั้งสองแบบ ชอบแบบไหน ได้ผล ถนัดก็เอาแบบนั้น.....โดยใช้ความรู้สึกเราวาดมโนภาพว่า เราใช้ตาที่สามส่วนนี้ไปส่องดูตามจุดบริเวณที่ว่ามานั้น เหมือนเอาไฟฉายไปส่องดูเลยทีเดียว.....วิธีนี้ในขั้นสูงขึ้นไปก็ใช้ส่องดูจิตที่"ลิ้นปี่"ที่นั่นคือ "พระธรรมจักร" ที่พระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ตรัสรู้กันที่นี่ทุกองค์กันเลย(มีที่นี่ทีเดียว ที่อื่นไม่มี และไม่ใช่) ส่องกันจนทะลุใจเข้าถึงจิตข้างในสุดกันไปเลย(กาย-จิตมีหลายชั้น)......ส่องกันจนกระดูกส่วนที่ตรวจผ่านกลายเป็นแก้วใสไปเลย.......



พุทธญาณ ( buddhayan.tha@gmail.com )

วิปัสสนา-ที่ทำได้เหมือนไม่ได้ทำ เราเรียกว่า ปรมัตถบารมี เกิดมาจาก อุปบารมี หมายถึง ฝึกปฏิบัติจนเป็นอุปนิสัย แล้วพัฒนาเป็นปกติธรรม คือทำเหมือนไม่ได้ทำ จดจ่อจนไม่จดจ่อ เรียกว่า "จดจ่อ"-รู้ตัวทั่วพร้อมในการเคลื่อนไหว/ในความรํสึก-ในความคิดปรุงแต่ง-และในการสัมผัสรับรู้ทางตา-หู-จมูก-ปกา-และกาย รวมๆเรียกว่า รู้ตัวทั่วพร้อม และเห็นการเกิดขึ้นที่ไม่เที่ยง-เปลี่ยนแปลง-และไม่ยึดมั่นถือมั่น-เห็นสรรพสิ่ง คือ มายา -เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง -ปล่อยวางทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี......

ธรรมชาติของจิตใจ.....เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และเปลี่ยนแปลง เป็นอารมณ์ปกติของจิตใจทุกรูปทุกนาม แต่ขอให้มี สติ-ตัวรู้ รู้อยู่กับการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอย่างเป็นปกติ ไม่ว่าจะกระทบกับสิ่งที่ดี หรือสิ่งที่ไม่ดี ไม่พอใจก็ปลดปลง-ปล่อยวาง ส่วนการแผ่บารมี มีอยู่ใน บารมี 10 คือ การทำจิตใจของผู้ปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะ เมตตา-เป็นบาทฐานของสมาธิ สมาธิไม่เกิดที่คน-เพราะขาดเมตตา การแผ่-ควรแผ่จากจิต-ศูนย์กลางกาย หรือ ลิ้นปี่ แผ่ให้แก่ตัวเองก่อน แล้วก็ พ่อ-แม่ พ่อแม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดกายของเรา แล้วแผ่ให้กับสิ่งแวดล้อม สังคมที่เราเกี่ยวข้อง ประเทศชาติที่เราอาศัย โลกที่เราอยู่ อนันตจักรวาลที่เราเคลื่อนไป......

สรุป-คือ มีสติตลอดเวลาในสติปัฏฐาน 4 ในกาย นั่ง-นอน-ยืน-เดิน-และความคิด-การสัมผัสรับรู้ตลอดเวลา แล้วไม่ยึดติด มีตัวรู้ และรู้ตัว......


ถาม-การทำวิปัสสนาแบบง่ายๆ ทำได้ทุกวันเวลาในชีวิตประจำวัน ทำอย่างไร ?

