เวลามีไว้ให้เรา เดินไปพร้อมกับมันและ ทำตัวเองให้มีความสุขไปขณะที่เราเดินไปตามเวลา
Group Blog
 
All blogs
 

อลวนรักหนุ่มขี้เก๊ก # 8

อลวนรักหนุ่มขี้เก๊ก # 8
เก็บไว้ไม่ไหวอีกแล้ว

เมทาวดี หรือสาวเมย์ที่หลังจากห่างหายจากเพื่อนๆ ไปนาน ด้วยติดภาระ
กิจการงาน มันชั่งเพิ่มความคิดถึงไข่ตุ๋นให้กับเมย์เป็นอย่างมาก

เช้าวันศุกร์ที่อากาศสดใสเหมาะกับการเดินเล่นยามเช้าเป็นอย่างมาก
เมย์ตื่นขึ้นมาในห้องพักที่ทางบริษัทจัดให้ เมย์ขึ้นมาทำงานที่เชียงใหม่
นานนับเดือนและวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เธอจะต้องอยู่ที่นี่

ว่าแล้วเมย์ก็ลุกขึ้นตื่นเต็มตา พร้อมกับเตรียมตัวจะลุกจากที่นอนอัน
แสนอบอุ่น เพื่อไปปฎิบัติงานวันสุดท้ายของเธอในเชียงใหม่และแต่
พุ่งไปหาไข่ตุ๋นทันทีที่ถึงกรุงเทพฯ

“อ้าวเมย์ตื่นแล้วเหรอ พี่กำลังจะมาปลุก ดอกไม้กำลังสวยอยากชวน
ไปเดินเล่นด้วยกัน” ชัยชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ดูอบอุ่น ด้วยลำแขนแข็งแรง
และใบหน้าที่ดูจะยิ้มได้ตลอดเวลา เขาผู้นี้เป็นเจ้านายที่น่ารักและดีกับ
เมย์มาตลอด

“อ่อค่ะพี่ชัย ตื่นแล้ว ตื่นพอดี รอแป๊ปนะจ๊ะ” เมย์รีบพุ่งตัวเข้าห้องน้ำ
พยายามทำให้เร็วที่สุด แต่ก็ได้แค่ ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นที่สามารถทำได้
เกรงใจพี่ชัยจริงๆ เมย์นึกกระดากใจที่ต้องให้เจ้านายมารอเป็นเวลานาน

อากาศและบรรยากาศของสวนสวยในรีสอร์ทในจังหวัดเชียงใหม่นี่
ถ้าเป็นคู่รักกันคงเรียกได้ว่าโรแมนติกมากๆ ชัยวัฒน์เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เป็นชายหนุ่มที่ดูจะเพียบพร้อมไปเสีย
ทุกอย่างแต่ตัวเขาเองก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวตนซักที

“พี่ชัย วันนี้เมย์ขอกลับเลยนะคะถ้าเสร็จแล้ว เมย์มีธุระที่กรุงเทพ
น่ะค่ะ” เมย์รีบแจ้งเจ้านาย

“อะไรกันไม่อยู่เที่ยวกับพี่ต่ออีกซัก 2 วัน พี่ว่าจะพาเมย์ไปดูร้าน
กาแฟที่น่ารักอยู่ร้านนึง พี่อยากเปิดร้านแบบนั้นบ้าง เมย์คงช่วยพี่ดู
ได้น่ะ” เที่ยวพร้อมทำงานเป็นแนวการใช้ชีวิตของชัย

“เหรอคะ เมย์คิดถึงบ้านน่ะค่ะ”
“จริงเหรอ นึกว่าคิดถึงอาหารกรุงเทพ” ชัยทำหน้าเจ้าเล่ห์
ทำให้เมย์ถึงกับเขินอายเพราะความรู้ทันของพี่ชัย

“ถ้าเมย์รีบ พี่ก็ไม่ว่า ไปเถอะ เฮอะ คนอุตส่าห์จะพาไปสวิสดัน
ไม่เห็นความดี”

“แหม๋ พี่ชัยทำน้อยใจไปได้ เมย์อยู่ก็ได้ แต่พี่ต้องสัญญาว่าเสร็จธุระ
แล้วพี่จะรีบกลับทันทีเลยนะ โอเคนะ”

“ตามนั้น” เมย์และชัยเดินตรงไปยังล๊อปบี้เพื่อทานอาหารเช้าร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

เมื่อรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อของชัยจอดส่งเมย์ที่หน้าบ้านเธอ เธอก็แทบ
จะพุ่งออกจากรถโดยลืมลาเจ้านาย เมย์รีบวิ่งเข้าบ้านหอบข้าวของพะรุง
พะรัง ที่ซื้อมาเป็นของฝากคนที่บ้านและบ้านของคนที่เธอกำลังจะไปหา
ด้วย

เมย์อดทนอย่างแรงที่จะไม่คิดถึงไข่ตุ๋นแต่ก็ทำไม่ได้ จิงอยู่ที่เธอสามารถติดต่อไข่ตุ๋นได้ผ่านอินเตอร์เน็ต เฟสบุ๊ค หรือข้อความ ซึ่งแต่ละอย่างล้วน
เป็นการสื่อสารที่รวดเร็ว แต่ไข่ตุ๋น โลเทคโนโลยี่แบบสุดขีด เขาไม่ยอมฝึก
เล่นหรือใช้การสื่อสารแบบนี้บ้างเลย เขาทำได้ดีสุด คือการใช้โทรศัพท์มือ
ถือเป็นการสื่อสารที่ทันสมัยสุดสำหรับเขา

เมย์จึงได้มีความคิดถึงไข่ตุ๋นมากมายจนแทบจะเก็บไว้ไม่อยู่อยากจะ
กระโดดกอดเขาทันทีที่เห็นหน้า

เมทาวดี รีบเก็บข้าวของบางส่วนแล้ว พุ่งตัวขึ้นรถทันทีขับรถตรงไปที่บ้าน
ไข่ตุ๋นโดยไม่รีรอ ระหว่างขับรถเธอก็โทรไปหาไข่ตุ๋น เพื่อบอกว่าเธอกลับ
มาแล้วและกำลังจะไปหาเขา
“ไข่ตุ๋น เธออยู่ไหน”
“ทำไมเมย์ ก็อยู่บ้านสิ”
“เหรองั้นเมย์ไปหานะ กลับมาแล้ว คิดถึงนะ” พูดจบเมย์ก็เลี้ยวรถเข้าหมู่บ้านเขาพอดี มันชั่งรวดเร็วทันใจจริงๆ เลย ความรักนิมันทำให้คนเป็นและ
ทำได้ทุกสิ่งเลยนะ “พลังงานแห่งความรักนี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ”

“ไข่ตุ๋น ๆๆๆ เปิดประตูเร็ว” เมย์แทบจะวิ่งลงจากรถและพุ่งตรงไปหาเขา
ทันทีที่ไข่ตุ๋นเปิดประตูออกเมย์ก็วิ่งเข้าไปกอดเขาได้ทันที ทำเอาชายขี้
เก็กงงและเขินเล็กน้อย ก็นิมันหน้าบ้านที่มีใครผ่านไปมานินะ ทำไมเมย์ไม่
อายเขาบ้างหว่า
“พอแล้ว หายใจไม่ออก” ไข่ตุ๋นพูดแก้เขิน
“ก็เมย์คิดถึงไข่นิ เมย์ไม่ได้เจอกับไข่ตุ๋นนานมากมายเลยนะ” เมย์พูดทั้ง
ที่ตัวเองก็ยังไม่คลายมือออก
“เออ ๆ เข้ามาในบ้านก่อน อายเขา” ไข่ตุ๋นพาเมย์เข้าบ้าน จริงๆ ต้องเรียกว่าลากเข้าบ้านมากกว่า
ครั้งนี้เมย์ไปทำงานนานกว่าเดือน ทำให้ความคิดถึงของเธอมีมากกว่าปกติที่
เยอะอยู่แล้ว เมย์ตั้งใจซื้อแต่ของโปรดของไข่ตุ๋นมากฝากเขา ซึ่งดูเหมือน
มันจะเยอะเหมือนเหมามาทั้งตลาดของฝาก

“เมย์ ทีหลังไม่ต้องเลยนะ เยอะไปแล้ว แต่ก็ขอบใจนะ” รอยยิ้มที่มีบนหน้า
น้อยๆ แบบเก็กๆ ทำให้เมย์แทบใจละลายอยากบอกว่ารักและคิดถึงเขา
มาก เกือบจะเก็บไว้ไม่อยู่แล้ววววววว

“เมย์ก็เลือกเพลินไปหน่อยมั้ง ก็มันมีเวลาหลายวันอยู่น่ะ เออตุ๋นเมย์จะ
นอนค้างที่นี่นะวันนี้ มีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังมากมายเลยนะ นะ นะ” เมย์
ทำหน้าตาอ้อนวอน ซะแบ๊วน่ารัก

“เหรอ ก็ได้ เมย์นอนตรงโซฟานี้แล้วกันนะ หึหึ”
“ได้ถ้าไข่ตุ๋นจะให้เรานอนตรงนี้ก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันจนหายคิดถึงก็
พอ อีกอย่างเมย์มีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเยอะแยะเลย”

เมย์ดีใจมากที่ครั้งนี้ไข่ตุ๋นยอมง่ายๆ ดูว่าง่ายจนไม่เหมือนไข่ตุ๋นเลย
หรือว่าเขาจะใจอ่อนกับเราแล้วหว่า จะเป็นอะไรมั๊ยนะถ้าเมย์อยากบอก
ความรู้สึกที่ดูเหมือนไข่ตุ๋นเองก็รู้สึก อยากบอกออกจากปากเรา อยาก
ให้เขารู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เรามีให้เขาตลอดมาเพราะมันนานมากแล้วที่เราเก็บมัน
ไว้ ไม่เคยยอมแม้จะปริปากบอกหากเพราะว่ากลัวว่าสิ่งที่พูดไปจะทำให้เรา
สองคนต้องห่างกัน ความเป็นเพื่อนที่มีก็จะหายไปด้วย แต่วันนี้แหละเราจะ
บอกเป็นงัยเป็นกัน อยากรู้ทางเดินชีวิตตัวเองที่แท้จริงแล้ว

เมื่อไข่ตุ๋นเดินกลับมาจากการขอตัวไปคุยโทรศัพท์ที่หลังบ้าน เมย์ก็
พยายามรวบรวมความกล้าบอกเขาไป
“ตุ๋น...เมย์คือว่า”
“หือ มีไร” ไข่ตุ๋นมองหน้าเมย์และรอฟัง
“คือ เมย์ชอบตุ๋นน่ะ ชอบมานานแล้ว แล้วเราก็เก็บไว้ไม่ไหวแล้ว คือ พอ
เมย์ต้องห่างไปไกลตุ๋นนานๆ ตุ๋นรู้มั๊ยว่าเมย์รู้สึกว่ามันแย่มากน่ะ แบบว่า
เหมือนจะทนไม่ไหว แล้วก็คิดถึงมาก เมย์พูดจริงนะ” เมย์พูดไปด้วย
อาการเขินอายสุดชีวิต แต่พยายามตั้งสติพูดแบบนอนสต๊อปไม่หยุด เพราะ
กลัวว่าถ้าหยุดจะพูดต่อไม่ออก

ไข่ตุ๋นนั่งฟังนิ่ง ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเขาเองก็ยังสับสน เขาเองก็ไม่ได้
รังเกียจออกจะชอบเมย์ด้วยซ้ำ ความสนิทและนิสัยของเขากับเมย์ก็เข้ากัน
ได้ ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวแต่ทำไมเขาเหมือนมีสิ่งที่ยังรออยู่ ยังคิดว่า
มันจะต้องเจอความรู้สึกที่เรียกว่า “ใช่” มันเหมือนยังไม่เกิดกับเมย์ แล้ว

เขาจะทำอย่างไรดีล่ะ จะตอบยังไง จะแสดงออกยังไง เขาไม่อยากให้
เมย์เสียใจ เขายังอยากเป็นเพื่อนกับเมย์ต่อ โอ้ยยยยยยยยยย ความ
สับสนในใจเกิดขึ้นมากมาย

เมย์ก็ไม่พูดอะไรต่อ เหมือนจะรอคำตอบจากไข่ตุ๋นมากกว่า แล้วจึงจะเริ่ม
เรื่องต่อ เมย์รู้จักไข่ตุ๋นดีพอๆ กับที่ไข่ตุ๋นรู้จักเธอ ต่างฝ่ายจึงต่างนิ่งเงียบ
ไม่พูดจา

แล้วเสียงกริ๋งประตูก็ดังขึ้น ใครกันมาเวลาป่านนี้ชั่งมาได้ผิดจังหวะจริงๆ หรือว่าจะเป็น.......ไม่น่าก็เมื่อกี้คุยกันไม่เห็นบอกว่าจะมานิ แค่เห็นโทรมา
ถามเรื่องหนังสือ




 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2554 15:03:36 น.
Counter : 354 Pageviews.  

