Medley Harley Hurray~~
Group Blog
 
All blogs
 

ตะลอนโตเกียววันที่2-Yokohama Hakkeijima(Sea Paradise)

วันที่ 2 นี้ตื่นมา 8 โมงครึ่งค่ะ กว่าจะออกจากที่พักได้ก็เกือบ 10 โมง เมื่อเช้าดูทีวีแล้วอากาศดีเหมาะกับการไปซีพาราไดซ์ค่ะ จากที่เมื่อวานเดินเที่ยวโตเกียวสิ่งนึงที่ประทับใจก็คือห้องน้ำค่ะ สะอาดจริงๆ ไม่รวมความทันสมัยที่มีให้ลองเล่นในห้องน้ำนะคะ ระหว่างเดินไปสถานีรถไฟก็ชื่นชมกับคุณแฟนๆก็เลยบอกว่ามันไม่สะอาดทุกที่หรอก ไม่เชื่อเดินเข้าไปดูในนี้จิ ห้องน้ำสาธารณะ


จริงอย่างที่เค้าว่า เราเดินเข้าไปปุ๊บเหลือบตามองแว่บเดียวหมุนตัวกลับออกมาทันทีค่ะ คงไม่ต้องบอกนะว่าสภาพเป็นอย่างไร
เมื่อไปถึงสถานีก็แวะถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ก่อนค่ะว่าจะต้องซื้อ one day pass รึเปล่า เค้าก็กดเครื่องคิดเลขให้ว่าไม่ต้องค่ะ ขั้นแรกก็ซื้อตั๋วไปสถานีYokohama->Sakuragicho->Shin-Sugita 690 เยนที่สถานีนี้ก็แวะซื้อcho-cream ไส้ชาเขียวกินซะหน่อย 4 ลูก 300 เยน ขนมอื่นๆก็น่ากินนะ

พูดกันถึงข้อมูลตั๋วซีพาราไดซ์ซักหน่อยนะคะจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกเป็น AQUA MUSEUM & AQUA STADIUM ส่วนที่ 2 เป็นสวนสนุก PLEASURE LAND ถ้าซื้อตั๋วแบบเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ+สวนสนุก ก็ราคา 4900 เยน เล่นและชมได้ทั้งวัน แต่ถ้าไม่เล่นสวนสนุกดูแต่ส่วนแรก ก็ 2700 เยน ถ้าเพื่อนๆที่คิดจะซื้อตั๋วแบบแรกแนะนำให้ซื้อตั๋วนี้ที่สถานี Shin-Sugita ก่อนนั่ง Seaside-Line จะได้ตั๋วในราคาเพียง 4400 เยนเท่านั้น (ถ้ามาซื้อตรงทางเข้าก็ 4900 เยน) ตอนแรกเราคิดว่าคงไม่มีเวลาเที่ยวที่นี่นานก็เลยมาซื้อตั๋วแบบที่ 2 ตรงทางเข้า แต่พอจริงๆแล้วไม่ได้ไปเที่ยวต่อที่อื่นอีก เสียดายจัง(พลาดเป็นครั้งที่ 3)
รถไฟสาย Seaside-Line เป็นรถไฟที่ไม่มีคนขับนะคะ ใช้ระบบอัตโนมัติทั้งหมด ระหว่างที่นั่งไปลงที่สถานี Hakkeijima จะได้เห็นวิวสวยๆด้วยชะเง้อดูดีๆ เมื่อลงจากรถก็เดินเลียบทะเลชมวิวไปยัง Sea Paradise ตั๋วของเราหน้าตาแบบนี้ จะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ Aqau museum, Dolphin fantacy, FUREAI Lagoon

เครื่องเล่นอันแรกที่เจอก็ The Greatest fall(Blue Fall) เป็นทาวเวอร์สูงๆๆ ให้คนนั่งบนที่นั่งแล้วค่อยเลื่อนที่นั่งขึ้นไปข้างบนแล้วปล่อยลงมา น่าหวาดเสียวสุดๆ ถึงซื้อตั๋วมาเราก็คงไม่นั่งอ่ะอันนี้ ขอผ่าน

