@¤¤@เมื่อคนตัวดำโดน Tag @¤¤@
เมื่อเราโดน Tag จากแม่ลิงแฝด (มาลีกับซีอิ้ว) เปิดบล๊อกได้ไม่กี่วันก้อโดนซะแล่วววว แอบไปหลบคิดอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะมาเขียนเรื่องไรดี ขอบอกว่า วันนี้เขียนไปแล้วรอบหนึ่ง แต่พอเรากดพับลิช มันกลับหายไปทั้งหน้าซะนี่ เราก้อโง่ ไม่ได้ก๊อปปี้ไว้ก่อนที่จะกดพับลิช เฮ้อ เลยต้องมานั่งเขียนใหม่นี่แหละ มาดูกันเลยน่ะว่า คนตัวดำมีไรมาเปิดเผยบ้าง
ลับที่ 1 ... เพื่อน ๆ คงจะได้เห็นบ่อย ๆ ที่ใคร ๆ เขามาเมืองนอกแล้วหอบผ้าหอบผ่อน หอบตลาดมาทั้งตลาดอ่ะ เรามิได้เป็นอย่างงั้นคะ ตรงกันข้ามอย่างสุดฟากฟ้า .. เรามาแบบสะพานเป้มาลูกเดียว เป้เล็ก ๆน่ะ ไม่ใช่เป้ฝรั่ง อิอิ แล้วในกระดาษเป้ของเรามีแค่ชุดชั้นใน 2 ชุด เราใส่เสื้อยืดมาตัวเดียว สะพาดบ่ามาด้วยอีกตัวหนึ่ง ไว้ใส่บนเครื่อง คาดว่ามันคงจะหนาว เหอ ๆ กางเกงตัวเดีียว คือตัวที่ใส่อยู่นั่นเอง เป็นกางเกงผ้าสีดำ ซื้อได้ตามตลาดนัดทั่วไป อิอิ คือ ตอนแรกก้อกล้า ๆ กลัว ๆ อ่ะที่จะบินไปตปท. คนเดียว ที่บ้านเขาก้อกลัวกัน กลัวว่าลูกสาวคนเล็กจะไม่ได้กลับมาให้เห็นหน้าอีก .. เราก้อเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเ้กิดขึ้น เราจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้เด็ดขาด เราจะภูมิใจกับมันซะด้วยซ้ำ อย่างน้อย ๆ เราก้อเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ได้มีใครมาช่วยตัดสินใจแต่อย่างใด ตอนนั้นเพิ่งสอบเสร็จใหม่ ๆ คุณสามีหาตั๋วบินตรงให้่ไม่ได้ เพราะว่ามันเต็มหมด แล้วต้องรออีกตั้งเกือบ 1 เดือนแน่ะกว่าจะได้ที่นั่ง เราก้ออ่าน่ะ ถ้าเราอยู่ต่อ เราก้อคงจะทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อน ๆ พากันไปสมัครเรียนต่อกัน เราก้อคงต้องไปสมัครบ้าง แล้วคิดเหรอว่า ถ้าชั้นได้เรียนแล้ว ชั้นจะออกกลางคัน ม่ะมีทางอ่ะ เพราะว่าเสียดายค่าเทอมแน่ ๆ เหอ ๆ ... เลยบอกให้คุณสามีว่า ถ้าไม่มีตั๋วตรง เอาตั๋วไรมาก้อได้ ฉันไปทั้งนั้นแหละ ไม่รอมันแล้วตั๋วตรงน่ะ ... คุณสามีก้อรีบจัดการใหญ่เลย สักพักคุณเธอก้อโทรมาบอกว่า ได้ตั๋วของแอร์โรฟลอทนะจ้ะ ที่รัก อิอิ ตอนนั้นหน้ามืด ไม่รู้จักกลัว (ก้อตัดสินใจแน่วแน่แล้วนี่น่าาาา) โอเค บอกลาเพื่อน ๆ ที่รักทุกคน