อลวนรักหนุ่มขี้เก็ก #7

อลวนรักหนุ่มขี้เก๊ก # 7
ความไม่แน่นอนในจิตใจ

ไข่ตุ๋น พักนี้ดูจะแปลกไปจากเดิมจิตใจเขาไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะความว้าวุ่นในใจนั่นเองที่ส่งผลทำให้เขานั้นไม่เหมือนเดิม จากที่เคยเป็นคนสนุกสนานจนทำอะไรไม่คิดได้ในบ่อยครั้ง ก็ดูจะเปลี่ยนไปเขาเคยคิดว่าชีวิตนี้เขาอาจรักใครไม่ได้เพราะนิสัยเขามันแย่เกินเยียวยา เรื่องความที่เป็นคนสนใจหรือให้ความสำคัญกับคนอื่นๆ น้อยจนเกินไปทำให้ประสบการณ์การมีแฟนที่ผ่านๆ มาของไข่ตุ๋นล้มเหลว เขาก็เคยนึกเสียใจอยู่บ้างที่ยังคงเป็นคนที่แสดงออกอะไรได้ไม่ดี ทำให้เขาเสียคนดีๆ ในชีวิตไปเยอะ แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ก็เป็นอย่างนี้มานานมากแล้ว เปลี่ยนก็ลำบากแล้ว เขาจึงได้แต่นั่งถอนหายใจ

“ฮัลโหลไข่ตุ๋นเอ้ย แม่นะ”
“ดีคับแม่ มีอะไรให้รับใช้คับ”
“เออ แม่ว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดประจำปีน่ะ ไข่ตุ๋นช่วยคิดหน่อยสิลูกว่าจะไปไหนดีที่มันไม่ไกลมาก เราจะได้ไม่ต้องขับรถเหนื่อยน่ะ”
“อ่อครับแม่ เดี๋ยวจัดให้ กี่คนดี”
“ก็ทั้งหมดแหละลูก”
“ได้ๆ ครับ เดี๋ยวตุ๋นดูให้นะแม่”

หุหุ จะได้ไปเที่ยวอีกและ เหนื่อยอีกแล้วสิเรา แต่ก่อนหน้านั้น ชวนเจ้าน้องอั้มไปนั่งรถไฟเล่นดีก่า ไม่ได้เจอกันนานและ คิดถึงมันยังไงก็ไม่รู้
อั้มกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ แบบไม่มีใครมาคอยรับส่ง โหนรถเมล์เองบ้าง ติดรถคนอื่นบ้าง แต่มันก็คงสนุกดี แต่ในใจมันเปลี่ยนไปแล้วแหละ รู้สึกว่ามันจะคอยมีใครคนนึงมาแว็บๆให้คิดถึงอยู่ตลอด ไม่มาก ไม่บ่อย แต่ไม่หาย ติ๊ดดดดดดดดด

“ดีค่ะ มีอะไรเอ่ยพี่ไข่ตุ๋น”
“นั่นแน่ะ รับเร็ว รออยู่เหรอ”
“บ้าพี่ ถืออยู่เลยรับเร็ว อ่ามีไรอ่ะ บอกมาอย่ามากวน”
“ทิตนี้ว่างมะ ไม่นั่งรถไฟเล่นถ่ายรูปกัน”
“เหรอ น่าหนุกดีนะ ไปกี่คน ใครไปมั่ง ไปสิ ๆ ชวนไปเยอะๆ น่าหนุกดีนะคะ”
“เอ่อ..........................” ไข่ตุ๋นพยายามหาข้ออ้างเนื่องจากเขาตั้งใจอยากจะชวนน้องอั้มไปกันแค่สองคน แต่ก็ไม่ร้จะใช้มุขอะไรทำให้เธอยอมไปด้วย เพราะ ดูเหมือนเธออยากให้มีคนอื่นไปด้วย

“ไงคะ พี่ชวนใครไปบ้าง หรือยังไม่ได้ชวน”
“อ่อ พี่ชวนแล้ว จะมีเพื่อนกัน หลานพี่ด้วย ไปนะ”
“เหรอคะ ไปสิ น่าหนุก งี้อั้มจะไปยังอ่ะพี่”
“อืม ก็มาหาพี่ที่บ้านแม่พี่ มันใกล้สนามนี้รถไฟอ่ะ เจอกันเสาร์นี้ 7 โมงเช้านะ ห้ามเลส จะไม่ทันรถไฟ”
“โหเช้าจัง ได้ๆ พี่ เดี๋ยวอั้มเอารถไปจอดหน้าบ้านพี่ได้ช่ายป่ะ”
“ครับ เจอกันนะครับ”
“อ่าว เดี๋ยวพี่ ........”

ไรเนี๊ยะรีบวางจัด กลัวเปลืองค่าโทรศัพท์มากขนาดนั้นเลยเหรอ หุหุหุ จะได้ไปเที่ยวแล้ว แหม๋พี่ไข่ตุ๋นนิตลกดีนะ เดี๋ยวชวนไปโน่นไปนี่
ด้านไข่ตุ๋น ต้องรีบวางเพราะไม่อยากให้น้องอั้มซักถามมาก เพราะมันไม่รู้จะตอบยังไง ก็เขาโกหกนิเพราะที่จริงแล้วเขาจะไปกับน้องแค่สองคนเท่านั้น

คืนก่อนหน้าไปนั่งรถไฟเล่น อั้มไปนอนบ้านแม่แต่นอนไม่ค่อยหลับไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นเรื่องที่จะได้ไปเที่ยว หรือดีใจที่ไข่ตุ๋นชวนไปเที่ยวก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่ารอยยิ้มที่มีมันหุบไม่ลงเลย

“อั้ม แม่เตรียมชุดไว้ให้ตรงนี้นะ เรานี่จะไปเที่ยวทั้งทีเลือกชุดให้มันน่ารักเป็นหญิงหน่อยก็ไม่ได้”
“โหแม่ก็อั้มไม่มีนิ”
“ก็นี่งัยแม่เลือกให้แล้ว ใส่ด้วยนะไม่ใช่เปลี่ยนเป็นอันอื่นอีก”
“ค่ะๆ คุณนาย นอนดีก่า วันนี้ดึกแล้ว เดี๋ยวสายพี่ไข่ตุ๋นจะด่าเอาได้”
“แกนิปากเสียอีกแล้ว แหมเขาเป็นผู้ชาย ใครเขาด่ากันยะยัยอั้ม จอมซุ่ม”
“ค่า คุณนานจอมบ่น ฝันดีค่ะ”
ตีห้า อั้มตื่นมาเตรียมตัวแต่เช้าแบบที่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แม่ต้องคอยช่วยโน่นนี่ ทำผม เตรียมชุดเพราะยัยอั้มมันไม่ได้เรื่อง แต่ถึงอั้มจะเป็นยังไง ด้วยความน่ารักในตัวเองก็มีคนคอยมาสนใจอั้มตลอดเวลา ซึ่งในบางครั้งอั้มมองว่ามันเป็นเรื่องน่ารำคาญ เพราะอั้มไม่ชอบให้ใครมามอง
“ฮัลโหล พี่ไข๋ตุ๋น บ้านพี่อยู่ซอยไหนนะ อั้มลืม”
“39 เลี้ยวมาก็เห็นแล้วแหละ”
“อะเค ๆ ได้ 5 นาทีเจอกันนะ”

อั้มเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าบ้านไข่ตุ๋นและทั้งสองต่างก็เตรียมพร้อมจะเดินทาง
“อ้าว เพื่อนพี่อ่ะ”
“เอ่อ มันเบี้ยวน่ะ”
“เหรอ แย่จัง หลานพี่ล่ะ”
“เอ่อ เหมือนกัน”
“อ้าว แล้ว...............”
“พอแล้วจ้า เราสองคนแหละ เอ่อขึ้นไปไหวแม่พี่ก่อนนะเดี๋ยวค่อยไป”
“อ่อได้ค่ะ จะได้รู้สึกแม่พี่ หุหุ พี่แกล้งไรอั้มเราก็จะไปฟ้องแม่พี่ หุหุ”

อั้มและไข่ตุ๋นเดินขึ้นบ้านไปบริเวณชั้นลอยของอาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นบ้านหลังที่ไข่ตุ๋นเกิดและอยู่มานานก่อนที่จะย้ายไปอยู่บ้านของตัวเอง

“แม่ครับ นี่น้องอั้ม เพื่อนตุ๋นครับ”
“สวัสดีค่ะ อั้มค่ะ”
“อ่อ สวัสดีจ๊ะ จะไปเที่ยวกันเหรอเราไปดีๆนะ”
“ค่ะ , ครับ ขอบคุณค่ะ .....ขอบคุณครับ”

อั้มและไข่ตุ๋นพูดพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว แล้วทั้งสองก็รีบไปเพราะจะไม่ทันรถไฟ ระหว่างเดินลงเสื้อเอี้ยมตัวนอกของอั้มซึ่งเป็นสายปรับได้เกิดสายหลุดขึ้นมาอั้มเองก็ไม่สังเกตุเห็น

“อั้มเดี๋ยวก่อนจ้า เสื้อหลุดอ่ะ”
“หา ไหนๆ พี่ เอ้าไอ้เชือกนิมันหลุดได้งัยหว่าน่ารำคาญ อั้มบอกแม่แล้วว่าอั้มไม่อยากใส่ ทำงัยอ่ะเอื้อมไม่ถึงอ่ะ”
“มาๆ พี่ผูกให้ ผูกเป็นโบว์ได้ป่ะ”
“อ่อได้ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ตุ๋น”

ไข่ตุ๋นผูกเชือกให้อั้มไปก็ยิ้มไป เขานึกขำตัวเองที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครเลยจริงๆ ทำไมเขาถึงอยากทำให้น้องอั้มหว่า ก็น้องมันน่ารักมั้ง น่าดูแล แต่เขาไม่รู้หรอกว่าอั้มเองก็ปลื้มเขาอยู่ไม่น้อยเพราะไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้กับเธอเหมือนกัน มันไม่มากมายหรอก แต่มันเป็นอะไรที่กุ๊กกิ๊กน่ารักและซื้อใจสาวอั้มได้เป็นอย่างดี เป็นการซื้อใจที่ใช้ใจจ่าย