แล้วก็ไปลอดอุโมงค์ดูปลา ตื่นตาตื่นใจค่ะปลาโลมาว่ายวนไปมา รูปนี้เจ้าหน้าที่เค้ากำลังทำความสะอาดปะการังค่ะ
จากอุโมงค์นี้ไปจะเป็นหลอดแก้วขนาดใหญ่มีปลาวาฬขาวตัวใหญ่อยู่ 1 ตัว ในนี้ถ่ายรูปออกมาไม่ชัดไม่ลงรูปนะ
จากส่วนนี้ก็ออกไปดูส่วนต่อไป ดูหมีขาวขั้วโลกมี 2 ตัวหลับค่ะ ไม่รับแขกเล้ย นกเพนกวิน แต่ที่ฮามากคือ Walrus มันคล้ายๆแมวน้ำแต่ตัวโตมาก เหมือนมันจะว่ายน้ำโชว์ตัวแล้วม้วนตัวแต่หงายท้องติดแหงะอยู่มุมตู้ หน้าแนบกระจกเลยค่ะ แล้วมันก็เอาครีบผลักๆดันๆจนหลุด พ่นน้ำส่งเสียงคร่อกๆ ฮามาก
พอบ่ายโมงครึ่งได้เวลาดูโชว์กันแล้ว ไปค่ะ
ช่วงแรกจะเป็นโชว์ความแสนรู้ของแมวน้ำ ตามด้วยปลาโลมา (สังเกตป้ายปีนี้ที่นี่เค้าครบรอบ 15 ปีแล้วค่า)

และไฮไลต์อยู่ที่โชว์ปลาวาฬขาว(Beluga)

ช่วงท้ายโชว์เค้าจะมีประกาศหาผู้สนใจ 15 คนเข้าชมปลาอย่างใกล้ชิดในส่วนบ่อพักจ่ายคนละ 500 แต่เราไปไม่ทันเค้าได้คนครบแล้ว หลังการดูโชว์และเดินชื่นชมความน่ารักของปลาโลมาและปลาวาฬแล้วก็ เดินเลือกซื้อของฝากน่ารักๆ ซึ่งมีให้เลือกนับสิบร้าน กระจายอยู่ตรงโน้นตรงนี้ ถ้าใจไม่แข็งพอ ก็จะได้ของติดมือกลับออกมาทุกร้าน

สำหรับมื้อบ่ายนี้เราเลือกกินทาเบโฮได(บุฟเฟต์)เนื้อย่างเกาหลี หัวละ 1880 อร่อยค่ะ

ต่อไปเข้าชมส่วนส่วนท้ายของตั๋วคือ FUREAI Lagoon ส่วนนี้เค้าจะมีโชว์เป็นรอบๆ ถ้าไม่อยากพลาดเช็คตารางโชว์ก่อนนะคะ (เราพลาดไปอีกแล้ว) ถ้าโชคดีเราจะได้สัมผัสนกเพนกวิน ปลาโลมา และปลาวาฬด้วย(ถ้ามันว่ายมาใกล้พอให้ยื่นมือไปแตะถึง) ดังนั้นต้องเรียนรู้วิธีการจับและล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าส่วนนี้