ตูไปแล้วน่าาาา ชาติหน้ามีจริง ขอให้เรามาเจอกันอีก เหอเหอ ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอกคะ ... และแล้วเราก้อบิน(เดี่ยว) ด้วยแอร์โรฟลอท มาเปลี่ยนเครื่องที่มอสโคว จ๊าบนะค่ะขอบอก จากมอสโควมาอาร์ลันด้าที่สตอกโฮม นั่งชั้นบิซิเนสคลาสคะ เอิ๊ก ๆๆ (ตอนหลังได้มานั่งของการบินไทย เลยได้รู้ว่า บิซิเนสคลาสของแอโรฟลอทเหมือนนั่งชั้นอีโคโนมี่ของการบินไทยเลยคะ ฮ่า ๆๆ) ไม่มีใครบอกอิชั้นก้อคงไม่รู้หรอกว่า ไอ้ที่นั่งมาน่ะ บิซิเนสแล้ว ฮ่า ๆๆ ... พอมาถึงที่อาร์ลันด้า ตม. เขาถามว่า มาฮอลิเดย์เหรอคั๊บ เราก้อตอบด้วยความหูตึงและง่วงนอนว่า เยสสเซ่อร์ ... แล้วก้อเขาก้อถามหาชื่อกลางของคุณสามี เ่อ่อ อิชั้นหูตึงยังไม่หายแล้วคะ ง่วงก้อง่วง ตื่นเต้นก้อตื่นเต้น สามีชื่ออะไร อิชั้นยังจำไม่ได้เลยคะ ฮ่า ๆๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เกือบไป .. เรานึกเท่าไหร่ก้อนึกไม่ออก เลยบอกเขาไปตามตรงว่า ช้านนึกไม่ออกคะ .. เลยเสนอเขาไปว่า เธอโทรไปถามเขาไหม (ได้ถามให้ชั้นด้วยว่า เขาจะมารับชั้นหรือเปล่า) แล้วก้อหาเบอร์ให้ เขาก้อโทรไปถามคุณสามี ซึ่งนั่งรออยู่ข้างหน้านี่เอง ... เขาเลยปล่อยตัวกะเหรี่ยงเข้าประเทศคะ (คุณสามีมาบอกทีหลังว่า ตอนแรกเขาต๊กจัยหมดเลยที่มีคนโทรมาหาเขาจากตม. นึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับกะเหรี่ยงของเขาซะแล้ว เหอ ๆ) จนบัดนี้ กะเหรี่ยงยังไม่ยอมออกจากประเทศเขาเลยคะ ฮ่า ๆๆๆ
ลับที่ 2... เอาสั้น ๆ เนาะ ไม่ต้องยาวเหมือนลับแรก คือว่า เราโดนโรคซึมเศร้ามาเบียดเบียนคะ เวลาเศร้าเนี่ยะจะร้องไห้วันละหลายรอบมากเลยคะ เวลาไม่เศร้าก้อกวนส้นทีนวันละหลายรอบเหมียนกัลล ฮ่า ๆๆๆ ( อันนี้น้อยคนนักที่จะรู้ นับหัวได้คะ เพราะว่าด้วยบุคลิคภาพเราบอกเขาไปว่า เราเศร้า ม่ะมีใครเชื่ออ่ะ)
ลับที่ 3... เป็นคนมีหลายชื่อมากคะ ตั้งแต่แรกเกิดยันตอนนี้ มีดังนี้คะ นกเล็ก, เล็ก, ไอ้ครก(คาดว่าน่าจะเป็นคำสั้นของ "ไอ้ัหัวครก" คะ) ,เม๊กลา (ผวนสิคะ), ชาลี, จาลี, ชารี (มาจากชื่อจริงเรานะเอง จารีย์ แต่คนเรียก พูดไม่ชัดอ้ะ) , เอ็ม, เอ็มมี่, เอ็มมี่ จารีย์, ตอนเป็นสาวเทคนิค โดนเรียกว่า ชาลี กางอิ่ม คะ .. เหอ ๆ ที่จริงชาลี กางอิ่ม คือท่านนายกเทศบาล แต่เราดันไปมีชื่อเดียวกับเขาอ่ะ เลยโดนเพื่อน ๆ เอาชื่อเขามาเรียกเรา ... มีที่มาของชื่อเอ็มมี่ด้วย แต่ว่าไอ้นี่เอาไว้วันหลังเนาะ