“พี่ตุ๋นเราจะไปกันยังไงอ่ะ อั้มอยากนั่งรถสามล้ออ่ะ”
“โอ๊ะ ไม่ร้อนเหรอจ๊ะ มันจะรอนานอะดิเดี๋ยวไม่ทันรถไฟ”
“งั้น อะไรมาก่อนไปก่อนนะแท๊กซี่ก็ได้ รถเมลล์ก็ได้”
“สงสัยต้องแท๊กซี่แล้วแหละเพราะมันมาแล้ว”
“พี่คับไปสถานีรถไฟคับ”

แล้วแท๊กซี่ก็พาอั้มและไข่ตุ๋นมาจอดที่หน้าสถานีรถไฟฟ้า ทั้งอั้มและไข่ตุ๋นขำกันใหญ่แล้วบอกเขาว่า ขอให้ไปส่งสถานีรถไฟธรรมดาน่ะ วันนี้ไม่อินเทรนด์ ขอโบราณนั่งรถไฟธรรมดา

สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ไข่ตุ๋นเดินไปซื้อตั๋วซึ่งด้วยโปรโมชั่นใหม่ตอนนี้ไม่ต้องเสียเงินแล้ว เขาให้นั่งรถไฟฟรีกัน ส่วนอั้มก็นั่งถ่ายรูปและมองโน่น มองนี่ด้วยความสนใจ อั้มเป็นเหมือนคนเมืองส่วนมากที่มีโอกาสน้อยมากที่ได้เจอตลาดสดเช้า และได้นั่งรถไฟดูวิถีชีวิตคนจากในเมืองไปนอกเมือง การเดินทางครั้งนี้จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเรื่องนึงในชีวิตอั้มเลยก็ว่าได้ อั้มนั่งอยู่ไม่นิ่งเลยจริง ๆ จนทำให้ไข่ตุ๋นมีโอกาสแอบถ่ายรูปอั้มโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย

“อ้าว อั้ม กินข้าวเช้าก่อน กินบนรถไฟนิแหละมันได้บรรยายกาศดี”
“อ่อค่ะ ซื้ออะไรมาคะ”
“ง่ายๆ น่ะ เหนียวหมูปิ้ง กะกะหรี่พั๊พทอดเห็นเขาทอดใหม่ๆ น่ากินดี กินเป็นป่ะ”
“อ่า ม่ายยยเป็น แต่ลองได้นะ”
“เลี้ยงง่ายดีเรา หุหุ น่าเลี้ยงจริงๆ”
“งั้นเอาไปเลี้ยงสิคะ เลี้ยงง่าย กินง่าย นอนง่าย หุหุ”
“นั่น เอาใหญ่ ชมแล้วเหลิง”
“แหะๆ”

บรรยากาศริมสองฝั่งทางจากสถานีวงเวียนใหญ่ถึงสถานีมหาชัยเราจะได้เห็นวิถีชีวิตคนทำงานที่เร่งรีบออกไปทำงาน รถราที่วิ่งขวักไขว่ไปตามถนนที่ที่แออัดจอแจ บ้างก็เดิน บ้างก็วิ่ง บ้างก็คาบอาหารเช้าไว้ในปาก การได้มาเห็นเช่นนี้ทำให้อั้มรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมันชั่งเรียบง่ายและไม่มีอะไรท้าทายซักเท่าไหร่ การที่เธอได้ทำงานที่ตัวเองรัก มีเพื่อนร่วมงานที่ดี และมีสังคมที่ดีกว่าคนอีกมากมาย ทำให้เธอสำนึกขึ้นมาได้ว่าเธอนั้นสบายกว่าคนอื่นๆอีกหลายเท่า แล้วเธอจะกลุ้มใจทำไมกับสิ่งที่เป็นอยู่ น้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสมาดูชีวิตคนอื่นๆแบบตั้งใจอย่างนี้ ต้องขอบคุณพี่ไข่ตุ๋นที่ชวนเธอมาถึงแม้จะหลอกเธอมาก็ตาม

อั้มนั่งใจลอย และสนุกสนานกับการถ่ายรูปคนสองข้างทางบางอารมณ์ก็มีหันมาถ่ายรูปไข่ตุ๋นบ้าง ถ่ายรูปคนบนรถไฟบ้าง ทำให้เธอให้เห็นอารมณ์คนหลากหลาย บางคนนั่งเหมอ บางคนหน้าเครียด บางคนนั่งหลับ บางคนถึงกับนอนเลย มีคุณยายคนนึงคงคิดว่าเที่ยวเช้าคนไม่เยอะ แกจองเบาะยาวแล้วนอนเหยียดขาเต็มที่ ไข่ตุ๋นและอั้มสนุกสนานกับการแอบถ่ายคุณยายอย่างมากเพราะแกไม่ได้นอนนิ่งๆ มีปรับเปลี่ยนอิริยาบทอยู่ตลอดเวลา

“พี่ตุ๋นว่ายายเขาจะตื่นมั๊ยอ่ะ”
“บ้าก็แอบถ่ายสิยะ”
“แหม๋ แต๋วแตกเลยนะ เออ เอาแบบโค้ตอัพด้วยนะ อิอิ”
“แหม๋ ไม่ค่อยเลยนะ บอกไม่อยากสั่งจัง”
“ก็ทำแล้วก็ทำให้เสร็จๆ งัยคะ”
“ได้จัดให้”
“อ้าว ยิ้มสิ”
“เฮ้ย ถ่ายยาย มิใช่เรานะ ไอ้พี่ไข่ตุ๋นบ้า”
“ก็เด็กมันน่าถ่ายนิ หุหุ”
“แก่แล้วค่ะ จะ 30 แล้ว แต่ไม่แก่เท่าคนถ่าย ฮ่าๆๆๆๆ”
“นั่น ไม่ถ่ายและเชอะๆๆๆ”
“โหคนแก่น้อยใจ อ้าว ถ่ายนะคะ”

เรื่องราวที่แสนธรรมดา ของคนสองคนที่มีความผูกพันกันโดยไม่รู้ตัวกับกลายเป็นเรื่องหวานซึ่งและแสนสนุกได้ นี่ละมั้งที่เขาเรียกว่ารักกันโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองคนไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไร และทำไมจึงอยากให้ใกล้ชิดกันทำไมจึงอยากทำอะไร ๆ ร่วมกัน ความรู้สึกนี้มันคงยังไม่ชัดเจนและยังต้องการเวลาเพื่อหาคำตอบอยู่จึงทำให้ทั้งสองคนที่จริงๆแล้วมีความรู้สึกดีๆต่อกันแต่แสดงความรักออกมาไม่ทั้งหมด ต่างคนต่างกักกันเอง มันจึงดูขัดๆ เขินๆ กัน และดูจะแปลกๆในสายตาคนอื่นๆ

“อั้ม ๆ พี่ว่าเราไปถึงก็ต้องข้ามเรือนะ อันนี้สิไม่รู้ว่าจะไปข้ามตรงไหน แต่พี่คิดว่าถามๆ เขาเอาก็น่าจะได้”
“ไรกันพี่ไข่ตุ๋น ชวนเรามาไม่หาข้อมูลเลย โหหหหหห”
“อย่าบ่นน่า มันไม่ยากหรอกน่า”
“หุหุ ก็แซวไปงั้นอ่ะ เดี๋ยวอั้มช่วยถามก็ได้”
“เออนั่นแหละ ดีมาก”

รถไฟเคลื่อนขบวนเขามาเกือบจะเทียบชานชลาสถานีรถไฟมหาชัย ตลาดสดท่าเรือประมงแถบๆ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นจังหวัดที่เป็นปากอ่าวและเป็นแหล่งที่มีตลาดขายอาหารทะเลสดๆ น่ากินมากมาย มหาชัยไม่ได้มีแค่อาหารทะเลสดเพียงอย่างเดียว ยังมีของฝาก อาหารแห้ง ขนมไทย และร้านอาหารอร่อยๆ เยอะแยะมากมาย ตลาดที่ดูคลึกคลื้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยบ้างมาซื้ออาหารสดไปทำอาหารขาย บ้างซื้อของฝากไปฝากคนที่บ้านและเพื่อนๆ บ้างก็มาเดินดูเฉยๆ เหมือนไข่ตุ๋นและอั้ม บ้างก็มาซื้ออาหารสดไปขายต่อในตลาดในเมือง ไม่น่าเชื่อที่ชุมชนเล็กๆ นี้เป็นแหล่งที่สร้างอาชีพให้กับคนอีกมากมาย ทำให้คนมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ตลาดสดมหาชัยไม่ได้มีแค่อาชีพพ่อค้า แม่ค้า อาหารทะเล ยังมีคนรับจ้างเข็นของ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง แม่ค้าขนมหวาน คนขายของหาบเร่ สามล้อ ลูกเรือประมง ใต้ขงเรือ ฯลฯ

ทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุขเพราะ ต่างคนต่างก็มีอาชีพมีการงานทำ และมีเงินกลับไปเลี้ยงครอบครัวที่รออยู่ แม้อาชีพรับจ้างเหล่านี้จะไม่มีเงินทองมากมายที่จะทำให้พวกเขาเป็นมหาเศรษฐีได้ แต่มันก็ทำให้ชีวิตของเขาดำเนินต่อไปได้ และมีความสุขในชีวิตได้ อั้มมักชอบมองคนในแบบนี้เพราะมันทำให้เธอมีกำลังใจ

“พี่ไข่ตุ๋น จะรีบเดินไปไหนเนี๊ยะ อั้มเดินไม่ทัน”
“อ้าวก็พี่กลัวว่าเราจะไม่ทันข้ามเรือกัน เราต้องไปต่อรถไฟอีกขบวนนะ”
“เหรอ อืม แต่อั้มขาสั้นนิไม่ไหนแล้วครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เออรอก็ได้ เออนิ เสื้อหลุดอีกแล้วเรา”
“ไหนหว่า อ้ายยย ทำไงดีกลางถนนเลย พี่ตุ๋นช่วยด้วย”
“มา ๆ พี่ผูกให้เอาสองข้างเลยนะ เดี๋ยวจัดให้แน่นๆ”

ไข่ตุ๋นจัดการผูกโบว์ให้เสื้ออั้ม อารมณ์นี้คงแปลกมากสำหรับไข่ตุ๋นซึ่งไม่เคยทำอะไรให้ใครเลย แต่เขากลับรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำอะไรๆ ให้อั้ม นิเขาเป็นอะไรไปหว่า ดูไม่เป็นตัวเองเหมือนแต่ก่อนเลย ไอ้เด็กกะโปโลหยั่งยัยอั้มมันทำให้เราเป็นไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะทำอะไรบ้าๆแบบนี้ได้ บ้าจิงไข่ตุ๋นเอ้ย เราต้องมาตกม้าตายเพราะติดกับดักที่ตัวเองสร้างไว้หรือนี่ ความคิดไข่ตุ๋นเลยเถิดไปไกลจน เขาเดินสะดุดเศษไม้ข้างทางเข้า ความเจ็บช่วยดึงเขากลับมา