ด้วยความน่ารักของเหล่าปลาเราตัดสินใจจะอยู่ดูโชว์ที่ดูไปเมื่อบ่ายซ้ำอีกรอบในรอบสุดท้ายตอน 1 ทุ่ม เค้าจะเปิดไฟไลต์อัพด้วย สวยไปอีกแบบ รอบสุดท้ายนี้คนดูน้อย พี่เลี้ยงและบรรดาปลาดูจะเหนื่อยๆเพลียๆแล้ว โชว์ก็เลยสั้นกว่ารอบบ่าย แต่ปลาๆก็ยังน่ารักอยู่ดี มาดูแล้วรับรองไม่ผิดหวังค่ะ
เราออกจากซีพาราไดส์ประมาณ 3 ทุ่มไปชิบุย่าต่อเพื่อไปชมบรรยากาศ และเลือกกินมื้อดึกที่ร้านซูชิสายพานจานละ 120 เยนกินกันไป 24 จาน รวม 2880 เยน และช้อปปิ้งของฝากพวกขนมแห้งๆและชาเขียวติดไม้ติดมือมาบ้างจะได้เอาไปเก็บไว้ที่พักเลยไม่ต้องหิ้วตะลอนระหว่างวัน
ขากลับนี่ลุ้นระทึกค่ะเพราะจากชิบุย่าก็เที่ยงคืนแล้ว และเราก็ไม่แน่ใจว่าสายที่เราจะต้องไปต่อเพื่อกลับที่พักนั้นจะหมดรึยัง ถ้าหมดก็ต้องเดิน ถึงจะแค่ 1 สถานีก็เถอะ แต่มันเมื่อยสุดๆแล้ว(เดินมาทั้งวันตั้งแต่ 10 โมง นี่มันเที่ยงคืนแล้วไม่เมื่อยได้ไงจิงป่ะ) เมื่อรถแล่นมาถึงสถานีหนึ่งเจ้าหน้าที่ก็ประกาศว่าขบวนนี้จอดแค่นี้นะ ให้ย้ายไปขึ้นอีกขบวนที่เดี๋ยวจะมาอีกชานชลานึง ทุกคนรีบลงจากรถดิ่งขึ้นบันไดข้ามฝั่งไปทันที(นึกในใจว่า ถ้าใครฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกจะรู้ไหมเนี่ย) นึกได้ดังนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นฝรั่ง 3-4 คนที่ขึ้นรถมาตู้เดียวกันจากชิบุย่ายังเดินงงๆอยู่ฝั่งกระนู้น ไม่รู้จะช่วยไงตะโกนไปก็ไม่ทันแล้วรถมาพอดี กว่าพี่แกจะถามจนได้ข้อมูลก็ไม่มีรถไฟแล้ว คงต้องพึ่งแท๊กซี่ เฮ่อ..รู้สึกผิดเล็กๆที่ไม่ได้ช่วยเหลือเค้าอ่ะ ส่วนเรานั้นโชคดีนั่งรถขบวนนั้นไปลงสถานีใกล้ที่พักเดินอีก 10 นาทีก็ถึงแล้ว คืนนี้ทานยาแก้ปวดและนวดขาด้วยยาบรรเทาการอักเสบกล้ามเนื้อ ก่อนสวดมนต์และหลับสนิทไปอีกคืน




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 23:06:15 น.
Counter : 4849 Pageviews.  

ตะลอนโตเกียววันที่1-Akihabara-Ueno

ต้องขอโทษที่ หายหน้า(บล็อก)ไปพักนึง ไปเดินมาราธอนที่โตเกียวมาน่ะ ก็เลยคิดว่าเขียนทริปล่าสุดนี้ก่อนที่จะลืมดีกว่า
ส่วนใครที่ติดตามทริปยุโรปรอบสอง ตอนที่2 อดใจรอไปก่อนนะ(จะมีไหมนี่)
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ก็เกิดจากความตั้งใจตั้งแต่ฟันน้ำนมยังไม่หมดปาก ว่าจะไปญี่ปุ่นให้ได้เลย อ่านการ์ตูนเค้ามานานละ อะไรๆมันดูจะน่ารักไปซะหมด พอโตจนฟันแท้เริ่มอยากจะลาเหงือกไปก็มัวแต่ไปที่อื่นซะก่อน
ปีนี้เมื่อพลาดโอกาสหยุดยาวช่วงสงกรานต์ไปเพราะยังเลือกไม่ได้ว่าจะไปไหนดี ก็มาได้โอกาสอีกรอบ เลยรบเร้า เซ้าซี้ ให้คนใกล้ตัวพาไปจนได้
ว่าแล้วก็ไปขอวีซ่า เสียค่าวีซ่าคนละ 980 บาท
จากนั้นก็ซื้อตั๋วสิงคโปร์แอร์ในราคา 19,250 บาท แพงกว่าในเว็บสายการบินนิดหน่อย(พลาดครั้งที่1..ไม่ทันได้เช็คก่อน)
เดินทางคืนวันจันทร์ที่ 28 เม.ย.(กลางวันจะได้เคลียร์งานก่อนเที่ยว)กลับเช้าวันฉัตรมงคลรวมระยะเวลา 6 วันเต็ม
เริ่มหาข้อมูลจากห้อง BP ว่าจะไปไหนดีกับระยะเวลาที่เรามี สรุปก็ลิสต์ออกมาได้ว่า
1.ไปดูโชว์ปลาโลมา ที่โยโกฮาม่า (อันนี้ต้องไปให้ได้)อาจเลยไปไชน่าทาวน์ และไหว้พระใหญ่ที่คามาคุระ
2.ไปดิสนีย์แลนด์หรือดิสนีย์ซี(สรุปคุณแฟนเลือกไปดิสนีย์แลนด์)
3.ไปฮาโกเน่ ดูฟูจิซัง
วันที่เหลือชมเมืองโตเกียว เช่นอุเอโน่ ชิบูย่า ชินจูกุ ฮาราจุกุ โอไดบะ อาซาคุสะ อาคิฮาบาร่า ฯลฯ
ส่วนวันไหนไปไหนไว้ค่อยไปคิดที่โน่น ตามแต่สะดวก
ไปครั้งนี้เน้นกินของอร่อยๆ ดูบ้านเมืองเปลี่ยนบรรยากาศ เที่ยวบ้างตามที่หลักๆไม่หมดไม่เป็นไร(ไว้มาใหม่)
เมื่อได้แผนคร่าวๆ แล้วลองคำนวณค่าเดินทางว่าจะต้องซื้อ JR Pass ไม๊นะ??
ผลการคำนวณ และจากการเก็บข้อมูลจากห้อง BP ของคนอื่นที่มีแผนใกล้เคียงกัน คือไม่ต้องซื้อ เพราะจะไม่คุ้ม เราไม่ได้เดินทางไกลออกนอกเมืองเท่าไหร่
ที่พักจองไว้ที่เดียวนอน 6 คืน 44,700 เยน เลือกที่นี่(//www.flexstay.co.jp/)เพราะจัดว่าเดินทางไปมาสะดวก ถ้าเผื่อหิวเดินจากที่พักไม่ถึง 1 นาทีก็ถึงร้าน ampm แล้น แถมเงียบสงบและสะอาดด้วยค่ะ
โอเค ทุกอย่างพร้อม..เดินทางได้

วันที่ 1
ไปถึงสนามบินประมาณเกือบ 3 ทุ่ม ฝนตกดีที่ไม่มีพายุ เจ้าหน้าที่เช็คอินเป็นของสายการบินไทยมั้ง(สังเกตจากชุด)
ไม่เห็นบริการจะเหมือนโฆษณาเลย ..แฮ่ะๆ ไปคิดต่อเอาเองนะ
เครื่องบินที่เราจะนั่งไปออกก่อนเวลาซะอีก ประมาณว่าคนขึ้นครบก็ออกเลย ถึงนาริตะก็ก่อนเวลาค่ะ คนไม่เต็มเครื่องนั่งสบายๆเลย
ช่วงอยู่บนเครื่องก็ออ่านหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดหาข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมดื่มสิงคโปร์สลิง


สำหรับการเดินทางเข้าโตเกียวเราเลือกนั่ง Sobu Line(Rapid)ทอดเดียว (1280 เยน) ไม่นั่ง NEX(ประมาณสามพันเยน) เพราะไม่รีบร้อนและประหยัดด้วย (พลาดครั้งที่ 2..ที่ไม่ซื้อแพคเกจ NEX&SUICA ในราคา 3500 เยน คุ้มกว่าเพราะได้นั่ง NEX เข้าโตเกียว 1เที่ยวกับ SUICA การ์ดมูลค่า 1500 พอคืนการ์ดจะได้คืนอีก 500)
เราลงรถไฟที่สถานี Shin-Nihombashi สังเกตคนที่นี่ค่อนข้างมีระเบียบนะคะขึ้นลงบันไดเลื่อนถ้าจะยืนเฉยๆให้ชิดซ้ายไว้ เว้นช่องทางขวาไว้สำหรับคนรีบจะได้เดินผ่านไปได้ค่ะ ก่อนออกจากสถานีไม่ลืมที่จะแวะปั๊มตราสัญลักษณ์ประจำสถานีก่อนมีทั้งหมด 77 อัน มาทริปนี้จะได้ซักกี่อันหนอ..