ลับที่ 4 ... เคยแอบรักสามีชาวบ้านด้วยแหละคะ เหอ ๆ (อย่าเพิ่งเลิกคบชั้นน่ะ) ชาวบ้านที่ว่าน่ะ คือ รุ่นพี่ที่เรียนแผนกเดียวกับเรานั่นเอง ตอนเป็นสาวเทคนิค เช่าหออยู่กับเพื่อนอีก 3 คน (+ เราด้วยเป็น 4) เพื่อนคนหนึ่งเขาเรียนช่างก่อสร้าง แล้วเพื่อน ๆ ในห้องเขาอ่ะมีแต่ผู้ชาย เราก้อบังเอิญได้รู้จักกับเพื่อน ๆ ของเขา เราชอบพี่คนหนึ่งมาก ชื่อพี่กาศ พี่เขาเป็นอะไรที่ตรงสเป๊กเรามาก ออกสไตล์ bad boy หน่อย ๆ แต่ก้อไม่ถึงกับเป็นอาญชากร เหอ ๆ ... เราก้อบอกเพื่อนเราเรื่องพี่คนนี้ ตอนหลังเพื่อนเรามาบอกว่า พี่กาศกะเขาบ้านอยู่อำเภอเดียวกันแหละ เขาเห็นบ่อย ๆ ว่าพี่กาศอ่ะ มีผู้หญิงซ้อนท้ายมอไซด์ด้วย ... เราก้อเอ๋อเลยตอนนั้น ก้ออ่านะ เรื่องแค่นี้ก้อคิดไม่ได้ คนเขาดูดีขนาดนั้น จะเหลือมาถึงเราเหรอ แล้วเพื่อนเรามาบอกอีกว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นรุ่นพี่ในแผนกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของพวกเราน่ะเอง ยิ่งเศร้ากันไปใหญ่ เพราะพวกเราในแผนกโดนสั่งสอนให้รักกัน ให้กลมเกลียดกันอย่างพี่อย่างน้อง แล้วเราจะเอาใจที่ไหนมาแย่งสามีของรุ่นพี่เราเอง ... เลยได้แต่เก็บไว้ในอก แต่ตอนหลังพี่กาศเขาก้อรู้ว่า เราแอบปลื้มเขาอยู่ แต่ก้อไม่ได้ทำไร เพราะเขาก้อมีพี่เออยู่แล้ว ... และแล้วโอกาสของเราก้อมาถึง .. เมื่อตอนเป็นสาวเทคนิค ปี 3 ซึ่งตอนนั้นพี่เอได้ไปเรียนที่อื่น แต่พีกาศยังเรียนอยู่ที่เดิม ... ฟ้าเป็นใจให้คนตัวดำคะ .. เขาเลิกกัน เพราะพี่เอไปมีแฟนใหม่ เป็นเด็กสถาบันเดียวกัน เราเลยได้ใกล้ชิดกับพี่กาศมากขึ้น แต่ตอนนั้นพี่เขาเปลี่ยนไปอ่ะ ไม่เป็นเหมือนกับตอนแรก ๆเลย คือแทนที่จะ bad boy หน่อย ๆ พี่ท่านกลับเป็น bad boy มากขึ้น (จนแทบจะเรียกได้ว่า ตัวเงินตัวทอง เลยคะ เหอ ๆ ) เราก้อไม่ปลื้มเขามากเหมือนเดิม แต่ก้อได้ควงกันอยู่ครั้งสองครั้ง อิอิ (พี่เขาพาเราไปบ้านเขาด้วยแหละ ตอนวันเกิดเขาอ่ะ)... เพราะนังคนตัวดำแอบไปปลื้มพี่อีกคนนะสิ เหอ ๆ เรียนอีกแผนกนึงอ่ะ โคตรน่ารักเลยอ่ะ ตอนที่รู้จักกับพี่(คนใหม่)เขาใหม่ ๆ น่ะ พี่เขากำลังอกหักคะ เหอ ๆ (ไม่ได้หัวเราะเยาะน่ะ) คือ แฟนพี่เขา เรียนเก่ง ตัวขาวจั๊ว นิสัยดี เลือกที่จะไปเรียนต่อที่กทม. แทนที่จะเรียกใกล้ ๆ เพื่อได้อยู่ใกล้แฟนด้วย เขาเลยเลิกกัน .... เหอ ๆ แต่พี่เขาเป็นสุภาพบุรุษมาก ๆ จนเราเนี่ยะ แทบจะปล้ำพี่เขาเลยคะ ฮ่า ๆๆๆ จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนสนิทเราวานพี่เขาขับรถไปส่งที่ไหนสักแห่ง เราหึงจนงอนเพื่อนเราอ่ะ เหอ ๆ (งี่เง่าเจ้ง ๆ เลยตู) แต่ก้อไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพี่คนนี้คะ พี่เขาเป็นคนดีมากกกกกกกกกกก .... ตอนนี้เราไม่ได้ข่าวคราวอะไรของพี่คนนี้เลย แต่เราได้ข่าวจากเพื่อนเราว่า พี่กาศเสียแล้วด้วยอุบัติเหตุอ่ะ ... ขอให้วิญญาณพี่กาศไปสู่สุขตินะ ..
ลับที่ 5 ... เราติดเพื่อนอ่ะ คือว่า เราออกมาอยู่หอตั้งแต่เราเพิ่งจบม. 3 จนกระทั่งเราจบปวส. ก้อลองคิดดู ว่าเราใช้เวลาอยุ่กับเพื่อนมากแค่ไหน มีเพื่อนบางคนเรารู้จักกันมาตั้งแต่ปวช. 1 แล้วก้อลากกันไปเรียนต่อปวส.ที่ภก จนกระทั่งตอนนี้ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ ... 5 ปีกับชีวิตเด็กหอ คิดดูเอาเองว่า เราใช้เวลาอยู่เพื่อนมากแค่ไหน แต่พอเราย้ายมาอยู่สวีเดน หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไป การที่เราได้อยู่กับเพื่อน 24 ชม. กลายเป็นว่า เราต้องอยุ่กับคุณสามีแค่สองคน 24 ชม. ไม่มีเพื่อน ทรมานมากเลย จนถึงตอนนี้มันก้อยังทรมานอยู่ แต่เรา้ต้องปรับตัว 4 ปีแหละที่เราปรับตัว จนถึงตอนนี้เรายังปรับไม่ได้เลย เพื่อนใหม่ ๆ ที่มีเข้ามา ก้ออ่านะ ไม่มีวันเหมือนเพื่อนเก่า ๆ หรอก แต่เราก้อจะไปปิดกั้นเพื่อนใหม่ไม่ได้ เรารู้ดี แต่มันยากน่ะ มัน(ยัง)ดีสู้เพื่อนเก่าไม่ได้อ่ะ พูดแล้วเศร้า (กลับไปดูลับที่ 2 อิอิ) เลิกดีกว่าน่ะ เด๋วน้ำตาแตก เหอ ๆ
มันเป็นกฎใช่ม้า?? ที่เราต้อง tag ต่อไปให้เพื่อนอีก 5 คน ขออนุญาติ tag ต่อเลยละกัน อิอิ เอากันเองนี่แหละ
คนแรกน่ะ พี่แอนน์ annhuskvarna
คนที่สอง พี่ปอนด์ P@und คนที่สาม จี้โบว์ SRKarlsson คนที่สี่ นิค พุงปลาหรอยจัง อิอิ คนสุดท้ายยย เอาผญบ. บ้านไทยล่ะกันน่ะ ชบา mratcha77 ..
Create Date : 29 มกราคม 2550 | | |
Last Update : 29 มกราคม 2550 8:50:07 น. |
Counter : 604 Pageviews. |
| |
|
|
|