“โอ้ยยยยย ทิ้งอย่างนี้ได้งัยวะ”
“เป็นไรพี่ตุ๋น”
“ไม้อ่ะ มันขวางทางพี่”
“เออดีเนอะ เต๊ะมันเอง ยังจะว่าคนอื่นอีก”
“โหไรอ่ะ ไม่ช่วยยังด่าซ้ำ”
“อ่าว พาลกันซะงั้น”
“พอและ ข้ามไป ขี้เกียจเถียงด้วย”

ปากเสียงเล็กน้อยนี้ดึงดูดคนดูได้พอสมควรเหมือนกัน มันทำให้ไข่ตุ๋นและอั้มยอมสงบปากแล้วเดินต่อไปยังท่าเรือ ทางเดินที่คดเคี้ยว ทำให้เดินลำบากพอสมควร ไข่ตุ๋นต้องคอย จับมืออั้มประคองไว้เพื่อให้เธอได้เดินอย่างมั่นใจมากขึ้น

“พี่ไข่ตุ๋น เราต้องรอเรืออีกนานมั๊ยคะ อั้มว่ามันจะไม่ทันนะคะกับรถไฟฟั่งโน่นตามเวลาที่พี่เช็คมาน่ะ”
“ทันสิ มันเป็นสายท่องเที่ยว พี่ว่า รถไฟ กับเรือมันต้องร่วมมือกันเพื่อความสะดวกในการเดินทางนะ”
“อ่อ ขอให้เป็นอย่างนั้นค่ะ เออพี่ อั้มว่าถ้าไปถึงแล้วมันต้องรีบกลับเลยนะจะมีเวลาเดินเหรอ เพราะไปถึง 11 โมง แต่เที่ยวกลับมัน 11 โมงครึ่งน่ะคะ”
“ก็ไม่เป็นไรนิ เราก็เดินเล่นดูตลาดแม่กลองซักหน่อย แวะกินข้าว กินก๋วยเตี๋ยวน้ำแดง พี่มีร้านแนะนำนะ”
“โห กลับค่ำพอดี มันจะเหนื่อยมั๊ยจ๊ะ”
“ไม่หรอกจ๊ะ พี่เป็นไกด์คอยดูแล”

แล้วอั้มกะไข่ตุ๋นก็ได้ออกจากท่าเรือ ระหว่างนั้น ทำให้เขาทั้งสองได้ผลัดกันถ่ายรูป ดูโน่นนี่ ดูวิถีชีวิตชาวประมง ที่ริมฝั่งน้ำ คงเป็นบรรยากาศที่คนเมืองอย่างเราๆ หาดูได้ยากทีเดียว เรามักจะใช้ชีวิตอยู่กับการเร่งรีบ รีบกิน รีบทำงาน รีบเดิน รีบพัก รีบไปเสียทุกอย่างจนทำให้เวลาที่ทุกคนมีอยู่มันดูอึดอัด ไม่มีความรื่นรมย์เอาเสียเลย ทุกคนล้วนแต่มองหาความสะดวกสบายจากสิ่งต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมชาติ ให้เข้ามาช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาสบายขึ้น เวลาที่มีเท่ากันแต่ความสบายใจมันต่างกันจิงๆ วิถีชีวิตที่ได้เห็นในวันนี้

ทุกคนต่างก็มีกิจกรรมต่างๆ กันไป แต่ดูไม่เร่งไม่รีบมากนัก
มีหนุ่มชาวประมงคนนึงดูเขาตั้งใจที่จะนั่งตรวจดูอวนลากปลาเป็นอย่างมาก เขาใช้เวลานานในการขยับแต่ละลิ้วของอวนเพื่อตรวจเช็ครอยรั่วต่างๆ ที่อาจทำให้เขาพลาดปลาจำนวนมากได้ ผิวสีคล้ำจากการตากตำทำงานกลางแสงแดดที่ค่อนข้างแรง บ่งบอกถึงความเป็นชาย ซึ่งต่างจากคนในเมืองมากที่มักจะตัวขาวซีดและกลัวแดด สายตาที่มองแสงหยี่หรี่ลงเมื่อต้องแสงอาทิตย์ร้อนแรง การทำงานการแสงแดดนานๆ อย่างนี้หาได้ยากสำหรับคนเมืองที่มีความรู้แน่นหัว และมักเอาตัวไปอยู่ในตึกสูงเพื่อหลบแสงแดด

การได้ปล่อยใจให้เพลินไปกับบรรยากาศตรงหน้าทำให้อั้มอยากเป็นอิสระจากงานที่ทำอยู่เป็นอย่างมาก อั้มนึกไปเรื่อยเปื่อยแล้วสายตาก็เลื่อนมาถึงใบหน้าของชายที่อยู่ตรงหน้า เขาดูมีสีผิวที่คล้ายกับคนทำงานกลางแดด แต่เป็นผลจากการออกกำลังกายมากกว่า ตาที่ตี่เล็ก มันดูขัดแย้งกับสีผิวที่เขามีอยู่ทำให้อั้มนึกขำในใจ ผู้ชายอะไรเป็นตี๋แต่ดำ เจ้าตัวเริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองแล้วแหละ

“ไงจ๊ะ มองอะไร”
“หึหึ ยิ้มสิ”
อั้มกดชัตเตอร์ถ่ายใบหน้ายิ้มพร้อมๆ กับรอยย่นที่ปนความน่ารักของไข่ตุ๋นไว้ได้ ซึ่งเป็นใบหน้าที่เขาไม่ค่อยจะยอมให้ใครเห็นซักเท่าไหร่
“อ้าว ทำไรอ่ะ”
“ถ่ายรูป ยิ้มน่ารักดี”
“เฮ้ย ผู้ชายเขาไม่ชมว่าน่ารักหรอก ต้องบอกว่าหล่อมากกกกกก”
“ว้ายน่าไม่อายนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“แน่นอนอยู่แล้ว หน้าหนาครับ”
“ถึงแล้วถึงแล้วพี่ตุ๋น นั่งเรือนี่สนุกดีเนอะ”
“แน่นอน ได้เห็นอะไรตั้งหลายอย่าง หุหุ”

ใจความที่ไข่ตุ๋นพูดออกมาดูคล้ายเหมือนมีเลศนัย นั่นเพราะอั้มไม่ได้รู้ตัวเลยว่าไข่ตุ๋นเองนั้นก็นั่งมองอั้มและถ่ายรูปเธอไปค่อนข้างเยอะทีเดียว
เรือข้ามฟากมาถึงท่าเรืออีกฝั่งกินเวลาประมาณ 15 นาที ทั้งสองเดินลงไปตามทางเดินท่าเรือ อั้มยังแวะถ่ายรูปหมาน้อย และอิริยาบถของคนบริเวณสถานีรถไฟสายชานเมืองแม่กลอง ซึ่งเป็นรถไฟระยะสั้นสำหรับเดินทางไปแม่กลองเท่านั้น รถไฟจะใช้เวลาเดินทางเพียง 50 นาที

แต่ถ้ารวมการเดินทางทั้งหมดตั้งแต่สถานีวงเวียนใหญ่ มาถึงสถานีแม่กลองนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ นับเป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่แสนประหยัดและคุ้มค่าแก่การมา เพราะนอกจากจะได้ชมทัศนยภาพที่แปลกตาแล้ว “การมากับคนที่ถูกใจ” ก็ถือสิ่งที่เพิ่มความสนุกในการเดินทางได้
ไข่ตุ๋นและอั้มเดินทางมาถึงก็ช่วยกันหาทางเดินไปยังสถานที่ต่างๆ ที่น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของแม่กลอง

ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงวัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือ วัดหลวงพ่อบ้านแหลม โดยบังเอิญ ทั้งคู่มาแบบไม่ได้ตั้งใจนักและไม่ทราบว่าวัดนี้เป็นวัดดังของจังหวัด
“โอ้ อั้ม เราพาพี่มาถึงวัดนี้ได้ด้วย เก่งเว้ย”
“ไม่นิ ก็เดินมาเรื่อยๆ อ่ะพี่ อ่อวัดนี้วัดอะไรหว่า คนเยอะจัง ไม่เคยมาเลยนะนี่ทั้งที่มาอัมพวาตั้งหลายครั้งแล้ว”
“วัดหลวงพ่อบ้านแหลม งัย ไม่รู้จักรึ”
“อ่อเคยได้ยินค่ะ แต่ไม่เคยมา ดีๆ ทำบุญกันดีกว่า”
“อืมทำบุญเยอะๆ จาได้สบายในคราวต่อไปนะ”

ไข่ตุ๋นเดินทำบุญและปิดทองพระในวัด ในวันเสาร์ช่วงเที่ยงอย่างนี้คนชั่งเยอะ จริง ๆ ถ้าไม่เคยมาวัดเราอาจไม่เคยได้รู้เลยว่าจริงๆแล้วคนไทยเรานิ ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจค่อนข้างเยอะมากทีเดียว การทำบุญของคนไทยส่วนใหญ่มักหวังว่าเราจะดีขึ้น โอกาสหน้าจะได้ไม่ลำบาก บางคนก็มาเพราะอยากได้เลขเด็ด บางคนก็มีจิตศัทธาต่อองค์พระประธานในวัด ก็แล้วแต่ความเชื่อกันไป ไม่เหมือนกัน เพราะคนเราต่างจิตต่างใจ

ไข่ตุ๋นยังคงจำไม่ได้ว่าตัวเขาเองนั้นเคยได้ร่วมทำบุญกับอั้มมาแล้วครั้งนึง แบบไม่ค่อยจะอยู่ในสภาพดีสักเท่าไหร่เพราะต้องตัวเปียกไปทั้งวัน แต่อั้มสิ จำได้แม่นเลยแหละว่าเขานั้นเป็นคนที่เธอชนจนเปียกและภาวนาทุกวันให้ไข่ตุ๋นลืมมันไป จำเธอไม่ได้

ตะวันคล้อยบ่ายแล้ว ไข่ตุ๋นคิดว่าน่าจะพาอั้มไปกินข้าวร้านที่ตัวเองหาข้อมูลมาได้แล้วแต่ ก็เกิดเหตุให้ต้องพลัดหลงกัน อั้มเองก็ไหลไปตามจำนวนคนที่เข้ามาเยอะมากมายจนทำให้คลาดกับไข่ตุ๋นไป

อั้มไม่คิดอะไรมาก พยายามทำตัวให้อยู่นิ่งกับที่มากที่สุด โดยการไปนั่งกินไอติมแท่งที่ริมน้ำ ท่าน้ำของวัด โทรศัพท์เจ้ากรรมที่แบดหมด ทำให้เธอไม่สามารถติดต่อไข่ตุ๋นได้ แต่ก็พอจะรู้เวลารถไฟขากลับอยู่ อั้มคิดว่าหากไม่เจอกันจริงๆ เธอคงไปรอที่สถานีรถไฟ

อีกฟากนึงของวัด ไข่ตุ๋น เดินตามหาอั้มจนเหนื่อยและคิดหงุดหงิดในใจว่าทำไมต้องหลงกัน เสียเวลา หิวก็หิว ไอ้เจ้าอั้มนี้ไปอยู่ที่ไหนวะ ทำไมหาไม่เจอซักที ยังไม่ทันได้สิ้นความคิดนั้นก็พลันหันไปเจอกันอั้มที่ท่าน้ำพอดี
“นิไม่เดือดร้อนอะไรเลยใช่มั๊ย”
“อะไรรึค่ะ ก็โทรศัพท์แบตหมดนิ ก็อยู่เฉยๆจะได้หาเจองัย”
“แหม๋ รอสบายไปมั๊ย มีกินไอติมด้วย”
“ประชดประชัน จะให้ทำไงล่ะคะ ก็มันจำเบอร์พี่ก็ไม่ได้”
“นิหลงแล้วยังเถียงอีกนะ สำนึกผิดเป็นมั๊ย”

