Group Blog
 
All blogs
 

จันทบุรี ถิ่นนี้มีแต่ของดี Part III

Part III นี้มีแต่ของกินนะคะ
แบบว่าตื่นตาตื่นใจมากที่ได้เห็นอาหารการกินจังหวัดนี้
มันเยอะไปโหม๊ด ฮ่าๆๆ แถมราคาไม่แพงด้วย

เริ่มจากมื้อเย็นของวันที่ 1 พวกเราก็ตะลุยอาหารทะเลกันเลย อาหารเย็นวันนี้พวกเราไปสังสรรค์กันที่ ร้านนภา ท่าแฉลบ
คนเมืองจันท์เค้าบอกว่า ร้านอาหารแถวท่าแฉลบ ราคาถูกและอร่อยทุกร้าน
ประมาณว่า สั่งเล้ย อร่อยทุกอย่าง

เริ่มจากเมนูแรก "ปูจ๋า"


เมูนต่อไป "พล่าปลากระพง" เมูนนี้คล้ายๆเมี่ยงปลา แต่น้ำจิ้มแปลกดี มีน้ำตาลปึกที่ตำให้ร่วนๆเหมือนถั่วทุบ หรือเหมือนเคี้ยวถั่วตัด ยังงัยยังงั้นเลย


"แกงส้มกุ้งชะอมชุบไข่"


"ข้าวผัดปู" จานนี้กินได้ประมาณ 6 คนเป็นจานใหญ่ของทางร้านแต่ราคาเพียง 80 บาทเท่านั้น


"หอยหวานเผา"


"ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย"


"ปลากระพงทอดน้ำปลา"


มื้อนี้หมดไปประมาณ 800 กว่าบาทสำหรับอาหาร 7 อย่าง ถือว่าถูกมวากกก

ยัง ยังไม่หมดเท่านี้ ยังไม่หนำใจกับมื้อค่ำ
มาจันทบุรีทั้งที ต้องไม่พลาด "จ้ำบ๊ะ" แค่ชื่อก็กินขาดแล้ว
ไปดูรูปกัน

"จ้ำบ๊ะ นมเย็น" ราคาถูกมาก 20 บาท


ถ้วยนี้ "จ้ำบ๊ะ มิกซ์เบอร์รี่" ราคา 45 บาท เพราะมีผลไม้นอก อิอิ


วันนี้อิ่มมากค่ะ แทบจะคลานไปนอนเลยทีเดียว


วันที่ 2 มื้อเที่ยง ก็ไม่แพ้กันเลย
ได้รับโอกาสจากพี่สะใภ้ ของน้องในแก๊งค์ลูกหมู
ซึ่งเป็นคน อ.ขลุง จ.จันทบุรี จัดเลี้ยงอาหารไว้รับรองญาติๆ
พวกเราเลยได้รับผลพลอยได้ไปด้วย อิอิ
อาหารมื้อนี้ ขอบอกเลยว่าฝีมือแม่ครัว สู้ Cheif ระดับภัตตาคารใหญ่ได้เลย
แต่เสียดายที่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอาหารแต่ละอย่างเท่าไหร่ มีแต่รูปรวม
แค่เห็นก้อ น้ำยายไหยเยย





ปูนึ่ง เนื้อสดหวาน หอม อาหย่อยพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด


ไปดูกุ้งตัวเบ้อเร่อที่ใช้ทำต้มยำกุ้งกัน ตัวเท่าฝ่ามือจริงๆ
>


ตบท้ายด้วยของหวานและผลไม้เมืองจันทบุรี

"ทุเรียนเชื่อม" เป็นของหวานที่หากินยากมาก
เค้าบอกว่าต้องสั่งทำล่วงหน้ากันเลย เป็นบุญเหลือเกินที่ได้กิน ฮ่าๆๆ
เป็นครั้งแรกที่ได้กินด้วย รสชาติคล้ายๆ มันเทศเชื่อมแต่เนื้อแน่นกว่า
ถ้ากินกับกระทิสดน่าจะอร่อยมากขึ้นไปอีก