เดินลากกระเป๋าจากสถานีไปที่พักระยะทางประมาณจากมาบุญครองไปพารากอน(เดิน 5-7 นาที)ฝากกระเป๋าเรียบร้อย ออกเดินชมโตเกียวกันที่เวลาประมาณ 10.00น.วันนี้เราจะไม่ขึ้นรถไฟกัน เพราะตั้งใจจะเดินชมวิว จากที่พักเดินไปเรื่อยๆก็ไปถึงสถานีอาคิฮาบาร่า เราก็แวะ Yodobashi-Akiba กัน ที่นี่มีสินค้าและบริการหลากหลายมาก ตั้งแต่ชิ้นเล็กไปจนชิ้นใหญ่ ที่เด่นๆก็คงเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเราแวะไปสำรวจราคากล้องกันก่อน(เพราะมีแววว่ากล้องที่เอามาจะเมมไม่พอ)แล้วเดินดูสินค้าอื่นๆ ละลานตาไปหมดเยอะแยะมากมาย เดินจนหิวเลยจะไปหาอะไรกินที่ชั้น 8 แต่กว่าจะผ่านแต่ละชั้นๆที่มีสินค้าโน่นนี่นั่น ก็ใช้เวลาไปอีกเกือบชั่วโมง
มื้อแรกเราเลือกกินโอโคโนมิยากิ(แบบคันไซ)ที่ร้าน Fugetsu มีคนต่อคิวพอสมควรเพราะเกือบบ่ายแล้ว รสชาติยังไม่เท่าไหร่ค่ะ หน้าตาแบบนี้ น้ำหวานอีก 2 แก้ว รวม 3000 เยน

จากนั้นเราจะไปอุเอโน่กัน โดยเดินต่อไปยังถนน Okachimachi ไปเจอร้านนึงขายเครื่องประดับเขียนหน้าร้านว่า SALE เพราะจะปิดกิจการแล้น เลยสอยมาซะ 4 ชิ้น ที่ไหนได้เดินต่อๆมาก็เจอร้านแบบนี้อีก ฮืออ..โดนญี่ปุ่นต้มจนด้าย... เดินต่อไปยังถนน Ameyoko ถนนช้อปปิ้งที่มีร้านขายของเยอะแยะค่ะ ที่นี่เราแวะซื้อพาสปอร์ตลดราคา(5500 เยน จากราคาเต็ม 5800)สำหรับเข้าดิสนีย์แลนด์ไว้ก่อน ร้าน Ticket King ร้านนี้จะขายตั๋วลดราคา มีหลายประเภทค่ะตั๋วรถ ตั๋วคอนเสิร์ตก็มี และมีหลายสาขาด้วย ใครผ่านไปเจอลองแวะเข้าไปเช็คราคาได้

ร้านที่ขายของแถวนี้ก็มีทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้า รองเท้า ราคาค่อนข้างแพง ต้องลองหาดูพวกที่ลดราคาพอซื้อได้ ไปเจอเสื้อเหมือนที่ซื้อบ้านเราเป๊ะทั้งลายและเนื้อผ้าราคาต่างกันมากเลยล่ะ ส่วนใครที่ชอบของแบรนด์ ส่วนใหญ่ราคาจะถูกกว่าที่เมืองไทยค่ะ ลองเช็คมาแล้วหลายรายการ ส่วนเครื่องสำอางครีมบำรุงทั้งหลาย ก็จะเจอเรื่อยๆถ้าลด 25-30% ก็ถือว่าซื้อได้แล้วค่ะลองดูไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบซื้อ หลังจากช้อปไปบ้างก็เดินมาถึงสถานีอุเอโน่ แวะซื้อไอติมแซนวิชรูปหัวใจน่ารักเชียวอันละ 210 เยน