อั้มเริ่มมีอารมณ์ ก็เธอคิดว่าทำดีที่สุดแล้วสำหรับคนหลงกัน มันควรต้องอยู่นิ่งซักคน

“ค่ะ ไม่สำนึก แต่ข้ามไป ขี้เกียจเถียง ไม่มีแรง หิวมากด้วย”
“นั่น ไอ้เด็กดื้อ”
“ก็ข้ามไปแล้วไง จบๆ อยากกินข้าว”
“เออ กินข้าว”

แล้วอั้มกับไข่ตุ๋นก็เดินออกจากท่าน้ำด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวทั้งคู่ ไม่มีใครยอมใคร ก็เกิดมาดันเป็นคนถูกเอาใจทั้งคู่ ไม่มีใครรู้จักยอมซักคน ปัญหาเริ่มกรุ่นนิดๆ สำหรับไข่ตุ๋น เพราะเหนื่อยและร้อน แถมเจ้าอั้มยังไม่เคยเลยที่จะยอมฟังเขา แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องทนกับคนแบบนี้ด้วย คนอื่นที่สนใจเขาออกจะเยอะแยะ

ไข่ตุ๋นเริ่มคิดถึงนนนี่ ซึ่งเป็นผู้ที่มักจะไม่ค่อยมีปัญหากับเขาเลย เธอตามใจเขาทุกอย่าง และชั่งเอาใจใส่เขาด้วย และตัวเขาเองมาทำอะไรอยู่ที่นี่วะ

“พี่ตุ๋น ร้านอยู่ไหน เมื่อย”
“อ้าว ก็เดินตามมาแหละ อย่าหลงนะ คราวนี้พี่ไม่ตามแล้วเหนื่อย ส่งมือมา”
“ทำไม ไม่หลงหรอกน่า ก็อย่าเดินเร็วก็ทันแล้ว”
“ไม่ได้ หิวเข้าใจมั๊ย ไม่อยากช้าอีกแล้ว”

ไข่ตุ๋นเดินจับมืออั้มเดินลัดเลาะไปยังตอกซอกซอย ที่จะทะลุผ่านไปถึงตลาดได้ แล้วก็ถึงร้านที่เพื่อนเขาบอก เกี๋ยวเตี๋ยวน้ำแดงขึ้นชื่อของแม่กลอง

อั้มเดินเงียบไม่พูดจาจนมาถึงหน้าร้านใจนึงก็งอนอยู่ อีกใจนึงก็เขิลที่ไข่ตุ๋นมาเดินจูงมือ

“กินอะไรอ่ะเรา”
“เส้นใหญ่เย็นตาโฟ น้ำเก็กฮวย”
“โหนิเดินนึกมาเลยรึ”
“ป่าว เพิ่งนึกได้มะงี้”
“เป็นไร ยังไม่หายงอนอีก ไหนว่าข้ามไปงัย”
“ก็............”
“ก็อะไร พอแล้ว พี่เหนื่อย”

อั้มไม่ตอบ เพราะรู้สึกว่าโดนกดดัน การปรับตัวเข้ากับใครซักคนนิเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับเธอ อั้มไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเอาซะเลย พี่ไข่ตุ๋นก็ดี เขาก็มีเหตุผลของของเขา แต่ฉันไม่ชอบนิโดนบังคับให้ทำตามคำสั่ง โอ้ยเป็นไรว่ะอั้ม แกนิ ชักจะเพี้ยนกะอีแค่เรื่องเล็กน้อยขนาดนี้

เกี๋ยวเตี๋ยวน่าตาน่ากิน มาเสริฟพร้อมกับน้ำเก็กฮวย ช่วยคลายร้อนและความตึงเครียดของอั้มลงได้ แน่หล่ะ ของกินมักล่ออั้มได้เสมอ
อั้มยังคงเป็นคนว่าง่ายเหมือนเดิมเมื่อเจอของกิน แน่ล่ะถึงเธอจะเป็นสาวตัวเล็กแต่ก็ไม่ใช่คนกินน้อยๆ เลย เธอเคยกินพิซซ่าในครั้งเดียวสองถาดใหญ่ๆ แต่ทำยังไงเธอก็ไม่อ้วนขึ้นมาสักเท่าไหร่อย่างมากก็แค่ดูมีน้ำมีนวลต่างจากเดิม

ก๋วยเตี๋ยวรสชาติแปลกแต่ดี ที่มีเครื่องเคียงเป็นเกี๊ยวกรอบสร้างความสำราญในการกินได้ไม่น้อยทีเดียว รสชาติที่เข้มข้มด้วยน้ำแดงและความถึงเครื่องของเครื่องปรุง ทำให้ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ขึ้นชื่อมานาน ในย่านตลาดร่มหุบแห่งนี้

พูดถึงตลาดร่มหุบ ผู้ที่ได้ฟังคงนึกแปลกใจว่าทำไมจึงชื่อนี้ นั่นก็เพราะมันเป็นชื่อที่เหมาะสมและบรรยายบรรยากาศได้ดีที่สุดแล้ว คือเมื่อถึงเวลาที่รถไฟจะมา บรรดาแม่ค้าพ่อค้าที่ขายของอยู่ริมทางรถไฟก็จะต้องรีบเก็บของให้พ้นจากรางและหุบร่มกันแดด และเมื่อรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว ตลาดสดก็กลับมาเป็นแบบเดิม

ไข่ตุ๋นและอั้มได้ยืนมองภาพนั้นและทึ่งกับสิ่งที่เห็นพวกเขาเก่งกันจริงๆ เพราะมันชั่งพอดิบพอดีและลงตัว พวกแม่ค้านิชำนาญจริงๆ เมื่อทั้งสองกินก๋วยเตี๋ยวกันเสร็จแล้วก็เดินเล่นที่ตลาดสดร่มหุบ เพื่อดูบรรยากาศและถ่ายรูปต่อไป

“พี่ตุ๋น อั้มชอบตลาดสดอ่ะ มันดูสนุกสนานดี วันหลังเราไปตลาดอื่นกันบ้างดีกว่า” ใบหน้าอันยิ้มแย้มและใสซื่อนั้นช่างดูเป็นธรรมชาติและน่ารักจิงๆ อั้มมักสร้างความประทับใจให้ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวเสมอ

“อืม ได้แต่พี่ว่าเราเหลือเวลาอีกเยอะเลยว่ารถไฟจะออก เราไปเดินหาที่น่าสนใจอื่นๆ กันอีกดีกว่านะ”

ไข่ตุ๋นพูดแล้วเดินนำไปก่อน เขาเป็นแบบนี้เสมอ ไม่เคยเดินตามใคร ความเชื่อมั่นในตัวเองสูงทำให้เขา คิดว่าสิ่งใดๆ ที่เขาคิดนั่นถูกแล้ว

ไข่ตุ๋นเริ่มจะมีความรังเลในใจแล้ว เพราะรอบตัวเขาน่ะมีแต่คนที่ดูเหมือนจะทำตัวน่ารักกับเขาและว่าง่ายเสมอ นนนี่แว๊บขึ้นมาก่อนคนแรกและตามด้วยเมย์ สองสาวนี้ถึงจะดูแตกต่างกันแต่ก็มีสิ่งที่เหมือนกันก็คือ เธอทั้งสองมักตามใจเขาและเป็นคนติดต่อมาหาเขาก่อนเสมอ

ซึ่งผิดกับอั้มเธอไม่เคยแสดงอาการใดๆให้เขารู้เลยว่าเธอรู้สึกอะไรกับเขา เธอยังคงทำตัวเป็นรุ่นน้องที่ดีและดูสดใสร่าเริงกับทุกคนจนบางครั้งไข่ตุ๋นก็นึกหมั่นไส้ในใจว่าทำไมไม่ยิ้มแบบนี้กับเขาแค่คนเดียว

นั่นคงเป็นนิสัยแย่ๆของไข่ตุ๋นซึ่งมักพอใจกับการที่คนอื่นเห็นตัวเองเป็นคนสำคัญ แต่ไม่เคยแสดงออกให้เคยได้เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง จนบางครั้งเขาก็ทำตัวเองเสียใจเพราะความขี้เก็กของตัวเอง ใครกันที่จะมาทำให้ไข่ตุ๋นยอมลดความเก็กนี้ลงได้ คนนั้นคงสำคัญกับเขามาเลยทีเดียว





 

Create Date : 17 ธันวาคม 2553    
Last Update : 17 ธันวาคม 2553 15:59:03 น.
Counter : 337 Pageviews.  

อลวนรักหนุ่มขี้เก็ก #6

อลวนรักหนุ่มขี้เก๊ก # 6
ความสนิทที่มีมากขึ้น


ไข่ตุ๋นเทียวไปรับไปส่งอั้มทุกวันจนกระทั่งอั้มถอดเฝือกได้ ทั้งสองคุยกันถูกคอบ้าง ไม่ถูกบ้าง คงเป็นเพราะวัยที่ต่างกันและความรั้นของอั้มเป็นทุนจึงขัดใจไข่ตุ๋นบ้างในบางที แต่ไข่ตุ๋นก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจึงไม่รู้สึกโกรธเท่ากับคนอื่นที่ทำเหมือนกันกับอั้ม

“วันนี้ถอดเฝือกแล้ว พรุ่งนี้พี่ตุ๋นไม่ต้องมารับอั้มแล้วนะจ๊ะ ขอบคุณจิง ๆ ที่ดูแลกันมา ดูแลกันดีอย่างนี้คงต้องเจอกันไปอีกนานๆ หุหุ”
“อ้าวอะไร กินข้าวด้วยกันมาทุกวัน จะมาทิ้งกันง่ายๆ ได้งัยอ่ะอั้ม”
“โหพี่ อั้มเกรงใจคนเป็นเหมือนกันนะ จะมารับกันทุกวัน ไอ้ตอนเจ็บอยู่ก็พอไหว นี่หายแล้วจะให้รบกวนพี่ตุ๋นได้งัยล่ะคะ”
“เอาๆ อยากทำยังไง ก็ตามใจแล้วกัน วันไหนพี่เบื่อๆ จะมารับก็จะโทรบอกแล้วกัน อิอิ”
“รับทราบ” อั้มยิ้มรับ รอยยิ้มกวนๆ ของอั้มก็อะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวอั้มเองมาก
“เออ พี่ตุ๋น อั้มไม่ได้ไปตีแบดเลย ไอ้เพื่อน ๆ พี่ๆ อั้มมันยังไปกันดีอยู่ป่าวคะ”
“เอ่อ ก็เห็นไปกันอยู่นะ แต่ดูขาดสีสันนะ ไม่มีอั้ม”
“โหวันนี้มาแปลกไปป่ะพี่ หวานซะ อิอิ”
“ป่าวนิ ก็มันเป็นเรื่องจริงนะ พี่เห็นเค้าดูไม่ค่อยสนุกกันนะ”
“หุหุ พรุ่งนี้จะไปตีแล้ว อยากเหมือนกัน ถึงไม่เก่งนะพี่แต่มันหนุกดีนะไอ้ตีแบดเนี๊ยะ อั้มอ่ะชอบออกกำลังมานานแล้ว”
“อะฮะ แล้วพรุ่งนี้ให้พี่มารับไปสนามแบดป่าวละ”
“โอ้ย ๆ มิต้องเลยพี่ ไปกะเพื่อนๆได้จ้า เจอกันที่โน่นแหละ อ่ะถึงและ เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ พี่ไข่ตุ๋นสุดหล่อ บ๊ะบาย ขอบคุณครับ”
อั้มเดินเข้าบ้าน คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกเหงาในใจเหมือนกันที่จะไม่ได้เจอกันกับไข่ตุ๋นทุกวันเหมือนเคย แม้มันจะเป็นช่วงเวลาแค่ 2 สัปดาห์แต่ก็ดูเหมือนมันจะทำให้อั้มมีความสุขและหายเหงายังไงไม่รู้ การที่มีใครมาอยู่ข้างๆ นี่มันก็ดีเนอะ แต่ฉันจะเจ็บหรือป่าวหว่าถ้าได้เจอกับอะไรที่มันไม่ได้ตามใจเราต้องการ เฮ้อคิดแล้วก็ปวดหัว
เมื่อวางข้าวของเสร็จอั้มก็เลิกคิดและ หันมาสนใจกับหนังสือและเกมส์ของตัวเองแทน เฮ้อเป็นอั้มก็คงดูเหมือนมีความสุขดีนะที่ไม่ค่อยคิดอะไร แต่อั้มยังคงไม่รู้ใจตัวเองหลอกหากยังไม่เจอกับตัวเอง