ต่อด้วยทุเรียนสดจากลูก พันธุ์พวงมณี นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่หากินยากเช่นกัน




ยังมีเมนูอื่นๆอีกมากมายเช่น สละลอยแก้ว หวานชื่นใจ (แต่ไม่ได้ถ่ายรูป)

ทริปนี้ต้องบอกว่าเกินคุ้มเจ้าค่ะ ต้องกลับมาอีกแน่นอนจังหวัดนี้
บ๊าย บายค่ะ




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2554    
Last Update : 10 มิถุนายน 2554 19:01:03 น.
Counter : 6112 Pageviews.  

จันทบุรี ถิ่นนี้มีแต่ของดี Part II

มาต่อกันเลยค่ะกับ จันทบุรี Part II
ครั้งนี้มาเที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืน ดังนั้นเราจึงมีเวลาได้เที่ยวหลายที่หน่อย
สำหรับวันที่ 2 นั้นเริ่มออกลั้นลากันตั้งแต่สายๆ วันนี้เน้นไปเที่ยวโซนที่เป็นทะเล้ ทะเล โดยเส้นทางที่ไปจะไปทางหาดแหลมสิงห์ และหาดเจ้าหลาวเป็นหลัก โดยเส้นนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่ใครๆก็แนะนำกันหลายที่เลยทีเดียว
เริ่มจากที่แรกที่ได้ไปเยือน ก็คือ "ตึกแดง"



มาศึกษาประวัติของเค้าซะหน่อยว่า "ตึกแดง" คืออะไร
ตึกแดง เป็นอาคารชั้นเดียวก่ออิฐถือปูน กว้าง 7 ม. ยาว 32 ม. ทาสีแดงชาด ภายในแบ่งเป็น 5 ห้อง มีประตูเปิดถึงกันหมด มีระเบียงสองด้านตามแนวยาวของตัวตึก สร้างขึ้นในบริเวณที่ตั้งป้อมปืนเก่าแก่และได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อรับศึกญวน ฝรั่งเศสได้รื้อตึกจากตัวป้อมมาสร้างตึกแดงเพื่อใช้เป็นที่พักนายทหารและกองรักษาการณ์ปากน้ำแหลมสิงห์

ตึกแดงได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2527 และใช้เป็นอาคารห้องสมุดและศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของ อ.แหลมสิงห์ ต่อมาเลิกใช้และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม


จากนั้นไปต่อด้วย "คุกขี้ไก่"

ประวัติของ "คุกขี้ไก่" เป็นเช่นนี้ค่ะ
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ก่อนถึงท่าเทียบเรือ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112)เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี ในกรณีพิพาทกันด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ระหว่างนั้นกองทหารฝรั่งเศสประมาณ 600 คน แยกกันอยู่สองแห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี บริเวณที่เป็นค่ายทหารในปัจจุบัน อีกแห่งอยู่ที่ปากน้ำแหลมสิงห์ ฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่เพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 7 เมตร มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เล่ากันว่าเป็นคุกที่ทรมานมาก เพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา



เดินทางศึกษาธรรมชาติกันต่อที่ศูนย์การศึกษาพัฒนาป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน





มีหอดูนกด้วยนะ แต่ไปคราวนี้เค้าไม่ให้ขึ้นไปดูอ่ะ


แถมยังมีการสาธิตการเลี้ยงหอยนางรมเพื่อช่วยบำบัดน้ำเสียด้วย




หลังจากเดินศึกษาป่าชายเลนกันแล้ว ก็ไปชื่นชมทะเลกันบ้างที่หาดแหลมเสด็จ
แต่รูปที่มาลงในครั้งนี้จะเป็นรูปที่เคยถ่ายไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ไปค่ะ







หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พัก
แต่เกิดอยากกินกาแฟขึ้นมาระหว่างทาง เห็นร้านกาแฟเล็กๆน่ารักอยู่ตรงทางที่จะกลับ
ร้านน่ารักดีเลยได้โอกาสแวะชิมกันค่ะ
เค้กที่นี่ก็อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว กาแฟก็เข้มได้ใจจริงๆค่ะ








วันที่ 3 ของการเดินทางท่องเที่ยวในจันทบุรี
ก่อนกลับแวะไปดูหอจดหมายเหตุของจังหวัดจันทบุรีกันค่ะ
ว่าเค้ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง
มาดูตัวตึกด้านนอกกันก่อน สมกะเป็นเมืองเก่ามั๊ยล่ะ






ทีนี้เข้าไปดูด้านในกันเลยค่ะ
ที่นี่เป็นตึกเก่าที่ไว้เก็บเอกสารเก่าๆและของเก่าๆของเมืองจันทบุรี
เป็นที่ที่คุณสามารถเข้ามาค้นหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเมืองจันทบุรีได้
แถมยังมีของเก่าที่ขุดขึ้นมาจากใต้ตึก ก่อนที่จะตึกจะได้รับการบูรณะ








หมดแล้วสำหรับ Part II ยังมี Part III เกี่ยวกับอาหารการกินของจันทบุรีอีก
จะได้ดูกันว่าที่นี่เค้าอุดมสมบูรณ์กันขนาดไหน




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2554    
Last Update : 10 มิถุนายน 2554 18:58:52 น.
Counter : 2287 Pageviews.  

จันทบุรี ถิ่นนี้มีแต่ของดี Part I

ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าเจ้าค่ะเอ๊ย...เที่ยวตล๊อด ตลอด อิอิ
แต่ได้เที่ยวแล้วมีความสุข ก็ทำกันไปนะคะ ที่สำคัญไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครด้วย

ทริปนี้ไปเที่ยวจันทบุรี เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตที่ได้ไปเที่ยวอย่างจริงจังกับจังหวัดนี้ และประทับใจมาก เพราะเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์เหลือเกิน (หมายถึง มีหลายๆอย่างในจังหวัดเดียว) ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีทั้งน้ำตก,ทะเล, ภูเขา,แม่น้ำ และที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แม้แต่บ้านเรือนเก่าโบราณก็ยังมีให้เห็นกันอยู่ อย่างชุมชมริมน้ำจันทบูร รวมถึงที่นี่ยังเป็นแหล่งอาหารการกินอันอุดมสมบูรณ์ ที่มีแต่ของอร่อยทั้งนั้น และที่สำคัญราคาไม่แพงเลย

เริ่มจากที่พักกันก่อน ทริปนี้เราไปกันแบบ chill chill ไม่เน้นหรูหราอะไร แต่คุ้มค่า เราเลือกพักที่ วังปลารีสอร์ท เป็นที่พักแบบรีสอร์ท มีบังกะโลเป็นหลังๆ ครั้งนี้ไปกัน 4 คน เลยได้บ้านพักแบบ 1 หลังและมีห้องแฝด แยกกันเป็น 2 ห้องนอน สีชมพู ราคาแสนถูก คืนละ 800 บาทต่อหลัง แต่ว่าลืมถ่ายรูปมาอ่ะ
แต่ขอแนะนำถ้าอยากเข้าไปดูรีวิวแบบละเอียดได้ที่เว็บ moohin ค่ะ มีรูปประกอบเยอะด้วย ตามลิงค์นี้เลยจ้า

//www.moohin.com/trips/chanthaburi/wangpla/index.shtml

>

หลังจาก check in กันแล้วเราก็ออกไปตะลอนทัวร์กันเลย พร้อมสุดๆ
ไปตีเมืองจันท์ทั้งที ต้องแวะไปไหว้เจ้าเมืองกันก่อนที่ศาลหลักเมือง