ติดๆกันมีร้าน The Garden เหมือนซุปเปอร์มาเก็ตแวะเข้าไปสำรวจซักนิด
มีของกินราคาไม่แพง น่ากินทั้งน้าน ซื้อสตรอเบอรี่ลดครึ่งราคามา1กล่องเหลือ 371 เยน รสหวานลูกโต

หลังจากได้ของกินติดไม้ติดมือมาแล้วก็เดินต่อไปที่สวนสาธารณะอุเอโน่ เสียดายที่ซากุระโรยร่วงไปเสียแล้ว เหลือแต่กลีบลอยอยู่บนผิวน้ำให้ได้เห็น แวะถ่ายรูปท่าน Saigo Takamori

ที่สวนนี้ก็จะเห็นหนุ่มสาวมากันเป็นคู่ๆนั่งคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง คุณแฟนบอกว่าตอนดึกๆเขาจะไม่แค่นั่งคุยหรอก..เกือบจะตั้งหลักรอพิสูจน์อยู่ที่สวนนี่ซะแล้น
หลังจากเดินเล่นกันจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีกก็เดินกลับดีกว่า พอค่ำถนนอะเมโยโกะก็แปลสภาพไปอีกแบบมีของกินเยอะแยะราคาก็ไม่แพงค่ะ ร้านนี้ขายทาโกะยากิลูกใหญ่มั่กใหญ่กว่าลูกเทนนิสอีกค่ะ ราคาประมาณ 300 เยน อร่อยรึเปล่าไม่รู้ค่ะ ไม่ได้กิน อิอิ

มื้อค่ำนี้เรากินนี่เลยค่ะ สด อร่อย 2 ชามนี้รวม 1400 เยน เท่านั้น เห็นรูปแล้วอยากกลับไปกินอีก

แล้วก็ได้เวลากลับไปเช็คอินเข้าที่พัก ถ้าหลังเที่ยงคืนจะไม่มีพนักงานหน้าเค้าน์เตอร์ค่ะ ระหว่างทางเจอมนุษย์กล่อง ถ้าเริ่มค่ำเพื่อนๆเห็นคนเดินหิ้วกระดาษกล่องก็คงสันนิษฐานได้แล้วนะคะว่าเค้าเอาไปทำอะไร ดีเหมือนกันนะคะ นอนในกล่องส่วนตัวดี เก็บข้าวของได้มิดชิด ไม่ต้องคอยระวัง คนเร่ร่อนบ้านเราคงทำลำบากกว่าเพราะหากล่องใหม่ๆได้ยากแล้วอีกอย่างคงร้อนระอุนอนเหงื่อแตกแน่

ห้องพักของเราไม่กว้างมากนัก แต่ก็สะอาด มีอ่างอาบน้ำ มีทีวี เครื่องเล่นซีดี ตู้เย็น กาต้มน้ำ มีชุดนอน ผ้าขนหนู อุปกรณ์อาบน้ำพร้อม และต่อเน็ตได้ แต่เราไม่ได้เอาโน้ตบุ๊คไปค่ะ เลยไม่ได้ใช้

วันนี้เราเดินกันมาทั้งวันตั้งแต่ 10 โมง จนขาลากกลับมาถึงที่พักประมาณสี่ทุ่ม หมดแรงเลยล่ะค่ะ เพราะเมื่อคืนที่เราเดินทางจากเมืองไทยมา ตอนอยู่บนเครื่องก็ไม่ค่อยได้หลับ คืนนี้เลยสลบเหมือด หลับสนิทค่ะ ก่อนนอนก็ตกลงกันไว้ก่อนว่าพรุ่งนี้จะไปโยโกฮาม่ากัน แล้วก็ โอยาสุมินาไซ..




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 11 พฤษภาคม 2551 23:23:14 น.
Counter : 2755 Pageviews.  

1  2  

LiTTleGipsy
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กระเป๋าแบนแห้งแล้งอยู่บ้าน กระเป๋าบานหาเรื่องเที่ยวอีกละ อิอิ..

**สงวนสิทธิ์เนื้อหาทั้งหมดในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539**
Friends' blogs
[Add LiTTleGipsy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.