ด้านไข่ตุ๋น การขับรถกลับบ้านครั้งนิ้มันดูแปลกๆ จัง เขานั่งคิดไปตลอดทางว่าการที่เขาทำอะไรๆ มาเหมือนกันทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์นี่ มันจะทำให้เขาติดนิสัยที่ต้องมีคนกินข้าวด้วยทุกวันหรือป่าวนะ คิดแล้วก็ขำตัวเอง อยู่มาได้ตั้งนาน ไอ้น้องอั้มมันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเรา ทำไมต้องคิดว่าชีวิตมันจะแปลกไปวะ ก็แค่ทำทุกอย่างเหมือนเคยที่เคยเป็นมา นึกแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง ที่คิดอะไรบ้า ๆ
ตึ๊ด ๆๆ ๆๆ ๆๆ
“อ่ะว่างัยนนนี่มันไร “
“นนนี่ ผ่านมาแถวบ้านพี่ไข่ตุ๋นอ่ะคะ ว่าจะแวะไปหา อยู่หรือป่าวคะ”
“อ่า ยังไม่ถึงบ้านเลยจ้า พี่ไปธุระมา”
“เอ ยังไงนะ พักนี้ช่วงเย็นๆ ดูพี่ตุ๋นไม่ค่อยว่างเลยนะคะ เหมือนรีบไปไหนตลอด”
“อ่ะก็ไม่นิ คิดมากไปเองม้างงงงงง”
ไข่ตุ๋นไม่ได้บอกเรื่องที่ไปรับส่งอั้มทุกวันนี้กับใคร เพราะอายในสิ่งที่ไม่เคยทำกับใครและไม่ได้อยากให้ใครรู้เรื่องส่วนตัวของเขา เขาเป็นอย่างนี้เสมอ โลกส่วนตัวสูงจัด
“อะค่ะไม่เป็นไร นนนี่รอแถวบ้านพี่แล้วกันนะ ยังไม่รับอ่ะ”
“อืมได้ๆ”

นนนี่แวะหาร้านนั่งรอ เพราะคิดว่าคงอีกนาน ที่จริงนนนี่ตั้งใจมาหาไข่ตุ๋นเพราะความคิดถึง ใจสั่งมาแต่ใครจะกล้าพูดล่ะว่า คิดถึงค่ะอยากเจอ นนนี่กลัวจะเสียความเป็นเพื่อนไป หากไข่ตุ๋นไม่ได้คิดอะไรกับเธอ
แล้วนนนี่ก็มองเห็นรถไข่ตุ๋นขับฉิวมาแต่ไกล แค่ได้เห็นรถหน้าของนนนี่ก็เริ่มจะบานเป็นจานเชิงแล้ว เธอก็เคยคิดนะว่าทำไมเธอต้องทำเพื่อคน ๆนี้ขนาดนี้ด้วยไหนจะขับรถมาไกล ไหนจะพยายามทำสิ่งต่างๆให้ และดูเหมือนไข่ตุ๋นเองไม่ได้จะเห็นในความดีของเธอเท่าไหร่ ยังคงทำตัวเหมือนไม่รับรู้อะไรๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่นนนี่อยากให้มันเป็นไปมากกว่าเพื่อนสนิท หรือน้องคนสนิท
“แหม๋ มาถึงไวเหมือนกันนะคะ หรือว่าคิดถึงเราหรือป่าว จึงรีบมา”
“แหะๆ ปวดขี้น่ะ จึงขับเร็วเป็นพิเศษ”
“ว้ายพี่ตุ๋น น่าเกลียด พูดจา ไปเลย รีบๆๆเลยนะ”
ไข่ตุ๋นไม่ได้ล้อเล่น แต่รีบวิ่งเข้าห้องน้ำจริงๆ ไอ้เรื่องท้องไส้นิมันเป็นอุปสรรคในการขับรถจริงๆ ไข่ตุ๋นคิดๆแล้วก็รีบไป
“เฮ้อ โล่ง งัย มีไรมาฝากจ๊ะ”
“โหไม่ห่วงน้อง ถามถึงแต่ของกินนะ พี่”
“อ้าว ก็น้องกินไม่ได้นิ ฮ่า ๆๆ”
“ก็ของโปรดพี่แหละ พอดีผ่านร้านขนมไทยมาเลยซื้อมาฝาก”
“ไม่ได้ทำเองนะ พี่ไม่อยากวิ่งเขาห้องน้ำอีก ฮ่าๆๆๆๆ”
“โหอีกและ ไอ้พี่ไข่ตุ๋นบ้า ทีหลังนะจะไม่ซื้อไรมาฝากเลย มาก็ไม่มา ดูสิน้องนุ่งมาตั้งไกล น้ำก็ไม่ให้กิน”
“โอ้ยเยอะและจ้า พอๆ เออกินไปก่อนนะ พี่ยังไม่หิวเลย”
ไข่ตุ๋นไม่กล้าบอกนนนี่ว่าเขาได้ไปกินข้าวมาแล้วกับน้องอั้ม เพราะไม่อยากให้เธอเสียใจ ที่จริงเขารู้มาตลอดว่าน้องนนนี่มีใจให้แต่ด้วยความที่เขานั้น ไม่เข้าใจตัวเองมากกว่าว่าอยากได้อะไรจึงทำให้ไม่ยอมตัดสินใจเลือกใครซักที มันเหมือนว่าเขาก็รอใครอยู่เหมือนกัน ซึ่งบางทีความดีของนนนี่ก็เอามาปรับเข้ากับความรู้สึกนี้ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากตัดโอกาสตัวเองจากคนที่ดีไป นิแหละข้อเสียที่ใครก็มองไม่เห็นว่าเขานั้นเป็นอย่างไร คงต้องให้เวลาและคนที่ใช่มาทำให้เขาเปลี่ยนความคิดนี้ไปให้ได้
“พี่ตุ๋นคะ นนนี่มีหนังใหม่มาเปิดดูด้วยกันดีก่านะ”
“เออก็ดี มันส์ป่ะ”
“อ่าเดี๋ยวดูก็รู้ค่ะ”
เวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง จนเกือบเที่ยงคืน สำหรับไข่ตุ๋นตอนนี้ง่วงมากแล้วเพราะตะลอนทำงานและไปส่งอั้มอีก แต่สำหรับนนนี่ทำไมมันชั่งเร็วจริงๆ เธอยังไม่รู้สึกอยากกลับบ้านเลย เธออยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ แต่ก็คงทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเธอเป็นผู้หญิง ผู้หญิงมีสิ่งที่เรียกว่ากฎของสังคมกำหนดมาแต่เกิดว่าต้องรักนวลสงวนตัว ต้องไม่ทำตัวให้เป็นที่อับอาย เธอจึงตัดใจที่จะบอกลาไข่ตุ๋นแล้วเดินทางกลับบ้านไป
“พี่ตุ๋นคะ นนนี่กลับแล้วนะ ดึกมากแล้ว”
“อืม พี่ก็ว่ากลับเถอะ อืมจะง่วงมั๊ยเนี๊ยะ โทรมาบอกด้วยแล้วกันว่าถึงแล้วนะ พี่ก็ว่าพี่จะนอนแล้วแหละ ทำไมวันนี้มันง่วงมากก็ไม่รู้สิ”
“พี่ตุ๋นคงทำงานหนักน่ะ พักนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านเร็วซักวัน ค่ะแล้วเดี๋ยวเจอกันวันหลังนะคะ บายค่ะ”
“อืม พี่เดินไปส่งที่รถนะ”
ไม่มีเสียงตอบรับมาจากหญิงสาว เธอได้แต่ยิ้มน้อยๆ และคิดอยู่ในใจว่านิแหละคือความน่ารักที่พี่ไข่ตุ๋นของเธอไม่เคยรู้เลย เขามักดูแลคนอื่นดีจนเหมือนกันใส่ใจคน ๆนั้น จนทำให้ใครหลายๆ คนใกล้ตัวเขา เผยมีใจให้อยู่บ่อยครั้ง

ทางเดินแค่ในตัวบ้านมาที่จอดรถ มันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ มีความสุขและพ้องโตได้ไม่เบาเลยทีเดียว ทำไมนะคนเราถึงคิดถึงฝันอะไรได้มากมายขนาดนี้ สำหรับคนๆ นึงซึ่งไม่เคยแสดงท่าทีออกมาเลยว่าจะรักจะชอบใคร ทำไมเขาชั่งทำให้ใจเราหวั่นไหวได้ขนาดนี้ จนเกือบจะทนไม่ไหวต้องสารภาพออกไป แต่ก็มีเสียงรถดังขึ้นมาเตือนสติได้ว่า เธอเกือบจะหลุดปากกับเขาไปเสียแล้ว
“ขอบคุณคุณนะคะพี่ไข่ตุ๋น เดินมาส่ง บายค่ะ เจอกันใหม่ที่สนามแบดนะคะ”
“อืม บาย”
ไข่ตุ๋นที่ตอนนี้ง่วงสุดจะทนแต่ก็ไม่กล้าบอกให้บอกนนนี่เพราะกลัวเธอจะเสียใจที่อุตส่าห์นั่งรอตั้งนานแต่เขากลับให้เธอรีบกลับ ไข่ตุ๋นเป็นแบบนี้เสมอๆ แหละไม่ยอมแสดงอะไรออกมาให้คนรอบข้างได้รับรู้ และตัวเขาเองก็กลับไปใช้ชีวิตปกติตามแบบเดิม แต่คนรอบข้าวเขาแอบปลื้มไปไหนต่อไหนแล้ว ปัญหายังไม่เกิด หรืออาจเกิดแล้วแต่ยังไม่ชัดเจน ไข่ตุ๋นยังคงทำตัวแบบนี้ต่อไปโดนที่ไม่เคยรู้เลยว่า อีกไม่นานนี้แหละมรสุมลูกใหญ่กำลังจะพัดเข้ามาแล้ว เพราะความไม่รู้และไม่ชัดเจนของตัวเขาเอง




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2553    
Last Update : 2 ธันวาคม 2553 16:03:50 น.
Counter : 369 Pageviews.  