ไหว้เจ้าเมืองกันแล้วก็ไปต่อกันเลยที่น้ำตกพลิ้วๆๆ น้ำตกที่มีปลาพวงหิน มากมายแหวกว่ายดำมืดเต็มไปหมด



ปลาพวงหิน เป็นปลาที่อาศัยอยู่แถวน้ำตก และกินพืชหรือเม็ดพืชที่มีพิษเป็นอาหาร ทำให้คนไม่นิยมนำมาเป็นอาหาร ดังนั้นมันจะแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ทีแรกกะว่าจะไปเล่นน้ำตก แต่พอเห็นปลาเยอะขนาดนี้ก็เลยไม่กล้าลงเลยเรา อิอิ แต่จริงๆมันก้อไม่มาทำร้ายคนนะ บางตัวใหญ่มากกกก แถมกินถั่วฝักยาวเป็นอาหารอีก แต่กลิ่นน้ำตกค่อนข้างที่จะคาวเหมือนกัน



ตกเย็นไปเดินเล่นชิลด์ ชิลด์ แถวชุมชนริมน้ำจันทบูร
โดยเดินผ่านทางด้านโบสถ์คริสต์ ที่สวยงามมากๆ แต่เสียดายวันที่ไปถ่ายนั้นฟ้าไม่ค่อยใสเท่าไหร่





ภายในโบสถ์ก็สวยไม่แพ้กัน


เดินข้ามสะพานเพื่อไปยังชุมชมริมน้ำและเก็บบรรยากาศค่ะ
ที่บ้านเรียนรู้ชุมชน ยังมีของเก่าแก่ให้ได้ดูกัน








กำแพงแห่งนี้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาของรังนกยี่ห้อหนึ่ง


ขากลับขอเก็บรูปตรงสะพานข้ามระหว่างชุมชนริมน้ำกับโบสถ์อีกซักรูป


ขอจบ Part I ไปเท่านี้ก่อนค่ะ แล้วอย่าลืมติดตามตอนต่อไปใน Part II นะคะ




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2554    
Last Update : 10 มิถุนายน 2554 18:54:19 น.
Counter : 1476 Pageviews.  

ดอยหมอก-ดอกไม้

ดอยอ่างขาง ที่มาของ ดอยแห่งเมฆหมอกและแดนดอกไม้แสนสวย
งานนี้ไม่มีคำบรรยายอะไรมากมายนอกจากรูปดอกไม้และสวนสวยๆมาให้ชมกันค่ะ

ก่อนทางเข้ามีชาวบ้านแถวนั้นมาขายผักสดๆ น่าซื้อทีเดียว























 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 10 มิถุนายน 2554 18:46:38 น.
Counter : 749 Pageviews.  

ตะลุยขุนช่างเคี่ยน-ดอยสีชมพู

ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งทริปแห่งความประทับใจ กับดอยสีชมพู หรือดอยดอกซากุระเมืองไทยนั่นเอง ชื่อจริงๆของสถานที่แห่งนี้ก็คือ ขุนช่างเคี่ยน อยู่บนดอยปุย ใน จ.เชียงใหม่ ที่มาของฉายาดอยสีชมพู ก็เพราะความงามสะพรั่งของดอกพญาเสือโคร่ง (หรือที่ใครๆเรียกว่าดอกซากุระเมืองไทย) ที่จะออกดอกสีชมพูบานเต็มที่ในช่วงเดือน มกราคมไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ บานเต็มไปทั้งพื้นที่แห่งนี้นั่นเองค่ะ