ตอบ-วิปัสสนา-คือ เห็นธรรมชาติ เกิดขึ้น-เปลี่ยนแปลง-ดับไปตามความเป็นจริง....เห็นการเปลี่ยนแปลง-คือ ความจริง ที่ไม่หยุดนิ่ง โลกนี้ อยู่ได้เพราะการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่เปลี่ยนแปลง โลกนี้จะอยู่อย่างไร ?

ฉะนั้น การเปลี่ยนแปลง คือ "สัจจะ" คือ ความจริง ที่ไม่หยุดนิ่ง เป็นธรรมชาติ ที่ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เรามาแลโลกชั่วครั้งชั่วคราว มิได้ชั่วนิรันดร จึงไม่ควรไขว่คว้าหาลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข จนเกินความพอดี อยู่บนทางสายกลาง ไม่สุข-ไม่ทุกข์ ละได้ย่อมสงบ นั่นแหละ คือ ความจริง รู้แจ้งเห็นจริง ส่วนมากก็ยึดติดกัน เห็นเป็นตรงข้ามหมด คือ เห็นว่าทุกอย่างเที่ยง เป็นสุข สนุกสนาน....

ถาม-การทำวิปัสสนาแบบง่ายๆ แต่ได้ผลดี ทำอย่างไร ?

ตอบ-1)จะต้องทำจิตให้เหนือสรรพสิ่ง 2)จิตนั้น-ไม่ยึดมั่นในสิ่งใด 3)ตนนั่นแหละ-เป็นผู้ทำตนให้หลุดพ้น ไม่ยึด-ไม่ทุกข์-ไม่สุข-ละได้ย่อมสงบ 4)ตีขันธ์ 5 ให้แตก 5)ค้นกายในกาย 6)ค้นเวทนาในเวทนา 7)ค้นสัญญาในสัญญา 8)ค้นสังขาร(ความคิด)ในสังขาร และ 9)ค้นวิญญาณในวิญญาณ....

ใช้อริยสัจ 4-ในการตีขันธ์ 5 -คือ ใช้อริยสัจ คือ สายโซ่ของการเกิดทุกข์-เกิดสุขในตัวเรา เช่น ดิน(กาย)-คือทุกข์ น้ำ(กาม)-คือ คือ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ไฟ(สมาธิ)-คือ การดับทุกข์ ลม(หายใจ)-คือ หนทางปฏิบัติที่เข้าถึงการดับทุกข์.....

รูป(กาย)-คือ อริยสัจ -สายโซ่ ที่ทำให้สุข-ทุกข์เกิด หมายถึง ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม.....

เวทนา(ความรู้สึก)-รับรู้ได้ คือ ทุกขสัจ ใช้เวทนา-ความรู้สึก ในการรับรู้ทุกข์......

สัญญา(ความจำ)-ความยึดมั่นถือมั่นในทางที่ผิด เป็นเหตุให้ทุกข์เกิด........

สังขาร(ความคิด)-การปรุงแต่งที่ผิด คือ การดับทุกข์ ปรับเปลี่ยนความคิดที่ผิด เป็นความคิดที่ถูกต้อง(ไม่โลภ-ไม่โกรธ-ไม่หลงติด) คือ ทางดับทุกข์......

วิญญาณ(การสัมผัสรับรู้)- คือ มรรคา หนทางปฏิบัติในการดับทุกข์ คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ในการกระทำ-สัมผัสและรับรู้.....

ขอให้อ่านหลายๆครั้งให้เข้าใจ แล้วปฏิบัติให้ได้......

ธรรมญาณ
Dhammayan@sanook.com







Create Date : 26 เมษายน 2549
Last Update : 26 เมษายน 2549 21:55:33 น. 0 comments
Counter : 274 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sukhawadee
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




พุทธจิตธรรมญาณ แสงทิพย์อริยธรรม
บ้านฉัตรไชย กรุงเทพฯ
สถาบันแสงทิพย์อริยธรรม
02-9707986,085-1637455
อีเมล์ buddhajitdhammayan@gmail.com
New Comments
Friends' blogs
[Add Sukhawadee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.