อลวนรักหนุ่มขี้เก็ก # 5

โอกาสมาถึงแล้ว

นนนี่ หายไปนานจากสนามแบด ด้วยงานที่มีเยอะมากจนทำให้ไม่สามารถปลีกตัวมาตีแบดได้ แต่นนนี่ก็อดทนคิดถึง พี่ชายสุดที่รักไม่ไหว ไข่ตุ๋นนั่นเอง นนนี่ แอบชอบไข่ตุ๋นมานานแล้ว แต่ไม่กล้าบอก เพราะกลัวที่จะเสียความเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องไป นนนี่จึงนิ่งมาตลอด เพื่อรอโอกาสสักวัน ไข่ตุ๋นคงหันมามอง น้องสาวคนสนิทคนนี้บ้าง

“นี่ ๆ ไม่มาปีหน้าเลยจ๊ะ น้องนนนี่”
“โหพี่เมย์ มาด้วยเหรอคะ แหม๋ ทำเป็นแซวนะ นนนี่ติดงานจริงๆ ค่ะ”
“อิอิ ก็แซวบ้าง เวลาคนอื่นไม่มาน่ะ งัยจ๊ะ หอบอะไรมา”
นนนี่ ไม่บอกเมย์ ได้แต่ยิ้ม แล้วก็เดินไปเปลี่ยนชุด


ด้านคอร์ดของอั้ม ที่ตีแบดกันอย่างสนุกสนาน เริ่มจะอยากนั่งกันซะส่วนใหญ่แล้ว
“โห พี่เจ ไม่เอาไหนว่ะ นั่งซะและ”
“เงียบปากไปเลยไอ้อั้ม แกไม่ได้วิ่งนิหว่า เซงว่ะ”
ยังแซวไม่ทันขาดคำ อั้มก็ล้มโครมไปนอนร้องเสียงดัง ไข่ตุ๋นนั่นเอง
ที่วิ่งมาแล้วเบรคไม่ทัน แล้วชนอั้มเข้าเต็มๆ

“โอ้ย เจ็บๆ ไม่ไหวอ่ะ” อั้มร้องไห้น้ำตาเต็มหน้า เพราะดูเหมือนว่าที่โดนชนไม่เท่าไหร่ แต่ อั้มดันล้ม แขนกระแทก แล้วดูแขนอั้มจะบวมขึ้นมาทันที
“ขอโทษครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ เบรคไม่ทันอ่ะ เป็นไรมั๊ย”
อั้มพูดไม่ออกแล้ว ได้แต่น้ำตาไหลพาก เพื่อนๆ วิ่งมาดูกันใหญ่
บางคนก็ถือน้ำแข็งมาด้วย พี่เจที่ดูเหมือนวิ่งไม่ไหวแล้ว
มาก่อนใครเลย
“ไอ้อั้ม ไหวมั๊ยวะ ฮึ มัวแต่แซวชาวบ้าน เป็นไงล่ะแก”

ตอนนนี้อั้มตอบโต้อะไรใครไม่ไหวแล้ว มันเหมือนฟ้าจะเหลืองไปหมด
อั้มเกือบจะเป็นลม ด้วยความเจ็บ
“ม่ะ เอาไปอั้มไปโรงพยาบาลกันเถอะ พูดกันอยู่ได้”

พี่ซัน ดูเหมือนจะมีสติที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้ รีบออกไปสตาร์ทรถ
แล้วพาอั้มไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

ไข่ตุ๋น ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ อั้มต้องเจ็บตัว ยืนงงทำอะไรไม่ถูกแล้วก็
ได้แต่มอง เพื่อนๆ ของอั้ม พาอั้มออกไป

อั้มไปถึงโรงพยาบาลก็ต้องโดนหมอเข้าเฝือกอ่อนที่แขน เพราะ
แขนเดาะ แต่ไม่ถึงกับหัก ทำให้อั้มต้องพักการตีแบดไปอีกนาน

วันรุ่งขึ้น ไข่ตุ๋นพยายามหาเบอร์ของอั้มมาจนได้ ด้วยความที่
สำนึกผิดอยากดูแลอั้มบ้าง ที่ทำให้เจ็บ จึงโทรหาอั้ม

“สวัสดีคับ น้องอั้มรึป่าว”
“อ่อค่ะ ใครคะ เห็นโทรมาหลายทีแล้ว”
“อ่อ พี่ไข่ตุ๋นนะ ที่ชนอั้มล้มน่ะ พี่ขอเบอร์จากทางสนามแบดมาน่ะ
อึมเราเป็นไงมั่งอ่ะ เจ็บมากมั๊ย”
“อ่า แขนเดาะค่ะ เข้าเฝือกอ่อนน่ะ 2 สัปดาห์ก็เอาออกได้”
“โห พี่ขอโทษนะ วิ่งไม่ได้ดูเลย แล้ววันนี้ทำงานหรือป่าวจ๊ะ”
“ทำค่ะ อั้มต้องมาเคลียร์งานลาไม่ได้ หึหึ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันอุบัติเหตุ”
“ทำอยู่แถวไหนล่ะ พี่จะไปรับกลับบ้านนะ อยากดูแลที่ทำให้เจ็บน่ะ”
“โอ้ยไม่ต้องหรอกค่ะ อั้มกลับได้ เกรงใจ” อั้มทั้งงง ทั้งแปลกใจ อ่า ทำไมต้องใจดีกะเราด้วยวะ แค่อุบัติเหตุเอง แปลกคนจัง
“ไม่ได้ครับ แขนเป็นอย่างนั้นจะขึ้นรถเมลล์ได้ยังไง ไม่ต้องห่วงนะ
พี่ไม่ได้คิดไรพิเรนทร์หรอก 555”
“อ่อไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่อั้มเลิกไม่แน่นอนน่ะค่ะ เกรงใจ”
“อ่อครับ”

ไข่ตุ๋นรับปากไปอย่างนั้นแต่ก็ขับรถไปรออั้มที่หน้าตึกที่เธอทำงาน
หลังจากหลอกถามมาได้ว่าอยู่แถวไหน ไม่รู้เพราะอะไร แต่ไข่ตุ๋น
ก็อยากทำมัน นี่คงเป็นความดื้อรั้นของไข่ตุ๋นที่ไม่เคยฟังใคร เท่าใจ
ตัวเอ' อั้ม ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร นั่งทำงานเพลิน เพราะด้วยความที่
แขนต้องใส่เฝือก อั้มจึงทำงานได้ช้าลง แต่เธอก็ไม่ได้รีบกลับบ้านนิ
อั้มคิดว่าแค่นั่งรถไฟฟ้าแป๊ปเดียวก็ถึงบ้านแล้ว

“น้องอั้มครับ” อั้มถึงกับสะดุ้งโหยง ตกใจเมื่อเห็นไข่ตุ๋น
“ฮึ พี่มาทำไมคะ อั้มบอกแล้ว ว่าไม่ต้องไง อั้มเกรงใจ”
“เอาน่าไปเถอะ ไหนๆ พี่ก็มาถึงที่แถมรอ ตั้ง 2 ชม. แล้ว”

ไข่ตุ๋นไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบถือของให้อั้มแล้วดันเธอเดินไปขึ้นรถ
สุดรักของเขา

อั้มถึงกับเหวอ เมื่อไม่ทันคิดว่าจะมีใครมารับเธอแบบนี้ “อีตานี่ เค้าคิด
ยังไงหว่า ดูออกจะเก็ก อยู่ดีๆ ก็มาทำดีกะเรา สำนึกเหรอ” อั้มนึกจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย เพราะยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

ในบางครั้ง โอกาสก็เป็นสิ่งจำเป็นให้คนเราได้พบกัน และพูดคุยกัน
ซึ่งโอกาสอาจสร้างได้หรือในบางครั้ง ฟ้าอาจสร้างมาให้ก็ได้
“เอ่อ พี่ไข่ตุ๋น ทำงานอยู่แถวนี้เหรอคะ มาซะตรงเวลาเลย”
“อืม พี่ออกมาก่อนนิดหน่อยน่ะ กลัวจะไม่เจอเรา”
“อ่อค่ะ” ทำไมเราถึงดูสนิทกะพี่เขาง่ายจังวะ โอ้ย นิไม่ใช่เรานิหว่า
ยอมมากะเขาง่ายๆ ได้ไงเนี๊ยะ
“อ่า อั้มเป็นอะไรหรือป่าวครับ เจ็บแขนหรือ เห็นทำหน้าแปลก”
“อ่อป่าวค่ะ” อั้มรีบปฎิเสธิ เพราะกลัวโดนถามต่อ
และแล้วไข่ตุ๋นก็ไม่ได้ขับรถกลับบ้านอั้มโดยทันที เพียงแต่ตั้งใจจะ
พาอั้มไปทานข้าวเย็นก่อน โดยขับรถพาอั้มมาร้านประจำของเขาที่
ไม่เคยมีใครเคยได้มากินข้าวที่ร้านนี้กับไข่ตุ๋นเลย

“พี่ คะ พี่ มันเลยบ้านอั้มแล้วค่ะ”
“อ่อ ไม่เลยหรอกคับ พี่หิวน่ะ เดี๋ยวแวะไปกินข้าวกันก่อนนะ”
“อ่า แต่” อั้มไม่พูดต่อ เพราะเธอก็หิวเหมือนกัน ได้แต่มองหน้า
ไข่ตุ๋นอย่างสงสัย ทำไมหน๋อ เขาจึงทำแบบนี้กับเธอ


เมื่อถึงร้าน อั้มก็ต้องยอมไปกินข้าวด้วยแต่โดยดี แม้จะงอนนิดๆ
ที่ไม่ได้เต็มใจมา “หึไม่เป็นไร กินฟรียอมก็ได้วะ”
“อ้าว คุณไข่ตุ๋น วันนี้มาซะเร็วเลย เอ่ พาใครมาด้วยเอ่ย
หรือว่ามีแฟนแล้ว”
“ป่าวคับป้า น้องที่รู้จักน่ะ พอดีต้องไปส่งเขา แขนเขาเจ็บ
เลยพามากินก่อน”
อั้มไม่ได้ยินคำสนทนานั้นหรอก เพราะมัวแต่สนใจ ของกินในเมนู
ที่อยู่ตรงหน้า อั้มก็เป็นอย่างนี้ซะทุกไป เมื่อเวลามีของกินมาล่อ
เธอก็มักว่านอนสอนง่ายขึ้นมาทันที ยิ่งถ้าเป็นขนมหวานแล้วละก็
อั้มจะทำตัวน่ารักขึ้นมาทันที จนบางครั้งพี่ๆ คนสนิท จะรู้ว่าถ้าอยาก
จะล่อให้อั้มทำอะไร ก็ต้องเอาของกินมาล่อนิแหละ ซึ่งดูเหมือน
ไข่ตุ๋นจะสังเกตุเห็นสิ่งนั้นแล้วเหมือนกัน ^^




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2553    
Last Update : 31 สิงหาคม 2553 15:52:52 น.
Counter : 385 Pageviews.  