ความประทับใจเริ่มตั้งแต่การค้นหาข้อมูลของสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานีวิจัยพันธุ์กาแฟของคณะเกษตรฯ ม.เชียงใหม่ ที่นี่มีบ้านพักอยู่เพียง 3-4 หลังเท่านั้น ที่เหลือก็เป็นลานที่ให้กางเต็นท์ได้ แต่ที่น่าประทับก็คือ ในบ้านพักละหลัง 600 บาทเท่านั้นกลับเต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ซึ่งเราไม่คิดว่าจะมีไว้ให้ มีที่นอน มีพื้นที่ระเบียงไว้นั่งพักผ่อน มีเครื่องครัวครบครัน เช่น ถ้วย จาน ชาม ช้อน-ส้อม แก้วน้ำ กะละมัง หม้อ กระทะรวมถึงแก๊สหุงต้ม ซึ่งแทบจะไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์พวกนี้ไปเลยด้วยซ้ำ ที่สำคัญมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย ถึงแม้ทริปนี้เครื่องทำน้ำอุ่นอาจจะเกเรกะพวกเราไปนิสนึงแต่ก้อทำให้ได้บรรยากาศดีนะ

หนทางที่จะมาถึงขุนช่างเคี่ยนแห่งนี้ก็ไม่ถึงกับลำบากมากนักแต่ก็ หวาดเสียวพอสมควร สำหรับคนที่กลัวความสูงและที่แคบ เพราะเมื่อเลยจากดอยปุยมาแล้วจะเป็นเส้นทางที่จะเข้าสู่ที่พักที่เราจะไปกัน เส้นทางจะเป็นถนนเลนส์เดียว ซึ่งไม่ได้ลาดยาง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นลูกรัง แต่จะต้องใช้ความระมันระวังในการใช้เส้นทางเพราะแคบและมีรถสวนทางตลอดเวลา ซึ่งเป็นทางโค้งตลอด ทำให้มองไม่เห็นรถที่สวนมาเลย ก็จะต้องใช้การบีบแตรตลอดเส้นทาง ตื่นเต้นทีเดียว แต่พอไปถึงก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ สวย สดชื่น และประทับใจจริงๆ

พร้อมแล้ว...ไปกันเลยจ้า...

ที่เห็นบ้านหลังเล็กๆนั้น คือที่พักของพวกเราเองค่ะ


เดินทางเข้าบ้านพักกับสัมภาระและสเบียงมากมาย ...
อ้อ..ขอบอกว่างานนี้ต้องเตรียมสเบียงกันไปเองนะคะ เพราะว่าที่นี่ไม่มีขนมหรือของกินอะไรขายเลย นอกจากไข่ลวกกับกาแฟสด


ถึงแล้วค่ะบ้านพัก หลังนี้จะพักได้ 5-7 คน
ที่เห็นนี่อย่างที่บอกว่า มีครบครันสำหรับอุปกรณ์เครื่องครัวทั้งหลาย ถึงแม้จะไม่ใหม่ แต่ก็ถือว่าสะดวกมากแล้วสำหรับการมาพักสถานที่แบบนี้


ที่นอนค่ะ มีเตียงให้ 1 เตียงพร้อมหมอนและผ้าห่มหลายผืนเชียว


ระเบียงบ้านพัก มีเก้าอี้น่ารักๆให้ มีพื้นที่สำหรับนั่งสังสรรค์กันตามสบาย


สำหรับคนที่จองบ้านพักไม่ทัน ก็มีลานกางเต็นท์ให้ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ


บรรยากาศโดยรอบ


เด็กดอย




บรรยากาศตอนเช้า...อากาศช่างสดชื่นจริงๆ หนาวจับใจ แต่ชอบจับจิต




ก่อนกลับต้องไม่ลืมเก็บภาพสวยๆของดอกพญาเสือโคร่งสีชมพู งามแต๊ๆ




ระหว่างทางกลับ ก็อย่าลืมแวะอุดหนุนสตอเบอร์รี่สดจากไร่ ของชาวม้งที่อยู่แถวนั้นกันนะคะ หวาน สด หอม และราคาถูกกว่าที่กรุงเทพเยอะเลย




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 10 มิถุนายน 2554 18:18:34 น.
Counter : 1169 Pageviews.  

1  2  

sugarpiggy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีและยินดีต้อนรับทุกคนค่ะ

Free Clock
Friends' blogs
[Add sugarpiggy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.