อลวนรักหนุ่มขี้เก๊ก # 4


พบกันอีกครั้ง

อั้มเข้าทำงานในที่ทำงานใหม่ได้ 4 เดือนกว่าแล้ว อยู่ที่นี่เธอไม่มี
เพื่อนมากนัก เพราะพนักงานน้อย และมีแต่ผู้ชาย อั้มจึงมีเพื่อนที่
เข้ากับเธอได้เพราะเป็นคนบ้างานเหมือนกัน นั่นคือพี่ซัน ที่ทำงาน
ในส่วนของฝ่ายขายและการตลาด

การปรับตัวครั้งใหม่ของอั้มไม่ค่อยจะดีเท่าที่ควร ทั้งเรื่องของการ
แต่งตัวและการเข้าสังคมกับคนอื่น ซึ่งอั้มไม่เคยทำตัวเป็นกิ้งก่า
ได้เลยมันจึงสร้างความลำบากให้เธออยู่ไม่น้อย

“อั้ม พี่ว่าเธอไปอ่านหนังสือแฟชั่นบ้างนะ เธอมันสุดโต่งกันไปอ่ะ
ดูมันไม่ค่อยเข้ากัน”
“โห !!! พี่ซัน แรงไปป่ะ อั้มว่าก็ดีแล้วนะจ๊ะ”
“เออ ตามใจ เออพี่อยากออกกำลังกายอ่ะ ไปตีแบดกันป่ะ”
“อ่า ตีไม่ค่อยเป็นน่ะ แต่ลองชวนพวกพี่ๆ เค้าดูก็ได้ หลายคนสนุกดี”
อั้มจึงจัดการชวนพี่ๆ ในออฟฟิตได้ 6-7 คน ไปตีแบดที่สนามใกล้ๆ
ออฟฟิต โดยนัดกัน 17.30 ที่สนามแบดวินโล


“โหคนเยอะจังอ่ะ น่าหนุกดีเนอะพี่ซัน เฮ้ พี่โป้ เฮียคู่อั้มนะ หุหุ”
“นั่นมันวางแผนตลอด สมเป็นจอมวางแผนของบริษัทเรา แม่งเลือก
ตัวดีสุดเลย จำไว้นะแก”
“เจ แกจะบ่นไรนักหนาวะ คู่ชั้นก็ได้ ชั้นเล่นเป็น ใช่มะอั้ม”
“จ๊ะ เจ๊ซัน เก่งที่สุด ฮ่าๆๆๆๆๆ”

และแล้วก็ถึงเวลายกแขนดื่มเหล้า มาเป็นยกแขนตีแบดแทน แต่มัน
ก็ไม่ได้ง่ายๆอย่างที่คิดนะ การตีแบดเนี๊ยะหินเอาการ คงต้องมีการ
ฝึกฝนกันบ่อยๆ อั้มจึงคิดวางแผนให้ทุกคนมาตีกันเป็นประจำ
ตัวเองจะได้ฝึกฝนด้วย

เออ ฮะฮะ นั่งดูเขาตีมันก็เพลินดีนะ คอร์ดข้างๆ นี่แม่งตีโคตรเก่ง
เลยว่ะ โดยเฉพาะไอ้คนหน้าตี๋นั่น เฮ้ย ฉันว่าฉันเคยเห็นเค้านะ
ที่ไหนหว่า นึกสิยัยอั้ม นึก ๆ ๆ ๆ

“ไอ้อั้ม เหม่ออะไรวะ ถึงตาแกแล้ว ไป ไป”
“โหพี่เจ ตกใจหมด กะลังเพลินๆ”
“มองหนุ่มเพลินเหรอวะ ตาไม่กระพริบ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”
ตีแบดไป อั้มก็คิดไป นั่นใครวะ ทำไมคุ้นจัง ทำไมมันนึกไม่ออก
“ไอ้อั้มแกขี้ลืมจิง” อั้มถึงกับลืมตัวบ่นออกมาเสียงดัง

“พี่ไข่ ๆ นนนี่มาแล้วจ้า คิดถึงป่าว ไม่เจอกันนาน”
“เฮ้ยๆ เรียกให้มันดีๆ หน่อย เรียกซะหมดราคา ไข่ตุ๋น ย่ะ
เข้าใจชิมิ ชิมิ”
เสียงนั้นเองทำให้อั้มนึกออกในทันที เฮ้ยนั่นมันพี่ชายคนที่เรา
เดินชนเขาที่วัดนิหว่า โหเจอกันได้งัยวะ เล่นเก่งว่ะ ขายหน้าเขาจริงๆ
ฉัน เพี้ยงขอให้จำไม่ได้นะ

“โอ้ย ยยยยยย”
“เฮ้ย ไอ้อั้มเป็นงัยบ้าง เต็มตาเลยแก ตีแบดแต่ใจอยู่ไหนวะ”
“เจ็บอยู่นะพี่โป้ อยู่ข้างอั้มทำไมไม่เตือนล่ะ จะลืมตาได้ป่าวหว่า โอ้ย ๆ”
“พอ ๆ ยัยอั้ม พี่เล่นแทนเอง ไปนั่งไป”

แล้วพี่โป้กับพี่โน้ตก็ต้องเล่นคู่กันแทนอั้มที่บาดเจ็บ ออกมาอยู่
ข้างสนาม อั้มทั้งเจ็บทั้งอาย เพราะมัวแต่คิดถึงคนอื่น เล่นก็
ไม่เก่งอยู่ ยังจะใจลอยจนต้องเจ็บตัว พรุ่งนี้คงต้องตาเขียวไป
ทำงานแน่ๆ เพราะอั้มไม่ค่อยหยุดงานหากยังพอลากสังขาลไปไหว

และแล้วอั้มและเพื่อนๆ ในออฟฟิตใหม่ก็ตกลงใจมาตีแบดทุก
วันจันทร์และพฤหัสของสัปดาห์ เพื่อออกกำลัง ซึ่งตรงกับที่
คอร์ดของไข่ตุ๋นเล่นพอดีเหมือนกัน

ด้านไข่ตุ๋น ซึ่งจำอั้มไม่ได้เลย แต่ก็สนใจอั้มตั้งแต่เห็นตอนอั้ม
ซุ่มซ่ามจนตาเขียวนี่แหละ ผู้หญิงอะไรโก๊ะเป็นบ้า ฮ่า ฮ่า

“งัย ไอ้ตุ๋น วันนี้ดูเหนื่อยๆ นะ”
“อืม พี่รน เมื่อวานเล่นแบดหนักไปหน่อย ไปช่วยคอร์ดอื่นเค้า”
“อ๋อ แล้วเองเห็น น้องคอร์ดข้างๆ ป่ะ สงสัยมาใหม่ว่ะ ตาเขียว
ไปเลย น่าสงสาร”
“อืม”

ไข่ตุ๋นทำเป็นไม่สนใจ ทั้งๆที่ เมื่อกี้เพิ่งจะคิดถึงอั้มอยู่ การไม่เคยแสดงออกอาการใดกับใครเลย บางครั้งก็ทำให้เขาอึดอัดอยู่บ้าง
เล็กน้อย เขาซึ่งวันๆ ไม่ค่อยจะสนใจใคร กลับมานั่งนึกถึงยัยเด็ก
กะโปโลหน้าคุ้น

ทางฝั่งอั้ม ทุกคนต้องขำหน้าอั้มที่เป็นหมีแพนด้ามาทำงาน ชั่งกล้า
ขึ้นรถเมล์มาทำงานจิงๆ (ช่วงนั้นรถอั้มเสียพอดี) อั้มก็เขิลอยู่บ้างหรอก
แต่ทำเป็นหน้าด้าน ฉันไม่สน ผ่านไปเดือนกว่าที่เริ่มไปตีแบด
อั้มก็เล่นดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ถึงกับเป็นโปรเหมือนคอร์ดข้างๆ อั้มก็ยัง
คงนั่งมองไข่ตุ๋นไปเรื่อย แล้วพยายามเรียนแบบการตี ซึ่งทำไม่ได้ซะที

“อั้มวันนี้กินไรดีจ๊ะ”
“ไม่รู้สิพี่ซัน นัดกะเพื่อนไว้น่ะมันจะมาหา”
“อ้าวเฮ้ยแล้วไม่บอกกันมั่ง พี่ก็กินข้าวคนเดียวสิ”
“อิอิ ขอโทษค่า ลืม เออพี่ซันว่ามะ พี่คนคอร์ดข้างๆ เราตีเก่งเนอะ”
“ใคร คนที่สูงๆ หน้าตี๋หน่อยๆ ป่ะ”
“ช่าย เออสงสัยอั้มต้องไปทำหน้าหมวยมั่ง จะได้ตีได้เก่งๆ เห็นเค้า
ตีเก่งกัน ฮ่าๆๆๆๆ”
“เออหน้าแก ศัลยกรรมยากนะ ฮ่า ๆๆๆ”

อั้มขับรถออกไปกินข้าวกับเพื่อน ที่ร้านอาหารไม่ไกลจากออฟฟิต
เท่าไหร่ เพราะชิโด้ เพื่อนอั้มบอกว่าเค้กอร่อย
“อ่ะถึงแล้วจ๊ะ อั้ม ร้านวินนี่มิลด์ เขาว่าเค้กอร่อยมากเลยนะ”
“เหรออันนี้แหละน่าสน ขับมาตั้งไกลไม่หร่อยนะแก ไอ้ชิโด้ แกตาย”
“อร่อย แกกินเองแล้วกัน ไม่เจอกันตั้งนานยังดูเหมือนหมาแบบเดิม
เลยนะแก”
“แฮ่ ๆๆๆๆๆๆ” โครมม

“อุ้ย ขอโทษค่ะพี่” อั้มเดินชนโครมเข้ากับมุมโต๊ะที่ไข่ตุ๋นนั่งอยู่พอดี
โดยไม่ทันสังเกตุ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง อั้มถึงกลับหน้าถอดสี
เมื่อเห็นไข่ตุ๋น
“โอ้ยซวยแล้วตู ซนเขาอีกแล้ว หน้าโหดชะมัด” อั้มคิดในใจอีกแล้ว
“อืม ไม่เป็นไรค่ะ เมย์ช่วยเช็ดค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวอั้มเช็ดให้เองค่ะ อั้มมันซุ่มซ่าม”
“อ่ะ เดินยังไง แต่หน้าคุ้นนะเรา ตีแบดอยู่คอร์ดวินโลป่ะน้อง”

เหวอ แม่งจำได้ด้วยว่ะ ซวยหนักแล้วตู “อ่อ คับ เอ้ย ค่ะ”
“ฮะ ฮะ ฮะ ตลกดีนะเรา ซุ่มซ่าม เหมือนคนที่พี่เคยเจออ่ะ”
อีกแว้ววววว จะจำได้มั๊ยเนี๊ยะ อย่าเล้ยยยย แล้วอั้มก็เดินยิ้มๆ ผ่านไป

“โห แก ไอ้อั้ม แกไม่เลิกเลยนะ โตเป็นควายแล้วยังซุ่มซ่าม”
“โรคนี้มันหายได้ด้วยเหรอวะ ทำได้ชั้น ไปหาหมอแล้วเว้ย เฟรง
กินเค้กให้สบายใจดีก่า”
“ตลอดแหละแก เฮ้อ เมื่อไหร่จะโตวะ”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด อั้มและไข่ตุ๋น ถึงรู้สึกแปลกๆ และมีความรู้สึกคล้ายๆกัน คือ เมื่อเห็นหน้ากันแล้วรู้สึกเหมือนคนคุ้นเคยมานานแล้ว
แต่จำไม่ได้ซะทีว่า เคยเจอกันด้วยเหรอ ทั้งสองอาจไม่เคยสนใจที่
จะมองกันมากกว่า จึงทำให้มองข้ามจุดนี้ไป




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2553 15:21:35 น.
Counter : 357 Pageviews.  

1  2  3  

สตอเบอรรี่ด็อก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เกิดมาก็เป็นคนนึง
ซึ่งอยากจะท่องไปในโลกกว้าง
บางครั้ง เจอเรื่องราวระหว่างทาง
สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ปนๆ กันไป
New Comments
Friends' blogs
[Add สตอเบอรรี่ด็อก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.